webnovel

บทที่ 7 โลกนิทาน

ณ ตลาดราตรีประจำดินแดนแห่งเวทมนตร์ ตลาดแห่งนี้ถือเป็นตลาดเก่าแก่ประมาณร้อยกว่าปีของเมืองสตาทิสและเป็นตลาดที่มีชื่อเสียงอีกแห่งของดินแดน ตลาดแห่งนี้เปิดเฉพาะในเวลากลางคืนพร้อมไฟสลัวๆที่จะทำให้ผู้คนไม่รู้สึกแสบตากับแสงไฟและยังมีสินค้ามากมายให้หลายคนได้เลือกซื้อ นอกจากนั้นแล้วมนต์เสน่ห์ที่ทำให้หลายคนชอบมาเดินตลาดแห่งนี้อีกอย่างคือที่นี่จะมีหิ่งห้อยร้อยกว่าตัวบินไปมาตามหลังคาร้านให้แสงสว่างแทนหลอดไฟดวงต่างๆตามท้องถนน พร้อมได้ชมวิถีชีวิต และการค้าขายในตลาดที่ทำให้นึกถึงช่วงยุคก่อนๆของดินแดนในช่วงที่กำลังพัฒนาทำให้ตลาดแห่งนี้ถือเป็นตลาดที่มีมนต์สะกดของความเก่าแก่อันเป็นประวัติศาสตร์ของดินแดนเอาไว้ ช่วงนี้เด็กหลายคนในโรงเรียนเริ่มเดินทางมาเที่ยวตลาดแห่งนี้มากขึ้นเนื่องจากเป็นช่วงที่นักเรียนจะไม่เครียดกับการเรียนและยังพอมีเวลาว่างสำหรับการพักผ่อนทำให้พวกเขามักจะเอาเวลาว่างเหล่านั้นมาเดินตลาดเพื่อหาซื้อสิ่งของถูกใจกลับไป

"มาตลาดราตรีครั้งนี้ เธอได้อะไรบ้างอนาตาเซีย" มาเดลินถามขณะเดินอยู่ข้างๆอนาตาเซีย ซึ่งดูเหมือนว่าในมือของเธอจะว่างเปล่าไร้ซึ่งสิ่งของใดๆในมือ

"ฉันยังไม่ได้ซื้ออะไรเลย ตอนนี้ยังไม่มีอะไรที่อยากได้ ขอฉันเดินดูสักพักก่อนนะ" อนาตาเซียตอบก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ "เฮ้อ ! ทำไมที่นี่ดูไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจเท่าไหร่" อนาตาเซียบ่นกับตัวเอง

ขณะที่ทุกคนกำลังยืนคุยกันอยู่โซอี้ที่ออกไปซื้อของตัวเองก็เดินมาสมทบกับเพื่อนที่เหลือของตนหน้าร้านขายของแห่งหนึ่งอย่างรวดเร็ว

"โซอี้เธอซื้ออะไรมาเยอะแยะเนี่ย" เทียน่าถาม

"พวกเรานานๆทีออกมา ฉันก็อยากซื้อไปไว้เยอะๆไง" โซอี้ตอบก่อนจะมองไปยังของในมือและบ่นกับตัวเองอีกครั้ง "ฉันลืมอะไรรึเปล่านะ"

"เยอะขนาดนี้ ไม่น่าลืมหรอก เธอเนี่ยนะซื้อไปเต็มห้องแบบนี้แล้วจะเอาไปไว้ที่ไหน" เทียน่าบ่น

"เอาน้าาา อย่าบ่นเลยนานๆทีออกมา พวกเราเดินต่อกันเถอะ"

"ตกลง"

ทั้ง 5 เดินคุยกันเรื่อยๆจนมาถึงถนนสายหนึ่งในตลาด ขณะที่ทั้ง 5 กำลังเดินคุยกันอย่างสนุกสนาน อยู่ๆทุกคนก็ได้ยินเสียงทักทายที่คุ้นเคยดังออกมาจากตรอกแห่งหนึ่งใกล้กับจุดที่ทั้ง 5 ยืนอยู่

"ว่าไงเทียน่ามาเดินตลาดเหมือนกันหรอ" เสียงทักทายของบุคคลปริศนาลอยออกมาจากตรอกเล็กๆ สร้างความสนใจแก่พวกเธอทั้ง 5 ได้เป็นอย่างดี เสียงนั้นค่อยๆใกล้เข้ามาเรื่อยๆจนพบว่าบุคคลเจ้าของเสียงนั้นไม่ได้เป็นคนอื่นคนไกลแต่เป็นกลุ่มคนที่ทั้ง 5 ต่างก็รู้จักดีอยู่แล้ว

"วิกตอเรียดูสิวันนี้พวกเราเจอใคร" โอลิเวียหญิงสาวแสนสวยพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันและเดินมาเผชิญหน้ากับพวกของอนาตาเซีย

"พวกเธอนั่นเอง" ลูเซียกล่าว

"เทียน่า พวกเธอก็ออกมาเที่ยวที่นี่เหมือนกันหรอ" โอลิเวียถามโดยไม่คาดหวังคำตอบและพูดต่อทันที "ไม่คิดเลยว่าจะมาเจอพวกเธอที่นี่ ทำไมดินแดนนี้มันแคบจังนะ"

"พวกเราออกมาเที่ยวแล้วมันเกี่ยวอะไรกับเธอ" โซอี้ตอบ

"มันก็ไม่เกี่ยวกับพวกฉันหรอกเพียงแต่ว่าพอมาเห็นพวกเธอเดินเล่นกันแล้วมันดูทำให้บรรยากาศของพวกเราเสียไปเลย อีกอย่างมันยังทำให้เรารู้สึกรกหูรกตา ทำไมพวกเขาไม่ตรวจตราดูคนเข้าออกให้ดีกว่านี้แล้วก็...เลือกคนเดินตลาดที่มีเกรดมากกว่านี้นะ"

"คิดว่าตัวเองเป็นเจ้าของที่นี่รึไง" โซอี้ตะคอกใส่ทั้งสามด้วยความโมโห ซึ่งตอนนี้อารมณ์ของโซอี้กำลังเดือดกับคนนิสัยเสียชอบหาเรื่องชาวบ้าน

"ต่อให้ไม่เป็นเจ้าของตลาดราตรีทุกคนที่นี่ก็เกรงใจพ่อฉันอยู่ดี ครั้งหน้าไม่ว่าพวกเธอแต่ละคนจะลงแข่งอะไรพวกเธอจะไม่มีวันได้ชนะพวกฉันแน่" โอลิเวียพูดด้วยความมั่นใจ

"ประเมินตัวเองสูงไปรึเปล่า ยังไม่ทันได้แข่ง เธอก็มันใจแล้วหรอ" ลูเซียสวนกลับด้วยความรำคาญ

"ใช่ พวกเราน่ะใช้ความสามารถไม่ใช่ใช้เส้นช่วยเหมือนเธอ" โซอี้กล่าวเสริมด้วยความพอใจและแสดงท่าทีเหนือกว่ากับโอลิเวีย

"ยังไงทุกคนก็รู้ว่าการที่เธอได้เข้าร่วมเป็นผู้พิทักษ์สตาเดเฟียเป็นเพราะอะไร" เทียน่ากล่าวเสริม "คิดว่าทุกคนจะรู้ไม่ทันรึไง"

"ใช่ ถ้าไม่มีใครคอยควบคุมสัตว์อสูรอยู่เบื้องหลังเธอคงแพ้สัตว์อสูรไปตั้งแต่แรกแล้ว" โซอี้พูดต่อ

"คอยดูเถอะครั้งหน้าพวกเธอไม่โชคดีแบบนี้แน่" โอลิเวียกัดฟันด้วยความโมโห

"ฉันว่าครั้งหน้าก็คงจะเหมือนครั้งนี้แหละ" มาเดลินพูดต่อพร้อมกับหันหน้าไปหาเพื่อนๆของเธอ

"พวกเรา ไปกันเถอะ พวกอวดเก่งครั้งหน้าพวกแกไม่โชคดีแบบนี้แน่" โอลิเวียกล่าวทิ้งท้ายก่อนเดินจากไปกับเพื่อนด้วยความไม่พอใจ

ทั้ง 5 เดินมาเรื่อยๆจนถึงหน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง

"ฉันว่าพวกเราเข้าไปพักแล้วก็หาอะไรกินกันไหม ฉันเดินจนเมื่อยขาไปหมดแล้ว" เทียน่าออกความเห็นพร้อมลูบท้องตัวเอง

"ฉันก็อยากพักเหมือนกัน ตอนนี้ฉันเองก็รู้สึกหิว อยากหาอะไรกินสักหน่อย" ลูเซียพูดต่อ

"ถ้าอย่างนั้นเราก็เข้าไปพักที่นี่ก่อน" อนาตาเซียพูดเสริมและชี้ไปที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง หลังจากนั้นทุกคนก็เดินเข้าไปในร้านอาหารพร้อมสั่งอาหารมากมายมากินด้วยความหิว

ระหว่างที่กำลังทานอาหารอยู่นั้นสายตาของอนาตาเซียหันไปพบกับร้านขายหนังสือแห่งหนึ่งโดยบังเอิญ ตั้งอยู่ตรงข้ามร้านอาหารที่ทั้ง 5 กำลังกินอยู่ ซึ่งชื่อร้านมันทำให้อนาตาเซียรู้สึกสนใจอยากไปเยี่ยมชมร้านสักครั้ง ดังนั้นเธอจึงบอกเรื่องร้านหนังสือกับทุกคนและเดินออกไปทันที

"ทุกคนฉันขอตัวไปซื้อหนังสือที่ร้านใกล้ๆนี้นะ เดี๋ยวมา"

"ได้ พวกเราจะรออยู่ที่นี่นะ" ลูเซียตอบ

อนาตาเซียเดินออกจากร้านอาหารและตรงไปยังร้านหนังสือที่อยู่ตรงข้ามทันที หญิงสาวค่อยๆเดินไปที่ร้านด้วยความใจเย็นไม่นานเธอก็มาหยุดอยู่หน้าร้านหนังสือ หญิงสาวเปิดประตูเข้าไปในร้านตามปกติ สายตาของเธอมองไปรอบๆจนพบกับหญิงชราเจ้าของร้านคนหนึ่งที่กำลังอยู่ระหว่างการจัดหนังสือ

"ว่าไงสาวน้อย มีหนังสืออะไรที่เธออยากได้ในร้านหนังสือของฉัน" หญิงชรากล่าวทักทายพร้อมเชิญชวนสาวน้อยก่อนจะเดินมาหาอนาตาเซียที่ยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์

"เอ่อ...คือหนูเห็นร้านที่นี่เขียนว่า "ร้านหนังสือนิทานเคลื่อนที่" ดูแปลกตาก็เลยอยากจะลองเข้ามาดูค่ะ" อนาตาเซียตอบ

"ฮ่าๆๆ เป็นอย่างนี้นี่เอง ถ้าอย่างนั้นเชิญเข้ามาเลือกหนังสือได้ตามสบายเลยนะ ร้านนิทานของฉันแตกต่างจากร้านนิทานของร้านอื่นๆตรงที่จะตั้งอยู่แต่ละที่แค่ 1 วันเท่านั้น ถ้าเธอมาที่นี่อีกครั้งในวันถัดไปมันก็จะหายไปที่อื่นแล้ว" หญิงชราอธิบาย "หนังสือที่นี่มีแต่หนังสือนิทานเธออยากได้แบบไหนล่ะ" หญิงชราถามอนาตาเซียที่เริ่มเดินเลือกหนังสือตามชั้นต่างๆ

"เอาเป็นเรื่องนี้ก็แล้วกันค่ะ ร้านขนมแห่งวันเดอร์แลนด์" อนาตาเซียตอบพร้อมหยิบหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมาและยื่นให้กับหญิงชรา

"เรื่องนี้ก็สนุกดีนะสาวน้อย เอาล่ะนิทานมีเพื่อเพิ่มความสนุกและสีสันในชีวิตเท่านั้น ไม่ว่าจะช้าหรือเร็วสิ่งเหล่านั้นก็จะสิ้นสุดลงเสมอ ความสนุกในร้านนี้มีแค่ 1 วันเท่านั้น อย่าลืมเขียนชื่อลงหน้าสุดท้ายแสดงความเป็นเจ้าของด้วยล่ะ จำไว้นะสาวน้อยเมื่อมีโอกาสเธอควรรีบไขว่คว้าและตักตวงเอาสิ่งที่มีประโยชน์ไว้เยอะๆจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียดายทีหลัง ขอให้เธอสนุกกับการอ่านนิทานของร้านฉันก็แล้วกัน" หญิงชรากล่าวทิ้งท้ายขณะส่งยิ้มที่เต็มไปด้วยความจริงใจให้อนาตาเซียก่อนส่งหนังสือที่บรรจุใส่ถุงเรียบร้อยแล้วยื่นให้อนาตาเซีย

อนาตาเซียรู้สึกไม่เข้าใจกับคำพูดของเจ้าของร้านและเธอก็ไม่ได้สนใจมันเท่าไหร่ หลังจากได้สิ่งที่ต้องการแล้วเธอก็เดินออกจากร้านหนังสือและกลับไปยังร้านอาหารที่เพื่อนของเธอนั่งอยู่ทันที

"กลับมาแล้วหรออนาตาเซีย เธอได้หนังสืออะไรมาล่ะ" มาเดลินถาม

"หนังสือนิทานน่ะ" อนาตาเซียตอบ

"เธอนี้ชอบอ่านหนังสือจังเลยนะยังไม่เบื่ออีกหรอ" ลูเซียพูด"คงจะมีแต่เธอนี่แหละที่ชอบอ่าน"

"ตอนนี้ก็ดึกมากแล้วพวกเรากลับกันเถอะ" โซอี้ออกความเห็น

"ใช่ ฉันเห็นด้วย" เทียน่าพูดเสริม

เมื่อตกลงกันเรียบร้อยแล้วทุกคนก็เดินทางกลับสตาเดเฟีย เมื่อถึงบ้านพัก แต่ละคนต่างก็แยกย้ายกันไปยังที่พักของตัวเอง

ห้องอนาตาเซียกับลูเซีย

"อนาตาเซียใกล้ปิดเทอมแล้วทุกคนคงจะแยกย้ายกันกลับบ้านหมด เธอคิดเอาไว้หรือยังว่าปิดเทอมนี้จะไปที่ไหน" ลูเซียถามขณะที่ทั้งสองกำลังนอนอยู่บนเตียง

"ฉันยังไม่ได้คิดเลย เธอล่ะคิดเอาไว้รึยังว่าจะไปไหน" อนาตาเซียถามกลับ

"ฉันก็ยังไม่รู้เหมือนกันแต่ว่าพรุ่งนี้ฉันกับโซอี้ต้องไปค่ายแลกเปลี่ยนน่ะไป 5 วัน 4 คืน" ลูเซียตอบ

"พวกเธอสองคนอาสาไปเองหรอ"

"ใช่ ได้ยินว่าที่นั่นน่าสนุกฉันกับโซอี้ก็เลยตกลงอาสาไปค่ายเอง"

"อ๋ออ ขอให้สนุกนะ ดูแลตัวเองให้ดีด้วยล่ะ" อนาตาเซียพูดต่อด้วยความเป็นห่วง

"เธอไม่ต้องเป็นห่วงค่ายที่นั่นมีคนดูแลเป็นอย่างดี รับรองปลอดภัย"

"แล้วเธอเลิกฝันร้ายแล้วหรอ"

"จะว่าไปแล้วช่วงนี้ก็ไม่ฝันแล้วนะ สงสัยจะเป็นเพราะฉันกังวลมากไป" ลูเซียตอบ

"ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดี"

"เธอก็อยู่ที่นี่ดีๆก็แล้วกันเดี๋ยวฉันกลับมาจะเล่าให้ฟังว่าที่นั้นมีอะไรบ้าง"

"อืม"

เช้าวันรุ่งขึ้นอนาตาเซียพร้อมมาเดลินยืนรอส่งเพื่อน 2 คนของตนที่จะเดินทางไปค่ายอาสาอย่างกระตือรือร้น

"เดินทางดีๆนะ" อนาตาเซียกล่าวกับเพื่อนทั้งสองของตน ก่อนที่ลูเซียกับโซอี้จะถือกระเป๋าและขึ้นรถออกเดินทาง

"มาเดลินเทียน่าไปไหนหรอ" อนาตาเซียถามมาเดลินที่ยืนอยู่ข้างๆ เมื่อเธอพบว่าเทียน่าไม่ได้มาส่งลูเซียกับโซอี้เหมือนเช่นเคย

"เทียน่าไปประชุม" มาเดลินตอบ

"ประชุมหรอ"

"ใช่! เห็นช่วงนี้มีงานเยอะแล้วก็ประชุมบ่อยด้วย"

"งานของผู้พิทักษ์คงจะเยอะน่าดู"

"ใช่ ! ดีนะฉันไม่ได้เป็นหนึ่งในนั้น"

"ฉันก็ด้วย"

"ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปเข้าเรียนกันถอะ"

"อืม"

คืนหนึ่งขณะที่อนาตาเซียกำลังจะหลับ เธอนึกขึ้นได้ว่าตัวเองซื้อหนังสือนิทานมาจากร้านหนังสือนิทานเคลื่อนที่ และเธอยังไม่ได้เตะมันเลยสักนิด เมื่ออนาตาเซียนึกได้ดังนั้นเธอจึงลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินไปหยิบหนังสือนิทานในชั้นหนังสือของเธอทันที

หญิงสาวหยิบหนังสือนิทานเล่มใหม่พร้อมนั่งลงบนเก้าอี้เตรียมตัวอ่านหนังสือ เธอนั่งอ่านหนังสือนิทานอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือจนจบเล่มหลังจากนั้นเธอก็รู้สึกชอบนิทานเรื่องนี้มาก อนาตาเซียเปิดหนังสือมาที่หน้าสุดแล้วพบว่ามันเป็นกระดาษเปล่าเหมือนที่เจ้าของร้านพูด เธอจึงตั้งใจจะเขียนชื่อของตัวเองลงไปเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของตามที่เจ้าของร้านเคยแนะนำเธอมา อนาตาเซียหยิบปากกาขนนกออกมาเธอนำปากกาจุ่มหมึกเล็กน้อยแล้วลงมือเขียนชื่อของตัวเองลงไป ทันทีที่เธอเขียนชื่อของตนเองเสร็จเรียบร้อย อยู่ๆร่างของเธอก็เกิดแสงสว่างสีขาวขึ้น แล้วถูกหนังสือกลืนหายเข้าไปข้างในทันที

อนาตาเซียรู้สึกตัวอีกครั้ง หลังจากหลุดเข้ามาอยู่ในหนังสือนิทาน เธอพบว่าตอนนี้สถานที่รอบข้างช่างแปลกตา และจำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่จำได้เธอยังอยู่ที่ห้องของตนอยู่เลย อนาตาเซียสำรวจดูรอบๆจนพบว่าตอนนี้ตัวเองได้เข้ามาอยู่ในโลกนิทานที่เธออ่านจบเมื่อกี้ ดังนั้นเธอจึงเริ่มเดินไปตามถนนและเส้นทางรอบข้าง จนพบผู้คนมากมาย แต่สิ่งที่หน้าแปลกคือผู้คนรอบข้างระหว่างทางเดินล้วนเรียกเธอว่า "นิโคล"

นิโคลคือตัวเอกของเรื่อง ที่ชื่นชอบในการทำขนมและคิดสูตรขนมแสนพิเศษไว้มากมาย ขนมของเธอมีความแตกต่างจากขนมทั่วไปอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะขนมวิเศษที่มีความพิเศษแตกต่างกัน ขนมของนิโคลมีความพิเศษหลายอย่างที่คนอื่นคาดไม่ถึงมากมาย พร้อมร้านขนมประหลาดหนึ่งร้านของเธอที่ชื่นชอบของตัวละครในนิทานจนเป็นที่นิยมของตัวละครในนิทาน

อนาตาเซียค่อยๆปะติดปะต่อเรื่องและเดินมาเรื่อยๆจนถึงหน้าร้านขนมของนิโคล เธอพบว่าในร้านขนมมีเด็กประจำร้านออกมาต้อนรับและเรียกเธอว่าเจ้านาย ดังนั้นเธอจึงแน่ใจแล้วว่าตอนนี้ตัวเองคือนิโคล ดังนั้นวันนี้เธอจึงบอกให้เด็กประจำร้านเลิกงานก่อนเวลาแล้วรีบปิดร้านทันที อนาตาเซียเข้าไปในร้านและนั่งอยู่ในมุมหนึ่งของห้องครัวเธอนั่งคิดและทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความสับสน

"นี่ฉันหลุดเข้ามาในโลกของนิทานหรอเนี่ย แล้วฉันจะออกไปจากที่นี่ได้ยังไง" อนาตาเซียพึมพำกับตัวเอง ก่อนล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าของตนและพบกับนาฬิกาทรายอันหนึ่ง เธอเริ่มนึกถึงสิ่งที่เจ้าของร้านพูด จนจำได้ว่าหญิงชราพูดเอาไว้ว่า วันสนุกมีแค่ 1 วันเหมือนกับร้านหนังสือนิทานเคลื่อนที่ ที่จะตั้งอยู่ตามสถานที่ต่างๆ ได้แค่ 1 วันเท่านั้น หลังจาก 1 วันผ่านไป ร้านนิทานก็จะย้ายไปอยู่ที่อื่น เมื่อคิดได้ดังนั้นเธอจึงคิดอะไรบางอย่างออกทันที อนาตาเซียเดินไปยังตำราทำขนมของนิโคลที่วางอยู่บนโต๊ะและเริ่มอ่านตำราพร้อมลงมือทำขนมตามสูตรในหนังสืออย่างรวดเร็ว สาวน้อยพบว่าที่นี่มีขนมประหลาดมากมายไม่ว่าจะเป็น วาฟเฟิลเปลี่ยนร่าง พุดดิ้งปีกนางฟ้า เค้กเวลส์แห่งความกล้า ลูกกวาดล่องหน คุกกี้บอกความจริง ทาร์ตไข่สลายร่าง ฮันนี่โทสต์ควบคุมคน พายแห่งความกลัว ครัวซ็องย้อนเวลา บิสกิตย่อขนาด และชูครีมขยายร่าง โดยขนมแต่ละชิ้นของนิโคลจะมีฤทธิ์อยู่ได้แค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้น

อนาตาเซียเริ่มทำขนมมากมายและนำขนมนั้นใส่ลงไปยังกระเป๋ามิติ ร่วมถึงตำราทำขนมของนิโคลเธอก็ใส่ลงไปด้วย ไม่นานนักหลังจากที่เก็บของเสร็จก็ครบกำหนดเวลา 1 วันพอดี อนาตาเซียได้กลับมายังห้องของตนเองตามอัตโนมัติ แล้วหนังสือนิทานก็สลายหายไปทันที อนาตาเซียเปิดดูกระเป๋ามิติของตัวเอง แล้วพบว่าของที่เธอนำกลับมาจากโลกนิทานนั้นยังอยู่ในกระเป๋ามิติของเธอเหมือนเดิม รวมถึงตำราก็ด้วย ดังนั้นเธอจึงวางกระเป๋าเอาไว้บนโต๊ะ และหลังจากนั้นอนาตาเซียก็เดินไปยังเตียงของตัวเองและหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า

ในช่วงปลายฤดูหนาวช่วงฤดูแห่งการปิดเทอมของโรงเรียนสตาเดเฟีย เด็กหลายคนต่างแยกย้ายกลับบ้านของตัวเอง แต่ว่าที่นี่ก็มีเด็กบางส่วนที่ยังคงอยู่โรงเรียนต่อเพราะพวกเขาบางคนลงเรียนวิชาเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มทักษะของตัวเอง เพราะในช่วงปิดเทอมมีบางวิชาที่เปิดให้เด็กได้เรียนรู้โดยเน้นฝึกปฏิบัติด้วยตัวเอง จะมีอาจารย์ประจำวันคอยเข้ามาตรวจสอบความเรียบร้อยในห้องเรียนทีหลัง

ช่วงปิดเทอมอนาตาเซียไม่ได้กลับบ้านเพราะเธอไม่มีบ้านให้กลับ ดังนั้นเธอจึงชอบที่จะไปหาเบลินด้าเพื่อช่วยเบลินด้าปลูกต้นไม้และช่วยเหลือสัตว์ในป่าที่บาดเจ็บ ในช่วงปิดเทอมนี้เพื่อนของเธอต่างแยกย้ายกันกลับบ้านหมด ส่วนลูเซียก็บังเอิญจับฉลากได้ตั๋วท่องเที่ยวในโลกเวทมนตร์โดยจะมีคนนำทางพาเธอไปเที่ยวยังเมืองต่างๆ ดังนั้นมันจึงทำให้การปิดเทอมครั้งนี้ลูเซียได้ออกไปเที่ยวในที่ที่ไม่เคยไป ส่วนอนาตาเซียก็ไม่มีอะไรทำมากนอกจากมาหาเบลินด้าซึ่งตอนนี้เธอกับเบลินด้าก็เริ่มสนิทกันมากขึ้นและทั้งคู่ก็มักจะหาเวลาคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้วยกันตลอด

"เบลินด้าปลูกอะไรอยู่หรอ" อนาตาเซียถามด้วยความสงสัย

"ฟักทองยักษ์ แล้วก็นี้ต้นโกโก้" เบลินด้าตอบ

"ปลูกเอาไว้เป็นหนึ่งในส่วนผสมหรอ"

"ใช่"

"ส่วนผสมของยาปรุงเยอะมากเลย ว่าแต่สวนดอกไม้ที่นี่สวยมากเลย เธอทำเองหมดเลยหรอ"

อนาตาเซียพูดขณะเดินไปยังสวนดอกไม้ข้างๆ

"ใช่ ! ฉันปลูกแล้วก็ทำสวนเองทั้งหมด"

"พวกนี้คือดอกไม้อะไรทำไมมีรูปร่างแปลกๆ"

อนาตาเซียถามพร้อมชี้ไปที่ดอกไม้ประหลาดของเบลินด้า

ดอกไม้พวกนี้ฉันปลูกเอาไว้สำหรับปรุงยา เป็นพืชไม้หายากต้องเดินทางไปทางใต้ถึงจะได้มา" เบลินด้าตอบ

"อ๋ออ เข้าใจแล้ว เดี๋ยวฉันช่วยเธอปลูกต้นพวกนี้เอง"

อนาตาเซียพูดพร้อมช่วยเบลินด้าปลูกต้นไม้ต่างๆที่พึ่งนำมาใหม่ ทั้งสองปลูกต้นไม้ด้วยกันเกือบทั้งวัน เมื่อตกเย็นทั้งคู่ก็มานั่งทานอาหารค่ำด้วยกันตามปกติ

"อนาตาเซียอาทิตย์หน้าฉันจะไปเมืองมาธิออคัส (อาณาจักรเหนือ) ไปงานรวมสัตว์วิเศษที่นั่นจะมีการขายสัตว์วิเศษ์ต่างๆมากมาย เธออยากลองไปดูไหม" เบลินด้าถาม

"ไปสิ ฉันอยู่ที่นี่ก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว" อนาตาเซียตอบ

"ถ้าอย่างนั้น ก็เตรียมตัวดีๆนะที่นั้นต่างจากที่นี่เพราะเมืองมาธิออคัสมีอากาศหนาวเย็นและมีลมแรงกว่าที่นี่มาก แล้วก็ยังมีทะเลสาบสีรุ่งที่สวยมาก ช่วงที่เราไปที่นั้นจะเป็นทะเลสาบน้ำแข็งพอดี คนที่นั้นจะชอบจัดงานเลี้ยงตั้งแคมป์และเล่นสกีน้ำแข็ง ฉันว่าไปครั้งนี้น่าจะได้อะไรมากกว่าสัตว์วิเศษเธอว่าไหม" เบลินด้ากล่าว

"ถ้าอย่างนั้น ฉันคงต้องออกไปซื้อของเพิ่มสำหรับเดินทางอาทิตย์หน้าแล้วล่ะ" อนาตาเซียกล่าว "แล้วเธอจะไปกี่วันหรอ" อนาตาเซียถามต่อ

"ไป 5 วัน เธอเตรียมตัวดีๆล่ะ" เบลินด้าตอบ

"ตกลง"

"จะว่าไปแล้วการเดินทางออกนอกเมืองครั้งนี้คงจะเป็นการเดินทางครั้งแรกของเธอสินะ"

"ใช่"

"ถ้าอย่างนั้นฉันจะขับรถช้าๆให้เธอชมวิวรอบๆระหว่างเดินทางด้วยก็แล้วกัน"

"ตกลง"

Siguiente capítulo