โรงเรียนเวทมนตร์สตาเดเฟียตั้งสูงเด่นบนเทือกเขาใหญ่ มีหมู่เกาะตั้งอยู่รอบข้าง ล้อมรอบด้วยทะเลสาบ บนพื้นดินผู้คนมากมายอาศัยอยู่ที่นี่มานานหลายร้อยปี สภาพอากาศในบริเวณนี้มีหิมะปกคลุมแทบตลอด มีฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วงเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น อาณาจักรกลาง(เมืองสตาทิส)เป็นเมืองริมทะเลสาบหิมะที่สวยที่สุดของดินแดนแห่งเวทมนตร์ และมีดวงดาวที่สวยที่สุดในยามค่ำคืน
เมื่อเวลาเปิดภาคเรียนมาถึง นักเรียนมากมายต่างเตรียมตัวเข้าเรียนด้วยความตื่นเต้น รวมถึงนักเรียนใหม่ที่พึ่งเข้ามาก็เริ่มเดินสำรวจพื้นที่ในโรงเรียนด้วยความสนใจ
"เด็กใหม่ทุกคนเดินตามฉันมาทางนี้"
หญิงสาววัยกลางคนกล่าว เธอคือศาสตราจารย์มาลีน ดอนซี่ อาจารย์สอนเวทมนต์พื้นฐานของโรงเรียนเวทมนตร์สตาเดเฟีย เธอมีหน้าที่นำเด็กใหม่มายังห้องโถงใหญ่เพื่อรับไม้กายสิทธ์ ตอนนี้มีนักเรียนอีกหลายชั้นปีที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ยาวและทุกคนต่างเตรียมตัวต้อนรับน้องใหม่ที่กำลังจะเข้ามาในโรงเรียนด้วยความตื่นเต้น
"ทุกคนรวมกลุ่มกันไว้อันดับแรกพวกเธอทุกคนต้องมีไม้กายสิทธิ์ก่อนโดยไม้กายสิทธิ์จะเป็นคนเลือกเจ้าของเอง ไม้กายสิทธิ์ของทุกคนในที่นี้เกิดจากรากคริสตัลของต้นโอ๊ควิเศษ ซึ่งรากคริสตัลจะมีสีแตกต่างกันตามรูปแบบพลังของพวกเธอ ดังนั้นเธอทุกคนจะต้องฟังรายชื่อที่ฉันอ่านและเดินออกมาทีละคน ถ้ารากคริสตัลลอยขึ้นและเปลี่ยนรูปร่างเป็นไม้กายสิทธิ์แสดงว่ามันได้เลือกเธอเป็นเจ้าของแล้ว เอาล่ะ คนแรก มาคัส เจมส์"
มาคัส เจ้าของชื่อก้าวเท้าออกมาจากแถวด้วยความระมัดระวัง เขาเดินตรงไปยังแท่นวางรากคริสตัล ไม่นานรากคริสตัลสีน้ำตาลเริ่มมีปฏิกิริยาลอยขึ้นช้าๆก่อนจะเปลี่ยนรูปจากรากไม้ธรรมดาเป็นไม้กายสิทธิ์ด้วยความรวดเร็ว มาคัสหนุ่มน้อยค่อยๆเอื้อมมือรับไม้กายสิทธิ์และโค้งตัวทำความเคารพก่อนเดินกลับมาที่เดิมของตน
"ต่อไป ลูเซีย ฮาร์เอน"
สาวตัวเล็กหลังจากได้ยินชื่อก็เดินไปยังแท่นศิลาด้วยความมั่นใจ แต่ไม่ทันที่เธอจะเดินถึงแท่นนั้น รากคริสตัลสีเขียวมรกตค่อยๆลอยขึ้นอย่างรวดเร็วแสดงให้เห็นถึงพลังมากมายในตัวเธอ ทำให้รากคริสตัลเปลี่ยนเป็นไม้กายสิทธิ์ในชั่วพริบตา
"คนต่อไป พีน่า ราฮิอัส"
รายชื่อมากมายถูกประกาศออกมาเรื่อยๆ ตามลำดับ รวมถึงเสียงปรบมือที่ดังอย่างต่อเนื่องจนไม่มีท่าทีว่าจะหยุด ไม่นานการคัดเลือกดำเนินมาถึงอนาตาเซีย คนสุดท้ายของชั้นปี เมื่อเธอเดินไปถึงแท่นศิลารากคริสตัลสีแดงปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็วและเปลี่ยนเป็นไม้กายสิทธิ์ประจำตัวเธอทันที เสียงปรบมือมากมายและเสียงร้องต้อนรับนั้นก็ทำให้อนาตาเซียรู้สึกตื่นเต้นและดีใจกับการคัดเลือกไม้กายสิทธิ์ครั้งนี้มาก
หลังจากการประกาศสิ้นสุดนักเรียนมากมายปรบมือด้วยความยินดีเหมือนเช่นเคย ทุกอย่างดำเนินผ่านไปเป็นที่เรียบร้อย เด็กทุกคนต่างเดินไปนั่งที่ด้วยความเป็นระเบียบ ถึงเวลาที่ผู้อาวุโสของโรงเรียนต้องลุกขึ้นกล่าวต้อนรับนักเรียนใหม่ตามประเพณีแล้ว
"ยินดีต้อนรับเด็กใหม่ทุกคน ขอให้ทานอาหารค่ำให้อร่อย"
ลอร์ดมาเชลล์อธิการบดีของโรงเรียนเวทมนตร์สตาเดเฟียกล่าว เขาสั่นกระดิ่งในมือของตนดังสนั่นไปทั่วห้องโถง ทันทีที่เสียงกระดิ่งสิ้นสุด อาหารมากมายปรากฏขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์เด็กใหม่หลายคนตื้นเต้นกับสิ่งที่เกิดขึ้นและชื่นชอบเวทมนตร์อันมหัศจรรย์ในดินแดนแห่งนี้ทันที
"เชิญทุกคนทานอาหารกันตามสบาย" ลอร์ดมาเชลล์กล่าวและนั่งลงทานอาหารด้วยความคุ้นชิน ลอร์ดมาเชลล์อธิการบดีแห่งโรงเรียนเวทมนตร์สตาเดเฟีย เขาคือชายรูปร่างสมส่วน ผมสีเงินประกายมุกยาวถึงกลางหลัง ใบหน้าคมคายหล่อเหลาไร้ที่ติ หากมองดูรูปร่างภายนอกแล้วลอร์ดมาเชลล์เปรียบเสมือนชายวัยสามสิบต้นๆเท่านั้น แม้ว่าแท้จริงแล้วเขาจะมีอายุหลายร้อยปีแล้วก็ตาม
โรงเรียนเวทมนตร์สตาเดเฟียถูกตั้งมานานหลายชั่วอายุคน มีสถาปัตยกรรมโบราณมากมาย บางส่วนของโรงเรียนทำด้วยหินอ่อนสีขาว มีความมันวาว โอ่อ่า อลังการ เป็นแบบอย่างและศิลปกรรมก่อสร้างที่งดงามอย่างมากของดินแดนแห่งเวทมนตร์ ทำให้ทุกคนต่างภูมิใจที่ดินแดนของตนที่มีสิ่งล้ำค่าอันนี้อยู่
"นักเรียนปี 1 ฟังทางนี้หลังจากทานอาหารค่ำเสร็จเรียบร้อย พวกเธอจะต้องไปที่พักของตัวเอง ซึ่งรุ่นพี่ปี 3 จะเป็นคนพาเธอไปที่พักเตรียมตัวได้แล้ว" อาจาร์ยมาลีนกล่าว
"ปี 1 มาทางนี้ ฉันคือรุ่นพี่ปี 3 ชื่อเดเนียล จะพาพวกเธอทุกคนไปยังบ้านพัก มาทางนี้เลย" เดเนียลกล่าวพร้อมเดินนำนักเรียนชั้นปี 1 ไป "บ้านพักที่นี่มีทั้งหมดมี 2 บ้านใหญ่ เดินตามฉันมาเลย บ้านหลังที่ 1 คือบ้านสำหรับปี 1-3 เรียกว่า เอเดิลพัฟฟี่ ส่วนบ้านหลังที่ 2 เรียกว่า มิดเดิลชิป เป็นบ้านของปี 4-6 บ้านแต่ละหลังจะมีสัญลักษณ์ประจำคือ 1 ฟินิกซ์ 2 สฟิงซ์ โดยชั้น 2 คือที่พักของปี 1 ชั้น 3 ปี 2 และชั้น 4 ปี 3 ส่วนชั้นแรกคือที่นั่งเล่นสำหรับทุกคน โดยพวกเธอสามารถดูชั้นปีได้จากเข็มกลัดบนเสื้อ ปี 1 เข็มกลัดเป็นรูปต้นไม้ ปี 2 ผลแอปเปิล ปี 3 กริช ก่อนที่พวกเธอจะไปถึงหน้าประตูบ้าน พวกเธอทุกคนจะต้องเดินเข้าไปในกระจกเงาบานใหญ่ตรงต้นโอ๊ค 1000 ปีนั่น กระจกเงาจะส่งเธอไปยังหน้าประตูบ้านและสิ่งที่พวกเธอทุกคนห้ามทำหายก็คือกุญแจบ้าน ถ้าเธอเข้าไปถึงประตูบ้านแต่ไม่มีกุญแจเธอก็เข้าบ้านไม่ได้ กุญแจหนึ่งดอกสามารถเข้าไปได้แค่คนเดียวเท่านั้น ทุกคนเดินมาหยิบกูญแจคนละ 1 ดอก แล้วเดินไปที่กระจกเงา กุญแจจะสลักชื่อของเธอเองอัตโนมัติ ส่วนที่พักผู้ชายประตูอยู่ทางขวา ผู้หญิงอยู่ทางซ้าย ทุกคนรับทราบ"
"ครับ/ค่ะ"
เด็กหลายคนต่างทยอยเดินเข้าไปในกระจกเงาอย่างเป็นระเบียบ ด้านหลังกระจกเงาคือคฤหาสน์หลังใหญ่ล้อมรอบด้วยรั้วสีขาวอันใหญ่ที่แข็งแรงและธรรมชาติพอประมาณที่ทำให้ทุกคนรู้สึกสดชื่น คฤหาสน์หลังนี้คือบ้านของปี 1-3 ภายในนี้มีห้องมากมายหลายร้อยห้องพร้อมชั้น 1 ที่เอาไว้สำหรับนั่งเล่นโดยเฉพาะ ชั้นนั่งเล่นมีมุมให้เลือกแตกต่างกันออกไปให้ทุกคนได้พักผ่อน หลังจากทุกคนมาถึงบ้านพักเด็กหลายคนเริ่มเลือกห้องของตัวเองทันที
"อนาตาเซีย อยู่ห้องด้วยกันไหมหนึ่งห้องต้องอยู่ 2 คน" ลูเซียพูดชักชวน
"ได้สิ" อนาตาเซียตอบ แล้วทั้สองคนก็เดินเข้าไปในห้องว่างทันที
"เธอเลี้ยงสัตว์อะไร" ลูเซียถามด้วยความอยากรู้ขณะเตรียมจัดของในห้อง
"ฉันเลี้ยงแมว เธอล่ะ"
"ฉันเลี้ยงงู มันชื่อฟรองซัว เธอดูสิมันสวยมากเลยเธอว่าไหม"
ลูเซียกล่าวและชี้ไปที่กล่องกระจกสี่หลี่ยมสำหรับเลี้ยงงู ซึ่งตอนนี้มันกำลังหลับอยู่
"ใช่ มันก็สวยดี แมวฉันชื่อกาลาฟีน่า ว่าแต่เธอจะเอาเตียงตรงไหนระหว่างผนังกับหน้าต่าง"
"เอาตรงผนังฉันไม่ชอบหน้าต่าง" ลูเซียตอบ "ห้องใหญ่มากพวกเราคงต้องใช้เวลาจัดห้องนานแน่เลย"
"ใช่"
เวลาผ่านไปสักพักจนในที่สุดทั้งสองก็จัดห้องจนเสร็จเรียบร้อยและนั่งพักทันที
"เธอจัดของเสร็จ เรามาลองฝึกเวทย์กันดูไหม"
ลูเซียถามอนาตาเซียที่กำลังนั่งพักผ่อนอยู่บนเตียง
"ได้สิฉันก็อยากลองเหมือนกัน"
อนาตาเซียตอบพร้อมเดินไปหยิบไม้กายสิทธิ์บนโต๊ะทันที
"เรามีเวลาทำความคุ้นเคยกับสตาเดเฟียประมาณ 5 วัน ก่อนสตาเดเฟียจะเปิดเรียนวันแรก ถ้าอย่างนั้นอย่างแรกเลย เรามาช่วยกันฝึกเวทย์กันเถอะ" ลูเซียออกความคิดเห็น
"แล้วเราจะเริ่มฝึกเวทย์อะไรก่อนดี"
"อืมมมม เธอชอบกินบราวนี่ช็อกโกแลตไหม"
"ชอบ ฉันชอบขนมหวาน" อนาตาเซียตอบและแสดงท่าทีตื่นเต้นปรากฏนัยน์ตาอันเปล่งประกายออกมา
"นี่เป็นวัตถุดิบสำหรับทำบราวนี่ช็อกโกแลต ตามหนังสือบอกว่าเมื่อมีอุปกรณ์ครบแล้วก็ร่ายคาถา "โมดิตัสอาเมอเนีย" ในหนังสือบอกไว้ว่าควรโบกไม้กายสิทธิ์เบาๆค่อยๆควบคุมเรื่อยๆจนเสร็จ เราก็จะได้บราวนี่ช็อกโกแลต เสร็จแล้วเธอลองชิมดูสิ" ลูเซียกล่าว พร้อมยื่นบราวนี่ให้อนาสตาเซีย
อนาตาเซียหยิบบราวน์นี่จากมือของลูเซีย เธอเริ่มลิ้มลองรสชาติของบราวนี่ทันที
"อร่อยมากเลยลูเซีย เธอเก่งจัง" อนาสตาเซียกล่าวและกัดกินบราวนี่ในมือไปเรื่อยๆจนหมด
"ก็ไม่ขนาดนั้นหรอกเธอชมเกินไปแล้ว" ลูเซียตอบและส่งยิ้มให้กับเธออย่างเป็นมิตร "ฉันแค่อ่านหนังสือแล้วก็ทำตามน่ะ เธอดูสิหนังสือคู่มือพ่อมดแม่มดฝึกหัดสอนละเอียดมากเลยนะ ไหนเธอลองร่ายคาถาบ้างสิ ฉันอยากเห็น"
"เอ่อ...เอาเป็นคาถานี้ก็แล้วกัน รันดูเอล" อนาตาเซียร่ายคาถาพร้อมยกไม้กายสิทธ์ชี้ขึ้น ด้านบนปรากฏเป็นพลุหลากหลายสีแตกกระจายและร่วงลงมาเป็นกลีบดอกไม้ตกลงบนพื้น จากนั้นกลีบดอกไม้ก็ค่อยๆสลายหายไปไม่เหลือร่องรอยอะไรเลย
"ว้าวววว สวยมากเลย สงสัยจะเอาไว้ใช้ในงานเลี้ยง อนาสตาเซียเธอเก่งมาเลย"
ลูเซียชมและปรบมือ ดังแปะๆ
ทั้งคู่นั่งฝึกเวทย์กันเกือบทั้งคืน ทั้งลองผิดลองถูกร่ายถูกบ้างผิดบ้างจนเวลาล่วงเลยมาถึงตี 2 เมื่อเริ่มเหนื่อยล้าแล้ว ทั้งคู่จึงแยกย้ายกันไปยังเตียงของตนเองทันที
"ฉันชอบที่นี่จัง"
ลูเซียพูดก่อนทิ้งตัวลงนอนบนเตียง
"ใช่ ! ฉันก็ชอบ พรุ่งนี้เราไปเดินเที่ยวรอบสตาเดเฟียกันเถอะ"
อนาสตาเซียกล่าแล้วผลอยหลับไปโดยไม่รู้ตัว
เช้าวันรุ่งขึ้น
อนาตาเซียตื่นขึ้นมาแต่เช้า เธอแต่งตัวเพื่อเตรียมที่จะออกไปเดินเล่นรอบโรงเรียนด้วยความตื่นเต้น ตอนแรกเธอคิดว่าจะชวนลูเซียไปด้วย แต่ลูเซียกลับหลับไม่ตื่น เมื่อเห็นเพื่อนหลับสนิทเธอจึงเลือกที่จะออกไปเดินเล่นคนเดียว
ในโรงเรียนมีเด็กใหม่มากมายออกมาเดินเล่นเหมือนกับอนาตาเซีย พวกเขาต่างทักทายกันและเดินสำรวจไปทั่วโรงเรียน อนาตาเซียเดินมาเรื่อยๆจนถึงห้องโถง ตอนนี้ในห้องโถงมีอาหารเช้าพร้อมเสริฟให้นักเรียนที่กลับมาแล้ว กลิ่นอาหารนั้นทำให้อนาตาเซียเดินเข้าไปในห้องโถงเพื่อลิ้มลองรสชาติอาหารข้างในโดยไม่ลังเล ปกติเด็กๆในโรงเรียนจะกลับมาก่อนการเปิดภาคเรียนประมาณ 10 วันเพื่อเตรียมตัวสำหรับการเปิดภาคเรียนแรกของปี ทำให้ในห้องโถงมีพ่อมดแม่มดมากมายต่างนั่งทานอาหารเช้ากันอย่างครึกครื้นพร้อมเสียงดนตรีที่บรรเลงอยู่ตลอดเวลา และบรรยากาศในห้องที่มีเสียงผู้คนคุยกันอย่างสนุกสนาน สิ่งนี้ทำให้ห้องโถงยิ่งดูมีสีสันมีชีวิตชีวามากขึ้น
นอกจากอาหารในห้องโถงแล้วที่นี่ยังมีร้านอาหารเล็กๆอีกหลายที่สำหรับนักเรียนหรืออาจารย์ที่อยากทานอาหารอื่นๆนอกเหนือจากในห้องโถงหรืออาจต้องการพื้นที่ส่วนตัว
โรงเรียนเวทมนตร์สตาเดเฟียเปรียบเสมือนโรงเรียนและบ้านของเด็กหลายคน เพราะมีสถานที่อันร่มรื่นและเงียบสงบทั้งทะเลสาบสีฟ้า ต้นไม้ ทุ่งหญ้าและสิ่งอื่นอีกมากมาย เทือกเขาสูงที่งดงามแห่งนี้เป็นสถานที่ตั้งของโรงเรียนเวทมนตร์ หากมองจากเทือกเขาอันเป็นพื้นที่ตั้งของโรงเรียนเวทมนตร์สตาเดเฟียด้านล่างจะพบเหล่าพ่อมดแม่มดคนมากมายหลายชีวิตที่ใช้ชีวิตอยู่บนเกาะด้านล่าง ทำให้อนาตาเซียเห็นการใช้ชีวิตของพวกเขาในดินแดนแห่งเวทมนตร์นี้ว่าเป็นอย่างไร
อนาตาเซียพบว่านักเรียนหลายคนมีกิจกรรมแปลกๆทำมากมาย รวมถึงอาหาร เครื่องดื่ม และสิ่งอื่นๆอีกหลายอย่างที่แปลกใหม่มากสำหรับเธอ ซึ่งตอนนี้เธอยังต้องค่อยๆเรียนรู้สิ่งใหม่เพิ่มขึ้นเพื่อที่จะอาศัยอยู่ที่นี่
อนาตาเซียเดินผ่านผู้คนหลายกลุ่มหลายคน จนมาหยุดอยู่หน้าศาลาริมทะเลสาบแห่งหนึ่ง เธอเห็นผู้หญิงสวมฮู้ดสีม่วงลวดลายปักด้วยด้ายทองนั่งปรุงยาคนเดียวอยู่ริมทะเลสาบ เมื่อเห็นดังนั้นอนาตาเซียจึงเดินเข้าไปใกล้แล้วถามด้วยความอยากรู้ทันที
"คุณปรุงยาอะไรอยู่หรอคะ"
สิ้นเสียงสาวน้อย เมื่อหญิงสาวได้ยินเสียงทักทายเธอจึงเงยหน้าขึ้นมองอนาตาเซียด้วยความประหลาดใจและตอบคำถามของอนาตาเซียทันที
"ปรุงยารักษาบาดแผลน่ะ"
"เอ่อ...ขอโทษที่เสียมารยาทค่ะ ฉันชื่ออนาตาเซีย กริมส์ ยินดีที่ได้รู้จัก ไม่ทราบว่าคุณชื่ออะไรหรอคะ" อนาตาเซียถามด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร
"ฉันชื่อเบลินด้า ไม่มีนามสกุล เธอพึ่งเข้ามาใหม่ใช่ไหม มาจากตระกูลกริมส์หรอ" เบลินด้าถาม
"คือมันก็เป็นแค่นามสกุลค่ะ ฉันไม่มีครอบครัวหรอก พ่อแม่หายสาบสูญ ส่วนนามสกุลนี้มีคนใช้อีกตั้งเยอะ ฉันไม่ถึงขนาดมีวงตระกูลหรอกค่ะ" อนาตาเซียตอบ
"เสียใจด้วยนะเรื่องครอบครัวของเธอ ฉันเป็นผู้ดูแลป่ามาเดเฟียของสตาเดเฟีย ว่างๆเลยมาปรุงยารักษาสำหรับสัตว์ที่บาดเจ็บ"
เบลินด้ากล่าวพร้อมใส่วัตถุดิบลงไปในหม้อดินเผา
"คุณอยู่ป่ามาเดเฟียตรงนั่นหรอ" สาวน้อยถามด้วยแววตาไร้เดียงสาและชี้ไปยังป่าแถวนั้น
"ใช่"
"ในป่ามีสัตว์อะไรบ้างหรอคะ
"ก็มีสัตว์ธรรมดาทั่วไปนั่นแหละ แล้วก็มีต้นไม้ใบหญ้าตามปกติ เอาเป็นว่าในฐานะผู้ดูแลป่าฉันจะเล่าเรื่องป่าของที่นี่ให้เธอฟังคร่าวๆก็แล้วกัน สตาเดเฟียมีป่าใหญ่ 3 แห่ง ล้อมรอบโรงเรียนเอาไว้เรียกว่า
1.ป่ามาเดเฟีย
2.ป่าเฮอร์คัส
3.ป่าต้องสาป
ป่าทั้งสามมีผู้ดูแลแตกต่างกันไปตามความสามารถของแต่ละคนเพื่อคอยช่วยเหลือสัตว์ที่บาดเจ็บ และป้องกันสัตว์ป่าไม่ให้ออกมาทำร้ายนักเรียน ป่ามาเดเฟีย คือฉันที่คอยดูแล ป่าเฮอร์คัส คือเอลลี่ เอาเป็นว่าถ้าเธอไปแถวนั้นก็จะได้พบกับเอลลี่เอง ส่วนคนสุดท้าย คือคาเล็บ เขาเป็นคนดูแลป่าต้องสาป"
"ทำไมถึงได้มาดูแลป่าหรอคะ"
"ก็...จะพูดยังไงดี ป่าในเขตโรงเรียนจำเป็นต้องมีผู้พิทักษ์เพื่อดูแลความปลอดภัยของเด็กในโรงเรียนป้องกันสัตว์หลุดลอดออกมา ดังนั้นมันจึงจำเป็นที่ต้องมีผู้พิทักษ์ป่าไง แล้วคนที่จะมาดูแลป่าได้มีกฏอยู่ 3 ข้อ
1.ต้องเป็นเอลฟ์หรือมีเชื้อสายเอลฟ์
2.ต้องมีเวทย์แข็งแกร่งพอที่จะควบคุมสัตว์ได้
3.ต้องได้รับตราผู้พิทักษ์ป่าจากคณะกรรมการจากเมืองทั้ง 5 ในดินแดนแห่งเวทมนตร์ก่อนจึงจะสามารถเป็นผู้ดูแลป่าได้
"ถ้าอย่างนั้นคุณก็เป็นเอลฟ์หรอคะ"
"ใช่ ! ฉันเป็นเอลฟ์ ดังนั้นฉันจึงไม่มีนามสกุลยังไงล่ะ"
เบลินด้าตอบพร้อมถอดหมวกฮู้ดออกเผยให้เห็นใบหน้าของตนเบลินด้ามีใบหน้ากลมรูปไข่ เธอมีใบหูยาวตามแบบฉบับของเอลฟ์สาว มีผิวขาวผ่อง ดวงตาสีทองอร่าม และผมสีเงิน
"ว้าวววว คุณสวยมากเลย" อนาตาเซียกล่าวชมด้วยความตะลึง "คุณเป็นเอลฟ์คนเดียวที่นี่หรอคะ" อนาตาเซียถามด้วยความอยากรู้
"เปล่าหรอก ที่นี่มีเอลฟ์อีกหลายคน รวมถึงนักเรียนที่นี่ก็มีเอลฟ์"
"แล้วทำไมไม่ไม่มีใครที่มีหูเหมือนคุณล่ะคะ" อนาตาเซียถามต่อ
"เธอเห็นลอร์ดมาเชลล์แล้วใช่ไหม เขาคือพ่อมดครึ่งเอลฟ์ดังนั่นเขาจึงไม่แก่ ในดินแดนแห่งเวทมนตร์จะมีเพียงแค่เอลฟ์กับแวมไพร์เท่านั้นที่ไม่มีวันแก่ ส่วนเผ่าอื่นๆถึงจะมีอายุยืนนานแต่ก็จะแก่ชราตามช่วงวัยเรื่อยๆ เอลฟ์ที่นี่ส่วนใหญ่เป็นลูกครึ่งผมสพ่อมดแม่มดหูถึงไม่แหลมไงล่ะ ส่วนเอลฟ์ที่มีหูแหลมคือเอลฟ์ที่ไม่มีสายเลือดอื่นผสม จริงๆที่นี้ก็มีสายเลือดผสมอีกหลายอย่างถ้าเธออยากรู้มากกว่านี้ก็ต้องไปอ่านประวัติการกำเนิดเผ่า มีอยู่ในห้องสมุดของโรงเรียน"
เบลินด้าอธิบาย ทำให้อนาตาเซียกเริ่มเข้าใจทันที
"เป็นอย่างนี้นี่เอง"
"เอาล่ะฉันต้องไปแล้วแต่ฉันจะมาปรุงยาที่นี่ในทุกๆ 2 วัน หรือไม่ บ้านฉันตั้งอยู่กลางป่าเธอสามารถเดินตามเส้นทางได้เลย ถ้าเธออยากมาก็มาเจอฉันได้ตลอด แล้วก็เอาไว้ถ้ามีเวลาฉันจะพาเธอไปเที่ยวในป่าก็แล้วกัน" เบลินด้ากล่าวก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินจากไป