webnovel

วันสำคัญของผม

ผมยืนดูร่างเพรียวนั้นเอนตัวอ่อนย้ายไปทางซ้ายทีขวาทีอย่างเชื่องช้าตามจังหวะเสียงร้องเพลงแบบทอดเสียงนั้น ก่อนจะยืดตัวตรงตามเสียงกลองที่รัวกระชับขึ้น ทำท่ายึกยักกึกๆกักๆ แล้วร่างนั้นหยุดนิ่งชะงักไป รอจนกระทั่งจังหวะกลองรัวนั้นจบลง

และเมื่อเสียงแตรดังต่อกันขึ้นอย่างยาวนาน เธอกระโดดหมุนตัว เหวี่ยงแขนเหวี่ยงขาไปทางโน้นทีทางโน้นทีให้เข้ากับจังหวะแตร ผมยาวสลวยนั่นถูกสะบัดไปมา แล้วก็จบเพลงลงด้วยท่ายืนหันหลังให้ผม พร้อมกับกางขา ไขว้มือทั้งสองข้างมาจับกันไหว้ที่ด้านหลัง

ผมยังนั่งงงๆอยู่ที่ม้านั่งไม้เมื่อเธอเดินเข้ามาหา

"เรน เธอจะไม่ปรบมือให้เราหน่อยเหรอ" ลลิสาทวงผมหน้าตาจริงจัง

ผมเลยปรบมือไปสองสามแปะ

"นายว่าเป็นไงบ้าง"

"ก็…" จะให้ผมบอกว่าไง "ดี… มั้ง"

"โธ่ จะมีความเห็นอื่นบ้างได้มั้ย เช่น จังหวะยังไม่แน่น ท่าหมุนตัวยังไม่พลิ้ว อะไรแบบนี้" ดูเธอท่าทางขัดใจอย่างจริงจัง

"แล้วเธอจะมาถามอะไรเราล่ะ เราดูไม่เป็นนี่" ผมเริ่มหัวเสียบ้าง บังคับกันยังไม่พอ นี่ยังมาอารมณ์เสียใส่ผมอีก

วันนี้ยัยหางม้าเธอนัดแนะให้ผมมาหาในช่วงหลังเลิกเรียนที่เรือนเพาะชำซึ่งอยู่ข้างหลังโรงเรียน ผมก็ยอมมา เพราะถือว่าเป็นการตอบแทนที่เธอเคยเอากระเป๋าฟาดหน้าพวกเด็กโรงเรียนอื่นตอนแข่งสเกตตอนโน้น

ผมรู้ว่าทำไมถึงเป็นที่นี่ หนึ่ง เพราะช่วงเย็นแบบนี้ไม่มีใครเข้ามาที่เรือนเพาะชำแน่ๆ เราจะมาคอยสังเกตเติมน้ำผักกันวันละหนึ่งครั้งตอนเช้าเท่านั้น และสอง โรงเพาะชำของเราติดแอร์เย็นสบายเพื่อการเรียนรู้ทดลองการปลูกพืชผักเมืองหนาวแบบไร้ดินไฮโดรโปรนิกส์

หลังจากผ่านประตูเรือนเพาะชำเข้ามาพื้นที่ข้างในแล้ว พื้นที่ก่อนจะถึงแถวปลูกผักจะถูกเว้นไว้ให้เป็นพื้นที่ลานโล่งเพื่อให้ครูและนักเรียนทำการเรียนการสอนกันตรงนี้ได้ ลลิสาเธอใช้พื้นที่ตรงนี้แหละแสดงอะไรก็ไม่รู้ให้ผมดู เธอหอบลำโพงมาด้วย

"แค่นี้ใช่ไหม เราจะได้กลับบ้าน"

ผมอยากจะกลับบ้านแย่แล้ว วันนี้ปู่บอกว่าจะพาไปกินซูชิร้านใหม่ บอกพ่อแล้วให้กลับบ้านเร็วหน่อย พูดถึงพ่อ ผมว่าเค้าก็ไม่ต่างจากปู่หรอก บ้างานเหมือนกัน ก็หวังว่าจะไม่บ้างานจนอนาคตต้องล้มป่วยเหมือนปู่หรอกนะ

"ถ้าเธอไม่มีคำแนะนำอะไร เธอก็ชมเราหน่อยก็ได้ ว่าเราเต้นสวย"

เฮ้ย มีบังคับให้ชมกันด้วย

"เธอก็ไปบอกพวกผู้หญิงให้มาดูสิ พวกนั้นเค้าคงชมเธอ"

ผมยังงงว่าเธอจะมายุ่งกับผมทำไม ครั้งที่แล้วตามไปดูผมแข่งสเกตบอร์ดไม่พอ ครั้งนี้บังคับผมมาดูเธอซ้อมเต้นอีก เธอไม่มีเพื่อนรึไง

"ก็เราไม่มีเพื่อนผู้หญิงนี่" เธอเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจ๋อยๆราวกับว่าอ่านใจผมออก

"เป็นความผิดของเธอนั่นแหละ เธอไปทำให้เชอรี่เค้าชอบเธอทำไมล่ะ"

แต่แล้วน้ำเสียงจ๋อยนั่นก็หายไป กลายเป็นน้ำเสียงที่มาปรักปรำผมแทน

"อะไรวะเนี่ย เราไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเชอรี่เลย พวกผู้หญิงนี่ประสาทแดกกันจริงๆ"

คราวนี้ผมเริ่มจะเซ็งขึ้นมาจริงๆ มันอะไรกันนักกันหนาวะ ผมได้ยินชื่อนี้จากปากของลลิสาไม่รู้กี่รอบแล้ว

"เธอก็ไม่มีเพื่อนเหมือนกันไม่ใช่เหรอ เด็กใหม่เหมือนกันนี่นา"

"ไม่ใหม่แล้ว เข้ามาได้สามอาทิตย์แล้ว" ผมแก้ให้

"นี่เธอเข้ามาได้แค่สามอาทิตย์ เชอรี่เค้าก็บอกว่าเค้าเป็นแฟนเธอแล้ว ถ้าจบเทอมนี้ ไม่ต้องแต่งงานกันเลยเรอะ"

"พวกผู้หญิงนี่เค้าชอบมโนไร้สาระ น่าเบื่อจริงๆ" ผมบ่น แล้วผมก็พยายามผลักไสเธอต่อไป

"ทำไมเธอไม่ไปเต้นให้ที่บ้านเธอดูล่ะ ไม่มีพี่น้องเหรอ"

"ไม่มี เราเป็นลูกคนเดียว" ผมว่าผมจับน้ำเสียงเหงาๆนั่นได้นะ

"แล้วเพื่อนที่โรงเรียนเก่าล่ะ ไม่มีเหรอ"

"เค้าตัดเราออกจากกลุ่มแล้ว เราไปซ้อมเต้นกับพวกเค้าไม่ทัน โรงเรียนเก่าเราอยู่แถวสามเสน เราเคยเล่าให้เธอฟังแล้วไง"

คำบอกเล่านั้นทำเอาผมสงสารเธอขึ้นมาหนึ่งแวบ แต่มันใช่ปัญหาของผมไหม?

"โอเค เธอเต้นสวย แค่นี้นะ จบแล้วใช่ป่ะ เราจะได้กลับบ้านเสียที"

ผมลุกขึ้นยืนและหยิบเป้ขึ้นมาสะพาย แล้วตั้งท่าจะออกเดินไปที่ประตูเรือนเพาะชำ

"เดี๋ยวก่อนสิ เราไปด้วย"

ยัยหางม้ารีบหันไปกุลีกุจอเก็บลำโพงที่วางอยู่บนม้านั่งตัวเดียวกับผมเข้ากระเป๋าเป้ของตัวเอง แล้วปราดเข้าประชิดตัวผม

"เฮ้ย บ้านก็อยู่คนละทางกัน ทำไมจะต้องไปด้วยกัน" ผมโวยวาย ไม่ชอบให้ใครมาเดินตาม

"แหม ก็เดินออกซอยไปด้วยกัน แล้วค่อยไปแยกกันที่สี่แยกก็ได้" ยัยนี่ตื้อจริงแฮะ

ผมไม่ตอบแต่ออกเดิน

"เมื่อไหร่เธอจะไปซ้อมสเกตบอร์ดอีก เราอยากไปดู"

ตื้อไม่พอ ยังมาชวนคุยด้วยน้ำเสียงร่าเริงอีก เฮ้อ!...

ผมกลับมาถึงบ้านตอนห้าโมงครึ่ง แล้วก็เป็นอย่างที่คิด พ่อยังไม่กลับมา…

แม่งเอ้ย! ผมอุตส่าห์รีบกลับ รู้งี้แวะไปหาไอ้คิวกับไอ้ไอซ์ก่อนดีกว่า อยากคุยกับพวกมันเรื่องถ่ายทำคลิปสอนเล่นสเกตบอร์ดลงยูทูป ผมมีไอเดียนี้นานแล้ว แต่ยังไม่ได้ทำเสียที เพราะกลัวปู่จะรู้ว่าผมคบกับเพื่อนนอกโรงเรียน คือปู่เขาส่งผมไปอยู่โรงเรียนกินนอนตั้งแต่เด็กเพราะเขากลัวว่าเขาจะไม่มีเวลาดูแลผม แล้วผมก็จะเกเร …เหมือนพ่อ

แต่ผมเนียนกว่าพ่อเยอะ ถึงจะอยู่โรงเรียนประจำ แต่ผมก็มีวิธีแอบออกหนีมาจากโรงเรียนบ่อยๆได้

"ว่าไงลูก วันนี้ที่โรงเรียนสนุกไหม มีเพื่อนเยอะหรือยัง"

ปู่เงยหน้าขึ้นมาจากบ่อปลาคาร์ฟขึ้นทักทายผม ปู่กำลังนั่งอยู่บนพื้นซึ่งเป็นชานไม้ข้างบ้าน บ้านเราจัดสวนแบบญี่ปุ่น มีบ่อปลาคาร์ฟสองบ่อ มีหินโรยตรงทางเดิน มีหินก้อนใหญ่วางอยู่สามสี่ก้อน ผมว่าก็สวยดี ผมเคยเห็นสวนแบบนี้ในวัดที่ญี่ปุ่นตอนปู่พาผมไปเยี่ยมหาพ่อตอนปิดเทอม ตะเกียงหินตรงมุมสวนนั่น ปู่เขาหอบมาจากที่ญี่ปุ่นเลย

"ก็งั้นๆแหละฮะ รำคาญพวกผู้หญิง" ผมอดที่จะบ่นไม่ได้ ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งยองๆข้างๆปู่ แล้วเอามือวักน้ำแกล้งพวกปลาเล่น

"อ้าว ไปรำคาญเค้าทำไมล่ะ เด็กผู้หญิงน่ารักออก"

ปู่มองผมด้วยสายตาเอ็นดู ปู่มองผมด้วยสายตาแบบนี้อยู่ตลอดเวลา ตั้งแต่ผมเกิดแล้ว

"พวกนั้นพูดมาก พูดจาไร้สาระบ้าๆบอๆ"

พวกผู้หญิงในห้องน่ะเป็นแบบนี้ทุกคน แต่ผมชักไม่แน่ใจแล้วว่าผมจะรวมยัยหางม้าเข้าไปด้วยดีหรือเปล่า เพราะยัยหางม้าชอบชวนผมคุยก็จริง แต่ก็ไม่น่าเบื่อนะ

"ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนไหม เดี๋ยวพ่อเค้าคงกลับมาแล้ว" ปู่เอื้อมมือมาลูบหัวผม

"ไหนปู่บอกว่าพ่อจะกลับเร็วไงฮะ"

ผมไม่ได้ทำตามที่ปู่บอก แต่กลับนั่งขัดสมาธิลงกับพื้นไม้ ถอดเป้วางไว้ข้างตัว ยื่นมือไปรับกล่องอาหารปลาจากปู่ แล้วเริ่มต้นโปรยเม็ดสีแดงๆเหล่านั้นลงไปที่บ่อปลาบ้าง ปลาตัวโปรดของผมเป็นตัวสีเหลืองดำซึ่งมีอยู่ตัวเดียวนั่น เพราะผมเป็นคนซื้อมันมาเอง ผมตั้งชื่อมันว่าไอ้จะละเม็ด เพราะผมชอบกินปลาจะละเม็ดทอดกระเทียมพริกไทย

ไอ้จะละเม็ดมันรู้จักผมดีกว่าใคร พอเห็นผมอยู่ใกล้ๆ มันจะชอบว่ายเข้ามาเสนอหน้า ทำปากจุ๊บๆโผล่พ้นน้ำทักทายผม

"นี่เพิ่งจะห้าโมงครึ่งเองลูก เดี๋ยวพ่อเค้าก็มา เค้าสัญญากับปู่ไว้แล้ว"

อันนี้ผมเชื่อ บ้านเราถ้าพูดแล้ว ไม่เคยผิดคำสัญญา แต่ส่วนใหญ่แล้ว… เราจะไม่พูด

"วันนี้เราจะไปกินที่ร้านไหนกันฮะ"

"มีร้านเปิดใหม่แถวซอยรางน้ำ เป็นร้านของลูกสาวเพื่อนปู่เอง ปู่ว่าเรนต้องชอบ"

แปลกที่บ้านเราชอบกินซูชิกันทั้งบ้าน ทั้งๆที่บ้านเราก็เลี้ยงปลา ความจริงเราน่าจะกินปลากันไม่ลง หรือจะว่าไป ปู่เค้าชอบทุกสิ่งอย่างที่เป็นญี่ปุ่น ดูจากชื่อพ่อของผมก็ได้

"แล้วปู่ชวนน้าพลอยไปด้วยหรือเปล่าฮะ" ผมรู้ว่าปู่พยายามจะจับคู่พ่อกับน้าพลอย

"แน่นอนสิ โอกาสพิเศษอย่างนี้ วันนี้เป็นวันสำคัญมากของเรนเลยนะลูก" ปู่ทำหน้าตายิ้มย่อง

น้าพลอยเค้าก็น่ารักดี ตอนพ่ออยู่ญี่ปุ่นแล้วผมยังเด็กๆอยู่ น้าพลอยก็จะมาพาผมไปเที่ยวบ่อยๆ แต่สองสามปีหลังมานี่ ผมไม่ได้อยากออกไปไหนกับน้าพลอยแล้ว ผมไปเองคนเดียวได้ หรือก็อยากไปกับเพื่อนมากกว่า หรือไม่ก็อยากอยู่คนเดียวในห้องทำโน่นทำนี่

ส่วนพ่อจะชอบน้าพลอยหรือเปล่า อันนั้นมันก็เรื่องของพ่อ ไม่เกี่ยวกับผม

"อย่าลำเอียงสิครับคุณเรน ป้อนคุณจะละเม็ดอยู่ตัวเดียว เดี๋ยวคุณเค้าก็ท้องแตกตายหรอก" คุณมะพร้าวเดินเข้ามาตอนไหนไม่รู้ เขาเข้ามาปรามผม เมื่อผมช้อนตัวไอ้จะละเม็ดขึ้นมา แล้วป้อนอาหารเม็ดนั่นใส่ปากมันโดยตรง

มีคุณมะพร้าวนี่แหละที่เป็นคนคอยส่งเสียงตักเตือนผมในทุกๆเรื่อง ส่วนปู่นั้น… ไม่เคยเลย ปู่ไม่เคยดุผมเลย คิดว่าเพราะปู่อยากจะเอาใจผม ก็เมื่อก่อนผมได้เจอปู่แค่วันเสาร์อาทิตย์เท่านั้นนี่นะ

"ก็จะละเม็ดมันน่ารักที่สุดนี่ฮะ" ผมรักมันมาก มันอ้วนน่ารักดี

"ผมว่าคุณเรนขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีกว่าครับ แม่บ้านเขาบ่นเรื่องเสื้อนักเรียนสีขาวของคุณเรนเปื้อนเป็นประจำเลย" แล้วคุณมะพร้าวก็เข้ามาหยิบเป้ของผมไปถือไว้

"ไปลูก ไปอาบน้ำตามที่คุณมะพร้าวเค้าบอก เออ โรงเรียนนี้เค้าก็แปลกดีนะ บังคับให้ใส่ชุดนักเรียน แต่ไม่บังคับเรื่องทรงผม" ปู่หัวเราะน้อยๆ มองผมด้วยสายตาเอ็นดู …อีกแล้ว

ผมลุกขึ้นแต่โดยดี บ้านนี้น่ะเราทุกคนต้องเชื่อฟังคุณมะพร้าว เพราะเขาเป็นคนดูแลทำทุกสิ่งอย่างให้พวกเราโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ผมยังคิดไม่ออกว่าถ้าบ้านเราขาดคุณมะพร้าวไป จะเป็นยังไง…

Siguiente capítulo