สถานีตำรวจประจำจังหวัด พูดห้วน ๆ ออกเสียงไม่ครบคำของประชา เปิดประชุม
ประชา อายุ สี่สิบเจ็ด จบมัธยมต้น ก็เข้าโรงเรียนนายร้อย ค่อยเป็นตำรวจบรรจุข้าราชการตั้งแต่อายุสิบเก้าปี ประชาทำงานเอกสาร สืบสวนเล็ก ๆ เป็นพวกคิดแบบอนาล็อค (analog thinking) จากระบบข้าราชการ มีตัวตนง่าย ๆ อายุมากขึ้น อยากแต่งงานมีลูก ใช้ชีวิตแบบตำรวจค่อย ๆ เติบโต รู้ตัวอีกทีก็เข้าสู่วัยผู้ใหญ่ตอนปลาย เป็นหน่วยจัดการเอกสารกองโต ของกฎหมายของการค้าอวัยวะในประเทศและข้ามประเทศ ตำรวจอาวุโสมอบหมายให้ประชาทำ หวังกว่าเพื่อเบิกงบเพิ่มเข้าตัวเอง เขาคิดว่าเป็นเรื่องถูกต้องที่จะทำ เพราะเขาคิดว่าเขาเป็นสัญลักษณ์ของความถูกต้อง ไม่ว่าประชาจะสูบบุหรี่ไฟฟ้าที่ซื้อออนไลน์ หรือขับจักรยานยนต์ตำรวจขึ้นบนทางเท้า และเล่นเก็บเงินจากบ่อนที่ดูแลในยามว่าง ประชาเห็นว่าเรื่องที่มีอยู่ก่อนไม่ใช่ปัญหา ถ้าสืบต่อกันมาได้ แสดงว่าดีต้องรักษาไว้ เสพข่าวด้านเดียวไม่พูดคุยกับคนแปลกหน้า คนแปลกหน้าที่เค้าคุยนอกเวลางานมีแค่คนขายล๊อตเตอรี่ กับผู้ต้องหาไม่เคยโทษโครงสร้างคิดว่าสังคมแบน ไม่โทษความเหลื่อมล้ำ ทั้งที่ความเหลื่อมล้ำที่สูงส่งต่ออาชญากรรมที่เพิ่มขึ้น การซบเซาทางเศรษฐกิจหรือแม้แต่อาชญากรรมของชนชั้นนำ
"การปฏิบัติการยุติการค้าอวัยวะ ประจำปี 54 โอเคกันมั้ยทุกคน เราจะทำเรื่องนี้กัน"
ทุกคนในห้องประชุมเบื่อหน้าเขาและดูตลกกับเรื่องนี้ ชื่อหัวข้อมักสำคัญกว่าเนื้อหา ทุกคนเข้าใจกันดี
ตำรวจนายหนึ่งยกมือ "มันทำได้จริงเหรอ" พร้อมเสียงหัวเราะ
"เอาเถอะ วันนี้จะมาคุยกันเรื่อง 'ชาติ บุนนาค' กัน" ประชาเอารูปชาติแปะบนไวท์บอร์ด มือจับปากกาชี้ไปตรงรูป "หรือพ่อค้าในตลาดมืด เขาเป็นคนฉลาดจบมหาลัยมีชื่อเสียง บริษัทล้มละลายในยุคดิสรัปเวิลด์ไวด์เว็บ เขาเลือกได้ดีที่เป็นพ่อค้าอวัยวะเถื่อน พวกนี้ไม่ใช่แค่รู้จักคนที่ซื้อและขาย แต่ยังมีคอนเนคชั่นถ้าพวกติดต่อกันเองข้างถนนเป็นนักบอลโรงเรียน หมอนี่คือเจอเก้น คล็อป ส่วนใหญ่คนในตลาดนี้จะใช้เงินฟู่ฟ่าจนจับได้ก่อน หมอนี่อยู่เป็น แต่ตอนนี้อยู่ในโคม่า นอนไม่มีสติและอีกคน"
"ผู้ว่าความให้โรงพยาบาล ชัยพล มานะเจริญ" รูปชัยพลถูกแปะบนกระดานไวท์บอร์ด
"เป็นผู้ล้างแค้น ผ่านลูกค้าที่เคยซื้ออวัยวะ ผ่านเจ้าหญิงนิทรา นางอารยา ณ อยุธยา" รูปของแม่พัฒน์อยู่บนกระดานพลาสติกสีขาวนั้น
"ถูกทนายบอกความจริงหรืออาจจะแก้แค้นผ่านเด็ก ให้เด็กทำร้าย ก็เป็นไปได้" ประชาชี้รูปพัฒน์บนกระดาน "แต่ตอนนี้ทนายนั้นก็นอนโคม่าอยู่ในคุกเช่นกัน และเด็กนั้นก็ไม่น่าทำอะไรได้ ปกติผมคงพูดว่า คนแย่ ๆ ถูกจับแล้วเราไปฉลองกัน แต่เงินยี่สิบสี่ล้านบาทกับข้อมูลแผนธุรกิจ ในสูท เอาไปตรวจสอบรายชื่อและติดต่อ คนที่สามารถติดต่อได้ สุดท้ายทั้งหมดเป็นเพียงชื่อปลอมหรือชื่อในวงการ เราไปย้อนดูบุคคลที่เคยเป็นลูกค้าในแต่ละรายชื่อที่พึ่งได้รับบริจาคอวัยวะ เราไปตามตรวจสอบมาแต่ละคน ผลตรวจและการปลูกถ่ายพบว่าไม่มีการต่อต้านของการปลูกถ่ายอวัยวะ ผลของมัน…"
"99 เปอร์เซ็นต์" ตำรวจที่นั่งฟังตะโกนตอบ
"ใช่ แพทย์แทบช็อก ต่อให้เป็นแพทย์ที่ผ่าตัดมาสิบปี ก็ไม่เคยเจออวัยวะที่เข้ากับร่างกายได้ขนาดนี้ เหมือนแค่เอาอวัยวะตัวเองกลับมาใส่ แย่ไปกว่านั้นอวัยวะพวกนี้ไม่ได้มาจากแลปวิจัยหรูในมหาวิทยาลัยชั้นนำ แต่จากการคำนวณโรงพยาบาลที่รับอวัยวะต่าง ๆ คาดว่าถูกผลิตขึ้นในภูเก็ตนี่แหละ มีเอกสารในกระเป๋าของชาติที่เขียนถึงทรัมไดร์ฟที่ทิ้งไว้ จากการเข้าตรวจค้นบ้าน เราจะส่งมันไปที่กรุงเทพและดูว่าจะเจออะไรอีกมั้ย ระหว่างนี้คนของเราก็พยายามหาที่มาของการบริจาคอวัยวะแต่ละครั้ง ทุกครั้งที่มาก็จะเป็นที่มาปลอมเหมือนกัน" ใบหน้าเหนื่อยหน่ายของทุกคนในห้องประชุม เป็นคำตอบของความน่าสนใจของโครงการนี้
"เพราะงั้นทุกคนรู้ไว้ ตอนนี้เรามีหน้าใหม่มาแล้ว เราไม่รู้ว่าเป็นใครมาจากไหน แต่พวกนี้เก่งฉิบหาย ทำงานเป็นทีม สำหรับผมแล้วบอกได้เลยว่าตอนนี้ภูเก็ตอาจจะมีเจ้าถิ่นใหม่แล้ว"
ขณะเดียวกัน แลปคอนเทนเนอร์ ริมทะเล
เรือส่งสินค้าต่างเข้ามาส่งสินค้า คอนเทนเนอร์วางซ้อนทับเหมือนเลโก้ ถูกหิ้วไปมาด้วยเครนสูงเหมือนมือของเด็กยกของเล่นไปมา
พัฒน์กำลังนั่งมอง สีฟ้าจากธรรมชาติครึ่งบนเป็นเมฆ ครึ่งล่างคลื่นเป็นทะเล
ฟันของเขากำลังบด ตัด ฉีกเบอร์เกอร์ กับดูดน้ำอัดลม พร้อมฟังเพลงจาก หูฟังไร้สายสีน้ำเงิน กับสวมชุดกันลมสีแดง เบนเข้ามาดึงหูฟังออก หูขวาของพัฒน์ มีเครื่องหมาย สามเหลี่ยม วงกลม กากบาท และลูกศร สัญลักษณ์ต่าง ๆ
กระบวนการสแกน ก่อนอื่นสแกนพื้นผิวและจำลองพื้นผิว ไปโปรแกรมสร้างข้อมูลแบบจำลองใบหูขวาของพัฒน์ ผ่านอัลกอริทึม ถัดจากนั้นเลือกใช้วิธีการกลับด้าน (Flip) ทำให้เกิดพื้นผิวตรงข้ามจะเป็นตัวอย่างของพื้นผิวหูซ้าย ขนาดและการกลับด้านคือทฤษฎีความสวยงามในแง่ของการศัลยกรรมตกแต่งนั้นคือความสมมาตร ลำดับต่อไปเอามาซ้อนทับกับไฟล์แบบจำลองพื้นที่หูซ้ายที่แหว่งไป จะเกิดพื้นที่ซ้อนทับ คือหูซ้ายกับบาดแผล และพื้นที่ไม่ซ้อนทับกัน ในอีกความหมายหนึ่งคือ "พื้นผิวของหูที่แหว่งออกไป" ในที่สุดก็ได้แบบจำลองขนาดจริงของใบหูบริเวณหายไป เริ่มกระบวนการพิมพ์สามมิติด้วยวัสดุชีวภาพ แต่ไม่ใช่แค่นั้นโชทำหน้าที่ดูความเหมาะสมของวัสดุทั้งเรื่องน้ำหนักและสี แล้วในท้ายที่สุดโชก็เย็บใบหูจากการพิมพ์สามมิติก็เข้ากับพื้นที่ใบหูที่แหว่งออกไปเรียบร้อยแล้ว
มีรอยต่อนิดหน่อยระหว่างหูของพัฒน์ กับสิ่งที่เรียกว่าการได้รับอวัยวะสำรองกลับมา ความสร้างสรรค์ต่อสิ่งที่หายไปเรียกอีกอย่างว่าชิ้นส่วนที่เข้ากับร่างกายของพัฒน์ก็ได้ หลังจากนั้นหูที่เป็นรอยแผลขนาดใหญ่กลายเป็นความภาคภูมิใจที่เขาสามารถใช้ชีวิตกับสิ่งพัฒน์สามารถทำได้ได้ พัฒน์ได้ใบหูข้างซ้ายกลับมาแล้ว
ที่บ้านของพ่อเบน พ่อเบนเสียไปสามปีแล้ว
เบนกลับมาหาแม่เวลาเครียด เรื่องที่เบนเจอทำให้เบนกังวลมากขึ้น ทั้งเรื่องเงินของพัฒน์ และเหตุในวันนั้น การใช้สารเสพติด และการอยู่บ้านตัวเองบางทีก็ไม่ได้ทำให้ตัวเขา รู้สึกปลอดภัย เขาร้อนรนต่อเรื่องรอบตัวหลังจากการใช้สารเสพติด นึกว่าบ้านข้าง ๆ กำลังสอดส่องเขาตลอดเวลา เขากังวลเรื่องเงินที่ตัวเองมีอยู่จะมีคนมาขโมยไป เบนรีบเดินก้าวจ้ำ ออกจากบ้านตัวเองในมือทั้งสองข้างถือกระเป๋าบรรทุกเงินขนาดใหญ่กลับเอามาที่บ้านหลังนี้ด้วย เขาไม่กล้าเจอหน้าแม่ตัวเอง เขาแอบอยู่หลังบ้าน เมษาแต่งงานใหม่กับภาคพ่อลูกสอง เมษากำลังเรียก คานและคริสลงมากินอาหารเช้าที่เตรียมไว้บนโต๊ะเรียบร้อย เมษาได้ยินเสียง ของจากสระน้ำหลังบ้าน เมษาจึงเรียกเนลสัน ให้รีบลงมา เดินออกมานอกบ้านพร้อมกับเมษา
"ใครอยู่ตรงนั้นน่ะ" ภาคตะโกนถามไปทางจุดที่สงสัยหลังบ้านของตัวเอง
ทุกคนลงมาหลังบ้านทั้งเมษา ภาค คาน
ควันกำลังลอยออกมาจากพุ่มไม้หลังบ้าน เบนยืนขึ้นพร้อมกับสูบบุหรี่ เบนสนใจสระน้ำใหม่
"ลูกมาทำอะไรข้างนอก" เมษาถาม
"ว่าไงแม่ ว่าไงภาค ไงคาน คริสล่ะ" เบนถามไม่มีใครตอบ "สระน้ำ นี่พึ่งทำใหม่เหรอ ใหม่มากเลย ผมเลยอยากลอง" พวกเขาทำหน้าหน่ายกำลังหันเข้าบ้าน ไม่ค่อยมีใครสนใจเบน เบนปาบุหรี่ไปที่สระน้ำ และเดินตามเข้าไปในบ้าน
เมษากับภาคขึ้นไปแต่งตัวไปทำงาน
ตอนนี้บนโต๊ะอาหารมีแค่เบน กับคาน ในมือกล่องซีเรียล กำลังเทลงมาในชาม คานกินอาหารเช้าที่แม่ทำให้ เบนเห็นสังเกต รูปรับรางวัลต่างๆ ของคาน ทั้งเกียรตินิยม แข่งขันเปียโน หรือตอบปัญหาวิทยาศาสตร์
"ได้รางวัลเยอะมากเลยนะ"
"…อาจารย์แค่พาไปแข่งกับอ่านโจทย์ก่อนหน่ะ" คานตอบ สายตาอ่านหนังสือเคมีไปด้วยไม่ได้หันหน้ามาทางเบน
"ตอนนี้ยังเล่นอยู่มั้ย เปียโน เคยแข่งนี่"
"…ไม่หรอก ตอนนี้เล่นกลองไฟฟ้าอยู่"
"โคตรเจ๋งเลยดิ แล้วจะเรียนสายไหนดูไว้หรือยัง"
"…ผมชอบเคมี อยากเรียนสายวิทยาศาสตร์"
เบนนึกก่อนจะตอบ "ถ้าอยากเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ดี ก็ควรออกจากหนังสือได้แล้ว ความรู้มันอยู่ข้างนอก มีอะไรถามพี่ได้นะ" เบนไม่เคยมีโอกาสได้เรียนในโรงเรียนอินเตอร์แบบนั้น ไม่เคยได้แม้แต่สระน้ำ พ่อแม่จัดเตรียมสิ่งบันเทิงพร้อมสรรพ ไว้ในบ้าน ไม่ว่าเกม หนัง คอร์สเรียนกลองไฟฟ้า อุปกรณ์ถ่ายภาพ ของประดับวันคริสต์มาส ไม่ว่าที่ไหนในบ้านที่ครอบครัวนี้ใช้ชีวิตอยู่ ดูเหมือนจะดีกว่าวัยเด็กของเบน ในบ้านมีชั้นที่เต็มไปด้วยหนังสือ อุปกรณ์ออกกำลังกาย ทีวีจอแบนขนาดมหึมา และของเล่นราคาแพงลิบและสมบูรณ์แบบที่สุด ครอบครัวนี้อย่างกับหลุดมาจากแค็ตตาล็อกหมู่บ้าน
เมษาพาคริสที่แต่งตัวนักเรียนลงมาผ่านห้องครัว ไปทางประตู แต่คริสพยายามเดินมาหาเบนและชนหมัดทักทายกับเบน คริสชอบที่เบนเป็นพี่ชายที่ดี เมษาห้ามคริสไม่ได้ ถัดจากนั้นเมษาส่งคริสขึ้นรถจากหน้าบ้านไปโรงเรียน
"…ทำไมพี่ไม่เรียนให้จบหล่ะ" คานยังคงก้มหน้าอ่านและถามโดยไม่มองหน้าเบน
"ประสบการณ์นอกห้องเรียนมันสำคัญกว่า มันคือชีวิตจริง"
เมษาเข้ามากลางบทสนทนา ลูบหัวคาน "ไป เดี๋ยวพ่อไปส่ง" คานเดินออกไปจากโต๊ะทานอาหาร หาภาคที่ประตู ทั้งคู่เดินออกไปหลังจาก ในบ้านนี้เหลือแค่เบนกับเมษา
เบนพึ่งสังเกตเสื้อไปรเวทที่คานใส่เมื่อกี้ "อันนั้นใช่ เสื้อผมมั้ย" เบนถามเมษา
"ทำไมเหรอ ลูกไม่ใส่แล้วก็ยกให้น้อง" เมษาเก็บจานที่ยังไม่ได้กิน อีกสามจานไปไว้ซิ้งค์ เบนไม่พอใจที่ทุกคนพยายามหลบหน้า โกรธเรื่องเสื้อผ้าและการเอาภาคมาอยู่ในบ้านพ่อเบนวิ่งขึ้นบันไดไปของในห้องตัวเอง
"แม่ แล้วของในห้องผม!?"
"บริจาคไปหมดแล้ว" เมษาตะโกนขึ้นมาจากชั้นหนึ่ง
เบนถอนหายใจ "แล้วของที่เหลืออยู่ไหน"
"อยู่ในโรงเก็บของ"
เบนเหนื่อยกับสายสัมพันธ์ของครอบครัว และเกลียดตัวเองจากการไม่ถูกยอมรับ
แล้วก็ต้องไปนอนในห้องรับรองแขกในชั้นหนึ่ง เป็นห้องเล็ก ๆ ส่วนของเบนบางส่วนก็อยู่ที่นี่ แล้วเบนก็หลับไป ตื่นมาอีกทีก็ตอนเย็น เบนก็ออกไปหาเพื่อน แล้วค่อยกลับมาบ้าน ความเครียดสะสม ทำให้เบนไม่ภูมิใจในตัวเอง และทุกอย่างล้า เพลีย เบนมักจะไปสูบบุหรี่ที่สระน้ำนอกบ้าน ถ้าน้องทั้งสองคนกลับมาบ้าน
วันถัดมา เบนเห็นว่าโรงเก็บของหลังบ้านมีรถพ่อของเบนอยู่ เบนสำรวจและหลงใหลในรถตั้งแต่เด็ก พ่อชอบพาเบนไปขับรถเล่น และยังเป็นคนสอนเบนขับรถ เขารู้สึกว่ารถคันนี้เป็นสิ่งปลอดภัยเดียวที่เขายังมีเหลืออยู่ ตัดสินใจหากุญแจในบ้าน
ตอนกลางคืน ก็ยังหาไม่เจอ ในที่สุดก็ต้องถามแม่อยู่ดีว่ากุญแจรถพ่ออยู่ที่ไหน
"ในโคมไฟที่พ่อซื้อให้แม่" เมษาหมายถึงพ่อเบน
เบนไปหยิบกุญแจรถจากในโคมไฟประตูทางเข้าบ้าน ค่อยเดินไปที่ริมสระหลังบ้าน มือหยิบกระเป๋าเงินหลังพุ่มไม้ในสวน เอามาไว้ที่รถคันเก่าของพ่อ ใช้เวลาหาจุดซ่อน ทั้งข้างหลัง ใต้ท้องรถหรือข้างหน้า สุดท้าย เบนเจอจุดที่ดีที่สุดคือใต้เบาะหลัง เขายกเบาะหลังขึ้นยัดกระเป๋าเงินลงไป เงินเป็นล้าน ๆ ถูกกดแน่นยัดอยู่ใต้เบาะหลัง
ขณะนั้นเอง
แป็ก! เสียงสวิตซ์ไฟเปิดขึ้น
โรงเก็บของสว่างขึ้นจากหลอดไฟกลางฝ้าเพดาน
เมษาเป็นคนกดเปิด เธอคิ้วขมวด สงสัยว่าเบนมากำลังทำอะไรในรถคนเก่า
"ทำอะไรอยู่" เมษาถาม
"หาของครับแม่" เบนรีบปิดเบาะด้านหลังในรถ ลนลานเหงื่อออกทำท่าทีจัดของ
"… ฉันถามว่า ทำอะไรอยู่" เธอถามอีกครั้ง
เบนลุกขึ้นยืน โผล่หน้าเหนือรถสิ่งต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับรถเริ่มผุกร่อน สีหน้าเศร้าตอบเบา ๆ พึมพำกับตัวเอง
"…ผมแค่คิดถึงพ่อ"
ในคืนที่เบนนอนไม่หลับ
เขาออกมาสูบบุหรี่ข้างนอกบ้าน
ควันสีเทาที่ออกมาจากปาก ทำให้ลมหายใจเป็นจริงขึ้นมา
คืนนั้น เบนกลับไปที่เตียง เขารู้ว่าบางครั้งเขาก็เป็นลูกที่ไม่ได้เรื่อง
กล่องเก็บของเล่นในวัยเด็ก คือ สวนสนุกที่ปิดกิจการไปแล้ว เบนเปิดมันที่ปลายเตียง หวังว่าช่วงเวลาในอดีตจะเยียวยาจิตใจในปัจจุบัน เขาเจอเรื่องราวที่ทำให้ยิ้มได้บ้างในวัยเด็ก บางเรื่องก็ทำให้เศร้าได้ มันก็อิ่มเอมในตัวตน เบนดูรูปฟิล์มตอนพ่อยังอยู่ เจอกล้องฟิล์มของพ่อ
เขาหัวเราะ ยิ้มกับช่วงเวลาที่ดีในรูปฟิล์มของกลุ่มคิปป์ที่มีพัฒน์ตอนเด็ก ช่วงเวลานั้นทำให้เราเรียนรู้ว่าแต่ละคนพิเศษแค่ไหนก่อนจะเติบโตเป็นคนธรรมดา สมการหลังรูปข้อความและกระดาษจดที่ทุกคนเขียนเมื่อสิบปีแล้วพอมาคิดเรื่องของพัฒน์ เขาว่านี่มันมาไกลกว่าที่ตัวเองคิดมากแค่ไหน รอยยิ้มมุมปากแสดงเรื่องราวนั้นแม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่สามารถทำเรื่องพวกนี้ได้ตัวคนเดียว เบนภาคภูมิใจในตัวพัฒน์