ผมสะดุ้งตื่นรีบดีดตัวขึ้นมาในหัวคิดว่าต้องสายแล้วแน่ๆ ผมรีบเช็ดคราบน้ำลายเปิดดูเวลาในโทรศัพท์ ตัวเลขที่ปรากฎบนหน้าจอนั่นก็คือ.. "เชี่ย.. เพิ่งตีห้าครึ่งหรอวะ" ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่โล่งอกที่คิดว่าตัวเองตื่นสาย ผมล้มตัวลงนอนเล่นโทรศัพท์อีกซักพักก่อนจะไปอาบน้ำ ผมเปิดประตูห้องนอนออกมาก็ได้กลิ่นหอมของกับข้าว ผมรู้ทันทีว่าเป็นแม่ที่กำลังทำกับข้าวอยู่ในครัว กลิ่นแบบนี้ นั่นมัน! ผัดคะน้าปลากระป๋องเมนูโปรดของผมเลย ผมรีบสวมเสื้อพละให้เรียบร้อยแล้วรีบสาวเท้าเข้าครัว ตอนนี้บนโต๊ะมีอาหารกับข้าวต่างๆวางไว้
"แม่ หนูขอเผ็ดๆเลยนะ" ผมบอกแม่ที่กำลังผัดคะน้าอยู่
"งั้นก็ไปตำพริกให้แม่เร็วๆเลย"
ผมรีบเดินไปหยิบครกกับสาก เด็ดขั่วพริกออกตำพอหยาบๆแล้วก็ตักใส่กระทะ กลิ่นพริกคลุ้งไปทั่วอดไม่ได้ที่จะจาม แม่ผมผัดคลุกให้เข้ากันก่อนตักใส่จานสวยแล้วยกมารวมกับกับข้าวอื่นๆ แน่นอนว่าผมตักข้าวรอเปิดประเดิมเมนูโปรดก่อนใคร ผมเอาเข้าไปยังไม่ทันได้เคี้ยวถึงกับต้องคายออกเพราะว่ามันร้อนดีนะลิ้นไม่พอง แม่ผมหัวเราะกับความเซ่อซ่าของผม ผมก็ทำหน้ามุ้ยงอนแต่ก็ต้องทำเสียงอ่อนเพราะแม่ถืออีโต้กำลังสับไก่เสียงมีดกระทบกับเขียงดังเป็นจังหวะ ไม่บอกก็รู้ว่าแม่ต้องการจะสื่ออะไร ผมรีบกินอย่างเงียบๆ พอกินเสร็จผมก็เอาจานไปล้างเก็บ ผมดูนาฬิกาแขวนผนังเป็นเวลาหกโมงกว่าๆแล้ว ผมจึงรีบเตรียมเก็บกระเป๋าออกจากบ้านไม่ลืมที่จะบอกสวัสดีแม่กับยายยกเว้นพี่ชายตัวดีที่ยังไม่ออกมาจากห้องเลย ผมคว้ากุยแจรถเดินตรงไปยังมอเตอร์ไซค์คู่ใจ ก่อนออกผมได้ส่งข้อความไปหาไอ้ณัฐว่ากำลังจะออกจากบ้านแล้ว ถ้าถึงที่ทำงานก็ให้รอกันที่เดิม มันไม่ได้อ่านผมเลยคิดว่ามันน่าจะกำลังขับรถอยู่เลยเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋า สตาร์ทรถขี่่ออกจากบ้านไป เส้นทางขาไปกับขากลับผมจะใช้คนละเส้นกัน ผมขี่ไปทางถนนใหญ่ช่วงเช้าๆรถไม่เยอะเท่าไหร่ แดดอ่อนๆตอนเช้ากับลมเบาๆ ทำผมอยากจอดรถปูเสื่อนอนข้างทางเลย ระหว่างทางขี่รถผมก็ร้องเพลงไปด้วย
"แค่อยากจะรู้ว่าตรงที่เธอยืนนั้นมีฝนตกไหม สบายดีไหม เธอกลัวฟ้าร้องหรือเปล่า~"
"ถ้าหากตรงนั้นไม่มีใคร ฉันพร้อม ฉันพร้อมจะไป~"
"ในคืนที่ฝนโปรยลงมา.. "
ระหว่างนั้นมีมอเตอร์ไซค์ขี่แซงผมขึ้นไป ผมเห็นเด็กที่ซ้อนท้ายหันมามองหน้าผม ผมเลยเปิดหน้ากากหมวกกันน็อคส่งวิ้งค์ให้น้องคนนั้นซักนิด พี่เข้าใจๆ เสียงพี่มันเพราะจนน้องต้องเหลี่ยวมาฟังเลยพี่เขินนะเนี่ย หรือว่าเราจะไปเป็นนักร้องดีนะรุ่งแน่ๆ ผมยิ้มกริ่มเมื่อคิดแบบนั้น
.
.
.
ตอนนี้ผมถึงที่ทำงานกำลังเอารถเข้าจอด เห็นไอ้ณัฐกับไอ้เอนั่งรออยู่ ผมก็รีบจ้ำเท้าไปหาทันทีเห็นมันสองคนกำลังตีป้อมกันอย่างเอาเป็นเอาตาย
"มึงดูดิ๊แครี่แม่งเดินแหลมเข้าไปตายตลอดเลย" ไอ้เอบ่นออกมาอย่างหัวเสียก็เข้าใจมันแหละเพราะมันกำลังลงแรงค์กันอยู่ มันเปิดไมค์รัวด่าไม่เว้นช่องไฟให้อีกฝ่ายได้ตอบโต้เลย ผมกับไอ้ณัฐหัวเราะกร๊าก สรุปแล้วพวกมันก็แพ้ดาวหดไปครับ
"เล่นต่อหรือพอแค่นี้ครับเพื่อนเอ" ไอ้ณัฐถามไอ้เอที่กำลังกระฟึดกระฟัดอยู่
"พอ! หัวร้อนว่ะแม่งเอ้ย! กว่ากูจะขึ้นได้" ผมตบบ่าไอ้เอให้ใจเย็น มันฟุบหน้าลงกับกระเป๋าร้องอาลัยอาวอนกับดาวที่เสียไป ส่วนไอ้ณัฐก็เลือกเล่นต่อแถมชวนผมเล่นอีกด้วยแต่ผมก็ปฏิเสธมันไปเพราะจะดูหนัง ไม่นานนักไอ้พีก็เดินเข้ามามันแกล้งจี้เอวไอ้เอจนไอ้เอสะดุ้ง พวกผมหัวขำท่าทางไอ้เอที่ทำหน้าโกรธเป็นตูด พอมากันครบแล้วก็เลยชวนกันขึ้นที่ทำงานเลยไม่นานลิฟท์ก็เปิดที่ชั้นห้า ผมกับไอ้ณัฐเดินแยกตัวออกมาผมเปิดประตูดู ภายในยังไม่มีคนมาเลย ผมเปิดโทรศัพท์ดูเวลาเจ็ดโมงยี่สิบ นี่เรามาเช้าหรือมันยังไม่ถึงเวลาเข้างานกันนะ
ไอ้ณัฐมันเอาสัมภาระไปไว้ที่โต๊ะแล้วอยู่ๆมันก็วิ่งมาหาผมหน้าตาตื่นเชียว
"เป็นไร? อยู่ๆก็วิ่งมากูตกใจหมด!" ผมถามไอ้ณัฐที่ตอนนี้มันมานั่งเบียดผมผมพยายามดันมันออกแต่ด้วยความที่มันตัวใหญ่กว่าผมเลยยอมแพ้เพราะมันไม่มีท่าทีจะลุกออกไปซักนิด
"ไอ้เชี่ย! มึง! เมื่อกี้ๆ ตอนกูอะ.." มันพูดตะกุกตะกักพร้อมกับหน้าที่มีเหงื่อซึมออกมา
"มึงใจเย็นๆนะเพื่อน ค่อยๆพูดกูฟังไม่รู้เรื่อง" ผมรอให้มันรวบรวมสติก่อนให้มันอธิบายสาเหตุที่มันวิ่งหน้าตื่นออกมา มันหายใจเข้าออกช้าๆ ผมหยิบทิชชู่ที่วางบนโต๊ะส่งให้เอาไปซับเหงื่อ
"คือ.. ตอนกูเอากระเป๋าไปวางอะ มึงเห็นโต๊ะกูใช่ไหมว่ามันตรงกับทางออกห้องการเงิน" ผมพยักหน้าตอบ
"แล้วหางตากูอะเห็นเงาใครไม่รู้แวบๆผ่านตาไป แล้วแม่งก็มีเสียงเหมือนแก้วกระทบกันอะ กูเลยรีบวิ่งมาหามึง" มันขยับตัวเบียดผมเข้ามาอีกผมเลยด่ามันไป "เสียงหนูหรือเปล่า มึงอะคิดมากละไอ้ณัฐแล้วมึงอะลุกไปซะทีกูอึดอัดไอ้เวร" ผมถลึงตาใส่มันก่อนมันจะยอมลุกออกไปแต่โดยดี ผมเห็นท่าทางมันกลัวเลยตัดสินใจเดินไปดูในห้องนั้นโดยมีไอ้ณัฐเดินตามหลังมาอย่างช้าๆ ทางเดินค่อนข้างแคบเพราะด้านซ้ายของห้องการเงินเป็นห้องประชุมเล็กและด้านขวาเป็นทำงานเรียงกันเป็นแนวเดียวกันผมค่อยๆเดินอย่างช้าๆผ่านห้องประชุมไป ผมสะดุ้งโหยงเลย เพราะว่าพี่เปรมอยู่ๆก็โผล่ออกมาจากห้องครัวที่อยู่ถัดจากห้องประชุม ขาผมอ่อนแรงแทบจะฟุบนั่งกองตรงนั้นโอ้ย.. หัวใจจะวาย พี่เปรมกดตาลงมองผมนิ่งๆ
"อ่า.. พี่เปรมนี่เอง" ผมพูดเสียงอ่อน ก่อนจะมองไอ้ณัฐที่เกาะเก้าอี้อยู่นอกห้อง มันหัวเราะแห้งๆเกาคอแก้เขิน พี่เปรมไม่ได้พูดอะไรแล้วเดินสวนผมออกไปพร้อมแก้วกาแฟในมือ ผมรีบเดินออกมาหาไอ้ณัฐ มันทำท่าหัวเราะ คิกคักใส่ "ขำไรวะ" ผมถามพลางตีไหล่มัน "ก็ขำที่มึงสะดุ้งตัวโก่งตอนพี่เปรมโผล่มาอะ ขวัญอ่อนเหมือนกันนี่หว่า" ผมมองค้อนใส่มัน "โผล่ออกมาแบบนั้นเป็นก็ตกใจไหมล่ะ มึงไม่ต้องมาขำกูเลย มึงอะตัวดีวิ่งหนีหางจุกตูดมาหากูหนิ" มันทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้แล้วไล่ผมไปนั่งที่ แหมม! มันน่าตบกระบาลแยกจริงๆไอ้นี่หนิ ผมเดินมานั่งที่ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าลืมสวัสดีพี่เปรม
"เอ่อ.. พี่ครับสวัสดีครับ" พี่เปรมหันมามองผมก่อนจะยกกาแฟขึ้นมาดื่มโดยที่ไม่ได้พูดอะไรผมค้างอยู่ซักพัก แล้วไอ้ณัฐก็ส่งข้อความมาหา ผมจึงเลิกสนใจพี่เปรมไป
-พี่เปรมมึงเขาเป็นเงียบๆหรอวะ
ทำไมวะ-
-กูเห็นนั่งเงียบไม่หือไม่อือ
-ตอนมึงไหว้ก็ไม่ตอบอะไรเลย
-กูนั่งข้างเขาคงอึดอัดตาย
คงงั้นมั้ง ไหนเมื่อวานมึงยังอยากแลกที่-
กับกูอยู่เลย
-กูขอเปลี่ยนคำพูด
ผมกำลังจะพิมพ์ตอบไอ้ณัฐแต่รู้สึกเหมือนมีอะไรมาสกิดไหล่ ผมกันไปก็เห็นพี่เปรมเอาปากกาจิ้มไหล่ผม
"ตามพี่มา" เขาพูดแค่นั้นก่อนจะลุกเดินออกไป ผมจึงรีบปิดโทรศัพท์เดินตามพี่เปรมเข้าไปในห้องการเงิน ไอ้ณัฐถามผมแบบไม่มีเสียงว่าไปไหนผมจึ่งส่ายหน้าตอบ พี่เปรมมาหยุดตรงซิ้งค์ล้างจานเขาล้างแก้วกาแฟเงียบๆไม่ได้พูดอะไรผมยืนดูพี่เปรมนิ่งๆ ผมไม่รู้ว่าเขาเรียกมาทำไมพูดอะไรซักอย่างก็ได้ ผมอึดอัดจะแย่ ผมหันไปส่งสายตาให้ไอ้ณัฐรับรู้แต่ก็กวนตีนทำท่าหัวเราะเช่นเคย ผมเลยเลิกสนใจมันและตัดสินใจถามพี่เปรม
"ที่เรียกผมให้ตามมา มีอะไรหรือเปล่าครับ" ผมมองหน้าพี่เปรมเมื่อรอคำตอบ
"พี่แค่กลัวผีเลยให้มาเป็นเพื่อน" พี่เปรมพูดพร้อมหัวเราะเบาๆ ผมจึงหัวเราะแห้งๆตอบกลับไป หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้พูดอะไรเดินออกไปนั่งที่เดิมผมก็เลยกลับมานั่งที่ด้วย พี่เปรมเปิดคอมพิวเตอร์ทำงานต่อเงียบๆ
ประมาณแปดโมงกว่าๆ คนอื่นๆก็เริ่มทยอยเข้ามา ผมมองไอ้ณัฐที่มันได้รับหมอบหมายงานจากพี่เลี้ยง ดูเหมือนจะเป็นการถ่ายเอกสาร ผมก็เกร็งนะเนี่ยที่คนอื่นกำลังนั่งทำงานกันมีแต่ผมที่นั่งเฉยๆ ผมหันมามองพี่เปรมซึ่งตอนนี้พี่เขากำลังเอนหลังพิงกับเก้าอี้ ผมถามพี่เปรมว่าเมื่อยหรอ พี่เขาแค่พยักหน้าตอบเฉยๆ ผมไม่ได้ถามอะไรต่อเพราะไม่อยากรบกวนพี่เปรม
"ไปชงกาแฟให้พี่หน่อยได้ไหม"
"อะไรนะครับ"
"กาแฟดำสองช้อนน้ำตาลครึ่งช้อน"
ผมพยักรับก่อนจะเดินไปที่ครัว ผมจำแก้วของพี่เปรมได้ แก้วสีดำมีลายตัวอักษรตรงกลางเป็นตัวP ผมหยิบโหลกาแฟดำและน้ำตาลออกมาใส่ตามที่พี่เปรมบอกตามด้วยน้ำร้อนปริมาณพอดีเพื่อไม่ให้จืดหรือขมเกินไป ผมหยิบช้อนมาคนตัวกาแฟให้ละลายเข้ากัน ผมค่อยๆถือแก้วกาแฟออกมาระวังไม่หกระหว่างทางจนถึงโต๊ะพี่เปรมผมค่อยๆ วางแก้วกาแฟลงก่อนจะรีบเดินมานั่งที่ ผมรอฟังคอมเมนต์อย่างตั้งใจ พี่เปรมหยิบช้อนคนไปมาแล้วค่อยๆยกแก้วดื่ม ผมลุ้นว่ามันออกมาดีไหม
"เป็นไงพี่ ใช้ได้ป่ะ"
"ก็ใช้ได้ แต่น้ำร้อนเยอะไปนิด" น้ำร้อนเยอะไปงั้นหรอนี่เราก็กะพอดีๆ แล้วนะ
"ถ้าผมใส่น้อยกว่านี้มันจะขมเกินไปน่ะสิ"
"พี่ชอบรสขม"
"งั้นรอบหน้าผมจะชงให้ใหม่"
พี่เปรมไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่พยักหน้ารับ ผมยิ้มให้ก่อนจะหันมาดูข้อความที่เด้งเข้ามาไม่ต้องเดาเลยว่าเป็นใครไอ้ณัฐแน่นอน มันถามว่าพี่เปรมเขาใช้ผมไปชงกาแฟหรอผมตอบมันไปว่าใช่ มันก็แซวๆผมว่าเป็นเลขาสาวเสิร์ฟกาแฟให้คุณบอส มันนี่กวนตีนผมได้ตลอดเวลาจริงๆ ผมส่งอิโมจินิ้วกลางให้มันแล้วปิดจอโทรศัพท์ตัดปัญหาไม่งั้นผมกับมันได้ทำสงครามในแชทกันแน่ ผมถอนหายใจออกมาเบาๆ
"เบื่อหรือไง" พี่เปรมพูดขึ้นขณะที่มือกำลังพิมพ์งาน
"อ๋อ เปล่าครับแค่เพื่อนมันกวนผมนิดๆหน่อยๆ" ผมตอบไปทันทีเพราะกลัวพี่เปรมจะเข้าใจผิด
"อะนี่ เขียนรองรับให้พี่หน่อย เดี๋ยวสอน" เขายื่นสมุดปกแข็งที่มีช่องตารางให้เขียนพร้อมกับเอกสารไม่เยอะมากผมรับมาวางไว้บนโต๊ะก่อนจะหยิบปากกาออกมา
"ช่องแรกเขียนเลขรองรับ อย่างอันที่แล้วคือ2874ยอร์ชก็เขียนต่อเป็น2875ส่วนช่องนี้ก็.. " นี่เป็นครั้งแรกหรือเปล่าที่เพิ่งเคยได้ยินพี่เปรมพูดชื่อเรา
"ยอร์ช ฟังอยู่หรือเปล่า"
"เหม่ออะไร"
"ขอโทษครับๆ พี่อธิบายใหม่ได้ไหมครับ" พี่เปรมจะหงุดหงิดเพราะเราไหมเนี่ยโอ้ยยย!
"ตั้งใจฟังด้วย.. " รอบนี้ผมตั้งใจฟังที่พี่เปรมสอน เท่าที่จับใจความได้งานนี้ก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิด ผมลงมือทำอย่างตั้งใจโดยมีสายตาของพี่เปรมมองอยู่ อย่ากดดันกันสิครับพี่! เดี๋ยวผมเขียนผิด ผมนั่งเขียนตัวเกร็งไปหมดผมเหลือบมองพี่เปรมด้วยหางตาก็ยังเจอสายตานิ่งๆ จ้องมองอยู่ ผมพยายามไม่สนใจรีบเขียนให้เสร็จ
"เสร็จแล้วพี่ครับพี่เปรม" ผมจัดเอกสารให้เรียบร้อยและยื่นให้พี่เปรม พี่เปรมไม่ได้พูดอะไรก่อนจะเปิดดูสมุดที่ผมเขียน เขาไล่ดูทุกบรรทัดผมเริ่มกลัวว่าจะทำผิดซะแล้วสิ
"โอเค ใช้ได้หนิ" ผมโล่งอกหลังจากที่พี่เปรมพูดแบบนั้น
.
.
.
ผมมองเวลาก็ใกล้จะเที่ยงแล้ว ทุกคนในห้องก็ออกไปกินข้าว ผมนั่งรอไอ้ณัฐทำงานเสร็จจะได้ไปกินข้าวด้วยกัน ไอ้ณัฐส่งข้อความมาว่ารออีกเดี๋ยวใกล้จะเสร็จแล้ว ผมเลยส่งอิโมจิโอเคให้มัน ตอนนี้ในพี่เพียงแค่ผมไอ้ณัฐแล้วก็พี่เปรม พี่เปรมยังนั่งทำงานอยู่ เขาไม่กินข้าวหรอเมื่อวานตอนผมลงไปกินข้าวก็มีแต่พี่เปรมนี่แหละที่ยังทำงานอยู่ในห้อง
"พี่เปรมไม่กินข้าวหรอครับ" ผมตัดสินใจถามออกไป
"พี่สั่งมากินในห้อง" อ๋อ แบบนี้นี่เองแล้วอย่างงี้พี่เขาไม่เหงาบ้างหรอ ผมไม่ได้ถามอะไรต่อจนไอ้ณัฐมันเดินมาผมเลยลุกออกไปซื้อข้าวกับมัน ที่สำนักงานจะมีลานขายพวกของกินอยู่ โดยวันอังคารกับวันพฤหัสจะมีของเยอะมากเนื่องจากเป็นตลาด ผมเดินดูร้านต่างๆก่อนจะตัดสินใจซื้อก๋วยเตี๋ยว ไอ้ณัฐก็ขอแยกตัวไปซื้อข้าวกล่อง
"สั่งได้เลยจ้าหนู" ป้าแม่ค้าที่ขายก๋วยเตี๋ยวถาม
"ผมเอาหมี่หลืองน้ำใสไม่ใส่หมูเอาแค่ลูกชิ้นแล้วก็ขอกระเทียมเจียวเยอะๆนะครับ" ผมบอกป้าเขาไปดูเหมือนป้าเขาทำหน้าสงสัย ผมพอจะเดาได้อยู่แล้ว..
"หนูเป็นอิสลามหรอลูก" นั่นไงว่าแล้วคำถามที่ผมได้ยินตั้งแต่เล็กจนโต บางทีผมก็สงสัยนะว่าไอ้การที่คนเราไม่กินหมูนี่จำเป็นต้องเป็นอิสลามทุกคนเลยหรอ
"เปล่าครับป้าผมแค่ไม่กินเฉยๆ" ไม่นานผมก็ได้ก๋วยเตี๋ยวสั่งเป็นถ้วยกระดาษขนาดไม่ใหญ่มาก ผมตักพริกป่นใส่สองช้อนพูนๆ และตามด้วยเครื่องปรุงอื่นๆ
"โหมึงใส่ขนาดนี้ไส้ไม่ขาดหรอวะ" ไอ้ณัฐเดินยืนพูดอยู่ข้างหลังผม
"มึงจะลองไหมล่ะ" ไอ้ณัฐส่ายหน้ารัวก่อนจะยื่นขวดน้ำเปล่ามาให้ มันถามว่าจะนั่งกินที่ไหนในโรงอาหารคนเต็มไม่มีที่นั่ง ผมคิดอยู่ชั่วครู่ตัดสินใจบอกมันว่าเราจะเอาไปกินข้างบน ไอ้ณัฐก็ถามต่อว่าทำได้ด้วยหรอ ผมพยักพร้อมบอกว่าพี่เปรมเขากินข้าวข้างบนคนเดียว ไอ้ณัฐเหล่ตามองผมขณะรอลิฟท์มา
"แหม คุณเลขากลัวคุณบอสเหงาหรอคะ" มันดัดเสียงแหลมๆล้อผม อยากเตะตูดมันจริงๆเล้ย!
ลิฟท์มาพอดีผมเดินนำเข้าไปไม่ได้พูดอะไรพอลิฟท์เปิดชั้นห้าผมก็รีบเดินเห็นพี่เปรมกำลังนั่งกินข้าวอยู่หน้าห้อง ผมจึงขอเข้าไปนั่งกินด้วย พี่เปรมทำหน้าแปลกใจอยู่หน่อยๆแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาตามสไตล์พี่เขา ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นเพื่อจะเปิดหนังดู ระหว่างนั้นก็มีแค่เพียงเสียงหนังจากโทรศัพท์ผมเท่านั้น พี่เปรมกินเสร็จก็เดินเข้าห้องทันที จากนั้นผมกับไอ้ณัฐก็ต่างคนต่างแยกย้ายกันเข้าที่ ผมเดินไปที่ครัวเพื่อจะไปกรอกน้ำใส่ขวดเห็นพี่เปรมกำลังยืนอยู่
"พี่เปรมจะชงกาแฟหรอครับ"
"เปล่า กำลังหาโหล่ชา"
ผมนึกว่าพี่เปรมจะกินกาแฟซะหน่อยจะได้แก้มือใหม่ พี่เปรมเอื้อมไปหยิบโหล่ที่วางไว้ในตู้ชั้นบน พอมายืนข้างเขาแล้วรู้สึกเตี้ยมากเลย ผมกรอกน้ำเสร็จก็เดินออกมานั่งที่ตัวเองและดูหนังต่อ..
ของขวัญจากผู้อ่านคือกำลังใจในการสร้างสรรค์ผลงาน ช่วยส่งกำลังใจให้ไรต์หน่อยนะ!