webnovel

048 เด็กน้อยตื่นนอน

บทที่ 48 เด็กน้อยตื่นนอน

เหตุการณ์ที่น่าตื่นตาตื่นใจผ่านไปแล้ว คนที่มุงดูอยู่ก็ถูกผู้จัดการโจวสั่งแยกย้ายแล้ว

ไป๋ถังได้ยินเรื่องแปลกเล็กน้อยเมื่อครู่ จึงลากอวี๋หวั่นมาคุยเรื่องที่ขึ้นรถม้าเยี่ยนจิ่วเฉาผิดวันนั้น

“ข้าหลับอยู่ จึงไม่รู้อะไรเลย” อวี๋หวั่นพูดตามตรง

ไป๋ถังกอดอกพร้อมจ้องเขม็ง “เจ้ามันใจกล้าขนาดไหนกัน? ไปหลับในรถม้าของเจ้าบ้านั่นเสียได้!”

“เจ้าบ้าหรือ?” อวี๋หวั่นกะพริบตาปริบๆ

ไป๋ถังพยักหน้าพลางเบ้ปากเอ่ย “กล้าไปทะเลาะกับคนในพระตำหนัก จะไม่ใช่เจ้าบ้าหรือ?”

แต่ถือว่าเป็นเจ้าบ้าที่หล่อเหลาที่สุดในใต้หล้าทีเดียว

แน่นอนว่าไป๋ถังมิอาจคิดเลยเถิดอะไรกับชายหนุ่มเช่นนี้ได้ นางยังอยากมีชีวิตอยู่อีกหลายๆ ปี

ระหว่างที่ทั้งสองคนสนทนากัน อวี๋เฟิงก็กลับเข้ามา

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น? เหตุใดข้างนอกจึงมีคนมากมายนัก?” เขาถาม

ที่แท้ คนพวกนั้นยังไม่ได้จากไปไหนไกล ยังคงยืนจับกลุ่มกันวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่ด้านข้าง

“เรื่องนี้จำต้องถามน้องสาวเจ้าเองแล้ว” ไป๋ถังเข้าไปยังห้องโถงผ่านประตูหลัง

อวี๋เฟิงมองนางพร้อมสายตาที่ชะงักเล็กน้อย “อาหวั่นกลับมาแล้วหรือ? นางไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?”

ไป๋ถังตอบด้วยน้ำเสียงขำขัน “พวกเจ้าพี่น้องช่างถามเหมือนกันเสียจริง นางอยู่ในห้องข้า เจ้าเข้าไปถามนางเองเถอะ”

อวี๋เฟิงนึกถึงตอนที่เห็นชุดชั้นในข้างห้องของไป๋ถังคราก่อน ใบหูก็ร้อนฉ่าขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ “แค่ก รบกวนคุณหนูไป๋เรียกอาหวั่นออกมาให้หน่อยเถิด”

“อืม” ไป๋ถังไม่รู้สึกถึงความผิดปกติของอวี๋เฟิง และไม่ถามว่าเหตุใดเขาจึงไม่เข้าไปเองด้วย นางกลับไปเรียกอวี๋หวั่นให้ออกมาที่ห้องโถง

อวี๋เฟิงเห็นอวี๋หวั่นปลอดภัยไร้รอยขีดข่วน ในที่สุดก็วางใจลง แต่หลังจากได้ยินไป๋ถังเอ่ยถึงเรื่องโจร ก็ตกอกตกใจจนเหงื่อเย็นไหลท่วมร่าง

โจร? มือสังหาร?

เด็กคนนี้ไปทำอะไรมาเนี่ย?!

ไม่รู้หรืออย่างไรว่าอันตรายเพียงใด? กล้าเข้าไปยังรังโจรเพียงลำพัง ผู้ที่โชคดีหนีรอดมาได้มีไม่ถึงหนึ่งในหมื่นกระมัง?

นางเคยคิดถึงจุดจบของการเกี่ยวพันเรื่องนี้บ้างไหม!

“เจ้าว่ามาสิ เหตุใดเจ้าถึงใจกล้าขนาดนี้? ข้าให้เจ้ารออยู่ที่หอหยกขาวดีๆ ไม่ใช่หรือ? ไม่เห็นเจ้าครู่เดียว เจ้าก็เกือบจะเอาชีวิตไปทิ้งเสียแล้ว! หากเจ้ามีอันเป็นไป ข้าจะไปบอกอาสามกับอาสะใภ้สามอย่างไร? จะบอกพ่อข้าอย่างไร?”

“ก็เป็นเพราะนางห่วงเจ้าไม่ใช่หรือ!” ไป๋ถังส่งเสียงฮึดฮัด

โทสะของอวี๋เฟิงลดลงมาเกินครึ่ง แต่มิทราบว่าเป็นเพราะประโยคนี้ หรือผู้ที่เอ่ยประโยคนี้กันแน่

อวี๋หวั่นมองทั้งสองคนด้วยดวงตาที่เป็นประกาย

อวี๋เฟิงกระแอมไอเบาๆ ก่อนตีหน้าขรึม “ต่อไป...ไม่อนุญาตให้เจ้าทำอะไรตามใจชอบอีก เข้าใจหรือไม่?”

“เข้าใจแล้ว จะเชื่อฟังพี่ใหญ่ทั้งหมด” อวี๋หวั่นรับคำอย่างว่าง่าย

ดูสิ นี่ล่ะน้องสาวเขา ปากบอกว่าจะเชื่อฟังตลอดไป แต่เรื่องที่แอบทำกลับทำให้ตกใจเจียนตายได้เลย

แต่นี่ไม่ใช่แค่เรื่องช่วยชีวิตม้า เขาจำเป็นต้องใช้เวลาทำความเข้าใจดีๆ เสียหน่อย แล้วคิดว่าจะบอกคนที่บ้านอย่างไรไม่ให้พวกเขาตกใจเจียนตายกัน

เมื่อพูดถึงอีกด้านหนึ่ง เยี่ยนจิ่วเฉาพาเด็กน้อยทั้งสามกลับจวนแล้ว

เด็กน้อยทั้งสามนอนแผ่หลาอยู่บนฟูกอันอบอุ่น

ในชีวิตของเยี่ยนจิ่วเฉาที่เติบโตมาจนอายุยี่สิบสามปี ไม่เคยเห็นสิ่งที่เล็กและบอบบางเช่นนี้มาก่อน สวมใส่อาภรณ์แบบเดียวกัน แต่ร่างกายกลับเล็กกว่าหมอนอิงด้วยซ้ำ กำปั้นเล็กวางอยู่เหนือหัว ศีรษะเล็กหันไปในทิศเดียวกัน หายใจด้วยจังหวะสม่ำเสมอ

เยี่ยนจิ่วเฉาเห็นแล้วก็ทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย

เขายื่นนิ้วชี้ที่เรียวยาวดั่งหยกออกไปจิ้มพุงของเด็กน้อยคนหนึ่งเบาๆ

เด็กน้อยคนนั้นกำหมัดแน่นแล้วเหยียดออกบิดขี้เกียจ

เยี่ยนจิ่วเฉาจิ้มพุงนิ่มๆ ของเด็กน้อยอีกสองคนต่อ

เด็กน้อยทั้งสองก็เริ่มกำหมัด หาวแล้วเหยียดออกบิดขี้เกียจ

เด็กน้อยทั้งสามที่ทำอย่างไรก็ไม่ตื่นจึงตื่นเพราะถูกบิดาจิ้มปลุกอย่างไร้เมตตาเช่นนี้...

พวกเขาเปิดดวงตาโตสีดำขลับขึ้นมา

สิ่งที่น่าแปลกใจคือ พวกเขากลับไม่ร้องไห้โวยวายกันเลย

เยี่ยนจิ่วเฉามองพวกเขา พวกเขาก็มองไปยังเยี่ยนจิ่วเฉาเช่นกัน

ทันใดนั้น คนโตที่ถูกปลุกให้ตื่นคนแรกสุดก็คลานไปหาเยี่ยนจิ่วเฉา อีกสองคนก็คลานไปหาตาม

เยี่ยนจิ่วเฉาไม่เคยใกล้ชิดกับใครเช่นนี้มาก่อน เห็นว่าเด็กน้อยทั้งสามคลานเข้ามายังอ้อมอกของตัวเอง ในใจของเขาก็เต็มไปด้วยความรู้สึกที่อธิบายได้ยาก

แม้แต่สายตาของเขาก็อ่อนโยนลง

ทว่าเขาเสพสุขได้ไม่นานเท่าไร ก็รู้สึกถึงสิ่งร้อนๆ ตรงท้องของตัวเอง...

เขาแข็งเป็นหินไปทั้งตัว...

............................

เวลายามเย็น สองพี่น้องกลับมายังหมู่บ้านเหลียนฮวา แต่ละบ้านต่างยุ่งกับการจัดเตรียมอาหารเย็น หมู่บ้านเล็กๆ ถูกปกคลุมไปด้วยกลุ่มควันโขมง

เถี่ยตั้นน้อยกับอวี๋ซงกำลังติดตุ้ยเหลียน[footnoteRef:1]อยู่ตรงหน้าประตู อวี๋ซงอุ้มตัวเถี่ยตั้นน้อยขึ้นมา เถี่ยตั้นน้อยถือกระดาษสีแดงที่ทาแป้งเปียกไว้พร้อมเอ่ยว่า “สูงอีกหน่อยสิพี่รอง” [1: ตุ้ยเหลียน คือ ตัวหนังสือที่เขียนข้อความเป็นคู่ มักเห็นตามประตูหน้าบ้านของชาวจีน]

“ซ้ายอีกหน่อย”

“เลยแล้วๆ ขวาอีกหน่อย!”

“สูงอีกหน่อย!”

อวี๋ซงเหนื่อยจนเหงื่อเม็ดใหญ่ผุดเต็มหน้า “รู้บ้างไหมว่าเจ้าตัวหนักมากน่ะ?”

เถี่ยตั้นน้อยทำเสียงฮึดฮัด “ข้ายังเด็กเช่นนี้ จะไปหนักตรงไหนเล่า? พี่รองแรงน้อยเองต่างหาก!”

ไม่มีทางยอมรับหรอกว่าข้าอ้วน!

“ผ่านปีนี้ไปเจ้าก็หกขวบแล้ว ยังเด็กอีกหรือ?” อวี๋ซงกลอกตาใส่

อวี๋เฟิงเดินมาหาแล้วรับตัวเถี่ยตั้นน้อยไปจากมือของน้องชาย ก่อนจะให้เถี่ยตั้นน้อยนั่งบนไหล่ที่หนากว้างและแข็งแรงของตนเอง แขนข้างหนึ่งก็โอบเขาไว้

เถี่ยตั้นน้อยพลันรู้สึกว่าตนเองนั่งได้มั่นคงแล้ว เขาก้มหัวลงพลางยิ้มกว้างใส่อวี๋เฟิง “พี่ใหญ่!” แล้วหันไปมองอวี๋หวั่นด้านข้าง “ท่านพี่!”

อวี๋หวั่นยกยิ้มบางๆ

ด้วยการร่วมแรงของหลายคน จึงติดตุ้ยเหลียนเฉลิมฉลองได้สำเร็จ

ภายในห้องโถง ป้าสะใภ้กับนางเจียงกำลังห่อเกี๊ยว ส่วนเด็กหญิงตัวน้อยก็กำลังเล่นแป้งบะหมี่อยู่

“ท่านแม่ ท่านป้า” อวี๋หวั่นทักทาย

นางเจียงส่งยิ้มบางๆ “กลับมาแล้วหรือ?”

“เหตุใดจึงกลับกันมาช้าเล่า?” ป้าสะใภ้มองสีท้องฟ้าที่หม่นลง

อวี๋เฟิงเล่าเรื่องที่อวี๋หวั่นช่วยเด็กน้อยทั้งสามให้คนในบ้านฟัง แน่นอนว่าข้ามรายละเอียดที่ช่วงน่าตกใจไป เล่าเพียงว่าไปเจอโจรลักพาตัวระหว่างทาง จากนั้นก็ช่วยเด็กน้อยทั้งสามมาจากเงื้อมมือพวกเขา

“อาหวั่นมิเป็นไรใช่หรือไม่? มิได้ถูกพวกโจรหมายหัวใช่หรือไม่?” ป้าสะใภ้ถามอย่างหวาดกลัว

“แล้วโจรลักพาตัวเล่า?” ลุงใหญ่ก็ค้ำไม้เท้าเดินออกมาจากห้องครัว

อวี๋เฟิงรู้อยู่แล้วว่าทั้งบิดามารดาจะต้องตอบสนองเช่นนี้ เขายังมิได้เอ่ยถึงเรื่องมือสังหารเลยด้วยซ้ำ หากเล่าไปหมดเปลือกจริงๆ เกรงว่าเขาคงต้องถูกตีเพราะดูแลน้องสาวได้ไม่ดีแล้ว

“นางไม่เป็นไร โจรลักพาตัวก็ถูกจับแล้ว”

นี่คือข้ออ้างที่อวี๋เฟิงคิดออกมาจากใจสำหรับบิดามารดาและอาสะใภ้สาม แต่สิ่งที่อวี๋เฟิงมิทราบคือ โจรลักพาตัวเหล่านั้นมิใช่แค่ถูกจับ แปดถึงเก้าในสิบยังถูกสังหารไปแล้ว กลุ่มมือสังหารที่วัดร้างนั้นมิใช่คนธรรมดา หากหนีรอดมาได้ก็เท่ากับอวี๋หวั่นแพ้แล้ว

“อาหวั่นเก่งจริงๆ” นางเจียงอมยิ้มให้อวี๋หวั่น

อวี่หวั่น ‘รู้สึกเหมือนแม่ของเราจะรู้เรื่องอะไรเลยนะ!’

.................................................

Siguiente capítulo