"ขอบน้ำใจเจ้ามาก ที่มีประสงค์ดีต่อกิจการพวกเรา" เหล่าแปะเอ่ยขึ้น หลังจากได้รับฟังเรื่องราวการติดตามตัวโจรชุดดำจากธีรพล
"เมื่อสามารถกระทำได้ ย่อมต้องยื่นมือเข้าช่วยเหลือ"
แน่นอนว่าเรื่องที่ธีรพลแจงรายละเอียดเหตุการณ์ให้ฟังนั้นบอกเล่าเรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบจริง แต่ยกเว้นบทสนทนาและข้อมูลของสาวชุดดำนั้นไว้
"โชคยังดีที่เราไหวตัวทัน นำสินค้าไปจัดเก็บไว้อีกสถานที่หนึ่งได้ทันการณ์ ไม่เช่นนั้นหากถูกขโมยไปได้ เราคงโดนเฮียสามลงโทษสถานหนักเป็นแน่" เหล่าแปะทอดถอนใจอย่างโล่งอก เผลอเอ่ยปรับทุกข์ให้ธีรพลฟัง
"แปลกจริงที่โจรชุดดำนั่นไม่ได้ขโมยสินค้าใดไปสักชิ้น หรือนี่แสดงว่ามันต้องการสิ่งหนึ่งสิ่งใดโดยเฉพาะใช่หรือไม่?" ธีรพลโยนหินถามทางเอ่ยอย่างชวนให้ครุ่นคิด
"ไม่ใช่หรอก น้องเราคิดมากไปแล้ว มันก็คงเป็นเพียงโจรทั่วไปเท่านั้น" เหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองพูดเปิดเผยเรื่องราวภายในต่อหน้าบุคคลภายนอกมากไป เหล่าแปะจึงชิงตัดบทโบกมือให้ยุติบทสนทนาไว้เพียงเท่านี้
"เอาอย่างนี้ เพื่อเป็นการตอบแทนน้ำใจ น้องเราต้องการไหว้วานสิ่งใด หากไม่เกินความสามารถ น้องเราบอกกล่าวได้อย่างเต็มที่" เหล่าแปะพลันหันเหหัวเรื่อง ยกมือขึ้นตบอก กล่าวหยิบยื่นผลประโยชน์ซื้อใจอีกฝ่าย
"จริงๆ ก็มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ใคร่ขอให้เหล่าแปะเสาะหาข่าวให้" ทันทีที่อีกฝ่ายเสนอ ธีรพลก็นึกถึงผลผลึกพลังงานธาตุที่สูญหายไปของสุบรรณในทันที ภายนอกจึงรีบบอกเล่ารายละเอียดลักษณะของก้อนพลังงานผลึกสีแดงเพลิงปนเขียวขนาดราวผลแตง ซึ่งเขาสอบถามจากสุบรรณให้เหล่าแปะได้จดจำ
"รูปทรงสีสันดั่งอัญมณี แต่แข็งแกร่งจนไม่อาจมีสิ่งใดทำให้แตกหักได้" เหล่าแปะทวนคำบอกเล่าของธีรพลช้าๆ
"ดูของที่น้องเราต้องการให้สืบหา จะมีราคาค่างวดไม่ใช่น้อย แต่เอาเถอะ หากเป็นเพียงการหาเบาะแส เราย่อมมีหนทางกระทำให้ได้" เหล่าแปะแย้มยิ้ม ตบไหล่บอกให้ธีรพลวางใจ
"ขอบคุณเหล่าแปะล่วงหน้า" ธีรพลโค้งกายคำนับ ก่อนจะขอตัวกล่าวอำลา ซึ่งเหล่าแปะก็จัดหารถม้าส่งตัวเขากลับบ้านพักไป
วันรุ่งขึ้น เมื่อธีรพลตื่นจากหลับใหล รถม้าหลายคันก็เตรียมพร้อมนำทั้งคณะออกจากบ้านพักไปยังสนามพรรคม้าเหล็กตามคำนัดหมายระหว่างเฮียจวงและเฮียสมบัติ ซึ่งทั้งหมดก็ต้องใช้เวลากว่าเกือบชั่วโมงครึ่ง จึงมาถึงยังทะเลสาบขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ที่ซึ่งมีหาดทรายกว้างขวางทอดยาวนับสองกิโลเมตรตั้งอยู่
บนผืนทรายแถบหนึ่ง มีกระโจมสีขาวตั้งเรียงรายครอบคลุมพื้นที่ริมทะเลสาบ หนึ่งกระโจมใหญ่ตั้งอยู่ริมน้ำสร้างขึ้นเป็นสนามวัวชน อีกสองกระโจมขนาดกลางสร้างลดหลั่นถัดกันเข้ามายังพื้นที่ด้านนอกเป็นสนามไก่ชน ซึ่งทั้งสามแห่งปลูกสร้างไว้ด้วยอัฒจันทร์ปูพื้นไม้ล้อมรอบใช้สำหรับเป็นที่นั่งของผู้เข้าชม กึ่งกลางกระโจมเปิดโล่งให้แสงจากธรรมชาติส่องสว่างให้เห็นทั่วทั้งลานประลอง ส่วนกระโจมขนาดเล็กที่รอบข้างอีกมากมาย ฟากหนึ่งมีไว้สำหรับใช้เป็นสถานที่พักผ่อนของแขกกิตติมศักดิ์และนักสู้ ส่วนอีกฟากหนึ่งที่ห่างออกไปเป็นสถานที่ใช้กักเก็บตัวสัตว์ที่จะนำออกมาใช้ต่อสู้กันโดยเฉพาะ
แต่ที่โดดเด่นสะดุดตาที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นกระโจมใหญ่ที่ลอยโดดเดี่ยวอยู่กลางน้ำ มีไว้ใช้สำหรับเป็นสนามประลองของมนุษย์ กึ่งกลางเป็นลานไม้รูปทรงกลมกว้างยาวห้าวาล้อมรอบไว้ด้วยผืนน้ำ ส่วนพื้นที่ที่ถัดออกมาเป็นอัฒจันทร์ยกสูงจากลานประลองแบ่งแยกออกเป็นสองฟากฝั่ง ขั้นไว้ด้วยสะพานไม้กว้างสามวาผืนหนึ่งใช้สำหรับเชื่อมต่อกับชายฝั่ง
สำหรับการรักษาความปลอดภัยของสถานที่นี้ก็เข้มงวดยิ่ง เนื่องจากภายนอกล้อมรอบไว้ด้วยรั้วไม้หยาบใหญ่สูงเกือบสองวา จากภายนอกจึงไม่สามารถเห็นมาตรการภายในได้ถนัดตา ส่วนบุคคลที่จะเข้าไปในพื้นที่ก็ต้องผ่านการตรวจอาวุธอย่างละเอียด ดังนั้นทุกที่ทางเข้าออกจึงมีเวรยามคอยรักษาความปลอดภัยอยู่โดยตลอด หากจะพูดเปรียบว่าสนามพรรคม้าเหล็กนี้เป็นดั่งป้อมปราการทางทหารขนาดย่อมก็ไม่ผิดเพี้ยนแต่อย่างใด
หลังจากผ่านการตรวจสอบที่ประตูใหญ่ พนักงานของพรรคม้าเหล็กก็เข้ามารับหน้าเฮียจวงนำทั้งคณะเดินไปยังลานกว้างจุดรวมตัวประจำสถานที่ ซึ่งที่แห่งนี้เป็นจุดที่จะสามารถใช้แยกเดินต่อไปยังลานต่อสู้หลักทั้งสี่ได้ อีกทั้งที่มุมหนึ่งยังได้จัดสร้างกระดานไม้แผ่นใหญ่ใช้เขียนกำหนดการลงสังเวียนแต่ละสนามไว้ตั้งแต่ช่วงสายยันช่วงค่ำ ให้แขกผู้มาสามารถเลือกเข้าชมตามสถานที่ได้ตามต้องการ
"เฮียจวงทางนี้" เฮียสมบัติหัวเราะร่า โบกมือร้องเรียกอีกฝ่าย
"เฮียสมบัติ" เฮียจวงเอ่ยทักพลางพยักหน้าเล็กน้อย
"เตรียมตัวพร้อมจะเสียเงินหรือยัง เฮียจวง" เฮียสมบัติยิ้มทักเอ่ยถากถาง
"ครั้งนี้คงไม่โชคดีเหมือนคราที่แล้ว วันนี้เตรียมตัวเสียเงินก้อนโตได้เลย" เฮียจวงที่ก็ไม่ยอมให้อีกฝ่ายเสียดสีอยู่ถ่ายเดียว จึงได้โต้คารมกลับอย่างทันควันเช่นกัน
"วันนี้มีหลายคู่ที่น่าสนใจไม่น้อย คู่เอกคงหนีไม่พ้นวัวจากเวียงพิงค์พบวัวจากเวียงโกศัยในช่วงบ่ายแก่ อย่างไรพวกเราเริ่มจากไก่ชนก่อนดีหรือไม่?" เฮียสมบัติกล่าวเสนอ
"ย่อมได้ เชิญ" เฮียจวงตอบพร้อมกับผายมือเชื้อเชิญอีกฝ่าย ก่อนที่ทั้งหมดจะเดินไปยังสนามไก่ชนที่อยู่ใกล้ที่สุดในทันที
หลังจากหาที่นั่งที่เหมาะสมลงได้แล้ว เฮียจวงและเฮียสมบัติก็ไม่เสียเวลาเริ่มพนันขันต่อกัน โดยใช้กฎกติกาที่ง่ายดายยิ่งคือ เลือกฝ่ายที่ตนพึงใจอยากถือหาง จากนั้นลงเงินในอัตราที่เท่าเทียมกันเข้าสู่กองกลาง และเมื่อผลแพ้ชนะปรากฏ ผู้ที่ลงขันในฝ่ายที่มีชัยก็จะกินรวบเงินกองกลางจากทั้งสองฝั่งกลับเข้าเป็นของตนเองได้ทั้งหมด ซึ่งในกรณีนี้พรรคม้าเหล็กจะจัดเก็บเงินค่าอำนวยความสะดวกในลักษณะเหมารวมจำนวนห้าบาทต่อหัว และหากในกรณีที่มีข้อพิพาทใดเกิดขึ้น ทางพรรคก็จะสามารถทำหน้าที่เป็นคนกลางจัดการปัญหานั้นให้ได้
แต่สำหรับในกรณีของบุคคลทั่วไปนั้น หากไม่มีเงินทุนให้นำออกมาใช้มากมายนัก ก็สามารถเลือกพนันกับทางพรรคม้าเหล็กได้โดยตรง โดยทางพรรคจะมีอัตราการต่อรองไว้มาคอยล่อใจให้ผีพนันทั้งหลายเลือกทุ่มแทงในฝ่ายที่ตนคาดว่าจะได้ชัย ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริงก็จะได้เงินตอบแทนตามอัตราต่อรองที่ประกาศไว้ แต่ถ้าทุ่มแทงในฝ่ายที่พ่ายแพ้เงินทั้งหมดก็จะถูกริบเข้าเป็นของเจ้ามือ ส่วนถ้าเป็นในกรณีที่เจ้าของสัตว์ต้องการที่จะพนันขันต่อกันเอง ทางพรรคก็จะจัดเก็บเป็นเงินค่าต๋งในอัตราได้สิบจ่ายสองเป็นค่าทดแทนในการใช้สถานที่
จริงๆแล้วธีรพลไม่มีความสนใจในด้านนี้เท่าใดนัก เมื่อสอบถามกฎกติกาการชนไก่และวิธีการพนันจากสิงห์ผู้ที่มีความสันทัดจัดเจนมากกว่าจนเข้าใจอย่างโดยตลอดดีแล้ว เขาก็ไม่ให้ความสนใจในด้านนี้อีก เวลาว่างที่มีจึงทุ่มเทไปกับการหลับตานั่งทำสมาธิบังคับขับเคลื่อนพลังงานชีวิตภายในร่างให้เป็นไปตามจิตสั่ง ซึ่งทางด้านสิงห์เกลอรักก็เพียงนึกไปว่าธีรพลคงอยากจะงีบหลับเนื่องจากเมื่อคืนกลับเข้าที่พักเสียดึกดื่น เขาจึงไม่รบกวนใดๆอีก
เมื่อสมาธิจิตเคลื่อนเข้าสู่ขอบเขตสมดุล ธีรพลก็เริ่มบังคับพลังงานชีวิตจากบ่อกำเนิดพลังผ่านเส้นลมปราณจากแกนกลางกระจายออกสู่แขนขา ก่อนจะวกเป็นวงกลับสู่บ่อกำเนิดพลังตามเดิม แม้ในครั้งแรกๆจะยังมีสะดุดติดขัดเหมือนครั้งเหตุการณ์กระโดดข้ามกำแพงเมื่อคืนวานอยู่ แต่หลังจากทำซ้ำวนอยู่หลายเที่ยวก็ทำให้การเคลื่อนตัวของพลังงานราบรื่นติดตามกันได้อย่างต่อเนื่อง
กระนั้นแม้จะสามารถฝึกฝนได้ผลเป็นที่น่าพอใจแล้วก็ตาม แต่ธีรพลก็ยังไม่หยุดการฝึกไว้เพียงเท่านี้ เพราะตัวเขารู้ดีว่าในยามที่เหตุการณ์ขับขันจวนเจียน ยิ่งการตอบสนองบังคับพลังงานรวดเร็วถูกจุดมากเท่าใด โอกาสที่จะแก้ไขหรือกระทั่งเปลี่ยนพลิกสถานการณ์ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นการบังคับเคลื่อนพลังงานชีวิตไม่ใช่เป็นเพียงการบังคับหล่อเลี้ยงให้มีปริมาณที่สม่ำเสมอคงที่เพียงอย่างเดียว แต่ต้องตอบสนองอย่างรวดเร็วฉับไวไม่แพ้กัน
เมื่อคิดได้ดังนั้น ธีรพลก็พลันจำลองเหตุการณ์ในห้วงความคิดดู ยามใดที่ตั้งรับกระแสพลังก็จะวิ่งไปรั้งรวมในตำแหน่งที่ถูกศัตรูทางความคิดเข้าจู่โจม ยามใดที่รุกไล่พลังงานชีวิตก็จะไปหล่อเลี้ยงแขนขาข้างที่เข้าปะทะ และยิ่งผ่านการฝึกฝนมากเท่าใด ความรวดเร็วในการตอบสนองก็แทบจะเชื่อมต่อแนบสนิทระหว่างจิตสั่งการ และการเคลื่อนของพลังชีวิต จะคงเหลือก็เพียงแต่การนำไปปฏิบัติใช้ในสถานการณ์จริงเท่านั้น
ธีรพลลืมตาขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับเหงื่อเม็ดโป้งที่พร่างพรมทั่วร่าง แม้จะแทบไม่ได้ขยับตัวใดๆ แต่การฝึกฝนในครานี้ก็ทำให้ร่างกายของเขาเกิดความเปลี่ยนแปลงไปไม่น้อย หากพิจารณาดูให้ละเอียดจะพบว่ากล้ามเนื้อทั่วร่างถึงกับแปรเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งขึ้นทันตา เส้นสายลายกล้ามเนื้อนูนเด่นได้รูปขึ้นอย่างชัดเจน เนื่องจากได้รับพลังงานชีวิตอันโอฬารเข้าหล่อเลี้ยง ในตอนนี้ร่างกายของเขาสามารถพูดได้ว่ามีความเด่นล้ำเหนือปุถุชนทั่วไปก็ไม่ผิดเพี้ยนแต่อย่างใด
และพร้อมๆกับการตื่นขึ้นจากสมาธิจิตในครานี้ สถานการณ์ที่เบื้องนอกก็ถึงจุดตัดสินระหว่างวัวชนคู่เอกจากสองแห่งที่สู้กันจนสะบักสะบอมเลือดอาบไหลรินอยู่ทั่วร่าง และก็ดูเหมือนจะไม่มีตัวใดคิดยอมแพ้หวงแหนชีวิตแต่อย่างใด
"ดูท่าจะถึงจุดตัดสินผู้ชนะในวันนี้แล้ว เฮียจวง" เฮียสมบัติที่ในขณะนี้ดูจะเคร่งครึมตึงเครียดกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา เอ่ยกล่าวขึ้น
"วันนี้ชัยชนะจะอยู่กับผู้ใด คงแล้วแต่โชคชะตาจะตัดสิน" เฮียจวงเอ่ยตอบกลับ ขณะที่มือทั้งสองกำประสานแน่น เนื่องจากกังวลว่าจะพ่ายแพ้ให้กับเฮียสมบัติติดต่อกันเป็นครั้งที่สอง
"เริ่มแล้ว"
หลังจากพักเหนื่อยรีดเร้นกำลังเฮือกสุดท้าย วัวชนตัวสีขาวปลอดจากเวียงพิงค์ก็ก้าวถอยห่างออกจากตำแหน่งเดิมสองสามก้าว ก่อนจะตะกุยขาหน้า พ่นลมหายใจดังครืดคราด หัวส่ายไปมาส่งสัญญาณให้กับวัวชนตัวสีน้ำตาลแดงจากเวียงโกศัยให้พุ่งเข้าปะทะตัดสินผลแพ้ชนะกัน
เมื่อนั้นผู้ชมทั้งสนามต่างรู้ว่าอุบัติการณ์ขั้นตัดสินกำลังจะปรากฏขึ้น ทั้งสนามจึงพลันลุกขึ้นพึ่บพั่บอย่างไม่ได้นัดหมาย ต่างฝ่ายต่างส่งเสียงตะโกนโห่ร้องให้กำลังใจฝ่ายที่ตนพนันถือหางอยู่อย่างเนืองแน่น ไม่เว้นแม้แต่ธีรพลยังถูกความคึกคักระบาดใส่ จนทำให้ตื่นเต้นนั่งไม่ติดลุ้นดูการต่อสู้อย่างจดจ่อ
วัวชนทั้งสองตะกุยขาทั้งสี่พุ่งร่างออกด้วยความเร็วสูงสุดแทบจะพร้อมเพรียงกัน เพียงชั่วลมหายใจเข้าออกไม่กี่ครา ร่างมหึมาทั้งสองก็อยู่ห่างจากกันเพียงวาเศษ
ทันใดนั้นวัวชนสีขาวปลอดก็พลันกระทืบขาหน้า กระโจนตัวจนร่างสูงขึ้นจากพื้นเกือบศอก ก่อนจะกดหัวลงต่ำใช้เขาปลายแหลมทั้งสองเล็งที่หัวอีกฝ่าย
แครก!
เสียงทุ้มต่ำดังกังวานขึ้นทันทีที่วัวชนทั้งสองเข้าปะทะกัน พร้อมๆกันนั้นเขาข้างหนึ่งของวัวชนสีน้ำตาลแดงก็พลันแตกหักจนเหลือค้างไว้เพียงแต่ตอ
โครม!
หลังจากร่างส่ายโงนเงนขาปัดป่ายดั่งคนเมาสุราอยู่ครู่หนึ่ง วัวชนสีน้ำตาลแดงก็พลันล้มพับลง น้ำลายฟูมปากร่างสั่นกระตุกขาแข็งเกร็ง ก่อนจะแน่นิ่งสิ้นใจตายไปในที่สุด
เย้!
ทั่วทั้งสนามส่งเสียงโห่ร้องสรรเสริญให้กับวัวชนสีขาวปลอดจากเวียงพิงค์ซึ่งยังคงยืนหยัดอยู่ได้หลังการปะทะ แต่ยังไม่ทันไรวัวตัวดังกล่าวก็พลันทรุดขาหน้าร่างล้มลง ซึ่งก็ได้เผยให้เห็นถึงเขาวัวข้างหนึ่งที่แทงเข้าที่เส้นเลือดใหญ่ตรงลำคอจนแทบมิดด้าม เลือดไหลปรี่ออกอย่างทะลักทลาย
"เสมอ"
เฮียสมบัติถอนหายใจอย่างโล่งอก ครู่หนึ่งเขานึกว่าตนจะต้องแพ้พนันให้กับเฮียจวงเพราะถือหางวัวชนจากเวียงโกศัยที่ล้มพับลงไปก่อน แต่เนื่องจากท้ายที่สุดทั้งสองฝ่ายไม่มีตัวใดที่สามารถรอดชีวิตออกจากสนามไปได้ การพนันในครั้งนี้จึงถือได้ว่าเสมอตัวกันไป
"เจ็บใจจริงๆ เกือบได้ชัยอยู่แล้วเชียว" เฮียจวงกระทืบเท้าด้วยความโมโห ก่อนจะสบถออกมาชุดใหญ่ระบายความอัดอั้นที่สุมอยู่แน่นอก
"การพนันตัดสินคู่สุดท้ายได้ผลเสมอ วันนี้เราคงจะหาผู้ชนะเบ็ดเสร็จเด็ดขาดไม่ได้ แต่ดูท่าเฮียจวงจะไม่อาจกล้ำกลืนอยู่กับผลลัพธ์ครึ่งๆกลางๆเช่นนี้ อย่างไรยังเหลือรายการใหญ่อีกหนึ่งรายการในวันพรุ่งนี้ เฮียจวง สนใจอยากวางเดิมพันกันอีกสักคราหรือไม่?" เฮียสมบัติเอ่ยเสนอ