"ว่าไง เจ้าหนูน้อย วันนี้หนีท่านเจ้าคุณปู่ออกมาได้เหรอ"
เสียงทักทายแบบเยาะๆนั่นไม่ทำให้ผมรู้สึกอะไรหรอก ไอ้พวกนี้มันกระจอก บอกเลย!
"พวกพี่ซ้อมมาดีแล้วใช่ป่าว แน่ใจแล้วใช่มั้ยที่มาท้าพวกผม"
ผมใส่น้ำเสียงกวนอารมณ์เข้าไปเต็มที่ ต้องยั่วให้โมโหให้สุด สเกตบอร์ดเป็นกีฬาที่ต้องใช้ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อขาก็จริง แต่ที่สำคัญกว่าคือการทรงตัวต้องดี เพราะฉะนั้นใจก็ต้องนิ่งด้วย ไอ้เด็กโตแต่ตัวพวกนี้ใจมันไม่นิ่งเท่าผมหรอก
"ไอ้เรน มึงอย่าไปกวนตรีนพวกพี่ๆเค้า แก๊งนี้ได้ข่าวว่าโหดนะมึง" ไอ้คิวกระซิบกระซาบกับผมด้วยอาการตัวสั่น
"อวดเก่งนะมึงน่ะ ทำมาปากดี เดี๋ยวได้รู้กัน" เสียงของคนที่หน้าโหดที่สุดเอ่ยขณะก้าวแซงพรรคพวกอีกสองคนขึ้นมายืนข้างหน้า
"เริ่มเลยมั้ยพี่ มัวแต่พ่น แม่งเสียเวลาผมว่ะ" ผมทำหน้าเบื่อหน่ายเต็มที่
จะพ่นจะเห่าอะไรกันไปถึงไหน ก็แค่พวกเด็กมอปลาย ฝีมือห่วยแล้วยังไม่รู้ตัวกันอีก
"ไอ้เชี่ยเรน! มึง พอเลย เดี๋ยวแม่งได้มีเรื่องกันก่อนแข่ง" คราวนี้เป็นไอ้ไอซ์ที่ดึงพยายามดึงแขนผมไว้
"ไอ้เด็กผี ไอ้หัวฟ้า!"
"ไอ้ลูกพ่อไม่รัก ไอ้หลานปู่ไม่แคร์ ไอ้สัส!"
น่าจะเป็นจริงอย่างไอ้ไอซ์มันว่า เพราะฝ่ายโน้นเริ่มออกอาการตอบโต้กันหน้าแดงแล้ว พวกนี้มันน่าจะสืบปูมหลังชีวิตผมกันมาเป็นอย่างดีว่าผมอยู่กับพ่อและปู่ ไอ้ข้อที่ว่าพ่อผมไม่รัก เออ อาจเป็นไปได้ แต่ข้อมูลที่ว่าปู่ไม่แคร์นี่ มันไปรู้มาไหนวะ ใครสะเออะไปบอกมัน น่าจับมาตบปาก แม่งมั่วสุด!
"ไอ้เด็กโรงเรียนนานาชาติ! ไอ้เด็กไฮโซ! ไอ้ลูกคุณหนู! ไอ้หน้าหล่อ! ไอ้บ้านรวย!"
พวกนั้นยังไม่ยอมลดละ ยังพยายามจะปลุกปั่นผมเต็มที่ด้วยบรรดาคุณสมบัติที่เป็นจุดอ่อนของผม
หรือจะเปลี่ยนเป็นแร็พแข่งกะพวกมันดีเลยวะ? แต่อย่าเพิ่งดีกว่า วันนี้อุตส่าห์หอบเอาบอร์ดมาด้วยแล้ว ถล่มมันด้วยบอร์ดก่อนละกัน คราวหน้าค่อยถล่มมันด้วยแร็พ
"นี่พวกมึงเชื่อกูมั้ย เดี๋ยวพอแข่งเสร็จ พวกเราชนะ แม่งก็ต้องมีเรื่องกันอยู่ดี" ผมหันไปยักไหล่กับเพื่อนทั้งสองคน ไม่ได้สนใจจะด่าอะไรพวกมันกลับ เพราะเริ่มรำคาญ!
โธ่! แก๊งนี้ใครๆเค้าก็เคยได้ยินกิตติศัพท์กันมาทั้งนั้น ถ้าใครชนะมันได้ยังไงก็โดนพวกมันรุมทุกที ความจริงผมไม่ได้อยากไปยุ่งกับพวกมันนักหรอก แต่เห็นท้ามาหลายทีแล้ว ทั้งฝากคนอื่นมาท้า ทั้งมาดักรอตอนพวกผมเล่นกันอยู่ บ่องตง! รำคาญว่ะ!
"เริ่มๆกันเลยดีกว่าพี่" ผมมองไปรอบๆสถานที่ด้วยความสนใจ
วันนี้ผมต้องถ่อจากโรงเรียนแถวสุขุมวิทมาถึงที่ลาดพร้าวนี่ เพื่อมายัง Skate Spot ที่โคตรลึกลับที่ไอ้แก๊งนั่นเป็นท้าทายมา มันเป็นที่รกร้างเล็กๆในซอยลาดพร้าวหกสิบเก้า เหมือนเป็นพื้นคอนกรีตที่เจ้าของที่เค้าลาดเตรียมไว้เพื่อจะทำอะไรซักอย่าง แล้วเค้าก็ทิ้งไป เลยมีคนถือโอกาสเอาปูนมาสร้างเป็นอุปกรณ์ DIY ต่างๆสำหรับเล่นสเกตไว้ น่าจะเป็นพวกเด็กโรงเรียนแถวนี้แหละที่มาสร้างอุปกรณ์กันไว้ ผมจำได้ว่าแถวลาดพร้าวเป็นที่ตั้งของโรงเรียนชายชื่อดังโรงเรียนหนึ่ง
เออว่ะ นี่ลืมไปเลย ไอ้พวกนี้มันเด็กโรงเรียนนั้นนี่หว่า แม่งมันก็ต้องเจนสนามกว่าสิวะ ก็โรงเรียนมันอยู่แถวนี้ มิน่า! มันถึงชวนพวกผมมาเล่นที่นี่ แม่งโคตรโกงเลยอ่ะ
"ทำไมที่นี่ไม่เห็นมีคนอื่นมาเล่นเลยวะ นี่กูแอบกลัวงูนะเนี่ย รกชิบหายเลย" ไอ้คิวเริ่มมองไปรอบๆอย่างปอดๆ
"วันนี้พวกมันคงไล่เด็กอื่นๆไปหมดแล้ว เนี่ยถิ่นมันเลย โรงเรียนมันอยู่แถวนี้ มันคงไม่อยากให้ใครเห็นตอนมันแพ้พวกเรา ปอดว่ะ" ผมบอกกับเพื่อนๆอย่างเยาะๆ ก่อนจะหันไปหาคู่ต่อสู้อีกครั้ง
"กติกามาเลยพี่"
"สามเกมแข่งกับอุปกรณ์อย่างที่พวกมึงเห็น ramp ราวเหล็ก แท่นปูน เกมสุดท้ายแข่งกระโดดข้ามบอร์ดต่อกัน นับคะแนนรวมทั้งทีม"
โอเค กติกาพื้นฐานทั่วไป
แต่ก่อนที่พวกผมจะเริ่มการแข่งขันกัน สายตาผมก็บังเอิญแลไปเห็นใครคนหนึ่งยืนลับล่อๆอยู่ตรงปากทางเข้าแคบๆนั้น ทรงผมมัดรวบขึ้นสูงนั่นคุ้นตามาก
เฮ้ย! ยัยหางม้า! นี่แอบตามผมมาถึงนี่เลยเหรอวะ!
"เดี๋ยวพี่ แป๊บนึง ผมขอไปเคลียร์ไรหน่อย" และโดยไม่ฟังคำตอบ ผมเดินดุ่มๆไปที่ปากทางเข้าพื้นที่ลึกลับซึ่งอยู่ไม่ไกลนักทันที
"นี่เธอตามเรามาทำไมถึงที่นี่ จะบ้ารึไง"
"ป่าว ไม่ได้ตาม เผอิญเราผ่านมาแถวนี้" ยัยผมม้าลอยหน้าลอยตาตอบ
"จากสุขุมวิทผ่านมาแถวลาดพร้าวเนี่ยนะ ผ่านมาไกลไปหน่อยมั้ย กลับไปเลยนะ กลับไปเดี๋ยวนี้"
ผมเริ่มอารมณ์เสีย ผมไม่ชอบให้คนอื่นมายุ่งวุ่นวายเรื่องของผมกับเพื่อนๆ
"เธอจะมาไล่เราได้ไง มันเป็นที่สาธารณะ"
"โอ๊ย ยัยบ้า นี่มันที่แข่งสเกตบอร์ดของพวกเรา ไม่มีใครเขามาเดินเล่นกันหรอก"
ผมชักเริ่มรำคาญ ยัยหางม้าตามตอแยผมตลอด ตั้งแต่ที่โรงเรียนแล้ว ชวนผมคุยทุกครั้งที่เจอหน้า กินข้าวเที่ยงก็มานั่งใกล้ๆผม เห็นผมอยู่แถวไหนก็เป็นต้องแอบมอง
ไม่น่าไปดึงผมม้ายัยนี่ตั้งแต่วันแรกเลยจริงๆ ผมน่าจะเก็บความหมั่นไส้นั่นเอาไว้เงียบๆ
"เฮ้ย ไอ้เด็กปากเสีย จะมาแข่งกันได้ยัง พวกกูชักเริ่มมีน้ำโหแล้วนะเฟ้ย" เสียงไอ้เจ้าคนหน้าโหดสุดตะโกนมา ผมหันไปมอง ตอนนี้ทุกคนกำลังจ้องมาทางนี้
"เออ งั้นก็เรื่องของเธอ จะไปไหนทำอะไร เอาที่สบายใจ"
ผมหันกลับมาพูดกับยัยหางม้าด้วยอารมณ์ไม่สนใจอีกต่อไป แล้วก็ปล่อยเธอทิ้งไว้ตรงทางเข้านั้น รีบเดินกลับมาที่ลานปูนที่คนอื่นๆรออยู่
แล้วการแข่งขันอันเข้มข้นก็เริ่มต้นขึ้น…
กติกาในวันนี้ไม่ได้ยากอะไร ไอ้ท่ากระโดดออลี่แบบให้แผ่นบอร์ดลอยติดเท้าแล้วไถขึ้น ramp ไถไปตามราวเหล็กตามแท่นปูนนี่มันสกิลของเด็กอนุบาลเค้า แล้วไอ้อุปกรณ์พวกนี้ที่สนามนี้มันก็เป็นแบบสั้นๆเตี้ยๆง่ายๆจะตายไป จะให้สไลด์บอร์ดไปตามราวเหล็กที่สูงกว่านี้ยาวกว่านี้เป็นเมตรผมก็เคยฝึกมาแล้ว
แล้วมันก็เป็นอย่างที่ผมคิดไว้ คือเด็กบอร์ดอย่างพวกเราผ่านหมดทุกด่านที่เล่นกับอุปกรณ์ติดพื้น แล้วก็มาถึงด่านที่ยากที่สุดคือการกระโดดข้ามแผ่นบอร์ดที่เอามาวางซ้อนกันตามแนวขวาง เริ่มต้นด้วยบอร์ดเดียวก่อน ทุกคนผ่านไปได้อย่างสบาย สำหรับผมนั้นกระโดดข้ามไปแบบหมุนบอร์ดด้วยซ้ำ พอเริ่มซ้อนสองบอร์ด คราวนี้ไม่ผ่านกันสักคน เหลือผมกับไอ้หน้าโหดที่ข้ามมาได้
"ไอ้เด็กน้อย ซ้อนกันสามบอร์ดแบบนี้ มึงทำไม่ได้แน่ๆ มันต้องระดับเทพอย่างกูนี่" ไอ้หน้าโหดทำท่าคุยโว
"พี่โดดก่อนเลย" ผมก็อยากจะรู้ว่ามันจะทำได้จริงๆหรือเปล่า หรือแค่ขี้โม้
"เฮ้ย มึงต้องโดดก่อนสิวะ มึงเด็กกว่า"
"อ้าว พี่ ไหงงั้นล่ะ นี่พี่กลัวโดดไม่ผ่านใช่ป่าว" ผมว่าผมรู้ทันมันนะ
"กูไม่ได้กลัว แต่มึงอ่ะโดดก่อนเลย" แล้วนี่มันจะทำหน้าโหดทำไมวะ
"ไม่อ่ะ พี่ดิต้องโดดก่อน" ผมไม่ยอมมันหรอก ผมรู้ว่ามันโดดไม่ได้ มันจะให้ผมโดดก่อน แล้วถ้าผมโดดไม่ผ่าน มันก็จะถือโอกาสปรับพวกผมให้แพ้โดยที่มันไม่ต้องโดด
"ไอ้เด็กนี่มันวอน อยากมีเรื่องอ่ะดิ" ไอ้หน้าโหดเดินเข้ามาผลักผมจนเซไป ส่วนอีกสองคนก็เดินเข้ามาผลักไอ้คิวและไอ้ไอซ์เหมือนกัน
ไรวะพวกนี้ แม่งอ่อนจริง เอะอะก็หาเรื่อง
ตอนนี้พวกผมก็เริ่มถอยร่นกันเพื่อตั้งหลัก แม้รู้ว่าเรื่องอย่างนี้ต้องเกิดขึ้น และผมก็ไม่เคยกลัว พวกมันก็ไม่ได้ตัวโตมากไปกว่าพวกผม ผมพร้อมใส่เดี่ยวกับพวกมันเสมอ แถมไอ้คิวกับไอ้ไอซ์นี่มันฝีมือต่อยตีระดับในตำนานของรุ่นเล็ก
แต่….ตอนนี้ถ้าเลี่ยงได้ผมก็ยังอยากจะเลี่ยง ผมบอกกับเพื่อนสองคนไปแล้ว ผมเพิ่งจะย้ายมาโรงเรียนใหม่ มีเรื่องตอนนี้เห็นทีจะไม่ดีแน่ ผมยังไม่อยากทำให้ปู่ไม่ไว้ใจ นี่ปู่ก็ให้อิสระกับผมมากแล้ว
ดูเหมือนพวกมันจะไม่ปล่อยให้พวกผมรอดไปง่ายๆแน่ๆ พวกมันเดินส่ายอาดๆกำหมัดเข้ามาพร้อมปะทะกับพวกผมเต็มที่ แต่ก่อนที่พวกเราจะได้เริ่มตะลุมบอนกัน ผมก็ได้ยินเสียงของแข็งกระทบกันอย่างแรง
พลั๊ก!
"เฮ้ย! ลลิสา ทำอะไรอ่ะ!" ผมร้องเสียงหลงเมื่อเห็นคนตรงหน้าที่พรวดเข้ามาจากไหนไม่รู้
ยัยหางม้าฟาดเป้เข้าเต็มแรงที่หน้าด้านข้างของไอ้รุ่นพี่ตัวจี๊ดนั่น ทำให้มันทรุดลงไปโอดโอยกับพื้นทันที ปกติพวกเราเอาหนังสือเก็บไว้ที่ล็อกเกอร์ที่โรงเรียนได้ แต่ผมคิดว่ายัยหางม้าเธอคงเอาสมุดหนังสือทั้งหมดกลับไปอ่านที่บ้านด้วย กระเป๋าถึงได้ดูหนักขนาดนั้น
ยัง ยังไม่หยุด ฟาดคนเดียวไม่พอ ตอนนี้เธอฟาดพวกนั้นอีกสองคนที่เหลือด้วยความรวดเร็ว จนสองคนนั่นทรุดลงตามลูกพี่มันไป
ซวยล่ะ ยัยนี่เข้ามาทำไม เดี๋ยวก็ได้เจ็บตัวหรอก ไม่รู้ไอ้พวกนี้มันจะปรานีกับผู้หญิงหรือเปล่า
"เฮ้ยพวกเรา! ไปกันดีกว่า!" ผมตะโกนบอกทุกคน
นาทีนี้อยู่แถวนี้ไม่ได้แล้ว ลำพังแค่พวกผมมันก็โอเค แต่นี่มียัยหางม้าด้วย เรื่องมันจะยุ่งยากเข้าไปใหญ่
ไอ้ไอซ์กับไอ้คิวมันรู้งานเป็นอย่างดี พวกเรารีบไปหยิบบอร์ดกับเป้ใส่หนังสือที่วางพิงโคนต้นไม้แถวนั้น ในขณะที่ไอ้พวกนั้นยังคงนั่งมึนงงจากแรงฟาดของยัยหางม้า ส่วนผมก็สะพายเป้แล้วถือบอร์ดด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างผมเอื้อมไปคว้าข้อมือของลลิสาให้ออกวิ่งมาด้วยกัน
แล้วเราทั้งหมดก็พากันวิ่งอย่างสุดชีวิตออกมาจากซอยนั่น…