webnovel

0001-แมงมุมปล้องลายเทา

บทที่ 1 แมงมุมปล้องลายเทา

เด็กหนุ่มคนหนึ่งนามว่า เกาเผิง กำลังเดินทางกลับจากโรงเรียนในช่วงโพล้เพล้ เขาควานหาคีย์การ์ดในกระเป๋าสีแดงของตนเมื่อถึงที่หมาย

กริ๊ง!

เกาเผิงผลักประตูเหล็กบานใหญ่จนเกิดเสียงเอี๊ยดอ๊าดเพื่อเข้าไปในตึกที่มีสภาพค่อนข้างเก่า บนพื้นมีเศษขยะประปราย แต่ยังดีที่พวกมันไม่ได้ส่งกลิ่นรบกวนแต่อย่างใด

เกาเผิงยืนบนโถงทางเดินมืดสลัว เขามองไปที่บริเวณเพดานและเห็นเงาสีดำกำลังทำท่าทางแปลกประหลาดอยู่

เกาเผิงขมวดคิ้วมอง แมงมุมยักษ์ตัวหนึ่ง ขนาดของมันใหญ่พอๆ หินขนาดใหญ่เกาะอยู่ตรงโคมไฟบนเพดาน มันกำลังพ่นใยเพื่อสร้างรังคลุมทั่วทั้งเพดานไปถึงบันไดของทางขึ้น นัยน์ตาสีเลือดของมันเปล่งประกายเมื่อสะท้อนกับแสงจากหลอดไฟ

เกาเผิงถอนหายใจ “เฮ้อ แมงมุมน้อยที่คุณยายเฉินเลี้ยงไว้หลุดออกมาอีกแล้วสินะ ขอเดาว่านี่เป็นครั้งที่เจ็ดของเดือน”

เกาเผิงทำเป็นไม่สนใจมันก่อนจะเดินขึ้นบันไดไป เมื่อผู้หลบหนีตัวน้อยเห็นอย่างนั้นมันจึงส่งเสียงร้องออกมา

“ชี่...ชี่”

เกาเผิงตกใจแล้วหยุดเดินพร้อมหันกลับไปมอง แมงมุมยักษ์กำลังไต่ไปรอบๆ เพดาน

“มันเป็นแมงมุมปล้องลายเทาไม่ใช่เหรอ อาจารย์เคยบอกไว้ว่ามันเป็นสัตว์อสูรที่รักสงบไม่มีพิษภัยนี่นา”

ขณะเดียวกัน เกาเผิงนึกบางอย่างขึ้นได้ เขาวางกระเป๋าลงกับพื้นก่อนจะหยิบเศษกระดาษมาปั้นเป็นก้อนกลมๆ แล้วล้วงไฟแช็กออกมาจากกระเป๋ากางเกง

เกาเผิงเกิดฉุกคิดได้ว่า 'คงไม่จำเป็นต้องลงมือกับเจ้าแมงมุมปล้องลายเทาแบบรุนแรงก็ได้มั้ง มันเป็นสัตว์เลี้ยงของคุณยายฉินที่อยู่ชั้นสอง ไม่สิ นี่ไม่ใช่ประเด็น! ไม่จำเป็นต้องออมมือกับมันหรอกเพราะมันเป็นสัตว์อสูร!'

ภายหลังมหาภัยพิบัติ พวกสัตว์อสูรชนชั้นสามัญต่างมีความแข็งแกร่งพอๆ กับสิงโตหรือเสือที่เป็นนักล่าบนยอดสุดของห่วงโซ่อาหาร ถ้าเกิดเกาเผิงไปทำให้มันโกรธเข้าเขาคงไม่ต่างกับลูกแกะที่กำลังรอการเชือดเพราะทางเดินในโถงตรงนี้ไม่มีทางหนีเลย

'เฮ้อ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด' เกาเผิงส่ายหัวเบาๆ สลัดความคิด ก่อนจะเดินมุ่งตรงไปที่บันได

ในตอนนั้นเอง เกาเผิงจุดไฟใส่บอลกระดาษ โยนขึ้นไปบนเพดานข้างหลังแล้ววิ่งหนีไปยังบันไดอย่างสุดชีวิต

‘ชี่...ชี่’ เจ้าแมงส่งเสียงคำรามด้วยความโกรธ เสียงของมันดังตามหลังมาเรื่อยๆ เกาเผิงหันกลับไปมอง และเห็นเจ้าแมงมุมกำลังตามไล่ล่าเขาอย่างโกรธเกรี้ยว

แมงมุมริ้วโลหะร่วงตกลงพื้นโถงทางเดิน มันพยายามตะเกียกตะกายปีนหนีบอลกระดาษติดไฟกลับขึ้นไปบนเพดาน แววตาของเกาเผิงเปล่งประกายความตื่นเต้น แมงมุมริ้วโลหะมันกลัวไฟเป็นเรื่องจริง

'แม่เจ้า! มันเป็นแบบที่เขาคิดจริงด้วย'

เกาเผิงรีบวิ่งหนีขึ้นไปทางบันไดอย่างรวดเร็วดั่งสายลมขณะที่แมงมุมริ้วโลหะส่งเสียงคำรามด้วยความโมโหตามหลังเขามา

“ไหนอาจารย์จางบอกว่ามันเป็นสัตว์อสูรที่รักสงบไง”

เขายังคงวิ่งต่อโดยไม่ลดความเร็ว การที่เขาไปยั่วยุสัตว์อสูรไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่ ถ้าเขาถูกจับได้ คงถูกเจาะกะโหลกดูดสมองหรือฉีกช่องท้องควักเครื่องในของเขาออกมากิน เรื่องนี้มันจะเกิดขึ้นแน่ๆ ถ้าเขาไม่ระวังตัว

พวกสัตว์อสูรเหล่านี้มันมาจากมิติอื่น ในช่วงเกิดมหาภัยพิติ ผู้คนล้มตายจำนวนมากด้วยน้ำมือของสัตว์อสูร ถึงพวกมันจะดูไร้พิษสงเพียงใด อย่างไรเสียก็ไม่สามารถเปลี่ยนความจริงที่ว่าพวกมันเป็นสัตว์ประหลาดได้อยู่ดี

 เสียงฝีเท้าของแมงมุมปล้องลายเทาไล่ตามหลังเขาใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เกาเผิงได้ยินมันชัดเจน ฟังดูคล้ายกับแท่งเหล็กหล่นกระทบกับพื้นอย่างไรอย่างนั้น

‘อีกแค่ชั้นเดียวจะถึงห้องเขาแล้ว!’

‘จะถึงแล้ว!’

แมงมุมปล้องลายเทาเจ้าของดวงตาสีเลือดและเขี้ยวพร้อมใช้บดร่างเหยื่อเพิ่มความเร็วในการไล่ล่าขึ้น

มันเริ่มใกล้ และใกล้เกาเผิงมากขึ้นเรื่อยๆ

“ซี่!”

เสียงขู่คำรามเสียงหนึ่งลอดกำแพงหนาดังก้องไปทั่วบริเวณ แมงมุมปล้องลายเทาทำท่าเตรียมกระโดดตะครุบเหยื่อพร้อมกับส่งเสียงคำรามทุ้มต่ำ 

หลังจากหยุดนิ่งอยู่พักหนึ่ง มันกลับมาไล่เกาเผิงต่ออีกครั้ง

“ซี่!” เสียงขู่อีกเสียงดังขึ้นอีกครั้ง แต่ฟังดูเกรี้ยวกราดมากกว่าเดิม

“ชี่…ชี่…” เจ้าแมงมุมค่อยๆ ล่าถอยหลังแล้วกระโดดหนีออกไป

เกาเผิงหายใจเหนื่อยหอบพลางปาดเหงื่อบนหน้าผากของตน ‘ทำไมมันหนีกลับไปง่ายดายอย่างนั้นล่ะ มันแค่ต้องการแกล้งให้ตกใจเล่นหรือเปล่า เหมือนเล่นวิ่งไล่จับอย่างสนุกสนานจนพอใจแล้วก็กลับเท่านั้นหรือ?’

เกาเผิงลูบคาง อืม...แม้จะเชื่อได้ยากไปสักหน่อยแต่คงหาเหตุผลอื่นมาอธิบายการกระทำของมันไม่ได้อีกแล้ว หลังจากนั้นเกาเผิงจึงหยิบกุญแจมาไขประตู

“พ่อครับ แม่ครับ ผมกลับมาแล้ว” เขาเอ่ยทักทายอย่างสดใส

เกาเผิงได้ความว่างเปล่าเป็นคำตอบ ทุกอย่างเงียบสนิทราวกับเขาอยู่คนเดียวบนโลกนี้

ในห้องนั่งเล่นมีโซฟาสีน้ำตาลหม่นวางอยู่ตรงข้ามทีวีรุ่นเก่า ภายในห้องมีเฟอร์นิเจอร์ไม่มากนัก เน้นการตกแต่งแบบเรียบง่ายสบายตา ส่วนเรื่องความสะอาด ต้องบอกว่าเจ้าของห้องนี้ดูแลมันเป็นอย่างดีเลยล่ะ

เกาเผิงสูดหายใจลึกๆ เพื่อปรับอารมณ์ของตนก่อนจะเปิดเข้าไปในห้องหนึ่ง ผ้าม่านช่วยบังแสงอาทิตย์ไว้ ทำให้ห้องนี้ดูสลัวจนมองไม่ถนัดนัก เตียงนอนในห้องยังคงอยู่ในเรียบร้อยเป็นระเบียบ

“พ่อครับ แม่ครับ ผมสอบได้ที่หนึ่งของห้องได้แล้วนะครับ พ่อแม่ต้องดีใจมากแน่ๆ เลย” เกาเผิงพูดกับภาพถ่ายขาวดำตรงหน้าด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มมีความสุข

ในรูปนั้นเผยให้เห็นคู่รักคู่หนึ่ง ชายหนุ่มหล่อเหลาและดูอ่อนโยนยืนขนาบข้างกับหญิงสาวเรียวหน้าสวยสง่าท่าทางใจดี ทั้งสองยิ้มอย่างมีความสุข เกาเผิงสบตากับคู่รักที่มองมายังเขาอยู่เช่นกันผ่านกระดาษแผ่นบางๆ นี้

แต่ท่านทั้งสองไม่อาจโต้ตอบกับเกาเผิงได้อีกต่อไป พวกเขาเพียงยิ้มให้เกาเผิงเท่านั้น และเขาเองก็ทำได้เพียงฝืนยิ้มตอบกลับไป

“เมื่อก่อนผลการเรียนของผมแย่ตลอด พ่อกับแม่เอาแต่บ่นผมเรื่องนี้อยู่บ่อยๆ แต่ดูตอนนี้สิครับ ผมได้ที่หนึ่งของห้อง ที่สี่ของระดับชั้นเลยนะ พ่อแม่ภูมิใจในตัวลูกคนนี้หรือเปล่าครับ? จากนี้ไปพ่อกับแม่ไม่ต้องห่วงเรื่องการเรียนของผมอีกแล้วนะครับ” เกาเผิงพูดพร้อมตาเริ่มร้อนผ่าวเหมือนจะร้องไห้

เด็กหนุ่มร่างผอมบางยืนเหม่ออยู่ตรงกลางห้อง ปล่อยให้ความเงียบไหลเวียนในห้วงความคิด เมื่อพลบค่ำมาเยือน เขาปรับอารมณ์ตัวเองให้กลับมาเป็นปกติ เกาเผิงพูดกับกรอบรูปตรงหน้าอีกครั้ง

“พ่อครับ แม่ครับ พรุ่งนี้โรงเรียนจะจัดทัศนศึกษา ผมคงไม่อยู่บ้านสักสองสามวันนะครับ ไม่ต้องเป็นห่วงผมนะครับ เพราะโรงเรียนจัดเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมืออาชีพไว้แล้ว ผมกลับมาปลอดภัยแน่นอน!”

“ผมได้ยินมาว่าโรงเรียนจ้างทีมรักษาความปลอดภัยจากบริษัทบลูชิลด์ด้วยนะครับ แถมบริษัทนี้มีครูฝึกสัตว์อสูรเก่งๆ เยอะมาก…”

ท่ามกลางห้องมืดสลัว เด็กหนุ่มร่างผอมบางคุยคนเดียวอยู่เบื้องหน้ารูปขาวดำของคู่รักพร้อมใช้มือลูบใบหน้าของพวกท่านด้วยความคิดถึงสุดจับใจ ตอนนี้เขาตัดสินใจแล้วว่าเขาต้องเข้มแข็งให้มากขึ้นกว่านี้เพื่อไม่ให้พ่อแม่ของเขาต้องผิดหวัง

แม้ไม่มีใครตอบเขากลับมา แต่เขาหวังว่าตอนนี้คงมีใครบางคนกำลังยกนิ้ว ส่งเสียงให้กำลังใจเขาอยู่เป็นแน่ หรือแม้อาจมีเสียงคัดค้านดังออกมาจากคนในรูปบ้างถือเป็นเรื่องมหัศจรรย์ที่เขาเองหวังให้เกิดขึ้นอยู่ร่ำไป แต่มันคงไม่มีทางเกิดขึ้นเป็นแน่แท้ ความจริงคือมีเพียงรอยยิ้มอันอบอุ่นจากคู่รักส่งมาให้เขาเท่านั้น

ในห้องนอนเงียบสงัด มีเพียงเสียงลมหายใจจากอกเล็กของเด็กหนุ่ม

จู่ๆ เกาเผิงรู้สึกเย็นวูบขึ้นมาเสียดื้อๆ ร่างผอมลูบข้อศอกด้วยความหดหู่ในใจ เพียงไม่นานนัก บรรยากาศสีเทาเมื่อครู่หายไปทันควัน เกาเผิงกลับมาเป็นเด็กหนุ่มที่สดใสอีกครั้ง เขาเดินออกจากห้องไปก่อนจะค่อยๆ ปิดประตูราวกับกลัวว่าจะส่งเสียงดังรบกวนคู่รักในรูป

ไม่แน่ใจว่าเขาตาฝาดหรืออาจเป็นเพราะการหักเหของแสงที่ลอดเข้ามากันแน่ ในวูบหนึ่งเขาเหมือนจะเห็นใบหน้าของคู่รักทั้งสองในรูปยิ้มกว้างขึ้นและดูมีความสุขมากกว่าเดิมเสียอีก

…………………………………………….

Nächstes Kapitel