webnovel

ตอนที่ 4

*แคร้ก*

สุดปลายเล็บบนจุดที่แหลมที่สุดได้กวาดไปโดนเสื้อคลุมบาง ๆ ของชายหนุ่มที่กำลังพองลมออกร่างเขาพอดี มันกระชากตัดเนื้อผ้าที่รู้สึกได้บนปลายเล็บอย่างแรงจนเกิดเสียงลมหวีดหวิวน่าสยดสยอง แต่เมื่อมองไปที่เสื้อผ้าของชายหนุ่มกลับไร้ร่องรอยขีดข่วนใด ๆ มันเคยดูซอมซ่อและซีดจางเช่นไรก็เป็นเช่นนั้นดั่งเดิม ทั้ง ๆ ที่ผิวกายอันบอบบางของเขาควรจะถูกเปิดเผยผ่านรูโหว่ที่เกิดจากการตวัดปลายเล็บนั่น และเสียงที่ควรจะเป็นเสียงฉีกเนื้อผ้าฝ้ายกลับถูกแทนที่ด้วยเสียงของเหล็กหนา ๆ แข็ง ๆ ถูกตัดขาดที่เมื่อได้ยินก็รู้สึกเสียวลึกลงไปในร่องฟัน

ชายหนุ่มรีบกระโดดถอยให้ห่างออกมา 'โว้ว อันตรายซะแล้ว แค่ครั้งเดียวก็ตัดเสื้อเกราะข่ายจนขาดหมดเลยหรอเนี่ย' ชายหนุ่มคิดไปด้วยในขณะกำลังก้มมองร่างเล็ก ๆ ของเขา เหนือเสื้อคลุมปรากฎเป็นเหมือนเสื้อที่มีลักษณะกี่งโปรงแสงกึ่งโปร่งใส คล้ายจะจับต้องได้แต่ก็เหมือนกับจะหายไปเมื่อเข้าไปดูใกล้ ๆ ชายหนุ่มมองดูเสื้อเกราะข่ายที่ถูกตัดหวิ่นจนเหลือปกคลุมแค่เพียงยอดอก เสื้อที่ดูคล้ายจะล่องหนนั้นทำมาจากห่วงแหวนเหล็กเล็ก ๆ ขนาดเท่าข้อนิ้วนับร้อยวงสานกันหลายชั้นจนเป็นตะข่าย ชายหนุ่มรู้สึกเบาหวิวและเย็นเฉียบราวกับตัวเองกำลังเปลือยร่างห้ำหั่นกับสัตว์ร่างโต ถึงอย่างนั้นเจ้าสุนัขที่อยู่ตรงหน้าก็ไม่อ่อนข้อให้เขาแม้แต่น้อยหนำซ้ำกลับยิ่งได้ใจราวกับเป็นผู้ชนะ มันรีบกระโจนเข้าไปหาเขาทันทีและยืดขาหน้าออกไปให้ไกลที่สุดหมายจะปลิดชีพศัตรูของมันให้ได้

รอยยิ้มบนใบหน้าคล้ำฝุ่นของชายหนุ่มได้หายไป เขากำดาบสั้นในเมื่อมือขวาไว้แน่นจนด้ามของมันที่พันด้วยผ้าเปียกชุ่ม เขาจ้องมองภาพเคลื่อนไหวตรงหน้าแล้วพิจารณาสิ่งต่าง ๆ ภายในเสี้ยววิ เขาไม่ถอยหลังหนีเพราะเขารู้ดีว่านี่จะเป็นจุดจบของการต่อสู้ เขาเขยิบตัวออกไปทิศตรงข้ามกับทิศที่ปลายเล็บกำลังวาดไป ปลายเล็บที่คมกริบดึงฉีกเสื้อเขาไปอีกครั้งและครั้งนี้เขาไม่เหลือตัวช่วยอัศจรรย์ปกป้องเขาไว้อีกแล้ว เสียงของผ้าขนสัตว์ขาดดังแคว้กแต่นั่นก็ไม่ทำให้ชายหนุ่มเสียสมดุลของร่างกายแม้แต่น้อย เมื่อตัวเขาเขยิบหนีอุ้งมือนั่นพ้นแล้วก็พูดขึ้นมาหนึ่งคำก่อนจะเหวี่ยงขว้างมือขวาเพื่อเสียบดาบสั้นที่คมกริบลงไปบนผิวย่น ๆ ของมัน

"เคลือบพิษบานทน"

ทันทีที่เขาพูดจบ สีของเหล็กกล้าที่แวววาวก็ถูกเคลือบด้วยบางอย่างที่เหนียวข้นจนคมดาบทั้งเล่มกลายเป็นสีดำ เขาเสียบมันสุดแรงเกิดจนเหลือเพียงแค่กระบังและด้ามของดาบสั้นเท่านั้นที่โผล่ออกมาจากผิวของมัน ร่างกายของเขาเสียสมดุลเพราะแรงเหวี่ยงกรรโชก เขาเสียหลักล้มตัวลงไปด้านข้างแต่ก่อนที่ร่างของเขาจะร่วงลงพื้น เขาก็รีบใช้มือหนึ่งข้างยันและดันร่างของตัวเองหมุนตัวพลิกถอยออกมาจากเจ้าสุนัขแต่เขาก็ยังหาจุดยืนไม่ได้และล้มกลิ้งลงกับพื้น ชายหนุ่มรู้ตัวดีว่าความผิดพลาดครั้งนี้นำมาซึ่งชีวิต เจ้าสุนัขไม่จำเป็นต้องกระโดดด้วยซ้ำ เพียงแค่ก้าวเข้ามาไม่กี่ก้าวก็ใช้ปากอ้างับร่างของเขาได้ง่าย ๆ แล้ว แต่ไม่รู้เพราะอะไรที่ยังทำให้เขายังคงนอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่ไม่ห่างจากกรงเล็บของสัตว์ร้าย

ชายหนุ่มไม่รอให้ความตายมาเยือน เมื่อร่างของเขาถูกจัดระเบียบเรียบร้อยเขาก็รีบดีดตัวออกห่างจากเจ้าสุนัขทันที เมื่อเท้าทั้งสองของเขาเหยียบพื้นและสันหลังของเขาดีดตรง เขาก็จ้องไปที่สัตว์สร้างที่อยู่ตรงหน้า เขาถอนหายใจพรูดด้วยความโล่งอก มือที่แข็งเกร็งและชุ่มไปด้วยเหงื่อก็ค่อย ๆ คลายออก เจ้าสัตว์ยักษ์ที่เคยกระโจนโลดอย่างบ้าคลั่งตอนนี้กลับนิ่งเกร็งราวกับตุ๊กตา มีเพียงแค่เสียงลมหายใจฟืดฟาดและผิดจังหวะเท่านั้นที่บ่งบอกว่ามันยังมีชีวิตอยู่ ลำตัวของมันขยับขึ้นลงเป็นจังหวะแปลก ๆ ตามลมหายใจแต่ก็ไม่ได้ทำอะไรมากเกินไปกว่านั้น แม้จะไม่ชัดเจนแต่สีหน้าของมันก็บอกถึงความเหนื่อยล้าอย่างเกินพิกัด ดวงตาสีแดงเข้มราวกับเงามืดตอนนี้ถูกปิดด้วยหนังตาย่น ๆ จนเหลือแค่เพียงครึ่ง สิ่งที่เขาได้หว่านเอาไว้ในร่างของมันได้งอกเงยออกผลแล้ว

"โว้ว นึกว่าจะใช้ไม่ได้กับแกแล้วนะเนี่ย เล่นเอาขวัญเสียไปหมดเลย สงสัยที่ผ่านมาแกคงสู้อย่างสุดแรงเกิดเลยสินะ" ชายหนุ่มพูดโดยหวังว่าอีกฝ่ายจะรับรู้ เขายืนจ้องตากับเจ้าสิ่งนั้นอยู่สักพักก่อนจะขยับเข้าไปเมื่อเห็นว่าลมหายใจที่ถูกพ่นออกมานั้นเริ่มเบาลง

ลูกศรที่ชายหนุ่มเลือกใช้ยิงนั้นไม่ได้เป็นเพียงแค่ลูกศรเหล็กหางแฉกธรรมดา แต่มันถูกเคลือบไว้ด้วยพิษจากเมล็ดบานทนที่ข้นคั่กซึ่งเป็นชนิดเดียวกับที่เคลือบลงไปบนดาบสั้นที่ยังเสียบคาอยู่ในร่าง ปริมาณที่อยู่บนอาวุธทั้งสองนั้นสามารถที่จะล้มสัตว์ใหญ่ได้ไม่เกินห้านาทีถ้าสามารถส่งพิษเข้าไปสู่กระแสเลือดได้โดยตรง แต่ปริมาณพิษที่ใช้นั้นต้องสัมพันธ์กับขนาดตัวของสิ่งที่เขากำลังจะล่าหรือไม่ตัวของพิษเองก็จะใช้เวลานานขึ้นกว่าจะออกฤทธิ์และอาจจะไม่มีผลอะไรเลยก็เป็นได้ ชายหนุ่มรู้เรื่องนั้นดีและเขาก็ทำตามแผนการที่เขาวางมาอย่างถูกต้อง เขาส่งพิษร้ายเข้าไปสู่กระแสเลือดของเจ้าสุนัขโดยตรงผ่านลูกตาและขาของมัน หลังจากนั้นเขาก็พยายามประวิงเวลาให้นานที่สุด แต่มันกลับใช้เวลามากเกินไปและดูท่าจะไม่ได้ผล แต่ในห้วงเวลาที่เขากำลังจะดับเครื่องชนและดูคล้ายว่าเขาเองที่กำลังจะเพลี่ยงพล้ำ พิษที่ออกฤทธิ์ตั้งแต่ชั่วโมงแรกและเลือดที่ไหลออกจากบาดแผลจนหมดร่างก็ทำให้เจ้าสุนัขเองที่เป็นฝ่ายหมดแรงไปเสียก่อน

ชายหนุ่มยิ้มร่าเมื่อเข้าใกล้กับสิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์ที่อยู่ตรงหน้าและเดินไปดึงดาบสั้นที่เสียบแน่นอยู่บนขาของมัน เขาใช้แรงและเวลาอยู่ครู่ใหญ่ ทั้งดึงเกี่ยวหมุนและคว้านกว่าดาบสั้นจะหลุดออกจากเนื้อเหนียว ๆ นั้นได้ แต่ก็ไม่มีเสียงร้องใด ๆ ดังขึ้นมาจากเจ้าสุนัขแม้แต่น้อย เขาทำให้ดาบสั้นที่อยู่ในมือเรืองแสงและมันก็ค่อย ๆ เปลี่ยนรูปตัวเองกลายเป็นแท่งไม้แกะสลักและเก็บมันลงไปในกระเป๋าที่มีความยาวและความกว้างน้อยกว่าแท่งไม้นั้น แต่เมื่อเขาหย่อนมันลงไปในนั้นก็หายวับไปในทันที เขามองเจ้าสุนัขพร้อมยื่นมือเข้าไปแตะที่ขาของมันและเอ่ยปาก

"ขอโทษทีนะที่ล่าเจ้า แต่ทำไงได้หล่ะ ก็ข้าเก่งกว่าเจ้านี่นา" เมื่อเขาพูดจบ เจ้าสัตว์สร้างก็ปิดตาข้างที่เหลือและล้มลงไป ไม่กี่วินาทีหลังจากที่เจ้าสุนัขทิ้งตัวลงไป อะไรบางอย่างก็ปรากฎขึ้นมาอยู่ตรงหน้าชายหนุ่ม มันเป็นกรอบสี่เหลี่ยมที่ดูคล้ายกับป้ายบอกทางแต่มีความยาวถึงสองช่วงแขนและมันยังดูโปร่งแสงราวกับเป็นกระจกที่ไม่มีขอบหนา ๆ แต่เป็นเส้นขอบสีเหลืองเข้มราวกับแสงไฟจากตะเกียง และข้างในกรอบกระจกโปร่งใสนั้นยังมีตัวอักษรถูกเขียนเอาไว้อยู่ด้วยหมึกสีดำ ชายหนุ่มเงยหน้ามองอ่านข้อความดังกล่าว

[ท่านทำภารกิจสำเร็จ ภารกิจต่อไปได้ถูกมอบหมาย]

เป็นเวลาห้าวินาทีที่กรอบข้อความแรกปรากฎขึ้นแล้วค่อย ๆ จางหายไปในอากาศช้า ๆ ราวกับควันจากกองไฟ เมื่อกรอบแรกหายไปกรอบที่สองก็ปรากฎขึ้นมาทดแทนด้วยลักษณะเดียวกันเพียงแต่เนื้อความข้างในได้เปลี่ยนไป

[ความรู้เกี่ยวกับ 'บาเก็สต์' ของท่านเพิ่มขึ้น]

ชายหนุ่มอ่านกรอบที่สองแล้วครุ่นคิดก่อนจะเอ่ยปากพึมพำอะไรบางอย่าง

"อือหึ ขอดูอีกรอบสิว่าข้าต้องเก็บอะไรจากเจ้านี้ไปบ้าง เปิด 'หน้าต่างการประดิษฐ์' " เมื่อเขาพูดจบ กรอบสี่เหลี่ยมโปร่งใสที่มีเส้นตีขอบสีเหลืองเข้มแบบเดิมก็ปรากฎขึ้นเบื้องหน้าชายหนุ่ม แต่คราวนี้มันมีขนาดใหญ่กว่าเดิมมาก ดูคล้ายว่าเขากำลังจ้องมองทิวทัศน์ผ่านหน้าต่างบานใหญ่บนปราสาท เพียงแต่เขาไม่ได้ทิวทัศน์เพราะข้างในกรอบนั้นเป็นสีเทาทึบและตัวอักษรเขียนเอาไว้อยู่ตรงกลาง

[ผู้ผลิตได้รับความรู้เกี่ยวกับบาเก็สต์ ท่านสามารถสร้างอุปกรณ์เพิ่มได้]

"รู้แล้วหน่า นี่จะบอกข้าทุกครั้งหลังจากที่ได้เจออะไรใหม่ ๆ เลยหรือไงเล่า" ชายหนุ่มยื่นนิ้วทั้งห้าไปแตะกรอบข้อความตรงหน้าบริเวณของตัวอักษร เมื่อสัมผัสโดนตัวอักษรและหมอกเทาทึบก็หายไปทันที ข้างในกรอบนั้นสว่างขึ้นมาและเฉลยให้เห็นเนื้อความที่ถูกปิดบังด้วยตัวอักษรและสีเทาทึบ มันดูคล้ายกระดาษแผ่นใหญ่ที่มีรูปวาดและข้อความเขียนไว้อยู่ใต้รูป โดยแต่ละรูปจะถูกวาดไว้ในกรอบสี่เหลี่ยมขนาดเท่ากำปั้นที่เรียงกันเป็นแถว ดูคลับคล้ายคลับคลาว่าผู้ผลิตหรือใครบางคนจะตั้งใจวาดให้เป็นรูปร่างของอุปกรณ์แต่ก็ไม่ได้เหมือนจริงสักทีเดียว เพราะมันมีขนาดที่เล็กและหงิก ๆ งอ ๆ เกินไป เหมือนกับรูปวาดของจิตรกรฝึกหัดวัยห้าขวบเสียมากกว่า แต่ยังไงเสียก็ยังพอดูออกว่านั่นเป็นรูปร่างของดาบและง้าวตามคำบรรยายที่เขียนเอาไว้อยู่เบื้องล่าง

ชายหนุ่มยื่นนิ้วไปแตะที่กรอบสี่เหลี่ยมกรอบหนึ่งที่มีรูปวาดคล้ายกับสามเหลี่ยม 'ดาบสั้น' คือชื่อรูปนั้น ทันทีที่แตะโดน กรอบสี่เหลี่ยมนั้นก็ถูกยืดขยายออกมาเบียดทับทุกสิ่งที่อยู่บนหน้ากระดาษนั้นจนมันกลายเป็นกระดาษแผ่นยักษ์นั่นเสียเอง หน้ากระดาษแผ่นใหม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ไม่มีกรอบสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ เรียงกันเป็นแถวอีกแล้วแต่พื้นที่ส่วนใหญ่และตรงกลางของแผ่นกระดาษจะเป็นรูปวาดของดาบสั้น ซึ่งในคราวนี้ถูกวาดและแต่งแต้มสีสันจนดูคล้ายของจริงราวกับมีใครนำดาบสั้นมาติดไว้อยู่บนกระดาษ ข้างล่างรูปวาดมีกรอบสี่เหลี่ยมและข้อความมากมายเขียนเอาไว้ แต่ก่อนที่เขาจะได้มองหรืออ่านเนื้อความในนั้น หมอกสีเทาทึบก็ปรากฎขึ้นจนเต็มแผ่นกระดาษและปิดบังทุกสิ่งทุกอย่างจนหมด ตัวอักษรเรืองแสงคล้ายกับหิ่งห้อยที่บินกเกาะกลุ่มกันก็เผยขึ้นมาบนหมอกนั้น

[ดาบสั้นเขี้ยวบาเก็สต์ สามารถผลิตได้แล้ว]

Nächstes Kapitel