"เสร็จงานแล้วไปรอเจอผมที่ห้องทำงานด้วยนะ"
ประโยคสั้น ๆ จากเชฟโอบที่บอกตอนเดินสวนกันไปที่ทางเดินหน้าครัวที่เหมือนถีบชีวิตให้เขาตกไปในห้วงดำมืด ไอ้เชฟบ้า ลืมไปแล้วหรือเปล่าว่าวันนี้เขาเข้าแค่เวรเช้า นั่นหมายถึงเขาควรจะเลิกงาน 18.00 น. ตรง ตอนโดนสั่งให้ไปรับลูกค้าช่วงเย็นก็ยังพอกล้อมแกล้ม เพราะคิดว่าไม่ได้ทำงานเตรียมของรอบบ่ายก็ต้องทำงานหน้าร้านชดเชย แต่เรียกพบหลังงานเลิกแบบนี้ มันมากเกินไปแล้วนะไอ้เชฟ
"ได้ครับเชฟ"
มีมากมายเป็นหมื่นล้านคำ แต่จำเป็นที่จะได้พูดได้แค่นี้ ปลาวาฬเดินคอตกไปรับลูกค้าที่หน้าร้าน ความใฝ่ฝันที่จะหนีไปนั่งจิบเบียร์เย็น ๆ เหล่สาวสวยในคืนวันศุกร์เป็นหมันไปโดยสมบูรณ์ โชคดีที่ยังไม่ได้ขอคิวไอ้เจเจไว้ ไม่งั้นโดนบ่นจนหูหลุดแน่
"ยินดีต้อนรับสู่ กะเพราร้านนี้ไม่มีถั่วฝักยาว ครับ"
ไม่น่าเชื่อว่าไม่กี่วันที่แล้ว เขายังเป็นคนยืนอยู่หน้าร้านและได้ฟังประโยคนี้อยู่เลย วันนี้ต้องมาพูดเองเสียแล้ว เขายิ้ม เงยหน้าขึ้น และพบกับผู้ชายตรงหน้าคนหนึ่ง หน้าตาดี ผิวพรรณสะอาดสะอ้าน ไหล่กว้าง แขนเต็มไปด้วยมัดกล้าม ทำไมหน้ามันคุ้นจังวะ
"อ้าว ไอ้ปลาวาฬ ไปไงมาไงเนี่ย"
เด็กหนุ่มยืนเอ๋อไปพักหนึ่ง สมองเหมือนจะลัดวงจร คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออกว่าคนตรงหน้าเป็นใครมาจากไหน รู้สึกแค่ว่าคุ้น ๆ
"ที่เคยเจอที่ฟิตเนส จำกูไม่ได้เหรอ"
"อ้อ มึงไปทำอะไรมาเปล่าวะ ทำไมกูรู้สึกเหมือนมึงหล่อขึ้น"
"กูไปอัปจมูกใหม่มา เชี่ย เดี๋ยวนี้มึงไม่ได้เป็นนายแบบแล้วเหรอ"
ลูกค้าที่เพิ่งมาพูดคุยกับเขาอย่างเป็นกันเอง เขานึกออกได้ในที่สุดว่าเป็นเพื่อนที่เคยเจอกันที่ฟิตเนสสมัยก่อน แต่ช่วงหลังเขาย้ายมาเล่นฟิตเนสคอนโดแทนก็เลยหายหน้าหายตากันไป อีกฝ่ายทักอย่างอารมณ์ดี เดินเข้ามากอดไหล่อย่างถือสนิท เขาหัวเราะออกมาเสียงดัง
"กูมาทำงานพิเศษว่ะ เป็นผู้ช่วยเชฟ"
"หน้าอย่างมึงเนี่ยนะผู้ช่วยเชฟ ทำอาหารเป็นกับเขาด้วยเหรอวะ"
เพื่อนของเขาพูดพร้อมหัวเราะเสียงดัง เด็กหนุ่มเพิ่งรู้สึกตัวได้ว่าต้องพาลูกค้าเข้าไปนั่งที่โต๊ะพร้อมแนะนำประสบการณ์การกินอาหารที่ร้าน แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ทันเท่าไหร่นัก
"คุณปลาวาฬ"
เสียงที่คุ้นเคยดังมาจากด้านหลังทำเอาเขาเย็นไปทั้งตัว เด็กหนุ่มหันไปช้า ๆ ก็เจอกับเชฟโอบที่ทำหน้านิ่งสนิทเป็นตุ๊กตาสโตนเฮนจ์อยู่
"ครับเชฟ"
"ของในร้านหมด คุณช่วยออกไปซื้อให้หน่อย เดี๋ยวผมจะให้เชฟเกลือออกมาดูแลลูกค้าแทน"
อ้าว นายแบบหนุ่มอึ้งไปอย่างทำตัวเองไม่ถูก ส่วนคนที่กำลังกอดคออยู่ก็เอามือลงแบบงง ๆ คนหน้าบึ้งตรงหน้ายื่นกระดาษให้ ข้างในเขียนรายการของใช้และเครื่องปรุงในครัวจิปาถะ เขาก้มมอง เหมือนไม่มีทางเลือก และไอ้เกลือก็โผล่มาจากข้างหลัง ส่งสัญญาณว่าจะจัดการต่อเอง
"ได้ครับเชฟ"
อะไรว้า เผด็จการฉิบหาย คนจะได้ยืนรับลูกค้าในร้านสบาย ๆ แท้ ๆ ดันต้องออกไปซื้อของที่ร้านขายของราคาถูกตั้งไกล เด็กหนุ่มบ่นในใจหน้าเซ็ง ๆ กระโดดขึ้นจักรยานยนต์ส่วนกลางของที่ร้าน สวมหมวกนิรภัย และบิดคันเร่งออกไปอย่างไม่มีทางเลือก อากาศก็หนาว อยากกินเบียร์โว้ย
ปลาวาฬก้มดูโพยในมือก่อนยัดใส่กระเป๋าเสื้อ
ท่านผู้บังคับบัญชานั่งให้เขาไปซื้อที่ร้านขายของราคาถูกที่อยู่ห่างออกไปไม่น้อย ขับมอเตอร์ไซค์น่าจะเกือบสิบนาที ระบุสาขามาอย่างชัดเจน ทำไมก็ไม่รู้ ถ้าเร่งด่วนก็ให้ซื้อร้านใกล้ ๆ ไปก่อนสิ เขากดโทรออก หูฟังบลูทูธที่ใส่อยู่ข้างหนึ่งจึงส่งเสียง
[ว่าไง]
"ว่างปะ"
[ไม่ว่าง]
"เออ กูมีเรื่องจะบ่น"
[ถ้ามึงไม่ได้สนใจจริง ๆ ว่ากูจะว่างหรือไม่ว่างเนี่ย มึงก็ไม่ต้องถามได้มะ ไอ้ห่า เสียเวลาทำมาหากินกูหมด ตอบไปก็ไม่เห็นสนใจเลย]
เจเจรับสายและตอบกลับมา ปลาวาฬหัวเราะคิก ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าไอ้เพื่อนสนิทก็แค่กวนตีน ถ้าไม่ว่างมันก็ไม่รับสายหรอก ถ้ารับก็แปลว่าว่างสิ
"คำทักทายไง เหมือนแบบเซย์ฮัลโหล แบบไม่ต้องพูดคำว่าฮัลโหลไรเงี้ย"
เขาพูด ตะโกนแข่งกับเสียงลม แต่ก็ไม่ได้ดังมากนัก เด็กหนุ่มอาศัยขับรถลัดเลาะมาในซอยแทนที่จะออกถนนใหญ่ รถไม่มาก ส่วนใหญ่เป็นคนที่ออกมาเดินเล่นตอนกลางคืนมากกว่า
[เออ แล้วมีอะไร]
"เนี่ยมึง อยู่ดี ๆ ไอ้เชฟโอบก็ใช้กูออกมาซื้อของอะ กูหนาว"
เขาบ่น กูมันหนาวจริง ๆ นี่นา ลืมเอาเสื้อกันลมมาใส่อีก ใส่เสื้อเชิ้ตตัวเดียวขับมอเตอร์ไซค์ตอนกลางคืนแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะเว่ย
[มึงโทรมาหากูด้วยเรื่องแค่นี้เนี่ยนะ]
"ทำไม มึงเห็นความทุกข์ของกูเป็นเรื่องล้อเล่นเหรอ"
ปลาวาฬต่อปากต่อคำกับเพื่อนสนิทไปเรื่อย ๆ ด้วยความเบื่อมากกว่า อยู่แต่ที่ร้านก็เจอแต่คนหน้าเดิม ๆ วนไปวนมา อยากคุยกับคนอื่นบ้าง จนกระทั่งไปถึงที่ร้านค้าแล้วก็ยังไม่ได้วางสาย เดินเลือกของไปคุยไป ว่าแต่แป้งเท้ายายม่อมนี่เอาไปทำอะไรวะ ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นจะใช้ มาต้องการด่วนอะไรวันนี้
"เนี่ยมึง จานกระดาษนี่มันของเร่งด่วนตรงไหนวะ ต้องให้กูฝ่าลมหนาวสาวขาแตกมาตอนทุ่มกว่าเพื่อมาซื้อเนี่ย เชฟจะเอาไปเล่นกายกรรมเหรอ ที่ร้านก็ใช้แต่จานปรกติ หรือเชฟจะเอาไว้ตัดเค้กวันเกิดแจกใคร เนี่ย จงใจแกล้งกูชัด ๆ ไหนบอกว่าเป็นห่วงกูไงวะ"
[ใครเป็นห่วงมึงนะ]
ฉิบหายแล้วไง เชี่ย หลุดปาก!
"เปล่า"
[ไอ้ปลาวาฬ เกิดอะไรขึ้น บอกกูมาเดี๋ยวนี้]
แง๊ เจเจเวอร์ชันวิญญาณคุณพ่อเข้าสิงโผล่มาแล้ว จะทำยังไงดีเนี่ย ไม่อยากบอกมันเรื่องข้อมือเลย เดี๋ยวมันก็บ่นอีก
"เปล่า"
[ไอ้ปลาวาฬ]
"กูหกล้ม ขาเจ็บน่ะ เนี่ยเดินกะเผลก ๆ"
[ตอแหล ถ้ามึงเดินกะเผลกแล้วมึงจะขับรถมอไซค์ออกมาซื้อของได้ไง] โว้ย ถึงคราวฉลาดก็ฉลาดจังโว้ย มึงมีตาทิพย์หรือไงวะไอ้ตี๋ [มึงเจ็บข้อมือใช่ไหม]
เด็กหนุ่มอึ้งไปครู่หนึ่ง ก้มมองข้อมือขวาตัวเอง จะว่าไปพอต้องมาถือแป้งหนักเป็นกิโลแบบนี้ก็มีปวดแปล๊บ ๆ เหมือนกันนะ เขาส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ ใจก็รู้สึกผิดหากจะต้องโกหกเพื่อนสนิทนักกายภาพบำบัดคนนี้ มันเองก็คอยดูแลเขามาตลอด
"เปล่า"
ความชั่วชนะทุกอย่าง ขอโทษด้วยเพื่อนรัก ไม่มีสัจจะใดใดในหมู่ปลาวาฬ กูเป็นสัตว์ กูไม่ใช่มนุษย์ กูไม่ถือศีลห้านะจ๊ะ
[หยุดครั้งหน้าวันไหน]
"จันทร์"
[เข้ามาให้กูดูอาการด้วย]
เด็กหนุ่มรีบปฏิเสธทันที แต่ปลายสายไม่ยอม ทำยังไงก็ไม่ยอมเด็ดขาด โว้ย ทำไมชีวิตนี้มีแต่คนทำตัวเหมือนพ่อ ทั้งเชฟโอบ ทั้งเจเจ เขาดูเป็นเด็กมากขนาดนั้นเลยเหรอวะ
[ถ้ามึงไม่เข้ามา กูจะไปตามมึงถึงที่ร้านเลย!]
โอ๊ยยย อิจฉาปลาวาฬได้มั้ยเนี่ย มีคนเป็นห่วงเต็มไปหมด
ʕ ˵• ₒ •˵ ʔ
...................
ขอฝากช่องทางการติดตามผลงานของนายพินต้าไว้หน่อยน้า
Facebook: นายพินต้า - ninepinta
Twitter: @NINEPINTA
IG: ninepinta