สาวน้อยถูกสะกิดจนตื่น เธอมองไปยังสายฝนราวกับกำลังจะถามว่าเกิดอะไรขึ้น สายฝนบอกเธอไปว่าถึงแล้ว เด็กสาวบ่นเล็กน้อย เธอบิดขี้เกียจก่อนลงจากรถ
สายฝนเห็นเธอลงไปแล้วเขาจึงลงตาม พวกเขาทั้งคู่ไปร้านสะดวกซื้อเปิดยี่สิบสี่ชั่วโมงก่อนรีบไปยังชายหาด ทั้งสองเดินลงไปในนํ้า สายฝนเรียกประตูเส้นทางโบราณออกมา
วินาทีถัดมา ทะเลพลันถูกแหวกออกกลายเป็นเส้นทางยาว ประตูที่ดูธรรมดาบานหนึ่งปรากฏขึ้น แม้ว่าจะดูเป็นรอบที่สองแล้วแต่พวกสายฝนก็ยังรู้สึกอัศจรรย์ใจ
เพียงหนึ่งความคิดประตูก็เปิดออก สายฝนรีบร้อนมากกลัวว่าจะมีคนมาเห็น เขาเช็คของภายในกระเป๋าเป้ว่ามีอะไรหายไปหรือไม่ หลังเช็ดสายฝนก็รีบพาดารินทร์เข้าไปในประตูทันที
เมื่อทั้งสองเข้าไปภายในประตูแล้ว ไม่กี่วินาทีต่อมาประตูสีดำพลันหายไป นํ้าทะเลที่ถูกแหวกออกไหลกลับมาอยู่ที่เดิมของมัน
กลับมายังสายฝนและดารินทร์ หลังเข้ามาภายในประตูสายฝนก็สำรวจรอบๆ เขาแปลกใจอย่างมาก แม้รอบข้างจะมืดไร้แสงสว่างใดๆทว่าเขากลับเห็นได้อย่างชัดเจนราวกับมีแสงสว่าง
สายฝนลองถามดารินทร์ เห็นรอบข้างรึเปล่า? สาวน้อยตอบกลับมาว่าไม่เห็นอะไรเลยมืดไปหมด เธอตัวสั่นเกาะเสื้อสายฝนแน่นด้วยความกลัว ท้ายที่สุดแล้วเธอก็เป็นแค่เด็กสาวแม้จะมีระดับเป็นระดับ1
'มีแค่ฉันที่เป็นเจ้าของทักษะถึงจะเห็นสินะ แล้วฉันสามารถทำให้ดารินทร์มองเห็นได้ไหม?' สายฝนคิดขึ้น เวลานั้นเองอักขระอักษรลึกลับตัวหนึ่งตรงหลังเขาพลันเคลื่อนย้าย มันเคลื่อนย้ายผ่านอากาศเข้าสู่แขนของดารินทร์
เห็นดารินทร์ต่อต้าน เขารีบบอกเธอ "อย่าต่อต้านมัน มันสามารถทำให้เธอเห็นในที่มืดได้" จริงๆมันไม่สามารถทำให้มองเห็นในที่มืดได้หรอก สิ่งที่สายฝนบอกไปเป็นแค่คำโกหก
ถ้าหากเขาบอกความจริงกับสาวน้อยไปสายฝนจะต้องอธิบายอีกยาวซึ่งเขาไม่แฮปปี้มาก นอกจากจะต้องบอกความสามารถของตนเองแล้วยังเสียเวลาอธิบายเรื่องต่างๆอีก
สาวน้อยพยักหน้ารับและเลิกต่อต้าน อักขระเร้นลับเลยสามารถให้ความสามารถดารินทร์ได้
สายฝนกล่าวในใจ 'ถ้าฉันมีระดับเท่าดารินทร์ฉันไม่จำเป็นต้องให้เธอยอมรับมันเลย ฉันสามารถบังคับอักขระอักษรลึกลับเข้าสู่ร่างกายเธอได้โดยไม่สนว่าเธอจะต่อต้านหรือไม่'
คิดไปก็เศร้าใจ ยังเหลืออีกแปดวันกว่าเขาจะทำความเข้าใจอักขระเร้นลับได้หนึ่งร้อยแต้มและกลายเป็นระดับ1
สาวน้อยสามารถมองเห็นได้แล้วเธอจึงไม่กลัวอีกต่อไป สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคิอสิ่งที่มองไม่เห็น ดารินทร์มองรอบข้างอย่างสงสัยใคร่รู้ เธอสังเกตเห็นว่าตรงที่พวกเธอยืนอยู่เป็นเส้นทางยาวตรงไปไม่สามารถหาจุดจบของเส้นทางได้ บริเวณข้างซ้ายกับข้างขวาเป็นพื้นที่ว่างเปล่า ไม่มีสิ่งใดเลย
"ที่นี่คือภายในประตูสินะคะ?" ดารินทร์ถาม
สายฝนตอบ "อืม ใช่แล้ว เราจำเป็นต้องเดินต่อไปตามเส้นทางนี้เรื่อยๆ"
พวกเขาทั้งคู่เริ่มเดิน เดินไปไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด สายฝนและดารินทร์รู้สึกเหนื่อยและหิวสุดๆ พวกเขาใช้แรงในการเดินเยอะมากแถมยังไม่ได้กินข้าวเช้าจึงไม่แปลกที่จะรู้สึกเหนื่อย
"พักกันก่อนดีกว่า" สายฝนพูดอย่างสบายๆ ภายในใจกำลังกังวลอย่างมาก เขาไม่รู้ว่าเส้นทางนี้จะพาเขาไปสถานที่อะไร ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ เขาไม่สามารถใช้เวลานานหลายวันได้ มากสุดก็ได้แค่สัปดาห์เดียวเท่านั้น
หากเกินกว่านั้นพวกเขาทั้งสองจะต้องตายอยู่ที่นี่แน่นอน สายฝนไม่ยอมรับเด็ดขาด เขาไม่ยอมมาตายโง่ๆแบบนี้หรอก เสียชีวิตเพราะใช้ทักษะของตัวเองจนอดตายเนี่ยนะ? โคตรน่าอายเลย
"ค่ะ" ดารินทร์ตอบอย่างเป็นกังวล
สายฝนนำอาหารออกจากกระเป๋าเป้ อาหารพวกนี้เป็นของที่เขาซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อเปิดยี่สิบสี่ชั่วโมงตอนเช้าวันนี้
จริงๆเมื่อวานสายฝนได้ซื้ออาหารเตรียมไว้อยู่แล้ว แต่เป็นเพราะฉุกคิดขึ้นได้ว่าไม่ควรเอากระเป๋าเดินทางไปด้วย เขาจึงต้องเดินทางกลับบ้านเอากระเป๋าเดินทางไปเก็บก่อน และเพราะแบบนั้นวันนี้เลยต้องมาซื้อใหม่
พวกเขาใช้เวลาทานอาหารอยู่หลายนาที ทานเสร็จก็เริ่มเดินต่อ ไม่นานพวกเขาก็เริ่มเมื่อยล้า เดิมสายฝนก็ไม่ได้แข็งแรงมากนักและถึงแม้จะมีพละกำลังเพิ่มขึ้นหลังได้รับอักขระอักษรลึกลับมันก็เพิ่มขึ้นแค่เล็กน้อยเท่านั้นจึงไม่แปลกที่จะเมื่อยล้าเร็ว
ส่วนสาวน้อยน่ะเหรอ? ไม่ต้องพูดถึงเธอเลย เมื่อก่อนเธอก็เป็นเพียงเด็กสาวอายุสิบสี่ปีคนหนึ่ง เธอไม่ได้มีพละกำลังมากมายอะไรอยู่แล้ว การยกระดับก็ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งแค่เล็กน้อย พละกำลังที่เพิ่มขึ้นมามันน้อยกว่าของสายฝนเสียอีก
แม้จะเมื่อยล้าพวกเขาทั้งสองก็ยังเดินต่อไป ถ้าทนไม่ไหวก็แค่พักซักเล็กน้อยก่อนเดินใหม่ ทั้งคู่ต่างก็มีเหตุผลเป็นของตัวเอง คนหนึ่งต้องการแข็งแกร่งขึ้นเพื่อตามหาแม่ อีกคนอยากแข็งแกร่งขึ้นเพราะต้องการอิสรภาพ ไม่ต้องการอยู่ในกฎเกณฑ์ของใครทั้งสิ้น อยากจะทำทุกอย่างตามใจตนเอง
เพราะงั้นทั้งดารินทร์และสายฝนจึงไม่ยอมแพ้ กัดฟันทนความทรมานและเดินต่อไป ก้าวไปยังข้างหน้า
'ถ้าลำบากแค่นี้ฉันยังทนไม่ไหว ฉันก็ไม่ควรตั้งเป้าหมายไว้ที่ระดับพระเจ้าแล้ว' สายฝนคิดในใจ
พวกสายฝนยังคงเดินต่อไป ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ในที่สุดพวกเขาก็เห็นจุดสิ้นสุดของเส้นทาง ตรงหน้าไม่มีเส้นทางอีกต่อไปแล้ว มีแต่อากาศว่างเปล่า
"ในที่สุดก็ถึงซักที" สายฝนพึมพำเบาๆ แม้เขาจะดีใจแต่เขาก็ยังคงสงบนิ่งอยู่ ไม่ได้แสดงออกทางภายนอก
"เย่!" สาวน้อยร้องตะโกนอย่างดีใจ ท้ายที่สุดก็ถึงซักที
สายฝนไม่อยากอยู่เส้นทางโบราณอีกต่อไป เขาต้องการออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด เขาใช้ความคิดทำให้เกิดประตูสีดำขึ้นตรงหน้า ประตูเปิดออกเผยให้เห็นแสงสว่างจากอีกด้านของมัน
"อย่ามัวแต่ดีใจ ไปได้แล้ว" สายฝนเรียกดารินทร์
"ค่ะๆ" สาวน้อยตอบกลับ
สายฝนกับดารินทร์พากันเข้าไปในประตู
///
"อะไรวะเนี่ย?!!!" หลังผ่านประตูสีดำมาแล้วสายฝนก็ต้องอึ้งกับสิ่งที่เห็น ตาและปากของเขาเบิกกว้าง
"นี่มัน!!!" สาวน้อยเผลอตะโกนเสียงดังออกมา เธอเองก็เหมือนกับสายฝน ตกใจกับสิ่งที่เห็นมาก เธอไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะมีแบบนี้อยู่ในชีวิตจริงด้วย
ภาพตรงหน้าที่ทั้งสองเห็นคือนํ้า ใช่แล้วฟังไม่ผิดมันคือนํ้าจริงๆ บนท้องฟ้ามีนํ้าปริมาณมหาศาลอยู่ แถมยังมีสิ่งมีชีวิตจำนวนมากกำลังแหวกว่ายในนํ้าอีกด้วย น่าแปลกมากที่พวกมันไม่ตกลงสู่พื้นตามแรงโน้มถ่วง สิ่งนี้มันขัดต่อวิทยาศาสตร์เกินไป!
เพราะบนท้องฟ้าถูกบดบังด้วยนํ้าปริมาณมหาศาล สายฝนจึงไม่รู้เวลา เขาไม่เห็นดวงอาทิตย์และไม่รู้ด้วยว่าสถานที่แห่งนี้จะมีดวงอาทิตย์หรือไม่
'แล้วแสงสว่างมาจากไหนล่ะ?' สายฝนเกิดคำถามในใจ เขาหันไปสำรวจรอบข้าง เห็นก้อนหินสีฟ้าสดใสขนาดเล็กจึงหยิบขึ้นมาดู สายฝนสังเกตมันและพบว่าเป็นมันนี่เองที่ทำให้เกิดแสงสว่าง
'แค่ก้อนเดียวก็ทำให้เกิดแสงสว่างมากขนาดนี้ แล้วถ้าเป็นหลายสิบก้อนหรือหลายร้อยก้อนล่ะมันจะทำให้เกิดแสงสว่างมากขนาดไหน?' สายฝนคิด เขาลองเดินสำรวจบริเวณนี้หวังว่าจะมีหินสีฟ้าสดใสอีกซักก้อนสองก้อน ทว่าเมื่อลองเดินสำรวจสายฝนก็ต้องตกใจ
"หินแบบนี้มันมีเยอะจังวะ!" ภาพเบื้องหน้าเป็นหินสีฟ้าจำนวนมากมายหลายก้อน มันเยอะมากจนสายฝนไม่สามารถนับจำนวนได้
จบบทที่ 18 ณ เส้นทางโบราณ