webnovel

0017 มีคนก่อหายนะให้

บทที่ 17 มีคนก่อหายนะให้

จินเฟยเหยาล้วงผ้าไหมที่สยงเทียนคุนมอบให้ออกมาถ่ายเทพลังวิญญาณลงไปแล้วโยนเข้าใส่ตะขาบเหล็ก ผ้าไหมชนเข้ากับเขี้ยวยักษ์ที่พุ่งมา เสียงดังเพี๊ยะพะไม่หยุด ต้านทานการโจมตีของมันไว้

ฉวยโอกาสนี้ สองมือของจินเฟยเหยาแกว่งไกว จุดไฟนรกสีฟ้าขึ้นในมือ

“ลองชิมหัตถ์ไฟนรกของข้าดู เจ้าตะขาบบ้า” จินเฟยเหยาพุ่งหมัดเข้าใส่ส่วนท้องของตะขาบเหล็ก เปลือกส่วนท้องของตะขาบเหล็กถูกต่อยจนเว้าลงไปทันที ไฟนรกก็เผาไหม้เปลือกชิ้นนั้นจนไหม้เกรียม

ตะขาบเหล็กร้องคำรามแล้วสะบัดส่วนหางมา จินเฟยเหยาหันกายกลับมาต่อยมันหนึ่งหมัดหนักๆ ส่วนหางก็ถูกดีดลอยออกไป ไม่ให้ตะขาบเหล็กมีโอกาสหอบหายใจ จินเฟยเหยาอัดส่วนหัวของมันอย่างบ้าคลั่ง ขอเพียงหลบเขี้ยวยักษ์ที่กวัดแกว่งของตะขาบเหล็กได้ ระวังไม่ให้ถูกกัด ก็ไม่มีอันตรายอะไร

ปกติผู้บำเพ็ญเซียนขั้นฝึกปราณต้องใช้ฝีมือหน่อยจึงสามารถจับตะขาบเหล็กได้ ภายใต้หมัดอันหนักหน่วงเป็นชุดของจินเฟยเหยา เขี้ยวยักษ์ที่อันตรายที่สุดถูกต่อยจนแกว่งไกวสะเปะสะปะ ไม่มีโอกาสได้ใช้เลยสักนิด เปลือกบนหลังตะขาบเหล็กแข็งแกร่งอย่างยิ่ง ตอนหลอมอาวุธเวทจะโยนเข้าไปหลายแผ่นเพื่อเพิ่มระดับความแข็งแกร่งให้กับอาวุธเวท ถึงแม้เปลือกส่วนท้องจะแข็งน้อยกว่าเปลือกบนหลัง ทว่าอาวุธเวทชั้นล่างทั่วไปก็ยากจะตัดมันให้ขาดได้ ที่แข็งแกร่งที่สุดคือส่วนหัว มีผู้บำเพ็ญเซียนน้อยมากที่สามารถโจมตีส่วนหัวแล้วฆ่าตะขาบเหล็กให้ตายได้

เทียบกับผู้บำเพ็ญเซียนคนอื่นๆ ที่ใช้เวทมมนตร์และใช้อาวุธเวทโจมตีช่องว่างระหว่างปล้องเปลือก การโจมตีของจินเฟยเหยาเรียบง่ายกว่ามาก

ตะขาบเหล็กถูกนางต่อยยกหนึ่ง บวกกับถูกไฟนรกเผาไหม้ ทุบตีจนหัวหมุนตาลาย ส่วนหัวและส่วนท้องไหม้เกรียมเป็นรอยขรุขระ บนหลังก็มีเปลือกสองสามชิ้นถูกต่อย ไหม้เกรียมเช่นเดียวกัน จินเฟยเหยาตวาดเสียงดัง หมัดขวาที่เต็มไปด้วยไฟนรกและพลังวิญญาณต่อยตรงที่ไหม้เกรียมที่ส่วนท้องของตะขาบเหล็กอย่างดุร้าย

ในที่สุดเปลือกก็ทนการโจมตีของจินเฟยเหยาไม่ได้ปริแตกออก ไฟนรกพบรอยแตกบนเปลือกก็แทรกซอนเข้าไปภายในร่างของตะขาบเหล็ก ส่วนจินเฟยเหยาก็กระโดดถอยออกมาห้าก้าว มองตะขาบเหล็กพลิกตัวขึ้นลง พริบตาก็นอนตายอยู่บนพื้น

ไฟนรกที่ชอนไชเข้าสู่ร่างของตะขาบเหล็ก ใช้เวลาเพียงไม่กี่อึดใจ ก็เผาอวัยวะภายในทั้งหมดของมัน กำจัดมันได้อย่างสบายๆ ภายใต้เงื่อนไขไม่เผาทำลายเปลือก

นี่ง่ายดายเกินไปจริงๆ จินเฟยเหยายินดีอย่างยิ่ง เพียงแค้นที่ตะขาบเหล็กหาได้ยาก ไม่เช่นนั้นฆ่าตัวหนึ่งใช้เวลาเพียงสองถ้วยชา[footnoteRef:1] กำจัดเปลือกที่ถูกเผาเสียหาย ตะขาบเหล็กตัวนี้อย่างน้อยสามารถทำเงินได้ยี่สิบกว่าศิลาวิญญาณ นี่ยังไม่นับเขี้ยวยักษ์คู่นั้น อาศัยแค่ระดับความคมที่งับอะไรก็แตก เหมาะสมจะใช้หลอมอาวุธเวทโจมตีที่สุด [1: ถ้วยชา เป็นหน่วยวัดเวลา หนึ่งถ้วยชามีค่าประมาณ 10 นาที]

ล้วงมีดสั้นที่ได้เป็นของกำนัลออกมา จินเฟยเหยากำลังคิดจะตัดเปลือก ก็รู้สึกว่าพื้นดินสั่นสะเทือน อีกทั้งยังมีเสียงวิ่งเอะอะมาที่นี่ ฟังเสียงแล้วดูเหมือนจะมีไม่น้อยกว่าร้อยคน

นางงุนงงหยุดการกระทำในมือ ยืนขึ้นมองสถานที่ที่มีเสียงดังมา เสียงวิ่งใกล้เข้ามาทุกที การสั่นสะเทือนก็ยิ่งมากขึ้น จินเฟยเหยามองเห็นในพุ่มไม้เบื้องหน้ามีบุรุษอายุยี่สิบกว่าปีพุ่งออกมาผ่านหมอกบางๆ ในยามเที่ยงวัน

ไม่รอให้จินเฟยเหยามองพลังการบำเพ็ญเพียรของคนผู้นั้นได้ชัดเจน ก็ถูกสิ่งที่ปรากฏขึ้นด้านหลังเขาขู่ขวัญ

“มารดามันเถอะ นี่มันอะไรกัน”

จินเฟยเหยาไม่มีเวลาเก็บตะขาบเหล็กลงในกระเป๋าเก็บของสักนิด ก็หันหน้าออกวิ่งไปด้านหลัง บุรุษที่พุ่งออกมาไล่ตามมาทันนาง เหงื่อออกเต็มไปหมดเอ่ยขออภัย “สหายเซียนท่านนี้ ขอโทษด้วย”

“เจ้าบ้าหรือเปล่า ชักนำตั๊กแตนหน้าหยกกลุ่มใหญ่ขนาดนี้มา คิดจะฆ่าข้าให้ตายหรือ” จินเฟยเหยาพุ่งไปด้านหน้าอย่างสุดชีวิต คำรามใส่เขาอย่างกระหืดกระหอบ

จากนั้นนางก็มองด้านหลัง ตั๊กแตนหน้าหยกขั้นสองขนาดสูงกว่าตัวคนสามสิบกว่าตัวพุ่งมาถึงซากตะขาบเหล็กแล้ว เห็นแสงเย็นเยียบกระพริบวาบ ตะขาบเหล็กบนพื้นถูกเตะไปอยู่กลางอากาศ พริบตาก็ถูกตัดเป็นชิ้นๆ

“อ๊า ตะขาบเหล็กของข้า เจ้าบ้านี่ ชดใช้ศิลาวิญาณมาให้ข้านะ” จินเฟยเหยาเสียดายแทบตาย เอาโทสะทั้งหมดไปลงบนตัวบุรุษผู้นั้น

บุรุษผู้นั้นเช็ดเหงื่อบนศีรษะ เอ่ยเตือนอย่างช่วยไม่ได้ว่า “สหายเซียน ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาพูดถึงศิลาวิญญาณ ตั๊กแตนหน้าหยกไล่ตามมาทันแล้ว รีบหนีเถอะ”

พอจินเฟยเหยาหันหน้าไปอีกครั้ง ก็เห็นตั๊กแตนหน้าหยกที่มีสีขาวทั้งตัว ก้าวยาวๆ ไล่ตามมา อีกทั้งระดับความเร็วยังรวดเร็ว เคียวด้ามยาวสองเล่มตามธรรมชาติในมือของพวกมันเปล่งประกายเย็นเยียบ ตัดตะขาบเหล็กเป็นชิ้นๆ ได้อย่างง่ายดาย แค่คิดดูก็รู้ว่าคมกริบเพียงใด

“เหตุใดพวกมันจึงไล่ตามมาไม่ยอมเลิกรา เจ้าทำอะไรกันแน่?” เห็นตั๊กแตนหน้าหยกที่มีไอสังหารเต็มท้องนภากลุ่มนั้น จินเฟยเหยาก็แค้นบุรุษที่ชักนำพวกมันมาแทบตาย

บุรุษผู้นั้นโยนยาเม็ดหนึ่งเข้าปาก ยิ้มเอ่ยขออภัย “ข้าเพียงแค่จับตั๊กแตนหน้าหยกตัวเมียมาตัวหนึ่ง ทั้งหมดที่ไล่ตามมาด้านหลังล้วนเป็นตัวผู้”

“เจ้าบ้าหรือเปล่า...หมายความว่าตัวเมียตัวนั้นอยู่ในตัวเจ้า เจ้ารีบไปไกลๆ ข้าเลย ไป ไป ไปให้ไกลๆ เจ้าไม่ต้องชดใช้ค่าตะขาบเหล็กแล้ว รีบพาตั๊กแตนหน้าหยกของเจ้าไปไกลๆ หน่อย” จินเฟยเหยาเข้าใจขึ้นมา รีบไล่บุรุษผู้นั้นออกไป

บุรุษผู้นั้นยิ้มขื่นอย่างช่วยไม่ได้ “สหายเซียน ข้าหนีมาหนึ่งวันเต็มๆ ที่นี่อยู่ใกล้ปากหุบเขามากที่สุด ยาเสริมพลังของข้าก็ใกล้จะหมดเกลี้ยง ไม่มีทางพาพวกมันหนีไปที่อื่นจริงๆ”

“เช่นนั้นเจ้ามียันต์เดินทางหรือไม่? เอามาให้ข้าแผ่นหนึ่งก็ไม่ต้องชดใช้ค่าตะขาบแล้ว เจ้าไม่ไปข้าไปเอง” เห็นบนชุดของเขามีสัญลักษณ์ของสำนัก จินเฟยเหยาจึงเดาว่าเขาน่าจะเป็นศิษย์ของสำนักอะไรในเมืองลั่วเซียน บนตัวน่าจะพกยันต์เดินทาง

“ยันต์เดินทาง?” บุรุษผู้นั้นตกตะลึง ทันใดนั้นก็ยินดียิ่ง “เหตุใดข้าจึงลืมไปได้ว่าข้ายังมียันต์เดินทาง ฮ่าฮ่าฮ่า ดูสิว่าพวกเจ้ายังสามารถไล่ตามข้าทันหรือไม่”

จินเฟยเหยามองบุรุษที่เลอะเลือนผู้นั้น พลันรู้สึกไม่สบายใจ

จริงเสียด้วย เห็นบุรุษหนุ่มหยิบยันต์เดินทางหนึ่งใบออกจากในกระเป๋าเก็บของ เอ่ยกับจินเฟยเหยาอย่างรู้สึกผิดยิ่ง “สหายเซียนท่านนี้ บนตัวข้ามียันต์เดินทางเหลือเพียงใบเดียว บนตัวเจ้าไม่มีตั๊กแตนตัวเมีย พวกมันน่าจะไม่ไล่ตามเจ้า หากได้พบกับสหายเซียนครั้งหน้า ข้าต้องชดเชยสัตว์ภูติให้เจ้าตัวหนึ่งแน่นอน สหายเซียน รักษาตัวด้วย”

“ถือว่าเจ้าอำมหิต” หลังจากจินเฟยเหยาเค้นคำพูดออกมาประโยคหนึ่งอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน บุรุษผู้นั้นก็กระตุ้นการทำงานของยันต์เดินทาง หายไปจากเบื้องหน้าอย่างรวดเร็ว

ตั๊กแตนหน้าหยกด้านหลังที่สูญเสียร่องรอยของตั๊กแตนตัวเมียก็ยิ่งกระสับกระส่าย ทั้งหมดจับจ้องจินเฟยเหยาที่อยู่เบื้องหน้าเป็นเป้าหมาย

หากวิ่งไปทางปากหุบเขาตลอดเวลาแบบนี้ ช้าเร็วก็ต้องถูกตั๊กแตนหน้าหยกไล่ตามทัน หาสถานที่แห่งหนึ่งซ่อนตัวดีกว่า อย่างไรเสียบนร่างของตนเองก็ไม่มีกลิ่นของตั๊กแตนตัวเมีย ขอเพียงไม่ถูกตั๊กแตนเห็นร่าง ก็ไม่น่าจะพบตนเอง

เห็นเบื้องหน้ามีสถานที่แห่งหนึ่ง มีต้นไม้ล้มมากมาย เห็นมอสเต็มต้นไม้หลายปีแล้ว จินเฟยเหยาตัดสินใจ เลี้ยวเบนที่เบื้องหน้าอย่างกะทันหันกระโดดข้ามกองต้นไม้เหล่านั้น

แกร่ก แกร่ก แกร่ก...

ข้างหูของจินเฟยเหยาทั้งหมดเป็นเสียงเคียวของตั๊กแตนหน้าหยก เสียดสีกัน ราวกับกำลังปรึกษากัน นางหลบอยู่ด้านล่างขอนไม้ที่เต็มไปด้วยมอส ขอนไม้นี้อยู่ด้านบนของขอนไม้ท่อนอื่น ตรงกลางมีช่องว่างเล็กๆ ให้นางขดร่างแนบอยู่ด้านในได้พอดี

นางยังห่อร่างด้วยใบไม้เน่าบนพื้นอีกไม่น้อย เทเห็ดหูหนูเน่าออกมากองไว้ด้านล่างขอนไม้ เพราะมีเวลาไม่เพียงพอ เห็ดหูหนูจึงกองอยู่ที่นั่นอย่างกระจัดกระจาย ไม่เหมือนงอกออกมาสักนิด

สมองของตั๊กแตนหน้าหยกไม่ได้มีประสิทธิภาพขนาดนั้น ดูไม่ออกว่ากองเห็ดเน่ามีอะไรแปลกประหลาด เพียงแค่พบว่าร่องรอยของคนหายไป จึงค้นหาไปมาอยู่ที่เดิม

จินเฟยเหยามองดูภายนอกผ่านรอยแยกของใบไม้เน่า เห็นเท้าสีขาวของตั๊กแตนหน้าหยกแกว่งไปมาอยู่เบื้องหน้า นางทนกลิ่นเหม็นที่พุ่งมาปะทะจมูก ไม่กล้าขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย นอนอย่างสงบนิ่ง สุดท้ายก็เริ่มฝึกบำเพ็ญเสียเลย

รอจนนางลืมตา รอบด้านก็มืดสนิท ตั๊กแตนหน้าหยกที่หยุดอยู่ที่นี่มาตลอดก็หายไป คาดว่าค้นหาอยู่นานก็หาไม่พบ อีกทั้งที่นี่มิใช่ถิ่นของตนเอง จึงได้แต่ถอยกลับไป

หลังจากแน่ใจว่าด้านนอกไม่มีตั๊กแตนหน้าหยก และตั๊กแตนหน้าหยกไม่ได้ซ่อนกายรอคอยให้ตนเองเผยโฉมออกมา จินเฟยเหยาจึงออกมาจากด้านล่างขอนไม้ พอออกมานางรีบสั่นใบไม้เน่าบนตัวให้ร่วง สูดจมูก กลิ่นเห็ดหูหนูเน่าที่เปียกชื้นบนตัวยิ่งเข้มข้น ท่าทางกลิ่นเหม็นบนร่างจะอยู่กับตนเองไปหลายวัน

ค่ำคืนในหุบเขาร้อยหนอนแมลง หมอกหนาแน่นกว่ายามกลางวันมากนัก มืดสนิท หมอกลงจัด แม้แต่แสงจันทร์ก็ทะลุลงมาไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ที่จะหาสถานที่ค้างแรมแห่งใหม่

จินเฟยเหยาได้แต่ค้างแรมที่นี่หนึ่งคืน ล้วงหินเหล็กไฟออกมาเตรียมจะก่อไฟ ด้านหลังปรากฏเสียงซ่าซ่าขึ้นอีก

นางไม่หันศีรษะไป สองมือจุดไฟนรกขึ้น หันหน้าไปต่อยสะเปะสะปะทางด้านหลังโครมๆ สิ่งที่ยืนอยู่ด้านหลังถูกนางต่อยลงไปกองกับพื้น หยิบยืมแสงสว่างของไฟนรกส่อง จินเฟยเหยาจึงพบว่า สิ่งที่ถูกนางต่อยล้มลงบนพื้นคือตะขาบเหล็กตัวเล็ก

ตะขาบเหล็กตัวนี้อายุน้อย ร่างกายมีเพียงยี่สิบกว่าปล้อง ถูกนางอัดสะเปะสะปะยกหนึ่งก็ต่อยจนเปลือกแตก ถูกไฟนรกเผาตายจากด้านใน

“โชคดีขนาดนี้เลยหรือ? คิดไม่ถึงว่าจะเก็บตะขาบเหล็กตัวหนึ่งได้เปล่าๆ” จินเฟยเหยายินดี รีบจุดกองไฟขึ้น นางนำมีดสั้นออกมาอย่างดีอกดีใจ ตัดเปลือกภายนอกที่อยู่ในสภาพดีอย่างระมัดระวัง แม้แต่เขี้ยวยักษ์บนหัวนางก็ตัดลงมา ใส่ของทั้งหมดลงในกระเป๋าเก็บของ

เฉือนตะขาบเหล็กทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว จินเฟยเหยาจึงรู้สึกว่าตนเองหิวจนอกแนบติดแผ่นหลังนานแล้ว ปาดเช็ดเหงื่อ นางนำเสบียงกรังที่พกมาด้วยออกมา เทน้ำในถุงใส่แล้วกินหลายคำ

สิ่งที่ทำให้นางคิดไม่ถึงคือ ในหมอกหนามีเสียงซ่าซ่าดังมาอีก ตะขาบเหล็กตัวหนึ่งเลื้อยมาหานาง จินเฟยเหยาตกตะลึงอย่างยิ่ง หรือว่ากองขอนไม้นี้เป็นรังของตะขาบเหล็ก?

ไม่มีเวลามาคิดมาก จะให้ตะขาบเหล็กหนีไปไม่ได้ จินเฟยเหยาโยนถุงน้ำและเสบียงในมือทิ้ง หันหน้าพุ่งเข้าใส่ตะขาบเหล็ก แล้วใช้หมัดไฟนรกต่อยตีอย่างบ้าคลั่งอีกยกหนึ่ง ตะขาบเหล็กตัวนี้ก็ถูกนางกำจัดทิ้งอย่างว่องไว

ไม่รอให้นางตัดเปลือก รอบด้านก็มีเสียงซ่าซ่าดังมา คราวนี้จินเฟยเหยางงงวยอย่างที่สุด ไหนบอกว่าร่องรอยของตะขาบเหล็กไม่แน่ชัด และระแวดระวังอย่างยิ่ง จับตัวได้ยากเย็น ตอนนี้มันเรื่องอะไรกัน ตะขาบเหล็กทั้งหมดล้วนแทรกซอนมาที่นี่ ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าตะขาบเหล็กชอบกินเนื้อมนุษย์โดยเฉพาะ

แต่ว่า เจ้าพวกนี้ทั้งหมดคือเงิน ตอนนี้นางไม่สนใจจะคิดหาเหตุผล ตะโกนเสียงดัง พุ่งเข้าไปใส่ศิลาวิญญาณที่เคลื่อนไหวได้เหล่านั้น

..................................................

Nächstes Kapitel