หลังจากประตูไม้ถูกปิดลงอย่างระมัดระวังเสียงรบกวนจากโลกภายนอกก็เงียบหายไป
สภาพแวดล้อมที่เคยเต็มไปด้วยความมืดมิดกลับคืนสู่ความเงียบสงัดอีกครั้งราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเหลือเพียงสิ่งรกร้างและอันตรายที่ซ่อนอยู่ในป่าด้านนอกเหมือนดั่งเช่นเคย
วิคตัสมองไปรอบๆกระท่อมไม้ที่มีบรรยากาศอบอุ่นเขายังคงสัมผัสได้ถึงพลังของเวทย์มนตร์ที่แผ่ซ่านอยู่ในอากาศอย่างเบาบาง มันช่างดูแตกต่างจากสิ่งที่เห็นภายนอกแม้จะไม่มีเครื่องมืออำนวยความสะดวกอื่นๆแต่เห็นได้ชัดว่ายังดีกว่าการวิ่งหนีต่อไปอย่างไม่มีจุดหมายแน่นอน
นี่เป็นครั้งแรกของวิคตัสกับการใช้ มนต์ระดับ 3 ที่เรียกว่า " กระท่อมแห่งความฝัน "
แม้โอกาสสำเร็จจะมีเพียง 30% แต่เขาก็เลือกที่จะใช้มัน คาถาครั้งนี้เกือบทำให้เขาหมดสติจากการสูญเสียพลังไปเป็นจำนวนมากแต่เมื่อเทียบกับความสำเร็จที่ได้รับถือว่าเขายังพอมีโชคอยู่บ้างแม้ว่าสภาพของมันอาจดูทรุดโทรม เล็กน้อย ก็ตาม
กระท่อมแห่งความฝัน คือเวทย์มนตร์ที่ถูกคิดค้นขึ้นจากเหล่าแม่มดนักเดินทางเป็นคาถาเฉพาะตัวของผู้ใช้เวทย์สายธรรมชาติเพื่อใช้สร้างที่หลบภัยในสถานการณ์เร่งด่วนและอันตรายอย่างเช่นตอนนี้
พลังของคาถานี้มีข้อจำกัดที่สำคัญในด้านรูปทรง ความแข็งแรง หรือแม้แต่ระยะเวลาคงอยู่ของกระท่อมไม้จะถูกกำหนดขึ้นจากพลังเวทย์ของพ่อมดแม่มดที่ร่ายคาถาแม้จะสะดวกสบายแต่คาถานี้ต้องแลกกับพลังจำนวนมากและยังใช้ได้เฉพาะในพื้นที่ที่มีป่าไม้หรือพลังงานธรรมชาติเท่านั้น
บางครั้งหากพลังเวทย์ไม่เพียงพอกระท่อมแห่งความฝันอาจมีรูปร่างไม่สมบูรณ์หรือแม้แต่ระดับการป้องกันที่ลดลงจนไม่สามารถต้านทานอันตรายภายนอกได้และหากพลังเวทย์ลดลงอย่างกระทันหันสิ่งปลูกสร้างเหล่านี้จะหลุดออกจากมิติที่ถูกสร้างขึ้นทำให้ผู้ใช้ต้องระมัดระวังในการร่ายคาถาเป็นอย่างมาก
ในโลกเวทย์มนต์ที่เต็มไปด้วยคาถามากมายนับพันทุกสิ่งยังถูกแบ่งออกเป็นสายต่างๆตามพลังที่ก่อกำเนิดขึ้นบนโลกอีกด้วย
คาถาทั่วไปเป็นสิ่งที่พ่อมดแม่มดทุกคนสามารถใช้ได้ตามปกติเพื่ออำนวยความสะดวกในชีวิตของพวกเขา เช่นการควบคุมสิ่งของ คาถาจุดไฟ หรือแม้แต่การปลุกเสกเครื่องราง แต่คาถาระดับสูงจะใช้ได้ดีและทรงพลังยิ่งขึ้นจากพลังต้นกำเนิดของแม่มดแต่ละคนเท่านั้น
เช่น คาถาเพลิงมังกร หากถูกใช้โดยแม่มดแห่งท้องทะเลพลังของไฟมังกรที่อัญเชิญมาก็จะเบาบางลงไม่ค่อยมีประสิทธิภาพแต่กลับกันหากคาถานี้ถูกร่ายจากแม่มดแห่งอัคคีพลังทำลายล้างจะน่ากลัวเกินกว่าที่คุณคาดคิดได้
แม้จะไม่มีข้อห้ามกำหนดที่ตายตัวแต่การร่ายมนต์ข้ามสายพลังจะสิ้นเปลืองพลังเวทย์เป็นอย่างมากจึงไม่ค่อยเป็นที่นิยมนักยกเว้นแต่ในช่วงสถานการณ์ที่เสี่ยงต่อชีวิตจริงๆ ด้วยเหตุนี้เหล่าผู้ใช้เวทย์ระดับสูงจึงเลือกสร้างและศึกษาเฉพาะคาถาที่เกี่ยวข้องกับพลังต้นกำเนิดของพวกเขาเพียงอย่างเดียว
วิคตัสทรุดตัวลงนอนบนพื้นอย่างอ่อนแรง ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลที่ดูเหมือนจะเจ็บปวดแต่เขากลับไม่รู้สนใจมันเลยในขณะนี้
ความรู้สึกของการสูญเสียกดทับหัวใจของเขาไว้แน่นทุกสิ่งรอบตัวเปลี่ยนไปภายในชั่วข้ามคืน เขารู้สึกเหมือนเป็นเพียงเงาที่หลงเหลือจากชีวิตที่เคยมี ช่วงเวลาที่เกิดเรื่องราวทั้งหมดช่างยาวนานทุกๆวินาทีเขาสัมผัสได้เพียงความว่างเปล่าที่แทรกซึมอยู่ในจิตใจ
ความคิดถึงครอบครัวที่จากไปยังคงวนเวียนอยู่ในหัวมันเหมือนกับโลกทั้งใบได้ลบเขาออกไปอย่างไม่มีวันกลับมา
แม้จะล้มตัวลงบนพื้นที่เปลือยเปล่าอย่างแรงแต่ความเจ็บปวดทางกายกลับถูกกลบด้วยความเจ็บปวดที่ลึกซึ้งยิ่งกว่าในจิตใจของเขา
วิคตัสหลับตาลงรู้สึกถึงความเย็นจากพื้นหินที่สัมผัสกับผิวหนังเขาอยากให้ทุกอย่างหยุดนิ่ง แต่ในความเป็นจริงทุกสิ่งมีชีวิตยังคงดำเนินต่อไปแต่อาจไม่มีเขาเป็นส่วนหนึ่งของมัน เมื่อนึกย้อนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากการจากไปของแม่ผู้เป็นที่รักขอบตากลับร้อนผ่าวขึ้นมาอีกครั้ง
น้ำตามากมายไหลรินออกมาจนภาพทุกอย่างดูพร่ามัวแม้ว่าเขาจะพยายามสะกดกลั้นเอาไว้อย่างสุดความสามารถแล้วก็ตาม
" ทำไม ทำไม ทำไมถึงมีแต่ข้าที่รอดชีวิต?!! ข้ามันไร้ประโยชน์ ช่วยใครไว้ไม่ได้เลยไม่เหลือใครอีกแล้ว ท่านแม่ทำไมถึงทิ้งข้าไว้ ควรเป็นข้ามากกว่าที่สมควรตาย!! "
เขาร้องถามตัวเองด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเศร้าความรู้สึกที่มืดมนเริ่มเข้ามาครอบงำ
สภาพแวดล้อมรอบตัวดูเหมือนจะเงียบลงเมื่อเขาตะโกนคำถามนี้ออกไปไม่มีคำตอบจากโลกใบนี้ไม่มีแม้แต่เสียงสะท้อนกลับจากจักรวาลมีเพียงความว่างเปล่าที่กดทับอยู่ในใจ
เสียงกรีดร้องที่แสนเจ็บปวดดังขึ้นอย่างต่อเนื่องแต่กลับไม่มีผู้ใดได้ยินน้ำตาแห่งความสิ้นหวังไหลรินลงมาวิคตัสรู้สึกเหมือนกับว่าเขากำลังต่อสู้กับความจริงที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้การสูญเสียครั้งนี้ได้ทำลายตัวตนและจิตใจของเขาไปจนถึงที่สุด
ราวกับว่าเขาเป็นเพียงคนเดียวที่หลงเหลืออยู่ในโลกที่แสนโหดร้ายนี้
เด็กชายผู้สิ้นหวังยกมือขึ้นปิดหน้ารับรู้ถึงความทุกข์ที่ไหลผ่านทุกเส้นเลือดในร่างกายในหัวใจที่ว่างเปล่าเขารู้สึกว่าตัวเองไม่มีคุณค่าใดหลงเหลืออยู่เลย
ภาพของแม่ผู้เป็นที่รักปรากฏขึ้นในความคิด รอยยิ้มที่แสนอ่อนโยนและความรักที่ไม่มีเงื่อนไขหญิงสาวที่ไม่เคยยอมแพ้แม้ในช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุด
" ขอโทษนะครับแม่ มันควรเป็นข้า . . . ควรเป็นข้ามากกว่าที่สมควรตาย .. "
วิคตัสพูดออกมาเบาๆราวกับว่าจะกระซิบคำเหล่านั้นให้ย้ำเตือนตัวเองก่อนที่เสียงสะอื้นจะดังขึ้นอีกครั้ง
ในมุมที่มืดมิดคล้ายว่ามีเสียงกระซิบของความชั่วร้ายที่คอยกัดกินจิตใจของผู้ที่อ่อนแอคอยหว่านล้อมความคิดเลวทรามต่ำช้าหลากหลายรูปแบบใช้ทุกวีถีทางเพื่อล่อลวงจิตวิญญาณของวิคตัสให้ดำดิ่งลงสู่ความมืดมิด
—ตายซะสิ ในเมื่อไม่มีใครรอดอยู่แล้ว เจ้าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปทำไม ?
—ปลิดชีวิตตัวเองเพื่อทุกคน มาเถอะ....ความมืดมิดอันเป็นนิรันดร์กำลังรอเจ้าอยู่
วิคตัสรู้สึกเยือกเย็นไปทั่วทั้งร่างความรู้สึกของความสิ้นหวังเริ่มเข้ามาอย่างท่วมท้น เขาอยากจะลุกขึ้นหนีแต่กลับถูกดึงดูดด้วยเสียงนั้น
เสียงที่ดูเหมือนจะเข้าใจความเจ็บปวดและความสูญเสียของเขาราวกับว่ามันกำลังโต้ตอบและขานรับกับความสิ้นหวังในจิตใจของเขา
—นี่เป็นสิ่งที่เจ้าต้องการมากที่สุดไม่ใช่หรือ? เจ้าจะไม่ต้องทนทุกข์อีกต่อไปถ้าทุกสิ่งจบสิ้น ใช้มีดแหลมคมที่อยู่ในนั้นหยิบมันแล้วจบชีวิตที่เจ็บปวดนี้ซะ
พลังชั่วร้ายที่หลงเหลืออยู่ในบริเวณค่อยๆบงการความคิดของเด็กหนุ่ม ควบคุม สั่งการ ในช่วงเวลาที่หัวใจของเขาอ่อนแอจนถึงที่สุด เสียงกระซิบที่เย้ายวนใจกำลังเสนอทางออกที่สะดวกสบายเพื่อหลุดพ้นจากความเจ็บปวดที่เขารู้สึก
มีดกริช Athame ที่ถูกสร้างขึ้นอย่างประณีตและสลักลวดลายอักษรรูนสำหรับใช้ทำพิธีกรรมของเหล่านักเวทย์เส้นลายสลักอันงดงามและขอบคมส่งสะท้อนแสงในความมืดได้เป็นอย่างดี
สิ่งที่ควรถูกเก็บซ่อนไว้อยู่ในสร้อยคออัญมณีสีเขียวกลับปรากฏขึ้นในมือตามคำเรียกร้องจากจิตสำนึกของวิคตัสตัวแทนสัญลักษณ์ของพลังและความลึกลับตอนนี้กลับมาพร้อมความตั้งใจใหม่
ปลายแหลมคมค่อยๆลากไปตามผิวหนังของเขาความเย็นจากใบมีดทำให้รู้สึกถึงความกดดันที่เพิ่มขึ้นจิตใจที่ยังคงสั่นไหวไปพร้อมกับเสียงกระซิบที่ดังก้องอย่างต่อเนื่องก่อนจรดลงกลางหน้าอกของเขาอย่างช้าๆ
เพียงใช้แรงทั้งหมดในมือตอนนี้ทำตามเสียงกระซิบที่ดังอยู่ในจิตใจเขาจะไม่รู้สึกเจ็บปวดอีกต่อไป
...ไปสู่ความมืดมิดตลอดกาล
เสียงกระซิบที่เลวทรามกระซิบย้ำอีกครั้งราวกับว่าจะบีบคั้นให้เขาตัดสินใจในวินาทีนี้
เวลาเคลื่อนผ่านไปอย่างช้าๆจนน้ำตาที่ไหลออกมาจางหายไปเหลือเพียงสายตาที่ว่างเปล่าจ้องมองไปยังโคมไฟไม้ด้านบนอย่างเหม่อลอยไร้จุดหมาย
ความจริงที่เกิดขึ้นจะโหดร้ายมากแค่ไหน
สุดท้ายแล้วเขาก็หนีมันไม่พ้นทำได้แค่ต้องยอมรับมันด้วยความรู้สึกที่หนักอึ้งในหัวใจ
วิคตัสหยุดหายใจก่อนลดสายตามองไปยังกริชในมือของเขาความรู้สึกที่เย้ายวนใจของการสิ้นสุดทุกสิ่งมันช่างน่าหลงใหล
ในช่วงเพียงเสี้ยววินาทีก่อนที่ด้ามกริชจะถูกกดฝังลงที่กลางอกของเขาเสียงที่เต็มไปด้วยพลังอำนาจก็ดังขึ้นขัดทุกการเคลื่อนไหวของวิคตัส
" ไม่ !! "
สิ้นเสียงนั้นสติที่หลุดลอยของวิคตัสก็กลับมาชัดเจนอีกครั้งคล้ายกับถูกปลุกให้ตื่นด้วยน้ำเย็น เขาขว้างมีดกริชในมือออกไปด้านข้างด้วยความตกใจหัวใจเต้นระรัวด้วยความตื่นตระหนกความกลัวและความหวังชนกันให้วุ่นวายในจิตใจของเขา
เขาทำอะไรลงไป ...ฆ่าตัวตายงั้นหรอ!!?
ทำไมข้าถึงโง่แบบนี้ ยอมละทิ้งตัวเองที่แลกมาด้วยชีวิตของทุกคนในตระกูลเช่นนี้ ?
" ไม่....ข้าจะไม่ยอมแพ้!! " วิคตัสกล่าวขึ้นด้วยความมั่นใจที่สั่นคลอนเขาพยายามตะโกนออกไปเพื่อหวังจะให้เสียงกระซิบเหล่านั้นหยุดลง
เสียงกระซิบแห่งความมืดนั้นอาจเกิดขึ้นได้เสมอในช่วงที่จิตใจของแม่มดอ่อนแอและไม่เสถียร พลังชั่วร้ายที่ตกค้างอยู่บนโลกเหล่านี้จะคอยล่อลวงผู้คนให้หลงทางและเข้าสู่ความมืดที่บิดเบี้ยวมันสามารถสั่งการให้คนฆ่าตัวตายหรือแม้แต่ครอบงำจิตใจให้พ่อมดเข้าสู่หนทางที่ชั่วร้าย
รายละเอียดเล็กน้อยเหล่านี้คือความรู้พื้นฐานของผู้ใช้เวทย์มนตร์แต่ทุกคนกลับหลงลืมกฏพื้นฐานที่ว่านี้ไปอย่างช้าๆในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมาจึงไม่แปลกที่เราจะได้ยินข่าวลือเรื่องเล่าของแม่มดฝ่ายมืดที่ชั่วร้ายอยู่บ่อยครั้ง
วิคตัสตระหนักถึงสิ่งนี้ได้ในที่สุดถึงแม้จะมีทฤษฏีให้ศึกษาอยู่บ้างแต่การได้สัมผัสประสบการณ์ตรงด้วยตัวเองเช่นนี้เขาก็รู้สึกหวาดกลัวอยู่เหมือนกัน แต่ . .. ..ถ้าเสียงกระซิบนั่นคือพลังความมืดแล้วอีกเสียงหนึ่งเป็นของใครกัน ?
เสียงสุดท้ายที่เรียกสติเขากลับมานั้นแปลกเกินไปมันคือเสียงของมนุษย์อย่างแน่นอนอีกทั้งยังมีพลังพอที่จะทำลายการล่อลวงของพลังงานชั่วร้ายได้อีกด้วย
น้ำเสียงที่เย็นชาแต่กลับชัดเจนทุกถ้อยคำราวกับว่าอีกฝ่ายกระซิบคำพูดเหล่านั้นผ่านด้านหลังหูของเขาอย่างช้าๆเหมือนต้องการสลักประโยคทั้งหมดให้ตราตรึงในจิตวิญญาณของเขา
เป็นไปไม่ได้!!
เสียงของผู้คนด้านนอกไม่อาจข้ามผ่านมนต์คุ้มกันของกระท่อมแห่งฝันได้..หรือจะมีบางอย่างผิดพลาด?เพราะพลังตอนนี้ของเขาอ่อนแอเกินไปจึงทำให้ถูกรบกวนได้ง่าย?
วิคตัสเริ่มจัดความคิดของตัวเองใหม่ก่อนตัดสินใจเผชิญหน้ากับปัญหาทั้งหมดด้วยจิตใจที่แน่วแน่
ถ้าคุณอ่อนแอในตอนนี้
คุณก็ต้องฝึกฝนให้มากขึ้นกว่าเดิม
ถ้าคุณรู้สึกท้อแท้และสิ้นหวัง
คุณแค่เพียงต้องตั้งเป้าหมายใหม่อีกครั้ง
โลกนี้อาจไม่ง่ายอย่างที่คิดแต่มันจะไม่ยากเกินความพยายามของมนุษย์ หากพระเจ้าปิดประตูใส่คุณพระองค์จะเปิดหน้าต่างอีกบานให้แก่คุณเสมอ
จงมองหาเส้นทางต่อไปและเชื่อมั่นทุกการกระทำที่มีค่าของคุณอย่ายอมแพ้และเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมจักรวาลจะมอบสิ่งดีๆที่คู่ควรกับคุณมาให้อย่างแน่นอน!!
..
.
..
.
เมื่อความมุ่งมั่นถูกจุดประกายขึ้นประสาทสัมผัสของร่างกายก็ถูกกระตุ้นจากความเจ็บปวดอีกครั้ง
วิคตัสดึงของทั้งหมดออกจากสร้อยคอเก็บของก่อนจะค้นหาน้ำยาสมุนไพรเพื่อจัดการกับอาการบาดเจ็บบนร่างกายของเขา
หากคุณต้องการเริ่มต้นทำอะไรร่างกายและจิตใจต้องอยู่ในสภาพที่เต็มพร้อมเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพมากที่สุด
หลังจากได้รับโพชั่นบาดแผลที่เพิ่งเกิดขึ้นตามลำตัวก็ค่อยๆรักษาตัวเองและจางลงไปหลายจุดเหลือเพียงบาดแผลขนาดใหญ่บริเวณต้นแขนที่เกิดจากการจู่โจมของฝูงนกกระหายเลือดกับบาดแผลสีม่วงช้ำที่น่าจะมาจากการถูกพิษของพืชในป่าแห่งนี้
"เอาล่ะ! แผลใหญ่พวกนี้อาจต้องใช้เวลาอีกสักพักกว่ามันจะดีขึ้นโชคดีที่ไม่ร้ายแรงเกินไป "
หากบาดแผลกว้างเกินไปเขาอาจต้องทำการเย็บติดและนั่นคงจะลำบากน่าดูในสถานการณ์เช่นนี้
แผนการต่อไปคือการค้นหาสมุนไพรขจัดพิษและพักฟื้นร่างกายจากนั้นค่อยหาทางรวบรวมข่าวทั้งหมดจากผู้คนอาณาจักรยังคงต้องซ่อนตัวเพื่อฝึกฝนอีกสักพักจนกว่าจะมีวิธีจัดการผู้ที่อยู่เบื้องหลังของเรื่องนี้
..เขาจะไม่ยอมให้ทุกสิ่งเป็นไปอย่างที่พวกมันคิดไว้อย่างแน่นอน
ดวงตาสีเขียวเข้มจ้องมองออกไปอย่างเด็ดเดี่ยวประกายไฟแห่งการทำลายล้างยังคงล้างลุกโชนอยู่ด้านในนั้นตลอดเวลา
สิ่งของทั้งหมดที่เหลือติดตัวมีอยู่ไม่มากนักแต่อุปกรณ์พวกนี้สามารถสร้างสิ่งใหม่ๆขึ้นได้ตลอดเวลาหากเขามีวัสดุที่จำเป็นครบถ้วน
เริ่มจากสร้อยคออัญมณีสีเขียวที่ถูกดัดแปลงจากเวทมนตร์ของแม่ให้กลายเป็นที่เก็บของแบบพกพาเนื่องจากสถานการณ์เร่งรีบจนเกินไปทำให้พื้นที่ด้านในมีพื้นที่ไม่ใหญ่มากนัก
มันทำหน้าที่คล้ายกับโกดังเก็บของขนาดเล็กที่พกติดตัวไปได้น่าเสียดายที่ไม่สามารถเก็บสิ่งมีชีวิตไว้ด้านในได้
ถัดมาเป็นของใช้จำเป็นที่เขามักหยิบติดตัวออกไปทุกครั้งที่ออกเดินทางเช่น ไม้คทา หม้อปรุงยา มีดกริช ถ้วยทองเหลือง คัมภีร์แห่งเงา ตำราสมุนไพรที่ประดิษฐ์ขึ้นมาและมีขวดคริสตัลที่บรรจุส่วนผสมการทำพิธีอยู่จำนวนหนึ่งกับโพชั่นยาสมุนไพรอีก 2-3 ขวดเท่านั้น
เรื่องด่วนที่สุดตอนนี้คือการหาเสื้อผ้าใส่เนื่องจากชุดเดิมถูกทำลายไปไม่เหลือแม้แต่เศษซากของมัน
เขาไม่สามารถเดินออกไปข้างนอกในสภาพที่ไร้ยางอายเช่นนี้ได้ตลอดหรอกจริงไหม ?
อีกสองวันจะเป็นวันเกิดครบรอบอายุ 18 ปีเต็มของเขาเมื่อถึงตอนนั้นเขาสามารถใช้คาถาอัญเชิญภูติประจำตัวออกมาได้
อย่างน้อยครั้งนี้ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องเพื่อนร่วมทางอีกต่อไปและยังต้องหาอาหารเพื่อใช้ประทังความหิวอีกด้วยหากมีผลไม้หรือผักป่าในบริเวณนี้คงจะดี ไม่น้อย เมื่อเข้าสู่โหมดการกินท้องของเขาก็เริ่มส่งเสียงครวญครางประท้วงขึ้นมาทันที
..ช่างเป็นร่างกายที่ซื่อสัตย์เสียจริง ให้ตายสิ !!
หลังจากตรวจเช็คสิ่งของทั้งหมดจนเสร็จสิ้น วิคตัสจึงเก็บของที่ไม่จำเป็นกลับเข้าไปเหลือเพียงไม้คทาและหม้อปรุงยาขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางบ้านเพื่อใช้เป็นเครื่องทำความร้อนเท่านั้น
กระท่อมแห่งความฝันหลังนี้อาจอยู่ได้เพียง 5-7 วันไม่ต้องมองหาห้องน้ำหรือเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งอื่นให้เสียเวลาเพราะแค่มันยังคงตั้งอยู่ได้โดยไม่ถล่มลงมาก่อนวิคตัสก็รู้สึกดีใจมากแล้ว
สิ่งสำคัญคือความปลอดภัยดูเหมือนพรุ่งนี้เขายังคงต้องทำพิธีชำระล้างพลังงานชั่วร้ายและร่ายมนตร์ป้องกันเพิ่มขึ้นอีกครั้ง
โอ้! ยังต้องหาเสื้อผ้าชุดใหม่ อาหารและยาแก้พิษช่างวุ่นวายเสียเหลือเกินกับงานที่ต้องจัดการในวันพรุ่งนี้
ความคิดมากมายค่อยๆหยุดลงพร้อมกับเปลือกตาที่อ่อนล้าของเขา
ร่างกายที่ใช้งานมาอย่างหักโหมตลอดทั้งวันกับพลังเวทย์ที่ถูกใช้จนเกินขีดจำกัดทำให้ใครคนหนึ่งหลับลึกได้อย่างไม่น่าเชื่อ
หลังจากที่วิคตัสเข้าสู่ห้วงแห่งความฝันทันใดนั้นสร้อยอัญมณีที่คอของเขาก็ส่องแสงสว่างขึ้นอย่างกระทันหัน
เมื่อหินสีเขียวสัมผัสเลือดของผู้ถือครองในสภาวะที่จิตใจและพลังเวทย์ไหลเวียนอย่างมั่นคงเป็นหนึ่งเดียวกัน พันธะสัญญาแห่งเลือดจึงเปิดใช้งานทันที
อัญมณีมรกตที่ดูเหมือนจะมีชีวิตสั่นขึ้นเริ่มเคลื่อนไหวเหมือนฟันเฟืองที่ถูกปลดล็อคก่อนจะหลุดออกจากตัวสร้อยและหมุนลอยกลางอากาศอย่างร่าเริงจากนั้นจึงประทับลงกลางหน้าผากของวิคตัส
ความรู้สึกร้อนผ่าวเกิดขึ้นชั่วครู่ที่บริเวณนั้นแต่ยังไม่มากพอที่จะปลุกให้อีกฝ่ายตื่นขึ้นมาชื่นชมมันได้ ใช้เวลาเพียงไม่นานก่อนที่ทุกอย่างจะกลับคืนสู่ความเงียบสงบอีกครั้งราวกับว่าไม่เคยมีสิ่งใดเกิดขึ้น
..
.
..
นี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของโชคชะตา
ที่กำลังเปลี่ยนไปตลอดกาล . ..
...
..
..
.