ตอนที่ 9 ผีอำ
เสียงนั่นได้ยินชัดเจนทีเดียว !
เหมือนเสียงอะไรบางอย่างตกจากหัวเตียงลงมาบนพื้น
เย่หนิงตกใจจนเหงื่อท่วมตัว
เมื่อเธอคิดว่าจะลุกออกมาจากเตียง ก็ได้พบว่ามีเรื่องที่น่าขนลุกกว่าเดิมอีก นั่นคือเธอขยับตัวไม่ได้เสียแล้ว !
ไม่เพียงแต่ขยับตัวไม่ได้ แม้แต่ปากก็พูดไม่ออก รู้สึกเหมือนร่างกายนี้ไม่สามารถที่จะควบคุมได้แล้ว ทั้งตัวแข็งทื่อไปหมด กระดุกกระดิกไม่ได้เลย เย่หนิงรู้สึกถึงอาการผิดปกติ
ตรงกับที่คนทั่วไปมักจะเรียกอาการนี้ว่า "ผีอำ"
อย่างน้อยการถูกผีอำ......มันก็ต้องมีคำอธิบายเชิงวิทยาศาสตร์ และคำอธิบายที่ไม่ใช่เชิงวิทยาศาสตร์ แต่สำหรับเย่หนิงแล้ว เหตุการณ์ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเหมือนไม่สามารถใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์มาช่วยอธิบายได้......ถึงแม้เธอจะเป็นคนที่เชื่อมั่นในวิทยาศาสตร์ แต่ก็ไม่สามารถอธิบายเรื่องราวของคนที่ปรากฏตัวขึ้นแล้วหายตัวไปโดยไม่มีที่ที่ไปว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร
อย่างตอนนี้ด้วยเช่นกัน...
ระหว่างที่เธอกำลังคิดอะไรอยู่นั้น เธอก็รู้สึกเหมือนจะเห็นคนยืนอยู่ตรงข้างเตียง
เธอตาฝาดไปหรือเปล่า ?
เย่หนิงพยายามหันตัวแล้วเหลือบตามองไปทางด้านซ้าย แต่ก็คิดว่าถ้าไม่เห็นก็จะดีกว่า เพราะพอเธอมองไปก็รู้สึกกลัวจนขนลุกขึ้นมา ตรงบริเวณหัวเตียงเธอมองเห็นเหมือนเป็นเงาสีขาว แต่ดูไม่ออกว่าคือเงาอะไร
ตาฝาด ตาฝาด ตาฝาด ! เย่หนิงรีบหลับตาลง พูดอยู่ในใจ เราฝันไป เราฝันไป เราต้องฝันไปแน่ ๆ ! ก็แค่ผีอำเท่านั้นเองน่า !
เธอปลอบใจตนเองให้สบายใจขึ้น พยายามนึกหาวิธีทางว่าจะทำอย่างไรเพื่อที่จะทำให้ตัวเองตื่นขึ้นมาได้
บริเวณหน้าผาก รู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือกราวกับมีคนเป่าลมหนาวลงมา เป่าจนใจของเธอสั่นเทา ไม่กล้าแม้จะลืมตามอง แต่ในหัวของเธอตอนนี้เอาแต่จินตนาการถึงภาพน่ากลัวมากมายนับไม่ถ้วนโดยอัตโนมัติ อย่างเช่นว่า บนเพดานมีเงาสีดำไร้ขาล่องลอยอยู่ หรือไม่ก็มีคนเลือดท่วมตัวคลานออกมาจากใต้เตียง
เมื่อยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกกลัวขึ้นมาเสียจริง ๆ ถึงแม้หล่อนจะพยายามหยุดยั้งความคิดของตัวเองที่ทยอยออกมาจากหัว แต่ก็ไม่สามารถทำได้ กลับยิ่งคิดยิ่งกลัวมากกว่าเดิม แล้วจากนั้นเธอก็...
โดนทับแล้ว !
โดนทับเข้าให้แล้วจริง ๆ
รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ามีผู้ชายนั่งทับอยู่บนตัวของเธอ เย่หนิงกลัวจนส่งเสียงร้องไม่ออก ที่ไม่มีเสียงลอดออกมานั้น เป็นเพราะในคอของเธอส่งเสียงใด ๆ ออกมาไม่ได้เสียแล้ว เธออยากเห็นให้ชัดว่าจริง ๆ แล้วมันเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นกันแน่ แต่เปลือกตาของเธอกลับไม่สามารถเปิดขึ้นได้ ราวกับมีคนมาทากาวไว้ ไม่ว่าจะพยายามฝืนลืมตาเท่าไรก็เห็นเป็นเพียงร่องออกมาเท่านั้น มองอะไรก็ไม่ชัดเจน ความรู้สึกตอนนี้เหมือนกำลังถูกใครสักคนกำลังเปลื้องเสื้อผ้าออก
อีกฝ่ายถอดเสื้อผ้าของเธอด้วยความไม่พอใจจนสักพักตัวของเธอก็เปลือยเปล่าไม่มีเสื้อผาติดตัวอยู่อีก ความรู้สึกเย็นยะเยือกนี้ทำให้ในใจของเธอหนาวสั่นขึ้นมา นี่เธอโดนผีอำหรือเจอกับพวกข่มขืนกำลังกระทำชำเราเข้าให้กันแน่เนี่ย !
ไม่แปลกใจเลยที่เธอจะรู้สึกว่าเรื่องนี้มันไม่ชอบมาพากล ๆ ไม่แน่ว่าอาจจะมีใครที่กำลังเล่นบ้า ๆ กับเธออยู่ก็ได้
ตอนที่เธอกลับมา ในหัวของเธอมีแต่เรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนนี้ เธอไม่ได้ระวังตัวเลยว่าที่ห้องพักมีจุดไหนที่น่าสงสัยอยู่หรือเปล่า ตอนนี้ก็ยังคงคิดอยู่ ไม่แน่ว่าอาจจะมีคนซ่อนตัวอยู่ในห้องนี้ รอคอยโอกาสเพื่อที่จะลงมือ เดิมทีก็คิดเพียงแค่จะปล้นทรัพย์ แต่พอเมื่อเห็นว่าเธอเป็นผู้หญิง ก็เลยคิดที่จะข่มขืนด้วย
เธอโง่เกินไปที่นึกว่าตัวเองโดน "ผีอำ" นี่มันผีอำตรงไหนกัน ? เธอเจอคนโรคจิตเข้าให้ต่างหาก
ดูท่าทางคน ๆ นี้จะใจกล้าไม่เบา ถึงกลับกล้าเข้ามาที่หอพักของกรมตำรวจเพื่อกระทำการเช่นนี้ ไม่แน่ใจว่าคนที่กล้าทำเรื่องแบบนี้ได้จะเป็นประเภทคนโง่หรือคนเลวกันแน่
ไม่รู้หรือไงว่าที่นี่เป็นหอพักของกรมตำรวจ แล้วยังจะกล้าก่อคดีอุกอาจอีก คนที่ก่อคดีเช่นนี้ โดยปกติแล้วจะเป็นพวกผู้ร้ายที่เกลียดชังพวกตำรวจเป็นพิเศษ ดังนั้นถ้าตั้งใจจะเข้ามาก่อคดีที่กรมตำรวจแล้ว ก็คงเป็นการตั้งใจยั่วยุ ยั่วยุกันแบบซึ่ง ๆ หน้าเลย !
เย่หนิงอยากจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา ทำไมคืนนี้เธอถึงได้ซวยขนาดนี้ เจอเหตุการณ์ประหลาดแล้ว ยังต้องมาเจอพวกโรคจิตอีก
"คุณหมอเย่..." เสียงนั้นดังขึ้นเบา ๆ เนิบ ๆ ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นที่ข้างหู "พรุ่งนี้เจอกัน"
เย่หนิงสะดุ้งพรวดขึ้นมา
ในที่สุดหล่อนก็ลุกขึ้นมาได้ ร่างกายเริ่มรู้สึกกลับไปเป็นปกติ
สิ่งที่เธอทำเป็นอย่างแรกก็คือเปิดไฟตรงหัวเตียง ภายในห้องไม่มีแม้แต่เงาของใครสักคน
เมื่อกลับมามองดูตัวเองอีกที ชุดนอนบนร่างของเธอก็สวมอยู่เรียบร้อย เมื่อกี้เธอกลัวจนเหงื่อออกท่วมตัว จนชุดนอนบาง ๆ ของเธอแนบชิดติดตัว แต่ก็ยังคงรู้สึกถึงความเย็นยะเยือกอยู่
ใจของเธอเต้นดังตึก ๆ ตัก ๆ ขนาดเวลาผ่านไปสักพักแล้ว แต่หัวใจก็ยังไม่สงบลงเสียที
และที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือตอนนี้ในหัวของเธอยุ่งเหยิงไปหมด เริ่มจะรู้สึกมึนหัวขึ้นมาบ้างแล้ว เธอชักรู้สึกไม่แน่ใจว่า เมื่อสักครู่นี้เธอฝันไปหรือเปล่า ?
ไม่ผิดหรอกที่เธอจะรู้สึกสงสัยในใจ ก็ความรู้สึกนั้นช่างเหมือนจริงเกินไปแล้ว
ตอนที่ผู้ชายคนนั้นลูบคลำบนตัวเธอ ความรู้สึกนั้นช่างเหมือนจริงเสียเหลือเกิน มือของเขาเย็นเฉียบ ร่างกายก็เช่นกัน มันเหมือนกับว่า...
หัวใจของเย่หนิงเริ่มที่จะเต้นแรงขึ้น มันเหมือนกับคน ๆ นั้น คนที่พวกเราช่วยกันยกเขากลับมาระหว่างทาง ความรู้สึกที่เยือกเย็นแต่อบอุ่นนั่น ช่างเหมือนคนนั้นมากจริง ๆ
แล้วยังคำพูดที่เขาพูดเมื่อสักครู่......
ตอนนั้นเองอยู่ ๆ เธอก็รู้สึกตกใจขึ้นมา เมื่อคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว เสียงนั่น มันคล้ายกับเสียงของคนคนนั้นจริง ๆ ด้วย
เสียงของผู้ชายคนนั้น เสียงทุ้มที่ไพเราะน่าฟังนั่น เพียงแค่ได้ยินเพียงครั้งก็ไม่อาจจะลืมได้ เธอมั่นใจว่าเธอไม่มีทางจำผิดแน่ ๆ
เป็นเขาไม่ผิดแน่
เรื่องราวที่เกิดขึ้นในคืนนี้ไม่รู้ว่าเรื่องไหนจริงเรื่องไหนเท็จ เย่หนิงรู้สึกว่าตัวเองนอนพลิกไปพลิกจนรู้สึกกระสับกระส่าย ต่อให้พลิกตัวไปมาสักกี่หน ถึงแม้ว่าเธอรู้สึกว่าไม่เป็นไรแต่เธอพลิกตัวไปมาจนแทบจะเป็นโรคประสาทอยู่แล้ว
หลังจากที่เธอแน่ใจว่าผู้ชายที่อยู่บนเตียงของตนเองนั้นคงต้องเป็นคนที่พวกเขาเจอกันระหว่างทางแน่ เย่หนิงก็รู้สึกไม่มีอารมณ์ที่จะนอนต่อแล้ว ตอนแรกที่เพิ่งเอนตัวนอนลงบนเตียงนั้น เธอยังมีความรู้สึกเหน็ดเหนื่อยและอ่อนเพลียอยู่เลย แต่ตอนนี้เธอรู้สึกกลัวจนตาสว่าง
เธอรู้สึกกลัวเล็กน้อย กลัวว่าเมื่อกลับไปนอนต่อจะต้องเจอกับเหตุการณ์ประหลาด ๆ เข้าอีกครั้ง จะเป็นความฝันหรือว่าความจริงก็ยังไม่รู้แน่ชัด ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจว่าไม่ว่าคืนนี้จะเป็นอย่างไร เธอต้องทำให้ตัวเองตื่นอยู่ตลอดเวลา
เย่หนิงกลับไปอาบน้ำอุ่นอีกครั้ง ถอดชุดนอนที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อออกแล้วเปลี่ยนเป็นชุดใหม่ ชงกาแฟดื่มสักแก้ว เปิดคอมพิวเตอร์ เช็คอีเมล์ที่วันนี้หัวหน้าหยางส่งมาให้ อีเมล์เกี่ยวกับคดีฆาตกรรมที่หมู่บ้านว่างยาชุน มีผู้เคราะห์ร้ายสามคน ทั้งหมดเป็นนักศึกษาที่กำลังเรียนหนังสืออยู่
ช่วงที่เกิดคดี : ระหว่างวันที่ 3-6 กรกฎาคม ภายในสี่วันนี้มีผู้ประสบภัยต่อเนื่องสามคน
สถานที่เกิดเหตุ: หมู่บ้านแห่งหนึ่งห่างจากเมืองตงไห่ห่างไปไม่ถึงสามสิบกิโลเมตร
หมู่บ้านนี้ชื่อแปลกประหลาดชะมัด “ว่างยาชุน”
แต่ว่าตอนนี้เย่หนิงไม่มีอารมณ์จะสนใจถึงเรื่องชื่อของหมู่บ้าน ที่เธอแปลกใจก็คือ ทำไมนักศึกษาเหล่านั้นถึงไปอยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้กันได้นะ ?