webnovel

ตอนที่ 007

ตอนที่ 7 หายไปอย่างไร้ร่องรอย

เย่หนิงยื่นมือฟาดไปที่เขาเสียฉาดใหญ่ “ยังจะมาทำหน้าระรื่นอีก ทั้งหมดนี่ก็เป็นเพราะว่าแกหาเรื่องมาให้ไม่ใช่เหรอไง ? เมื่อกี้ใครใช้ให้แกไม่อยู่ที่ห้องชันสูตรกันล่ะ ! ไอ้นี่หนิ พอเข้าห้องน้ำเสร็จ ดันกลับมานอนเฉยเลย แกเห็นใจฉันบ้างไหมเนี่ย ? ไม่ได้เรื่องเลย !”

ถ้าหากเมื่อกี้ลู่เว่ยอยู่ด้วย เธอก็คงไม่ต้องอับอายถึงขนาดนี้ จะแก้ต่างอะไรก็ไม่ชัดเจน เมื่อคิดถึงตรงนี้ เย่หนิงจึงพูดขึ้นว่า “เดี๋ยวแกจะต้องอธิบายแก้ต่างให้ฉันนะ !”

ลู่เว่ยรู้สึกกลัดกลุ้มอย่างเป็นที่สุด “พี่เย่ครับ เมื่อกี้ลูกพี่ไม่ได้บอกผมนี่ว่าจะต้องชันสูตรศพด้วย ผมจะไปรู้ได้ยังไงล่ะครับ !”

“เรื่องแบบนี้ยังต้องให้ฉันพูดซ้ำอีกเหรอ ? ศพก็วางอยู่ตรงนั้นแล้ว จะต้องให้ฉันบอกก่อน แกถึงจะรู้ใช่ไหม ?” เย่หนิงแทบอยากจะฟาดเขาซ้ำเข้าไปอีกที “ลู่เว่ย แกเพิ่งทำงานวันนี้วันแรกหรอ ?”

ลู่เว่ยสงสัย ศพงั้นเหรอ ? ศพที่ไหนกัน ?

เขายังไม่ทันที่จะถามให้ชัดเจน ก็ถูกลากไปที่ห้องชันสูตรศพเสียแล้ว

เมื่อเห็นไฟยังคงเปิดอยู่ เย่หนิงจึงผลักประตูเข้าไป ทันใดนั้นเองเธอก็ชะงักลง แล้วเขาล่ะ ?

เมื่อกี้นี้เขาก็ยังอยู่ที่นี่เลยนี่น่า ?

แต่ตอนนี้ที่ห้องชันสูตรดูสะอาดเรียบร้อยราวกับว่าไม่มีคนอยู่ที่นี่ตั้งแต่แรก

กล่องอุปกรณ์ของเธอก็ยังคงวางอยู่ที่เดิม บนเตียงผ่าศพก็ไม่มีแม้แต่เงาของใคร เธอรีบวิ่งเข้าไปดูไม่ใช่แค่ว่าตรงนี้เหมือนไม่เคยมีคนอยู่ แต่ว่าแม้แต่คราบน้ำสักนิดก็ไม่มีให้เห็น

บนเตียงนี้มันจะต้องเปียกแฉะไม่ใช่หรือ ? แล้วบนโต๊ะข้าง ๆ เตียงนั่นก็ด้วย เธอเพิ่งจะวางเสื้อผ้าของคน ๆ นั้นไว้แท้ ๆ แถมทุกที่ก็เต็มไปด้วยรอยหยดน้ำ แต่ทำไมตอนนี้...มองดูแล้ว...มันทั้งสะอาดและแห้งสนิทขนาดนี้

สะอาดราวกับว่าเหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อสักครู่นั้น ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

แต่เหตุการณ์นั่นมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้เองไม่ใช่หรือ ?

ถึงแอร์จะเปิดอยู่ แต่คราบน้ำเหล่านั้นก็ไม่มีทางที่จะแห้งสนิทเร็วขนาดนี้นี่

เขาหายไปไหนกันนะ ?

ลู่เว่ยเดินเข้ามาในห้องชันสูตรศพด้วยความฉงน “พี่เย่ เหตุการณ์เป็นยังไงเหรอครับ ? นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ?”

เย่หนิงก็ไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เช่นกัน เขาหายไปไหนแล้วนะ ?

เธองงจนเป็นไก่ตาแตกแล้วเนี่ย !

ลู่เว่ยมองดูกล่องอุปกรณ์ของเย่หนิง เมื่อเปิดออกมา อุปกรณ์ที่ใช้สำหรับชันสูตรศพภายในกล่องล้วนสะอาดเอี่ยมอ่องเหมือนใหม่ บนเตียงผ่าศพก็ไม่มีแม้แต่ร่องรอยอะไรเลย ถ้าอย่างนั้นกลางดึกเช่นนี้เย่หนิงจะปลุกเขาแล้วลากมาที่ห้องชันสูตรศพเพื่ออะไรกัน ?

เมื่อเห็นว่าอารมณ์ของเย่หนิงไม่ค่อยจะดีนัก ลู่เว่ยจึงถามขึ้นอย่างระมัดระวัง “ลูกพี่ แล้วศพล่ะครับ ?”

เย่หนิงถึงจะใจเย็นขึ้นมาบ้าง แต่ก็แอบด่าอยู่ในใจ พร้อมพูดว่า “เหมือนจะหนีไปแล้ว !”

“อะไรนะครับ ?” ลู่เวยตกใจจนตั่วสั่นเทิ้ม “ศพ...ศพหนีไปแล้ว...” เขาแทบจะร้องไห้ออกมา “ลูกพี่ ดึกดื่นขนาดนี้แล้ว......ลูกพี่อย่าพูดล้อเล่นแบบนี้สิ !”

ถึงแม้ว่าจะอยู่ในกรมตำรวจก็ตาม แต่ทั้งตึกนี้นอกจากพวกเขาแล้วก็ไม่มีใครอีกเลย

“ทำงานต่อได้แล้ว ! ถ้าแกจะขี้ขลาดถึงขนาดนี้ แล้วแกจะมาเป็นหมอนิติเวชหาพระแสงอะไรยะ !” เย่หนิงยอมรามือให้กับลู่เว่ย เมื่อกี้เขาไม่ได้เจอ...เหตุการณ์นั้น ถ้าไม่อย่างนั้นเขาคงตกใจจนฉี่ราดแน่ !

ลู่เว่ยทำหน้ามุ่ย “ผมจะไปรู้ไหมล่ะครับว่าศพก็วิ่งหนีได้น่ะ !”

“โอ๊ย ไม่ใช่อย่างนั้น ! ก็คน ๆ นั้นที่พวกเราเพิ่งแบกกลับมาจากบนถนนไง !” เย่หนิงไม่ได้ตั้งใจที่จะทำให้เขากลัว ปค่อยจะดีนักอ พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ทำให้เขากลัวจนสลบไป

ลู่เว่ยมองเย่หนิงด้วยสีหน้าที่ยากจะอธิบาย ”คนที่พวกเราเพิ่งแบกกลับมาจากถนนงั้นหรือครับ ?”

“ใช่ ! คนนั้นแหละ ! คนที่เราแบกเขามาจากถนนนั่นไง ตอนแรกที่พบเขาก็ไม่ได้เช็คให้ละเอียด ก็นึกว่าเขาเสียชีวิตไปแล้ว แต่ตอนที่แบกกลับมาเพื่อจะชันสูตรหาการสาเหตุการตายของเขา ผลก็คือเขายังไม่ตาย เขายังมีชีวิตอยู่ ตอนที่ฉันเตรียมที่จะลงมีดผ่าชันสูตรร่างของเขา อยู่ ๆ เขาก็ตื่นขึ้นมา......”

เย่หนิงเล่าไปสักพัก ก็เห็นว่าสีหน้าของลู่เว่ยไม่สู้ดีนัก “ทำไมยะ ? ประสาทเสียไปแล้วเหรอ ? แล้วแกจ้องฉันแบบนี้ทำไม ?”

“ไม่ใช่ครับพี่เย่...” สีหน้าของลู่เว่ยฉายแววสับสน “แต่ว่าพวกเราพาคนกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่หรอครับ ?”

เย่หนิงจ้องเขม็งไปที่เขา “นี่แกยังไม่ตื่นใช่ไหมเนี่ย ?”

ยังไม่ตื่นเหรอ ?

ลู่เว่ยส่ายหน้า

เขารู้สึกว่าตัวเองอาจจะยังไม่ตื่นดีจริง ๆ ไม่เช่นนั้นคงไม่ได้ฟังพี่เย่พูดจนไม่รู้เรื่องเช่นนี้ !

เย่หนิงกระชากเสื้อของเขาอย่างรุนแรง “แกช่วยมีสติหน่อยได้ไหมเนี่ยหา !”

“ผมตื่นแล้วครับ ! ตื่นเต็มตาเลยครับ !” ลู่เว่ยรู้สึกว่าเขาโดนข่มขู่เข้าให้เสียแล้ว นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ? เขาไม่เห็นเข้าใจอะไรเลยสักนิดเลย

เย่หนิงพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ “ดี ! ในเมื่อแกตื่นแล้ว ฉันขอถามแกหน่อย ตอนที่พวกเรากลับมา ระหว่างทางนั้นแกยังพูดกับฉันเลยใช่ไหมว่า ฉันขับรถชนคนแล้ว และหลังจากนั้นพวกเราก็ลงจากรถมาเจอกับผู้ชายผมยาวใส่เสื้อผ้าสีขาวนอนคว่ำหน้าอยู่ตรงหน้ารถ เหมือนกับเขาเสียชีวิตมาแล้วสักพัก สาเหตุการตายก็ไม่ปรากฏ ดังนั้นพวกเราจึงแบกเขาขึ้นรถกลับมา เป็นแบบนี้ใช่ไหม ?”

“อ๋อ !” ลู่เวยอ้าปากกว้างจนแทบยัดไข่ห่านเข้าไปได้ มองเย่หนิงด้วยความตกตะลึงอย่างสุด ๆ

เย่หนิงใช้ฝ่ามือตบไปที่หัวของลู่เว่ย “อ๋ออะไร ! ฉันถามแกอยู่ว่าเป็นแบบใช่ไหม !?”

ลู่เว่ยปิดปากลงฉับ ใบ้สนิท สักพักหนึ่งจึงถามขึ้นว่า “พี่เย่ พวกเราพาคนกลับมาตั้งแต่ตอนไหนเหรอครับ ?”

เย่หนิงชะงักไป ”แกว่าอะไรนะ ?”

ลุ่เว่ยพูดอย่างเนิบ ๆ “ผมหมายความว่า เราไม่ได้เจอใครระหว่างทาง และก็ไม่ได้พาใครกลับมาด้วยครับ”

เย่หนิงนึกว่าตัวเองฟังผิดไป “แกนี่...เห้ย ! ไอ้หนูลู่ ฉันว่านะ แกคงนอนจนสมองเลอะเลือนไปแล้วใช่ไหม ? แกลืมไปแล้วเหรอ ? เมื่อกี้พวกเราเพิ่งจะแบกคนกลับมาเห็น ๆ ! แกยังเป็นคนที่ยกเขาขึ้นรถอยู่เลย แกลืมไปแล้วหรอยะ? หลังจากนั้นพอกลับมาแกก็รีบไปเข้าห้องน้ำ ฉันเลยไปเช็คดูศพก่อน เตรียมจะผ่าชันสูตร แล้วก็เลยรู้ว่าคน ๆ นั้นยังไม่ตาย...”

“ลูกพี่......” ลู่เว่ยชี้ไปที่เตียงผ่าศพที่สะอาดสะอ้าน “ลูกพี่มั่นใจนะว่าเราแบกศพกลับมาจริง ๆ และลูกพี่กำลังจะผ่าชันสูตรแล้วด้วย ?”

ถ้าพูดอย่างตรง ๆ ก็คือ แล้วศพนั้นล่ะ ?

“ก็ฉันบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าเขาฟื้นขึ้นมาแล้ว ?” พูดถึงตอนนี้เย่หนิงก็รู้สึกหัวร้อนขึ้นมา “ไอ้นี่ยังจะมาหาว่าฉันตอแหลใส่แกอีกเหรอ ? แกชักจะทำให้ฉันโมโหจริง ๆ แล้วนะ ! ฉันยังจะไปตามแก ให้แกมาช่วยยืนยันกับฉันอยู่เลยว่าเป็นเราสองคนที่พาเขากลับมา !”

“แต่ว่า...” ลู่เว่ยหมดแรงจะพูดอธิบายแล้ว “ลูกพี่ ที่นี่ไม่มีคนเลยนะครับ !”

“เดี๋ยวก่อนนะ !” เย่หนิงมองลู่เว่ยด้วยสีหน้าหวาดระแวง “ลู่เว่ย แกพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง ?”

ลู่เว่ยมองเธอด้วยความรู้สึกที่ไม่ค่อยมั่นใจนัก จึงซักถามกลับไปว่า “ลูกพี่ฝันไปหรือเปล่าครับ ? ลูกพี่อย่าฝันเป็นตุเป็นตะแบบนี้สิครับ แต่มันก็ไม่น่าแปลกตรงไหนหรอก ผมรู้ อาชีพอย่างพวกเรา ๆ นั้น ความกดดันมัน......”

“โอ๊ย ! แกสิฝันเป็นตุเป็นตะ !” เย่หนิงหยิกเขาที่แขนของเขาอย่างแรงเสียหนึ่งที “ฉันว่าแกนั่นแหละที่ยังไม่ตื่นน่ะ !”

“ผมตื่นแล้วครับ ! แถมยังจำทุกอย่างได้อย่างชัดเจนอีกต่างหาก ! ” ลู่เว่ยพูดเสียงเบา “พี่เย่ ตอนที่พวกเราขับรถกลับมา พวกเราไม่ได้หยุดรถแวะจอดตรงไหนเลยนะครับ แล้วก็ไม่ได้ลงจากรถระหว่างทางด้วย ตอนนั้นผมกำลังปวดท้องอยู่ไงครับ ลูกพี่ยังกลัวว่าผมจะอึราด จนลูกพี่รีบขับรถซิ่งอยู่เลย ผมตกใจจนแทบจะสลบไปแน่ะ...”

“ฉันรู้น่า !” เย่หนิงสะบัดมือไปมา “ฉันหมายถึงก่อนหน้านั้น ก่อนหน้านั้นน่ะ ! ตอนที่เพิ่งออกมาจากหมู่บ้านแล้วผ่านสุสานนั้นมา พวกเราเก็บศพมาด้วยไม่ใช่หรือไง ? ศพที่แปลก ๆ สวมเสื้อคลุมโบราณ ไว้ผมยาว ๆ ตอนนั้นแกยังพูดเล่น ๆ อยู่เลยว่ามันเป็นศพคนโบราณน่ะ”

ลู่เว่ยตกใจจนหน้าซีดเผือด “ลูกพี่ครับ ผมขอร้องล่ะ ลูกพี่อย่าหลอกให้ผมกลัวได้ไหมครับ !”