webnovel

ปั้นดินเป็นเดือน

จากดินสกปรกจะถูกปั้นให้เป็นเดือนได้จริงเหรอ? ความพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองนั้นมันคุ้มค่าหรือไม่? สุดท้ายแล้วคนเราก็ตัดสินกันแค่ที่หน้าตาใช่ไหม? เบญจมินทร์ หรือ เบ็น เป็นเด็กหนุ่มที่เชื่อสุดใจเลยว่าคนทุกคนบนโลกใบนี้ดูดีในแบบของตัวเอง และทุกคนสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้หากมีความพยายามมากพอ และด้วยความเชื่อที่ดูจะไปสะกิดต่อมความหมั่นไส้ของคู่อาฆาตนั้น ทำให้เขาถูกท้าแข่งในการประกวดทูตกิจกรรม ไม่ใช่ตัวพวกเขาเองที่จะลงแข่งหรอกนะ แต่พวกเขากำลังแข่งกันปั้นเด็กของตัวเองให้เป็นเดือนคณะให้ได้ต่างหาก ทว่า เด็กที่เบ็นต้องปั้นนั้นกลับเป็นรุ่นน้องปี 1 ที่แสนจืดจาง ใบหน้าห่างไกลจากคำว่าหล่อในยุคสมัยนี้ไปเลย แถมความมั่นใจยังอยู่ในระดับขั้นติดลบ ทุกคนเห็นตรงกันหมดว่าเบ็นไม่ต้องแข่งก็ได้ เพราะรู้ผลตั้งแต่ยังไม่เริ่มเลยด้วยซ้ำ แต่เบ็นเชื่อในตัวน้องคนนี้ และเชื่อในกันและกัน เขาจะปั้นเด็กคนนี้ให้เป็นดวงเดือนสีนวลบนฟ้าให้ได้! สุดท้ายแล้วพวกเขาจะสามารถพิสูจน์ให้โลกวัตถุนิยมใบนี้ยอมรับความพยายามของพวกเขาได้หรือไม่

NIMAJNEB · LGBT+
Zu wenig Bewertungen
56 Chs

บทที่ 7.3

ในที่สุดก็มาถึงห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่โตที่สุดของจังหวัด ผมชะเง้อดูกระจกมองข้างดูคอของผม ตอนนี้มันเป็นรอยแดงจากแดดไปแล้วเรียบร้อย

เซ็งชะมัด ผมจิ๊ปากด้วยความหงุดหงิด

              "พี่เบ็น...ผมขอโทษครับ ผมทำคอพี่แดงเลย" ไอ้เด็กนี่รู้ทันความคิดผม มันคงสังเกตเห็นว่าผมขมวดคิ้วส่องคอที่กระจกมองข้างอยู่นาน

จังหวะนั้นมีเด็กหญิงวัยมัธยมปลายสามสี่คนเดินผ่านเราไปพอดี พวกเขาเหล่มาทางเราแล้วซุบซิบกัน ถึงจะไม่ได้ยินทุกคำพูด แต่ผมรู้ได้เลยว่าพวกนั้นต้องกำลังเข้าใจผิดกับประโยคของไนน์เมื่อกี้แน่ ๆ

คิดแล้วหน้าผมก็ร้อนผ่าวยิ่งกว่าโดนแดดเผาซะอีก "เห็นไหม นี่คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับผิวเราถ้าไนน์ไม่ใส่เสื้อคลุม" ผมพูดสอนไนน์กลบเกลื่อนอาการเขิน เพิ่มระดับเสียงให้ได้ยินไปถึงสาวช่างจิ้นพวกนั้นด้วย

เราเดินผ่านลานจอดรถเข้าสู่ตัวห้างฯได้ในที่สุด ลมเย็นฉ่ำจากเครื่องปรับอากาศเปลี่ยนสภาพนรกบนดินของประเทศไทยเป็นสวรรค์น้อย ๆ ไปทันที

อาคารขนาดใหญ่สูงสี่ชั้นนี้มีขนาดกว้างใหญ่มหาศาล ผู้คนเดินขวักไขว่ไปมาเหมือนวันหยุดสุดสัปดาห์ทั่วไป โชคดีที่เรามากันเร็ว คนจึงยังไม่แน่นมากนัก

ผมไม่ได้ออกมาเที่ยวบ่อย โดยเฉพาะในห้างสรรพสินค้าที่มีผู้คนอยู่กันแน่นหนาจนน่าหงุดหงิด ถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ จะไม่เหยียบมาที่แบบนี้เลย

ผมจึงไม่ได้ตื่นตาตื่นใจอะไรกับห้างฯใหญ่โตแบบนี้เลยแม้แต่นิดเดียว มันก็แค่สถานที่ท่องเที่ยวซื้อของกินของใช้แสนธรรมดาที่สุดเท่าที่มันจะธรรมดาได้ ตรงกันข้ามกับไนน์ ไนน์อ้าปากหวอแสดงอาการตะลึงชัดเจน มือสะกิดแขนเสื้อผมทุกครั้งที่เห็นของสวยงามน่าซื้อตามข้างทาง ทำเหมือนเพิ่งเคยมาห้างครั้งแรกยังไงยังงั้นเลย

ระหว่างทางผมเหลือบไปเห็นร้านขายตุ๊กตาขนาดเล็กร้านหนึ่ง ความทรงจำบางอย่างไหลย้อนกลับมา แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกว่าเป็นเรื่องอะไร รู้แค่ว่าเป็นอะไรบางอย่างที่เกี่ยวกับตุ๊กตา...

"พี่เบ็น...พี่เบ็นครับ" ไนน์สะกิดแขนผม "อยากซื้อตุ๊กตาเหรอครับ"

"ห๊ะ อ่อ เปล่าหรอก แค่เหม่อเฉย ๆ ไปกันต่อเถอะ"

ผมพาไนน์เดินลัดเลาะไปยังเป้าหมายแรกของวันนี้ นั่นคือร้านตัดผม ทรงผมของคนเราเปลี่ยนหน้าตาหรือแม้กระทั่งหุ่นของเราได้เลย ถ้าทรงผมดูดีรับกับใบหน้าและบุคลิก มันก็จะช่วยเสริมเสน่ห์ของผู้ชายได้มากทีเดียว

มีอยู่สองเหตุผลที่ผมเลือกพาไนน์มาตัดผมก่อน ประการแรกคือยิ่งเช้าคนยิ่งน้อย ถ้ามาตอนบ่ายล่ะก็รับรองรอคิวยาวถึงดึกจนไม่ต้องไปทำอะไรกันพอดี ส่วนประการที่สอง ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน นั่นคือ เมื่อคนเราเปลี่ยนทรงผมองค์รวมของภาพลักษณ์เราจะเปลี่ยนตามไปด้วย

ดังนั้นจากประสบการณ์แล้ว ควรตัดผมก่อนไปเลือกซื้อเสื้อผ้าใส่เสมอ

พอก้าวเท้าเข้าร้านตัดผมร้านประจำ พี่เจ้าของร้านก็วางโทรศัพท์ลงแล้วลุกออกมาต้อนรับพวกเราในทันที

พี่เขาดูจะแปลกใจนิดหน่อยที่เห็นผมกลับมาอีกรอบ เพราะผมเพิ่งเข้ามาใช้บริการเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมานี้เอง

"ไง เบ็น เพิ่งตัดผมไปเองไม่ใช่เหรอ หรืออยากเอาสั้นกว่านี้" ผมมาตัดที่นี่ประจำจนพี่เขาจำชื่อจำหน้าผมได้แม่น

"เปล่าพี่ ผมพาน้องมาตัดหัว" ผมแกล้งแหย่ไนน์เล่นแต่โดนเจ้าเด็กน้อยมองค้อนใส่ "เอ้ย ตัดผม"

"ได้เลยค่า อยากตัดทรงอะไรจ๊ะพ่อหนุ่ม"

"เอ่อ...อ่า..." ไนน์ตอบพี่เขาไม่ถูกเลยทีเดียว ส่วนหนึ่งก็คงเพราะอายเหมือนทุกครั้ง อีกส่วนก็คงเพราะไม่รู้ว่าควรตัดทรงอะไรดี

"พี่มีทรงแนะนำน้องผมไหมครับ" ผมตอบแทนไนน์ไปแล้วตบหัวมันเบา ๆ เหมือนเลี้ยงลูกบาส

              "อืม...ขอพี่ดูก่อนนะ" พี่เขาเดินเข้ามาใกล้ไนน์ ทำเอามันผงะถอยหลังมาเกาะแขนผม

แต่แล้วก็ยอมอยู่นิ่งแต่โดยดี พี่เขาถอดแว่นตาออกแล้วเปิดหน้าผากที่ถูกผมยาวรุงรังบดบังขึ้น เผยให้เห็นแผลเป็นที่เป็นรอยอยู่เหนือคิ้วชัดเจน ไหนจะหน้าผากที่กว้างพอ ๆ กับสนามฟุตบอลอีก

"หน้าผากกว้างเหมือนกันนะ ผมบางด้วย ถ้าจะให้พี่แนะนำละก็ พี่ว่าดัดผมเพิ่มวอลลุ่มด้วยดีกว่านะคะ คุณน้องว่าไง"

"จ...ต...ไหม" ถึงไม่ได้ยินชัด แต่ผมพอจะเดาได้ว่าไนน์กำลังจะถามอะไร

"ขอโทษนะคะ?"

              แต่ผมห้ามไนน์ไม่ทัน "จะต่อยไหม" กูว่าแล้วว่าต้องถามคำถามนี้

พี่เจ้าของร้านหน้าเหวอทันทีที่ได้ยินคำถามแปลก ๆ ของไนน์

              "ดัดเลยก็ได้ครับ ถ้าพี่ว่ามันจะออกมาดี" ผมตัดสินใจแทนไนน์ไปเลยโดยไม่ถามมันสักคำ แต่ก็นะ ถึงยังไงหมอนี่ก็คงไม่รู้อยู่ดีว่าควรเลือกอะไร อีกอย่างผมเชื่อฝีมือและสายตาช่างประจำของผม

              เวลาของวันนี้หายไปเกือบสามชั่วโมงกับทรงผมแค่อย่างเดียว ไนน์เดินออกจากร้านด้วยสีหน้าง่วง ๆ มันแอบผงกหัวหลับตอนรอน้ำยาแห้งด้วย โชคดีที่ผมแอบถ่ายรูปมันไว้ เผื่อเอาไว้แกล้งมัน

              "แสบหัวจังเลยพี่เบ็น"

              "อื้ม เดี๋ยวก็หาย ไหนขอดูให้เต็มตาหน่อย"

...เช็ดครก! ใช้ได้อยู่! ไอ้เด็กผมยาวเป็นหมาปูลิตอนนี้เริ่มกลายเป็นพ่อหนุ่มผมงามไปแล้ว

ผมของไนน์ดูหยักศกเล็กน้อยไม่ถึงกับหยิกหยอย ผมด้านข้างและด้านหลังสั้นลงดูสะอาดตา ข้างบนและด้านหน้ายาวได้ที่ตามแบบฉบับทรงหนุ่มเกาหลี

"เป็นไงครับ ใช้ได้ไหมพี่เบ็น"

"พี่ว่ามันหยิกไปนะ เหมือนเมดูซ่าหัวงูเลย"

"จริงอะพี่เบ็น" พ่อหนุ่มผมหยิกหน้าเสียทันที

"ล้อเล่น ดูดีแล้วครับ" ทำเป็นหน้าแดงใส่ "...ถึงจะดูดีแค่ผมก็เถอะ"

"พี่เบ็นขี้แกล้ง" มันหลี่ตาใส่ผมแล้วทำท่างอนแก้มป่อง "ถ้าผมหัวงู พี่เบ็นก็เฒ่าหัวงูแหละ"

"นี่แน่ะ ไอ้หัวหยอย"

ผมดีดกระโหลกดังป็อกไปหนึ่งทีทำเอาไนน์ร้องโวยวาย ไม่ใช่เพราะเจ็บหรอกเพราะผมไม่ได้ดีดแรง แต่เพราะกลัวผมจะเสียทรง

ไอ้หนูนี่เริ่มกระแดะเป็นแล้ว แต่ก็โอเค มันเป็นสัญญาณที่ดีของการเริ่มดูแลตัวเอง

ทรงผม...เช็ค