webnovel

เข้าค่ายตอนที่หนึ่ง

...

หลังจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น สองพี่น้องฝาแฝดก็เปลี่ยนแปลงกลายเป็นคนใหม่ พวกเขาทั้งสองคนสนิทกับโชมากขึ้นเป็นพิเศษ ( พิเศษในที่นี้คือพิเศษจริงๆแบบใส่ใข่เลยนะ ) เขาใกล้ชิด พูดคุยและยกย่องโชจนออกนอกหน้า จนแทบไม่น่าเชื่อเลย ขนาดโชที่เคยรู้จักตัวตนของสองพี่น้องนี้มาก่อน ( ถึงขนาดตั้งฉายาให้ ) ยังแทบไม่อยากจะเชื่อเลยสักนิด แต่ก็เอาเถอะ!! ในเมื่อทั้งสองคนนั้นเขาอยากจะปรับปรุงตัวเอง เราก็ควรจะให้อภัยพวกเขาได้ ( ใช่ไหม ? )

โชยังคงไปโรงเรียนและเรียนหนังสือตามปรกติ เขาเริ่มคิดว่าชีวิตในวัยเรียนมันน่าเบื่อ ไม่เห็นน่าสนุกและน่าตื่นเต้นเหมือนเมื่อก่อน ครั้งที่เขายังเป็นเด็ก หรือว่ามันนานมาแล้ว.. นานจนแม้กระทั่งตัวของเขาเองยังลืมความสนุกในตอนนั้น..

' ที่จริงเราควรทำตัวเหมือนเด็กอายุ 13 ไหม ? ในวัยนี้ก็ย่างเข้าสู่วัยรุ่นแล้วนี่เนอะ แต่… ให้ทำตัวเหมือนเด็ก เราคงจะไม่ไหวจริงๆ ขอเถอะนะแค่นี้ก็เกินต้านไปแล้ว '

โชกำลังล้างสมองของเขาอยู่ เพื่อเคลียร์ความวุ่นวายที่ตัวของเขาเองกำลังโต้แย้งกับตัวเองอยู่ พลันเขาต้องหยุดความคิดต่างๆของเขาลง

" มาอยู่ที่นี่เอง.. ทำอะไรอยู่ ? ไปเล่นเตะบอลกัน " ดำชวนโชไปเล่นฟุตบอล ถ้าเป็นเมื่อ 20 ปีที่แล้วนะ โชเค้าคงกระโดดตอบรับเลย แต่เป็นตอนนี้ เขานั่งนึกเหมือนคิดอะไรสักอย่าง กว่าจะกลั่นคำพูดออกมาได้แต่ละคำ

" อ่ะ.. ไปก็ได้ ก็ดีเหมือนกัน แก้เซ็ง.. ไปเพื่อน!! "

มีใครเค้าเตะฟุตบอลแก้เซ็งกันบ้าง ? เค้ามีแต่เล่นเพื่อกระชับมิตรไม่ใช่เหรอ เล่นเป็นกีฬา เล่นเพื่อความสนุก และเล่นเพื่อเป็นการออกกำลังกายชนิดหนึ่งนะ..

แต่ถึงยังไง โชก็มีเพื่อนเพิ่มมากขึ้นนะ มีกิจกรรมให้ทำมากมายจนทำให้โชหายเซ็งได้แน่ๆ อีกทั้งวันหยุดเสาร์และอาทิตย์ในบางครั้ง ตัวเขายังคงต้องไปช่วยงานของลุงพุธ ถ้าลุงพุธมีงานเร่งด่วน ( แบบเจ้าของงานเร่งจะให้เสร็จไวไว ) และเรื่องของการเรียน อันนี้นะ!! เค้าไม่เกี่ยงเลยด้วย ไม่รู้ทำไม ? ตั้งแต่เขาย้อนอดีตกลับมา ถึงได้ตั้งหน้าตั้งตาเก่งเอ้า.. เก่งเอา.. จนตัวของโชเองยังคงแปลกใจ หนังสือหนังหาก็อ่านได้แบบไม่รู้สึกเบื่อ และจะชอบนั่งเงียบๆ และในบางครั้งก็หาที่นอนแบบเงียบๆ เพื่อใช้ความคิด..

...

ชั่วโมงเรียนสุดท้ายของวันนี้คือ วิชาลูกเสือ เนตรนารี และยุวกาชาด นักเรียนในชั้นต่างก็รอชั่วโมงนี้กันอยู่แทบจะทุกคน ยกเว้นโช ( ซึ่งเขาก็เรียนไปตามหน้าที่เท่านั้น ) ต่างก็ได้ตรงไปที่สนามฟุตบอลหน้าเสาธง อาจารย์เรียกให้นักเรียน ม. ต้นทุกคนมาเข้าแถวรวมกัน เพื่อที่จะประกาศข่าวสำคัญให้แก่นักเรียนให้ทราบโดยทั่วกัน

" สวัสดีนักเรียนชั้นมัธยมต้นทุกคน วันนี้ครูจะมาบอกกับนักเรียนทุกคนว่า สัปดาห์หน้าทางโรงเรียนได้จัดให้มีการเข้าค่ายของลูกเสือ เนตรนารี และยุวกาชาด โดยจะจัดถึง 3 วัน 2 คืน จะมีกิจกรรมเล่นรอบกองไฟกันในคืนสุดท้าย ทางโรงเรียนได้มีเอกสารให้ผู้ปกครองของนักเรียนเซ็นอนุญาติ หรือไม่อนุญาติ!! แจกให้กับนักเรียนในวันนี้ ขอให้นักเรียนทุกคน นำใบขออนุญาตินี้ไปให้ผู้ปกครองของนักเรียนเซ็นรับรู้ด้วยนะ อย่าลืม!! ให้นำมาให้แก่ครูภายในวันศุกร์นี้.. "

...

" โช.. นายยื่นใบขออนุญาติให้อาจารย์ไปรึยัง ? "

" ยื่นไปตั้งแต่เมื่อวานแล้ว.. และนายล่ะ ? "

" ยังน่ะสิ แต่กำลังจะไปยื่นส่งอาจารย์แล้วล่ะ ของนาย.. ยายของนายอนุญาติไหม ? "

" อนุญาติสิ.. ยายของฉันเค้าเป็นอาจารย์เก่านะจะบอกให้ ทำไมจะไม่อนุญาติในเรื่องเกี่ยวกับการเรียนล่ะ "

" ดีเลย.. ของฉันก็เหมือนกัน.. แม่อนุญาติให้มาเข้าค่ายลูกเสือ ฉันอยากให้ถึงสัปดาห์หน้าไวไวจัง!! "

โชมองหน้าเพื่อนรักของเขา แววตาของดำเปล่งประกายเหมือนคนที่กำลังตื่นเต้นและมีความสุข เหมือนเด็กน้อยๆที่กำลังได้ของเล่นที่อยากได้มานานแล้วเป็นของขวัญ

' อะไรจะตื่นเต้นขนาดนั้นเนี่ย.. หรือว่าเราควรจะตื่นเต้นไปกับเค้าด้วยนะ '

โชส่งยิ้มให้กับเพื่อนของเขาแทนการเสเสร้งแกล้งทำเป็นตื่นเต้น ( เพราะว่าตัวของเขาไม่ได้ตื่นเต้นเลยแม้สักนิด ) จึงทำให้ไก่และกุ้ง ( ซึ่งตอนนี้เป็นแฟนพันธ์ุแท้ของโชไปเรียบร้อยแล้ว ) หูผึ่ง!! ตาโต และอยากจะแสดงความคิดเห็นและมีส่วนร่วมด้วยกันกับโช ( แต่สองพี่น้องไม่ได้สนใจดำสักเท่าไหร่ ) พวกเขาทั้งสองคนจึงแกล้งเบียดดำ ให้ดำกระเด็นออกไปทางด้านข้าง และทั้งคู่ก็เข้ามารุมล้อมโช ด้วยท่าทางตื่นเต้นและดีใจ

" โช.. นายก็เข้าร่วมใช่ไหม ? แหม!! ดีจัง!! เราจะได้เล่นรอบกองไฟด้วยกัน " เสียงไก่ทำเป็นเนียนตีซี้

" แหม!! หนูอดเสียดายไม่ได้เลยพี่ พวกยุวกาชาดต้องไปเข้าค่ายอีกที่นึงน่ะสิไม่ได้เข้าค่ายอยู่ที่ทางโรงเรียน หรือหนูย้ายมาอยู่เนตรนารีวันนี้ดีคะพี่ไก่ "

" ใคร ? เขาย้ายกันได้ล่ะ คุณครูเขาคงไม่อนุญาติหรอก น้องกุ้งก็ไปเข้าค่ายยุวกาชาดของน้องกุ้งไปเถอะ เดี๋ยวพี่เข้าค่ายลูกเสือเผื่อน้องกุ้งเอง ดีใช่ไหมล่ะ ? "

ดำและโชมองหน้ากัน และพวกเขาทั้งคู่อดที่จะหัวเราะอย่างเสียไม่ได้ จึงทำให้ไก่และกุ้งทำหน้าเหรอหรากับอาการขำและหัวเราะของโชกับดำ แต่ฝาแฝดทั้งสองคนก็หัวเราะไปกับโชและดำด้วย ( ถึงแม้ทั้งคู่จะไม่รู้สาเหตุก็ตามว่าโชกับดำขำเรื่องอะไร )

' อะไรกันนี่ พวกเด็กแฝดก็เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือก็ได้ด้วยหรือนี่!! ไม่น่าเชื่อ!? แต่ก็ต้องเชื่อสินะ โอเค!! โอเค!!.. แบบนี้ก็ได้ ฉันจะยอมให้หรอกนะ เพราะเห็นแก่ว่าพวกนายยังเป็นเด็กด้วยกันทั้งคู่ ดู๊.. ดูสิ หน้าตาบ้องแบ๊วแบบนี้ ดูยังไงก็น่ารักดีนี่นา แล้วฉันจะเปลี่ยนฉายาให้พวกนายก็แล้วกัน เอาเป็น แฝดเสนอ ( เสนอหน้า ) ก็แล้วกัน '

พอโชนึกได้ก็หัวเราะต่อกัน ไปอีกยาว….. เป็นการขำที่มารธอนไปโดยปริยาย มันจะสนุกอะไรเบอร์นี้

...

มาถึงแล้ววันที่เด็กๆทั้งหลายต่างก็รอคอย ( ยกเว้นนิดนึง.. พระเอกของเรา ) วันนี้คือวันศุกร์ของสัปดาห์ถัดมา โดยทางโรงเรียนได้หยุดทำการเรียนและการสอน 1 วัน เพราะจะมีการเข้าค่ายที่โรงเรียน 3 วัน 2 คืน ( วันศุกร์จนถึงวันอาทิตย์ ) จึงให้พี่ๆ ม. ปลายหยุด 1 วัน ( หยุดวันศุกร์ ) และชั้น ม. ต้น ( ม. 1 - ม. 3 ) เข้าร่วมกิจกรรมเข้าค่ายลูกเสือและเนตรนารี ส่วนยุวกาชาดให้ไปเข้าค่ายอีกที่หนึ่ง จึงทำให้อาจารย์ต้องแบ่งตึกอาคารเรียน ไว้ให้เป็นที่พักของนักเรียนดังนี้

1 . อาคารหนึ่งให้เป็นที่พักของเหล่าเนตรนารีสามัญรุ่นใหญ่ทั้งหมด โดยอาจารย์ผู้ดูแลจะพักกับพวกเด็กๆด้วย พวกอาจารย์จะพักอยู่ที่ชั้นล่างของอาคาร ส่วนพวกเนตรนารีจะอยู่ชั้น 2 - 4 ตามลำดับชั้น ( ม. 1 อยู่ที่ชั้น 2 , ม. 2 อยู่ที่ชั้น 3 , ม. 3 อยู่ที่ชั้น 4 ) โดยจะอยู่รวมกันเป็นหมู่ๆไป ( เหมือนการแบ่งทีม ) โดยแต่ละหมู่จะมีชื่อเรียก เป็นชื่อของนกต่างๆ เช่น หมู่นกเอี้ยง หมู่นกนางนวล เป็นต้น

2 . อาคารสองเป็นที่พักของลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่ทั้งหมด และอาจารย์ผู้ดูแลยังคงต้องพักที่ชั้นล่างเหมือนอย่างเช่นกับของทางเนตรนารี และให้เหล่าลูกเสือทั้งหลายพักที่ชั้น 2 - 4 ตามลำดับชั้นด้วยเหมือนกันกับของเหล่าเนตรนารี และของลูกเสือก็จะมีหมู่คล้ายๆกันกับของเนตรนารี แต่หมู่ของลูกเสือจะใช้ชื่อเรียก เป็นชื่อของบุคคลสำคัญของชาติ เป็นวีรชน และใช้แถบสีประจำหมู่ เช่น หมู่นเรศวร น้ำตาล - เหลือง หมู่พระเจ้าตาก แดง - น้ำเงิน เป็นต้น

ในช่วงตอนเช้าได้มีการทำพิธีเปิดกิจกรรมการเข้าค่าย เสร็จแล้วก็ได้แยกกันไปตามหมู่ แล้วอาจารย์ก็ได้ให้นักเรียนนำสัมภาระไปเก็บที่ห้องตามที่ได้จัดไว้ โชได้อยู่หมู่เดียวกันกับ ดำและไก่ ( ซึ่งทั้งสองคนดีใจที่ได้อยู่ร่วมหมู่กันกับโช ) หมู่ของโชชื่อหมู่อู่ทอง และมีโชเป็นนายหมู่ และไก่เป็นรองนายหมู่ ส่วนดำเป็นคนหาน้ำ และยังมีเพื่อนๆชั้น ม . 1

ที่อยู่ในหมู่อู่ทองอีก 11 คน ต่างคนต่างก็มีหน้าที่ ที่ต้องจัดการ อย่างคนทำอาหารก็มีถึง 3 คน ส่วนที่เหลือต่างก็ต้องเตรียมอุปกรณ์ทำอาหารต่างๆ เช่น กะทะ หม้อ มาจากบ้าน ส่วนโชได้แบ่งภาระหน้าที่ให้เพื่อนๆในหมู่ไปเรียบร้อยตั้งแต่เมื่อวานก่อนจะมาเข้าค่ายแล้ว ซึ่งทุกคนก็ได้เตรียมข้าวของมาพร้อมตามที่โชได้จัดแจงแบ่งหน้าที่ไป พวกเขาเก็บเสบียงอาหารของพวกเขาไว้ในห้องที่อาจารย์เตรียมไว้ให้ พวกเด็กๆตื่นเต้นกับการเข้าค่ายในครั้งนี้มาก เพราะมันเป็นการเข้าค่ายแบบลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่ ซึ่งในตอนเรียนประถมจะไม่เหมือนกัน อย่างเรื่องอาหาร อาจารย์ก็ให้นักเรียนทำกันเองแค่เฉพาะมื้อเย็น ส่วนมื้อเช้ากับกลางวัน อาจารย์ได้ให้แม่ครัวเตรียมไว้ให้และรับประทานกันที่โรงอาหาร ซึ่งเด็กๆตอนมื้อเย็นบางหมู่อาจจะไม่ได้กินข้าวดีๆเลยก็เป็นได้ เพราะอาจจะมีข้าวดิบ หรือข้าวแฉะ และบางทีเจอข้าวสามกษัตฺริย์เลยก็เป็นได้ ( ดิบ แฉะ ไหม้ )

หมู่ของโชกำลังเก็บของกันอยู่ อยู่ดีๆก็มีเสียงคนแปลกหน้าดังลอดเข้ามา

" เฮ้ย… พวกแก.. มีข้าวเยอะไหม ? ของหมู่พวกฉัน ลืมเอามา!! ขอแบ่งหน่อยสิ "

โชมองมาตามเสียงที่พูดอยู่ ก็รู้โดยทันทีว่าใคร ? เขา.. เป็นรุ่นพี่ ม. 3 ที่นิสัยโคตรจะเกรียนเลย ชื่ออะไรน้า… โชพยายามนึกอยู่

" เฮ้ย.. กูถาม ? ทำไมไม่มีไครตอบเลยวะ ? "

พวกหมู่อู่ทองของโช อยู่แค่ชั้น ม. 1 ก็คงจะกลัวพวกรุ่นพี่สุดเกรียนคนนี้กันล่ะนะ แต่สำหรับโชในตอนนี้ เขาไม่ได้รู้สึกอะไรเลย เขายังคงมองมาที่รุ่นพี่คนนั้นอยู่ ( ไอ้ที่มองคือกำลังนึกชื่ออยู่ต่างหากล่ะ )

" แล้วคนที่ถามน่ะ เป็นใคร ? " เขาถามด้วยความที่เขานึกชื่อเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกสักที

" พูดจาแบบนี้.. มึงไม่เคารพรุ่นพี่รึไงวะ " รุ่นพี่จอมเกรียนโวยวาย

" รุ่นพี่ ? อ่อ.. ครับ!! แล้วรุ่นพี่ชื่ออะไรกันครับ " โชลอยหน้าลอยตาถามรุ่นพี่จอมเกรียน

" ผมจะได้จดและลงบัญชีไว้น่ะครับ คือ เสบียงของพวกผมที่เอามามันมีค่าใช้จ่ายนะครับ ถ้ารุ่นพี่ไม่ว่าอะไร ผมจะได้นำข้าวสาร หรือสิ่งของต่างๆที่รุ่นพี่ต้องการมาให้อย่างสบายใจโดยไม่ถึงหูอาจารย์ ดีไหมล่ะครับ ? รุ่นพี่!!.. " โชพูดพร้อมถือปากกาและสมุดเตรียมจด

" อะไรกัน!! ขอแบ่งนิดๆหน่อยๆไม่ได้เหรอ… เอ่อ.. ข้าขอแค่ถ้วยเดียวก็ได้ " เสียงรุ่นพี่จอมเกรียนเริ่มเบาลง

" แล้วจะพอกันกินทั้งหมู่หรือครับรุ่นพี่ "

" พอสิ!! เพราะว่าข้าจะไปขอทุกๆหมู่เลย หมู่ละถ้วย สิบหมู่ก็สิบถ้วย เหลือเฟือ!! "

' โอ้โฮ.. ไอ้รุ่นพี่จอมเกรียนคนนี้มันช่างหน้าหนาเสียเหลือเกิน มันยังมีหน้ามาบอกจะขอทุกหมู่.. นี่ความคิดของมันไม่คิดจะรับผิดชอบอะไรเลยรึเนี่ย ? '

" งั้นทางหมู่ของผม คงจะให้ข้าวสารแก่รุ่นพี่ไม่ได้หรอกครับ แต่ถ้าทางรุ่นพี่เปลี่ยนใจ จากขอเฉยๆเปลี่ยนมาเป็นซื้อ ผมจะถือว่านี่คือการทำธุระกิจนะครับ ทางผมจะส่งสินค้าให้รุ่นพี่ตามที่รุ่นพี่ต้องการ " โชโต้ตอบด้วยท่าทางยียวนกวนประสาท โดยที่เขารู้สึกสนุกกับการที่ได้แหย่รุ่นพี่จอมเกรียนผู้นี้

" ไอ้ขี้งก!! ไม่เอาก็ได้วะ.. ไปขอหมู่อื่นก็ได้ จะจำไว้ไอ้พวกหมู่อู่ทองมันขี้งก!! "

สิ้นเสียงรุ่นพี่จอมเกรียน ก็กระแทกประตูห้องอย่างแรงใส่ พวกเด็กๆเพื่อนๆของโชดูท่าทางตกอกตกใจ เลิ่กลั่กกันเป็นแถว ส่วนตัวของโชนั้นไม่ได้มีท่าทีอะไรเลย และยังคงเก็บข้าวของเข้าที่เหมือนเดิม

" โช.. นายไม่กลัวรุ่นพี่คนนั้นเลยเหรอ ? " ดำทำหน้าตาวิตกเป็นกังวล โชหันหน้ามามองดูเพื่อนรักของเขา

" กลัว!?.. มีอะไรให้ต้องกลัว ไอ้รุ่นพี่จอมเกรียนคนนั้น "

" ชู่ว!!.. นายอย่าพูดเสียงดังสิ เดี๋ยวมีคนได้ยิน แล้วเอาไปบอกรุ่นพี่ " ดำรีบยกมือขึ้นมาปิดปากโช

" บอกก็ดีสิ ไม่จำเป็นที่พวกเราจะต้องไปกลัวไอ้รุ่นพี่จอมเกรียนคนนั้น กลับกันต่างหาก ที่พวกมันจะต้องกลัวพวกเรา ฮ่าๆๆ " โชหัวเราะอย่างเสียงดัง จนดำหน้าเหรอหรา..

อาจารย์ให้พวกลูกเสือจัดเตรียมข้าวของ คือ ให้เป็นชั่วโมงว่างนานถึงหนึ่งชั่วโมง ก่อนจะประกาศเรียกรวมตัวโดยการเรียกรวมตัวแต่ล่ะครั้งบรรดาเด็กๆลูกเสือทั้งหลายจะต้องมีผ้าพันคอติดอยู่กับตัวเสมอ เพราะอาจารย์ให้เหล่าลูกเสือเปลี่ยนชุดลูกเสือเป็นชุดลำลองทั่วไปหรือชุดไปรเวท แต่จะให้ใส่ชุดลูกเสือก็ต่อเมื่อ คราวที่ต้องทำพิธีหรือกิจกรรมสำคัญๆ เพราะถ้าใส่แต่ชุดลูกเสือตลอดเวลา 3 วัน 2 คืน คงจะมีกลิ่นตุๆเหมือนเสื้อผ้าเน่าและเหม็นเสียมากกว่า พอครบชั่วโมงว่างพวกอาจารย์ก็ประกาศรวมตัวเหล่าลูกเสือทุกหมู่ และให้เหล่าลูกเสือทั้งหลายเตรียมตัวเดินทางไกล โดยจะออกเดินทางเป็นหมู่โดยให้ผู้เป็นหัวหน้าถือธงของหมู่ของตนและเริ่มออกเดินทาง เส้นทางที่จะต้องไปจะมีจุดมาร์คต่างๆที่อยู่ในแผนที่ที่อาจารย์แจกให้แก่หัวหน้าหมู่ไปแต่ละหมู่ และอาจารย์จะคอยอยู่ที่ตามจุดต่างๆ ถ้าลูกเสือหมู่ไหนไปถึงจุดหมายที่มาร์คไว้ในแผนที่แล้วล่ะก็ จะต้องให้อาจารย์หรือคนตรวจจุดหมายเซ็นชื่อหรือปั๊มตราเพื่อเอาไว้เป็นหลักฐานตามจุดที่มาร์ค

เส้นทางที่เดินทางไกล ในสมัยนั้นจะผ่านบ้านคน วัด ตลาด แม้กระทั่งบ้านไหนที่มีหมาดุ หรือป้ายแปลกๆ และสถานที่ต่างๆตามแผนที่เหล่านั้นจะเป็นจุดมาร์คพิเศษที่อาจารย์ทำเอาไว้ ระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตรได้ กว่าจะครบทุกๆด่าน ก็ล่วงเวลาไปหลายชั่วโมง และไปรวมตัวกันที่สนามหลวง ดีนะที่ขากลับอาจารย์ให้นั่งรถกลับกัน เป็นรถบัสคันใหญ่เชียว แล้วอาจารย์ก็แจกข้าวกล่องกับน้ำดื่มให้กับเด็กๆลูกเสือทุกคนไว้รับประทานกันบนรถ เดินกันแค่นี้ก็เหนื่อยกันหน้าดำหน้าแดงแล้ว พอเด็กๆได้นั่งรถลมเย็นๆบางคนก็เลยผลอยหลับไป…