webnovel

The Lost City...นครที่สาบสูญ

ธารา / ทาร่า นักโบราณคดีหนุ่มผู้มากความสามารถ แถมยังเป็นคนยิ้มง่ายเลยเข้ากับคนอื่นได้ดี จู่ ๆ ก็ได้รับคำสั่งให้มาจัดการเกี่ยวกับเรื่องนครสาบสูญที่เพิ่งถูกค้นพบ เรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นก่อนที่มหานครแห่งนี้จะล่มสลายค่อย ๆ ถูกรื้อฟื้นขึ้นมา อดีตชาติและยุคสมัยใหม่ค่อย ๆ ถูกหลอมรวมเข้าด้วยกันจากคนเพียงคนเดียว... อาเธอร์ นายทหารมากฝีมือ เป็นหัวหน้าหน่วยที่ถูกส่งมาดูแลความปลอดภัยให้กับงานครั้งนี้โดยเฉพาะ เป้าหมายหลักคือให้ความคุ้มครองจนกว่าภารกิจจะเสร็จสิ้น เป็นคนหน้านิ่งไม่ค่อยยิ้มเลยดูดุจนทำให้คนอื่นกลัวตลอดเวลา แต่ความจริงถือว่าเป็นคนที่ใจดีมาก ๆ คนหนึ่ง ทั้งที่ดูแล้วไม่น่าจะเกี่ยวข้องอะไร แต่เจ้าตัวกับเป็นคนที่มีความสำคัญมากต่อเหตุการณ์ในอดีตและปัจจุบันที่กำลังจะเกิดขึ้น ศรุต / แซค หนุ่มเลือดไทยเต็ม 100% แต่มาเรียนต่อที่ต่างประเทศเลยได้พบกับธารา เพราะอีกฝ่ายเป็นลูกครึ่งไทยเลยพูดกันรู้เรื่อง ตั้งแต่นั้นมาศรุตจึงติดรุ่นพี่ใจดีคนนี้เอามาก ๆ แม้จะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในอดีต แต่เพราะตัวติดกับธาราตลอดจึงต้องรู้เรื่องอะไรต่อมิอะไรไปด้วยอย่างช่วยไม่ได้ เบน หนุ่มขี้เล่น อารมณ์ดี มีตำแหน่งเป็นรองหัวหน้าจึงมีอำนาจรองจากอาเธอร์คนเดียวเท่านั้น และเพราะเป็นคนอัธยาศัยดีจึงเข้ากับคนอื่นได้เร็ว พอมีเวลาว่างก็มักจะไปคุยเล่นกับธาราและศรุตเสมอจึงสนิทกันพอสมควร และอีกเรื่องที่ไม่ค่อยมีใครรู้คือเจ้าตัวเป็นเพื่อนกับอาเธอร์มาตั้งแต่เด็กจึงสนิทกันมากชนิดรู้ไส้รู้พุงดี ไม่มีความลับใด ๆ ต่อกันทั้งสิ้น

LyLyAiAi · LGBT+
Not enough ratings
6 Chs

ตอนที่ ๒

ตอนที่ ๒

"ผมเพิ่งเคยมาหมู่บ้านทะเลทรายแบบนี้เป็นครั้งแรกเลยพี่"

เสียงกระซิบที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นของรุ่นน้องคนสนิท ทำให้ธาราเผลออมยิ้มออกมาบาง ๆ ด้วยความเอ็นดู ก่อนจะดึงแขนเจ้าตัวเบา ๆ เป็นเชิงเตือนให้รีบเดินต่อเมื่อเห็นว่ายังเอาแต่หยุดมองบริเวณโดยรอบนานเกินไปจนตอนนี้แทบจะตกมาอยู่รั้งท้ายกลุ่มแล้ว

แต่เพิ่งจะเร่งฝีเท้าขึ้นมาได้เพียงสองก้าวก็เป็นอันต้องชะงักกึก เมื่อ...

"เราต้องเข้าไปพบหัวหน้าหมู่บ้านเพื่อฝากตัวตามมารยาทก่อน"

"ครับ"

น้ำเสียงทุ้มต่ำแฝงแววดุตลอดเวลาของคนหน้าขบวนที่หยุดยืนรอเพื่อพูดด้วย ทำให้ธาราได้แต่พยักหน้ารับกลับไปโดยไม่คัดค้านอะไรทั้งสิ้น

ครั้งแรกที่เจอหน้ากันธารายอมรับจริง ๆ ว่าเขาตกใจมาก ไม่ใช่เพราะขนาดรูปร่างที่สูงใหญ่หรือน้ำเสียงเข้ม ๆ ที่ได้ยิน แต่เป็นเพราะดวงตาคมดุคู่นั้นกับหัวคิ้วที่เหมือนจะขมวดอยู่ตลอดเวลานั่นต่างหาก

คนอะไรทำหน้าดุตลอดเวลาจนแทบไม่กล้ามองเลย

"น่ากลัวอะพี่"

ธาราได้แต่พยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของรุ่นน้องที่ยืนกระซิบกระซาบอยู่ข้าง ๆ ดวงตาคู่สวยมองตามร่างสูงใหญ่ที่พอพูดกับเขาจบก็เดินนำไปอยู่ที่หน้าขบวนต่อ สีหน้านี่นิ่งสนิทซะจนแอบเสียดายความหล่อที่มีจริง ๆ

หน้าตาดีแท้ ๆ แต่ดันไม่รู้จักยิ้มบริหารเสน่ห์เอาเสียเลย

"ไม่ต้องกลัวหรอกครับ"

".....?!"

ประโยคที่จู่ ๆ ก็ดังขึ้นมาจากด้านหลังทำให้ทั้งธาราและศรุตพากันสะดุ้งเบา ๆ อย่างตกใจ ก่อนจะรีบหันไปมองแล้วก็เจอเข้าเต็ม ๆ กับรูปร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มผิวเข้มที่หน้าตาดูดุไม่แพ้กัน...แต่กลับส่งยิ้มมาให้เสียน่ารักเลย

"เห็นท่าทางดุ ๆ แบบนั้น แต่ความจริงแล้วหัวหน้าใจดีมากนะครับ ถ้าไม่นับรวมตอนที่ฝึกพวกผมน่ะนะ"

พูดจบเจ้าตัวก็หัวเราะปิดท้ายเบา ๆ แล้วฉีกยิ้มกว้างมาให้อีกที เห็นแบบนั้นทั้งธาราและศรุตเลยส่งยิ้มตอบกลับไปพร้อมทั้งค่อย ๆ คลายอาการเกร็งลง เมื่อเจอคนที่ดูพูดคุยด้วยง่ายและเป็นกันเองขนาดนี้

"ขอโทษนะครับ เมื่อกี้พอดีผมได้ยินพวกคุณกระซิบกันน่ะ ตอนแรกก็ว่าจะปล่อยผ่านไปเพราะถ้าแทรกขึ้นมาคงดูเสียมารยาท แต่ก็อดสงสารหัวหน้าที่ถูกเข้าใจผิดไม่ได้"

"เอ่อ ไม่เป็นไรครับ พวกผมก็เสียมารยาทเหมือนกันที่พูดถึงหัวหน้าคุณแบบนั้น แต่เขาก็ค่อนข้างน่ากลัวจริง ๆ"

"ครับ ใคร ๆ ก็ว่างั้นแหละ"

"เอ๊ะ...เดี๋ยวนะ คุณพูดไทยได้ด้วยเหรอ"

คุยกันมาตั้งนานธาราก็เพิ่งจะสังเกตว่าคนตรงหน้าพูดภาษาไทยด้วยเหมือนกัน แล้วพอทักไปแบบนั้นเจ้าตัวก็ส่งยิ้มกลับมาให้อีกที ก่อนจะพยักหน้าหงึก ๆ แล้วตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงร่าเริงอย่างคนอัธยาศัยดี

"ก็พอได้บ้างครับ ผมเคยไปอยู่ไทยมาประมาณ 3-4 ปี"

"อยู่แค่ 3-4 ปี แต่พูดได้ขนาดนี้เก่งมากเลยนะครับ"

"อา ขอบคุณมากครับ พอโดนชมแบบนี้แล้วเขินจัง ฮ่า ๆ ๆ"

พอเห็นอีกฝ่ายหัวเราะแบบนั้นธาราเองก็ขำตามไปด้วย ดวงตาคู่สวยมองคนตรงหน้าด้วยความเป็นมิตรมากขึ้น เขาชอบที่เจ้าตัวเป็นคนยิ้มง่ายและหัวเราะง่ายแบบนี้ เวลาคุยด้วยแล้วรู้สึกถูกคอมากเลย

"แต่จะบอกความลับให้ฟังนะครับ ที่จริงแล้วคนนู้นน่ะ พูดไทยเก่งกว่าผมอีกนะ"

"เอ๋?"

"หัวหน้าผมพูดไทยเก่งมาก เพราะเขาเป็นลูกเสี้ยวไทยน่ะครับ"

"มิน่าล่ะ"

พอได้ยินแบบนั้นธาราก็รู้สึกว่าตัวเองบรรลุขึ้นมาทันที เพราะตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอกับคุณหัวหน้ามาดดุคนนั้น เขาก็แอบรู้สึกว่าอีกฝ่ายมีบางส่วนที่ดูคล้ายคนเอเชียอยู่จริง ๆ

"ตอนผมไปอยู่ไทย ก็ได้หัวหน้านี่แหละครับที่คอยสอนหลาย ๆ อย่าง"

"เหรอครับ..."

"เบน เตรียมของเรียบร้อยแล้วหรือยัง"

ระหว่างที่กำลังคุยกันเพลิน ๆ จู่ ๆ ก็มีเสียงดุ ๆ เข้ม ๆ จากด้านหน้าตะโกนถามแทรกขึ้น แถมยังหันมาจ้องเขม็งทางนี้อีกต่างหาก จนธาราต้องเลิกคิ้วขึ้นอย่างมึนงงพร้อมทั้งหันไปมองคุณทหารข้างตัวที่ขานตอบกลับไปเสียงดังฟังชัด

"เรียบร้อยแล้วครับท่าน"

พูดจบเบนก็ยกมือขึ้นทำความเคารพปิดท้ายให้คนมองต้องขมวดคิ้วใส่อีกต่างหาก จนกระทั่งเห็นอีกฝ่ายหันกลับไปเดินหน้าต่อโดยไม่สนใจจะมองกลับมาข้างหลังอีก ทางด้านเบนที่ได้กวนโมโหคนเป็นหัวหน้าเล่นก็ยิ่งอารมณ์ดีกว่าเดิมจนต้องแอบหันไปหัวเราะอย่างชอบใจอีกทาง...ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าหัวหน้าไม่ชอบให้ใครเรียกว่าท่าน ฮ่า ๆ ๆ

"อ้อ ผมยังไม่ได้แนะนำตัวด้วยเลย ผมเบนนะครับ มีอะไรก็บอกได้เลยนะไม่ต้องเกรงใจ"

"ผมทาร่าครับ"

"ครับ ผมพอได้ยินตอนที่คุณแนะนำตัวกับหัวหน้าแล้วล่ะ"

พูดจบเบนก็ยิ้มให้อีกทีก่อนจะยื่นมือออกไปจับกับธารา พอเสร็จแล้วก็หันไปหาคนอีกคนที่ยืนอยู่ด้วย จนศรุตที่รู้ตัวก็รีบส่งยิ้มให้ก่อนจะยื่นมือออกมาจับแล้วแนะนำตัวกลับไป

"ผมแซคครับ"

"เบนครับ ยินดีที่ได้รู้จัก"

"ยินดีที่ได้รู้จักครับ"

จบการแนะนำตัวแบบง่าย ๆ ที่ไร้พิธีรีตองของทั้งสามคน คณะเดินทางอันประกอบด้วยเหล่าทหารและนักโบราณคดีก็มาถึงที่หมายพอดี ไม่ต้องรอให้ใครบอกอะไรธาราก็รู้ตัว จึงรีบขยับไปอยู่ด้านหน้าเพื่อเข้าไปในบ้านพร้อมกับคุณท่านหน้าดุ(?)ทันที

"ยินดีต้อนรับ"

ทันทีที่เข้าไปถึงด้านในเสียงต้อนรับอย่างใจดีก็ดังขึ้นให้คนทั้งคู่ต้องค้อมหัวลงเล็กน้อยเป็นการทักทาย ก่อนจะทรุดตัวลงแล้วค่อย ๆ ขยับเข้าไปภายในโดยมีคนอื่นเริ่มทยอยตามเข้ามา แต่ก็ได้อีกเพียงห้าคนเท่านั้นเพราะขนาดของบ้านที่ไม่เอื้ออำนวย

"สวัสดีครับ ผม..."

พูดได้แค่นั้นธาราก็ต้องหยุดเสียงลง เมื่อจู่ ๆ ก็รู้สึกเจ็บที่ตาซ้ายขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุ อาการที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันทำให้คนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ต้องหันมามองด้วยความแปลกใจ ทางด้านหัวหน้าหมู่บ้านเองก็ขมวดคิ้วด้วยเช่นกัน

แต่ตอนนี้ธาราไม่มีเวลาไปสนใจเรื่องเหล่านั้น เพราะอาการเจ็บที่จู่ ๆ ก็เกิดขึ้นดูไม่มีวี่แววว่าจะลดน้อยลงเลย จนเขาต้องยกมือขึ้นมากุมตาซ้ายของตัวเองไว้ ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่ศรุตที่นั่งอยู่ด้านหลังเอื้อมมือมาสะกิดเรียกแล้วถามขึ้นด้วยความสงสัย

"พี่น้ำ เป็นอะไรหรือเปล่า"

"อยู่ ๆ พี่ก็เจ็บตา"

แม้จะโดนถามเป็นภาษาไทยแต่ธาราก็ตอบกลับไปด้วยภาษาที่ทุกคนจะเข้าใจได้เพื่อไม่เป็นการเสียมารยาท แถมยังหมายมาดในใจว่าหลังจากนี้จะบอกศรุตเหมือนกันว่าอย่าเผลอพูดอะไรที่เข้าใจกันแค่สองคนต่อหน้าคนอื่นอีกเพราะมันจะดูไม่ดี

"เป็นอะไรหรือเปล่าครับ"

คำถามที่ถูกส่งมาจากคนที่นั่งข้าง ๆ ทำให้ธาราต้องหันหน้าไปมอง ก่อนจะเผลอกดมือที่กุมตาซ้ายแรงขึ้นเมื่อรู้สึกว่ามันชักจะเจ็บมากขึ้นเรื่อย ๆ

"อยู่ ๆ ผมก็เจ็บตาครับ ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นอะไร"

"ขอฉันดูตาพ่อหนุ่มหน่อยได้ไหม"

ประโยคที่ดังแทรกขึ้นมาจากหัวหน้าหมู่บ้านทำให้ธาราชะงักไป ก่อนจะหันไปมองหน้าคนข้าง ๆ เป็นการขอความเห็น และพอได้รับการพยักหน้ากลับมา เขาถึงค่อย ๆ ขยับตัวไปด้านหน้าแล้วเอามือออก

"....."

ไม่มีเสียงพูดหรือถ้อยคำใดหลุดออกมาจากปากของคนที่กำลังตั้งใจมองเข้าไปในดวงตาของธารา แต่สีหน้าที่เปลี่ยนไปวูบหนึ่งแม้จะเพียงแค่เสี้ยววินาทีแล้วกลับมาเป็นปกติได้อย่างรวดเร็ว ก็ไม่อาจเล็ดลอดสายตาคมกริบของคนที่จ้องมองอยู่ตลอดเวลาได้

"เหมือนจะไม่มีอะไรผิดปกตินะ"

"แต่อยู่ ๆ ผมก็เจ็บ"

"เดี๋ยวก็คงหาย"

พูดกับธาราจบหัวหน้าหมู่บ้านก็ยื่นไม้เท้าของตัวเองให้หลานชายแล้วส่งสายตาเป็นเชิงสั่งว่าให้เอาไปเก็บในห้องนอนของตัวเอง ซึ่งการกระทำนั้นก็ไม่ได้รับการสนใจจากใครเพราะทุกคนมัวแต่เป็นห่วงอาการของธารา แต่...

จะยกเว้นก็เพียงคนผู้หนึ่ง

คนที่เป็นเจ้าของดวงตาคมกริบที่คอยสังเกตการเคลื่อนไหวทุกอย่างของหัวหน้าหมู่บ้านอยู่ตลอดเวลา

"ต้องขอโทษด้วยนะครับ แต่ดูแล้วคุณทาร่าของเราน่าจะไม่ไหว"

"ไม่เป็นไร ฉันเข้าใจ"

เมื่อได้รับคำตอบกลับมาแบบนั้น ร่างสูงใหญ่ก็ขยับเข้าไปใกล้คนที่นั่งกุมตาตัวเองแน่น เห็นตามไรผมของเจ้าตัวเริ่มมีหยาดเหงื่อเกาะพราว ทั้งยังคู้ตัวลงเรื่อย ๆ เหมือนอาการจะยิ่งแย่ลงทุกที

"คุณทาร่า ไปพักก่อนเถอะครับ"

ไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ ตอบรับกลับมาจนคนพูดได้แต่ขมวดคิ้ว เลยยื่นมือไปทำท่าจะแตะไหล่เบา ๆ เพื่อเรียกสติ แต่ยังไม่ทันที่ปลายนิ้วจะแตะได้แม้แต่เสื้อผ้า จู่ ๆ อีกฝ่ายกลับเงยหน้าขึ้นมาส่งสายตามึนงงให้กันซะอย่างนั้น

"เอ่อ...เหมือนผมจะดีขึ้นแล้วครับ"

"หืม?"

"ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เหมือนมันจะดีขึ้นแล้ว ไม่ค่อยเจ็บแล้วครับ"

ธาราเองก็ยังแปลกใจตัวเองว่าทำไมจู่ ๆ นึกจะเจ็บก็เจ็บ นึกจะหายก็หายแบบนี้ ก่อนหน้านี้ทั้งเจ็บทั้งปวดเหมือนมีเศษอะไรแหลม ๆ ทิ่มตาตัวเองอยู่ตลอดเวลา แต่แล้วเมื่อกี้จู่ ๆ ความรู้สึกเจ็บพวกนั้นก็ค่อย ๆ คลายลงแล้วหายไปเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อนเลย

"คุณโอเคใช่ไหม"

"ผมคิดว่าโอเคนะ"

เห็นท่าทางแบบนั้นคนมองก็ไม่ได้ว่าอะไร ทำเพียงหันกลับไปจ้องหัวหน้าหมู่บ้านนิ่ง ๆ ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดแนะนำตัวและจุดประสงค์ในการมาที่นี่ให้แทน เพราะความจริงแล้วธาราจะต้องเป็นคนพูดเนื่องจากเจ้าตัวต้องมาทำงานที่นี่ ในขณะที่เขามีหน้าที่รักษาความปลอดภัยเพียงเท่านั้น แต่ในเมื่อเพิ่งจะเกิดเรื่องขึ้น การบังคับให้คนเจ็บต้องทำทุกอย่างเองมันก็ดูจะแล้งน้ำใจเกินไปหน่อย

"ต้องขอโทษที่เกิดเรื่องขึ้นก่อนหน้านี้นะครับ ผมอาเธอร์ ส่วนนี่คุณทาร่า..."

ถ้อยคำหลังจากนั้นเป็นการอธิบายอย่างคร่าว ๆ เพราะความจริงพวกเขาได้มีการติดต่อมาก่อนหน้านี้แล้วเกี่ยวกับเรื่องขอความร่วมมือในการจัดหาที่พัก ซึ่งก็ได้การตอบรับแล้วเรียบร้อย

อาเธอร์และธาราใช้เวลาคุยกับหัวหน้าหมู่บ้านอีกไม่นานก็พากันขอตัวกลับไปพัก ชายชรามองตามหลังสองหนุ่มและคนอื่นที่ค่อย ๆ ทยอยกันออกไปจากบ้านของตัวเอง ก่อนรอยยิ้มที่มีมาตลอดจะเลือนหาย แล้วแปรเปลี่ยนเป็นสีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด

น้ำเสียงแหบต่ำพึมพำออกมาด้วยความหวั่นใจ ก่อนจะนึกถึงสิ่งที่ได้เห็นเมื่อครู่นี้...ภาพดวงตาข้างซ้ายที่กลายเป็นสีดำสนิท

"เรวดีกลับมาตามที่เขาต้องการแล้ว"

-+-+-+-+-+-+-+-+-+-

"พี่น้ำ เก็บของเสร็จหรือยังครับ"

"เรียบร้อยแล้วล่ะ ของพี่ก็ไม่มีอะไรมากหรอก"

"อ้าวเหรอ ผมว่าจะมาช่วยพี่สักหน่อย"

ธาราส่งยิ้มกลับไปเมื่อได้ยินแบบนั้น ก่อนจะเดินเข้าไปกอดคอศรุตแล้วพากันออกไปข้างนอก เขาได้บ้านหลังเล็กที่ใช้พักคนเดียวหนึ่งหลัง ในขณะที่คนอื่น ๆ อีกหกคนรวมศรุตที่เดินทางมาด้วย จะได้พักที่บ้านหลังใหญ่ใกล้ ๆ กัน ส่วนคุณทหารทั้งหลายต้องไปหาที่อยู่กันเอาเอง เพราะพวกชาวบ้านหาที่พักให้ได้แค่นี้ ซึ่งก่อนจะเดินเข้าไปเก็บของ ธาราเห็นแล้วว่าพวกเขาไปช่วยกันสร้างกระโจมอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้เท่าไร

"พี่จะไปไหนเหรอ"

"ว่าจะไปหาคุณอาเธอร์น่ะ"

"ไปหาทำไมอะ"

ระหว่างที่ถามไปศรุตก็ทำหน้าขยาดไปด้วย ไม่ว่ายังไงเขาก็รู้สึกกลัวคุณหัวหน้าคนนั้นอยู่ดี คนอะไรก็ไม่รู้ดูดุสุด ๆ ความรู้สึกเวลาอยู่ใกล้นี่ยิ่งกว่าโดนอาจารย์ในห้องปกครองเรียกไปพบเสียอีก

"พี่จะให้เขาพาไปดูคร่าว ๆ"

"แต่พรุ่งนี้เราก็จะต้องไปอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ วันนี้พักให้เต็มที่ดีกว่ามั้งพี่ เดินทางกันมาตั้งหลายชั่วโมงแล้ว"

"ถ้าเหนื่อยรุตจะไปพักก็ได้ แต่พี่อยากไปดูให้เห็นกับตาก่อน"

"ไม่เอาอะ ถ้าพี่ไปผมก็ไปด้วย"

ศรุตรีบคว้าเอวคนข้าง ๆ มากอดหมับเมื่อได้ยินแบบนั้น ทำเอาคนโดนกอดได้แต่อมยิ้มขำกับเจ้าเด็กไม่รู้จักโต ก่อนจะตบไหล่กลับไปเบา ๆ เป็นเชิงให้ปล่อย เมื่อพวกเขาเดินเข้าไปใกล้จุดที่เหล่าคุณทหารกำลังสร้างที่พักกันอยู่ ธาราปล่อยมือที่กอดคอศรุตก่อนจะไล่สายตามองไปทั่วเพื่อดูว่าคนที่ตัวเองตั้งใจมาหาอยู่ตรงไหน

"อ้าว คุณทาร่า คุณแซคด้วย มาทำอะไรกันครับ"

น้ำเสียงคุ้น ๆ ที่ได้ยินทำให้เจ้าของชื่อทั้งสองคนรีบหันไปมองทันที ก่อนจะพากันยิ้มกว้างออกมาเมื่อเห็นว่าเป็นเบนที่กำลังแบกอะไรสักอย่างอยู่บนบ่า

"คือผมจะมาหาคุณอาเธอร์น่ะครับ"

"อ๋อ งั้นเดี๋ยวผมไปบอกหัวหน้าให้นะครับ"

"ไม่เป็นไรครับ แค่บอกผมว่าเขาอยู่ตรงไหนก็พอ คุณดูยุ่ง ๆ อยู่ ผมเกรงใจ"

เบนหัวเราะออกมาเบา ๆ เมื่อเห็นสายตาที่มองมายังของที่อยู่บนบ่าตัวเอง ก่อนจะหันไปกระดิกนิ้วเรียกทหารคนหนึ่งที่อยู่ใกล้ ๆ ให้เข้ามารับของที่ตัวเองแบกอยู่เอาไปจัดการต่อ แล้วค่อยหันมาหาแขกสองคนที่ยืนรออยู่เงียบ ๆ

"ผมจะไปหาหัวหน้าอยู่แล้วครับ เอาเป็นว่าพวกคุณมากับผมเลยก็แล้วกัน"

"อา ครับ ขอบคุณครับ"

ธาราพยักหน้ารับพร้อมส่งยิ้มให้ก่อนจะดึงศรุตให้เดินตามเบนไป ใช้เวลาไม่นานเท่าไรก็เดินผ่านฉากด้านหน้าจนทะลุออกมาที่ด้านหลัง ซึ่งตรงนั้นมีอาเธอร์ที่กำลังยืนสั่งงานทหารอีก 2-3 คนอยู่

"หัวหน้า คุณทาร่ามาหาครับ"

ทันทีที่โดนเรียกอาเธอร์ก็เบนสายตามาทางนี้ ดวงตาเรียวคมไม่ได้จับจ้องอยู่ที่คนพูดอย่างเบน แต่กลับมองไปทางเจ้าของชื่ออย่างธารา ที่พอรู้ตัวว่าถูกจ้องปุ๊บก็รีบส่งยิ้มกว้างไปเป็นทัพหน้าก่อนทันที

อาเธอร์ชะงักไปเล็กน้อยเพราะไม่คิดว่าตัวเองจะได้รับรอยยิ้มผูกมิตรแบบนี้ ปกติจะเป็นเพียงรอยยิ้มบาง ๆ พอเป็นมารยาทเท่านั้น อีกอย่างคือเขาไม่ค่อยเจอนักโบราณคดีที่มีบุคลิกแบบนี้สักเท่าไร ส่วนใหญ่ที่พอรู้จักหรือได้ร่วมงานด้วยมักจะเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวสูง เดินไปไหนก็จะพกสมุดไปด้วยเสมอ ยิ่งถ้าเป็นคนที่เชี่ยวชาญเท่าไรก็จะยิ่งดูเข้าถึงยากขึ้นเท่านั้น

ซึ่ง...ทุกอย่างที่พูดมานั้น ไม่มีอะไรที่ตรงกับคน ๆ นี้เลยสักข้อเดียว

"มีอะไรหรือเปล่าครับ"

"คือผมอยากให้คุณช่วยพาผมไปดูนครสาบสูญที่ว่าหน่อยน่ะครับ"

"ตอนนี้เหรอครับ"

"ครับ"

คำตอบที่ได้รับกลับมาทำให้อาเธอร์เผลอขมวดคิ้วนิด ๆ แต่ก็พยักหน้ารับกลับไป เพราะถึงยังไงคำขอนี้ก็ไม่ได้หนักหนาอะไร เป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้อยู่แล้ว อีกอย่างระหว่างที่รับงานนี้เขาก็ได้คำสั่งมาว่าให้ช่วยดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกให้ตามแต่เห็นสมควร

กับแค่การไปดูสถานที่จริง เขาเห็นสมควรแล้วว่าสามารถพาไปได้

อาเธอร์หันไปสั่งงานคนอื่น ๆ อีกไม่กี่คำแล้วฝากส่วนที่เหลือทั้งหมดไว้ที่รองหัวหน้าอย่างเบน ก่อนจะพาธารากับศรุตไปขึ้นรถโดยไม่พูดอะไรมาก

ทางสองหนุ่มที่กำลังจะได้ไปเยือนนครสาบสูญเป็นครั้งแรกก็รู้สึกตื่นเต้นกันไม่ใช่น้อย ตลอดทางจึงพากันมองไปเรื่อยแม้ความจริงแล้วจะมีเพียงแค่เนินทรายก็ตาม

เวลาผ่านไปไม่นานมาก ตรงจุดปลายสายตาก็เริ่มเห็นสีทองอร่ามของทองคำสะท้อนแสงแดดมากระทบตา

ยิ่งขับเข้าไปใกล้ขึ้นเท่าไรก็จะยิ่งเห็นถึงความใหญ่โตเกินกว่าที่คาดคิดไว้ ธารามองโบราณสถานที่ถูกพบโดยบังเอิญนี้ด้วยความสนใจ บริเวณโดยรอบมีทหารคอยประจำการอยู่อย่างแน่นหนา เพื่อดูแลไม่ให้มีใครลักลอบเข้ามาขโมยสมบัติโบราณพวกนี้ไป

พอลงจากรถได้ธาราก็แอบชะงักไปนิด ๆ เมื่อเห็นเหล่าทหารหันมาทำความเคารพอาเธอร์กันอย่างพร้อมเพรียง ดวงตากลมโตมองตามหลังคนที่เดินนำตัวเองไปยังทางเข้าด้วยความเลื่อมใส

แต่ผ่านไปแค่แป๊บเดียวเท่านั้น...

ความเลื่อมใสก็เริ่มสลายแปรเปลี่ยนเป็นความตื่นเต้นที่แทบจะกดไว้ไม่อยู่เวลาได้เห็นสิ่งที่ตัวเองสนใจ จากตอนแรกเป็นฝ่ายเดินตาม ไป ๆ มา ๆ รู้ตัวอีกทีธาราก็เป็นฝ่ายเดินนำไปไกลลิบแบบไม่คิดจะรอใคร ร้อนถึงศรุตที่ต้องรีบสาวเท้าตามไปเพราะไม่อยากถูกทิ้งไว้กับอาเธอร์ที่เจ้าตัวก็ยังคงยืนยันว่าน่ากลัวสุด ๆ แค่สองคน

"ว้าว ทองคำทั้งหลังจริง ๆ ด้วยพี่น้ำ"

"ใช่"

ธาราทำได้เพียงขานรับไปแค่นั้น ไม่ทันใส่ใจว่าตัวเองก็เผลอตอบกลับเป็นภาษาไทยไปกับศรุตทั้งที่ตรงนี้ยังมีอาเธอร์อยู่ด้วย เพราะตอนนี้ความสนใจทั้งหมดถูกดึงไปยังโถงทางเข้าที่เชื่อมต่อไปยังภายใน ร่างสูงโปร่งรีบเดินไปทางนั้นอย่างตื่นเต้นโดยมีศรุตและอาเธอร์ตามไปติด ๆ

ทันทีที่เข้ามาได้ จู่ ๆ ธาราก็รู้สึกถึงลมหอบหนึ่งที่พัดผ่านตัวเองไป แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าตัวก็ไม่ได้ให้ความสนใจเท่าไร สองเท้าขยับเดินไปด้านหน้า แต่ได้อีกเพียงสองก้าวก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อเห็นว่ามีใครบางคนกำลังยืนขวางอยู่ตรงหน้า

".....?"

ดวงตากลมโตเบิกกว้าง ก่อนหัวคิ้วจะขมวดแน่นด้วยความแปลกใจ ความสงสัยผุดขึ้นมาจนอดจะส่งเสียงเรียกไปไม่ได้

หน้าตาแบบนี้...

"คุณอาเธอร์?"

"ครับ"

เสียงขานรับที่ดังมาจากด้านหลังทำให้ธารายิ่งแปลกใจกว่าเดิม ใบหน้าขาวใสรีบหันไปมองก็เห็นว่าอาเธอร์กำลังเดินตามเข้ามา

งั้นแล้วคนที่เขาเห็นอยู่ตรงหน้าเมื่อกี้คือใครกัน?

พอสงสัยธาราก็หันไปมองทางเดิมอีกรอบแต่คราวนี้กลับไม่เห็นแม้แต่เงา ดวงตาคู่สวยได้แต่กระพริบปริบแล้วขมวดคิ้วแน่นยิ่งกว่าเดิม ริมฝีปากเม้มเข้าเล็กน้อย ก่อนจะสะบัดหัวนิด ๆ แล้วพึมพำขึ้นมาเบา ๆ

"สงสัยจะเหนื่อยจนตาฝาดแน่ ๆ เลย"

"พี่น้ำ พี่เป็นอะไรหรือเปล่า"

คำถามของศรุตเรียกให้ธาราต้องหันไปมอง แล้วพอเลื่อนสายตาไปอีกหน่อยก็เห็นเป็นอาเธอร์ที่ยืนทำสีหน้าสงสัยอยู่ คงเป็นเพราะเมื่อกี้เขาเรียกไปแล้วไม่พูดอะไรเจ้าตัวเลยส่งคำถามกลับมาผ่านสายตา

"คือ...เมื่อกี้เหมือนผมเห็นคุณยืนอยู่ตรงนั้นน่ะครับ แต่คงจะตาฝาดไป"

"คุณคงเหนื่อยแล้ว งั้นเราดูอีกนิดแล้วกลับกันดีกว่า คุณจะได้พักผ่อน"

"ได้ครับ"

ธาราพยักหน้ารับแล้วส่งยิ้มให้อีกที ก่อนจะหันไปมองตรงที่ตัวเองตาฝาดเห็นเป็นอาเธอร์ยืนอยู่ แล้วก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา ฝ่ามือขาว ๆ ยกขึ้นคลึงขมับเบา ๆ ก่อนจะเลื่อนลงมาแตะที่ดวงตาข้างซ้ายของตัวเอง

"อยู่ ๆ ก็เจ็บตาแถมยังตาฝาดแบบนี้ สงสัยวันนี้จะเหนื่อยมากเกินไปจริง ๆ"

tbc…