ตอนที่ 59 การฝึกภาคสนาม
เมื่อเห็นแมงป่องเกราะม่วงที่น่าสงสาร นอนอยู่ในกรงในสภาพปางตาย เหล่านักเรียนที่ไม่กล้าแม้แต่จะมองมันจึงเบนหน้าหนีไปทางอื่น
เกาเผิงชำเลืองมองเหล่านักเรียนชั่วครู่ก่อนเบนความสนใจกลับมาที่ต้าซื่อ เขาเอาทิชชูเปียกมาเช็ดคราบเลือดออกตามตัวของมัน
ตอนนี้พวกนักเรียนเริ่มส่งสัตว์อสูรไปต่อสู้ในกรง โดยมีผู้ฝึกสอนคอยเตรียมพร้อมช่วยเหลือ ทุกครั้งหมาป่าจันทราสีเงินจะเข้าไปช่วยเมื่ออยู่สถานการณ์ที่วิกฤติ แม้ผู้ฝึกสอนจะมั่นใจเพียงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ ที่เหล่าสัตว์อสูรของนักเรียนจะไม่ได้รับอันตรายร้ายแรง ทว่าในสถานการณ์จริง สัตว์อสูรจะไม่ปรานีคุณ แม้จะมีทรัพย์สินเงินทอง ยศถาบรรดาศักดิ์เพียงใดก็ตาม ในสายตาพวกมันคุณเป็นได้เพียงเหยื่อเท่านั้น!
มันจะไม่ยอมปล่อยเหยื่ออันโอชะไปเด็ดขาด!
ถ้านักเรียนยังไม่ปรับเปลี่ยนความคิด พวกเขาจะมุ่งหน้าสู่ความตาย
ในตอนแรก เกาเผิงก็เป็นคนใจอ่อนเช่นกัน ในอาทิตย์ที่แล้ว ผู้ฝึกสอนได้นำกระต่ายยักษ์ขนยาวสีเขียวสุดน่ารักมาเป็นสัตว์อสูรให้ฝึกสอนในกรง
ในโลกนี้ ‘สิ่งดึงดูด’ นั้นมีอยู่จริง ไม่ว่าใครก็ต้องหลงใหล
เจ้ากระต่ายยักษ์ผู้น่ารักถูกทุบตีเลือดออกและเศร้าซึมในกรงนั้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสิ่งนี้เป็นเรื่องที่ยากมากสำหรับคนจิตใจอ่อนโยนที่จะทำใจโจมตีมันต่อได้
การเป็นคนใจดีไม่ใช่เรื่องที่ผิด แต่มันไม่สามารถช่วยให้คุณเอาตัวรอดจากโลกใบนี้ได้ แม้จะเป็นเรื่องแย่ที่ต้องเรียนรู้ในการเป็นคนที่โหดร้าย แต่เพราะต้องออกไปสู้กับสัตว์อสูรที่อยู่ภายนอก เพราะฉะนั้นนี่ไม่ใช่การทำร้ายผู้อื่น เราต้องเรียนรู้ที่จะแข็งแกร่งเพื่อปกป้องตนเองและคนสำคัญของคุณ
เกาเผิงได้นึกถึงบทความหนึ่งที่เคยอ่านก่อนที่จะเกิดมหาภัยพิบัติ
‘ฉันไม่สนว่าโลกนี้จะมืดมนเพียงใด
ไม่ว่าคุณจะมีอำนาจมากเพียงใดก็ตาม
ฉันจะจัดการไอ้ระยำพวกนั้น
ที่กล้าเอามืออันแปดเปื้อนมาแตะต้องนางฟ้าตัวน้อยของฉัน
ให้มันได้รับรู้
ฉันจะใช้แขนของฉัน
เด็ดหัวแกออกมา
ยัดกลับใส่ตูดของแก!’
...
ภายใต้แสงแดดอันร้อนระอุ แสงอันร้อนแรงกระทบกับดวงตา
เกาเผิงแตะที่เปลือกเย็นๆ ของต้าซื่อ มันสามารถส่งผ่านความเย็นผ่านทางเปลือกของมันได้
เกาเผิงลูบหัวของต้าซื่อแล้วพูดว่า “พักสักหน่อยเถอะ เดี๋ยวแกได้เหนื่อยจากการต่อสู้ต่อไปแน่ๆ”
ต้าซื่อลงไปนอนบนพื้นอย่างเชื่อฟัง เกาเผิงนำร่มขนาดใหญ่มากาง พวกเขานอนด้วยกันภายใต้เงาของร่ม
...
“ทุกคนมารวมตัวกันที่นี่ ผมมีเรื่องสำคัญจะประกาศ” ผู้ฝึกสอนจางปรบมือเรียกเหล่านักเรียนมารวมกลุ่ม “พวกคุณได้ฝึกขั้นพื้นฐานมาไม่มากก็น้อยแล้วตอนนี้ ฉะนั้นพรุ่งนี้เป็นต้นไป พวกคุณจะได้ไปฝึกภาคสนาม โดยมีระยะการฝึกหนึ่งสัปดาห์ ทางเราได้ทำเรื่องขอลาหยุดให้กับพวกคุณแล้ว ฉะนั้นเมื่อถึงบ้านพวกคุณไปปรึกษาเรื่องนี้กับผู้ปกครองนะ โดยจะมีค่าลงทะเบียน จำนวนห้าเครดิตพันธมิตร” จางเหรินไป่กล่าวเสียงดัง
‘การฝึกภาคสนาม?’ เกาเผิงประหลาดใจเล็กน้อย ที่พวกเขาประหยัดค่าใช้จ่ายในการฝึกพวกเรา
“สุดท้ายนี้ผมมีเรื่องสำคัญจะบอกคุณ” จางเหรินไป่เผยสีหน้าเคร่งเครียด “หากตกลง พวกคุณจะต้องเซ็นเอกสารยินยอมในกรณีที่เสียชีวิตด้วย ”
ทุกคนตกตะลึงอยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็เกิดความโกลาหล เหล่านักเรียนแตกตื่นตกใจ
“อาจารย์ครับ พวกเราต้องจ่ายค่าลงทะเบียนจริงๆ เหรอครับ?” นักเรียนบางคนมีท่าทีที่ไม่พอใจห้าเครดิตพันธมิตรอาจจะดูไม่มากมาย แต่จำนวนเงินก็ไม่ที่จะมองข้ามไปได้
“อาจารย์ครับ...การฝึกนี้ไม่มีค่าใช้จ่ายไม่ใช่เหรอครับ ทำไมเราต้องจ่ายด้วย” เสียงบ่นดังมาจากเด็กอีกคน
ผู้ฝึกสอนยังนิ่ง จ้องไปที่พวกเขา “พวกคุณสามารถเลือกที่จะไม่ไปก็ได้ คิดว่าจะสามารถเข้าฝึกในฐานทัพของพวกเราได้ง่ายๆ หรืออย่างไร”
นักเรียนคนหนึ่งกล่าวเสริมทันที “ฐานทัพพวกนี้ หากจะเข้าไปจำเป็นต้องจ่าย สัปดาห์ละยี่สิบเครดิตพันธมิตรด้วยซ้ำ ราคานี้ยุติธรรมมากสำหรับพวกเรา คิดว่าการจับสัตว์อสูรจะไม่ได้ใช้เวลาและทรัพยากรเลยเหรอ แล้วการสร้างฐานทัพจะไม่ต้องการเงินและแรงงานหรืออย่างไร ไม่คิดว่ารัฐบาลจะเป็นหนี้บ้างเหรอ?”
นักเรียนที่ลุกขึ้นมาประท้วงถึงกับนิ่งเงียบ
เกาเผิงเพ่งมองนักเรียนคนนั้น
‘นั่นมัน เจ้าของไก่มังกรนี่’
ขาของไก่มังกรได้รับการรักษาด้วยเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญอย่างทันท่วงที แต่มันยังมีคราบน้ำตา มันคอตก ท่าทางเศร้าซึมที่พ่ายแพ้ครั้งนั้น
“นอกจากการจ่ายเงินแล้ว เรายังมีทางเลือกอื่นอีก” ผู้ฝึกสอนกล่าว “ต้องเซ็นสัญญามาเป็นกองกำลังของพวกเรา ภายใต้สัญญา ค่าใช้จ่ายทุกอย่างจะได้รับการยกเว้น พวกคุณไม่ต้องกังวลเรื่องของอนาคต จะได้ทำงานภายใต้สังกัดของรัฐบาลอีกด้วย”
“นักเรียนที่เซ็นสัญญา จะต้องรับใช้กองทัพเป็นเวลาแปดปี เมื่อครบกำหนดคุณจะปลดประจำการ ถ้าใครบางคนต้องการเข้าโรงเรียนเตรียมทหาร ช่วงเวลาที่เรียนในโรงเรียนเตรียมทหารจะถูกนับรวมในแปดปีนี้ด้วย”
แววตาของนักเรียนค่อยๆ กระจ่างขึ้น พวกเขายอมรับข้อเสนอนี้
บางคนพึมพำกับตัวเอง “ถ้าฉันจะเข้าโรงเรียนเตรียมทหาร เราก็จะเรียนแค่สี่ปี ส่วนอีกสี่ปีรับใช้กองทัพ ข้อเสนอนี้มันเยี่ยมไปเลย!”
นี่เป็นกุศโลบายการรับสมัครทหารอันชาญฉลาดของรัฐบาล นักเรียนจะไม่ถูกบังคับ แต่จะเป็นการยื่นข้อเสนอให้มาร่วมการเกณฑ์ทหารโดยสมัครใจ ถ้าวางแผนจะเกณฑ์ทหารอยู่แล้วนี่เป็นข้อเสนอที่น่าสนใจ หรือถ้าวางแผนจะไปเรียนต่อที่โรงเรียนเตรียมทหารก็เป็นข้อเสนอที่ดีเช่นกัน
นักเรียนที่เก่งและมีความสามารถจะกลายเป็นกำลังหลักให้กับกองทัพในภายภาคหน้า
นี่เป็นโอกาสที่ดี ที่จะได้เจอผู้ที่แข็งแกร่ง การมีคนเก่งๆ มีทำงานเป็นเวลาสี่ปี กับการมีทหารธรรมดาๆ ทำงานแปดปี คิดว่าใครจะได้ประโยชน์เล่า?
ใช่แล้ว นั่นคือรัฐบาล
นอกจากเรื่องค่าใช้จ่ายแล้ว ความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตนั้นก็เป็นสิ่งที่เด็กๆ หลายคนกลัวเช่นกัน
“ผมจะตายไหมครับ ถ้าผมสมัครเข้าไป” มีใครบางคนถาม ช่างเป็นคำถามที่ไม่ฉลาดเอาซะเลย
คนรอบๆ มองเหยียดไปที่เขา
“การทดสอบการเป็นนักเรียนเตรียมทหารนั้นแตกต่างการทดสอบอื่นๆ ดังนั้นมันจึงเป็นสิ่งที่ดีที่คุณจะได้รับโอกาสการเข้าฝึกสุดพิเศษจากเรา” ผู้ฝึกสอนกล่าวด้วยเสียงต่ำ “การที่คุณเซ็นใบยินยอมนั้นไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องตายเสียหน่อย แต่ถ้าคุณมีปัญญาแค่นี้ ผมคงต้องขอถอนคำพูดที่พูดเมื่อสักครู่ซะแล้ว”
...
วันต่อมา เกาเผิงเดินทางมาถึงโรงเรียน มีรถบัสหุ้มเกราะจอดเต็มหน้าประตูโรงเรียน รถบัสหุ้มเกราะเสริมเหล็กเข้าไปอีกชั้น รถบัสจอดยาวตลอดแนวทางออก มีอย่างน้อยสามสิบคัน
หลังจากจ่ายค่าลงทะเบียนแล้ว เกาเผิงขึ้นไปที่รถบัส เมื่อทุกคนจับจองที่นั่งจนเต็ม รถบัสก็เริ่มออกเดินทางในทันที ส่วนเหล่าสัตว์อสูรทั้งหมดถูกจัดเรียงด้วยรถบรรทุกขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านหลัง
บรื๊น
เสียงเครื่องยนต์เบามาก และดูเหมือนจะมีระบบซึมซับแรงกระแทกที่ดี ไม่ว่าจะวิ่งเร็วแค่ไหน พวกเขาก็แทบจะไม่รู้สึกแรงสั่นสะเทือนเลย
ทิวทัศน์ข้างทางนอกหน้าต่างพร่ามัว ดูเหมือนมันจะเคลื่อนอย่างเร็วมาก เกาเผิงรู้สึกคลื่นไส้เมื่อมองข้างนอกจึงหลับตาและเอนหลังนอนหลับบนที่นั่ง
ในที่สุดก็ถึงที่หมาย รถบัสหุ้มเกราะจอดตรงหน้าหุบเขา เหล่านักเรียนลงจากรถอย่างเป็นระเบียบ พวกเขาสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าเต็มปอด
มีพืชพันธุ์นานาชนิดปกคลุมไปทั่วบริเวณ มีร่องรอยว่าเคยมีมนุษย์อาศัยอยู่ที่นี่มาก่อน
อีกทั้งยังมีหุบเขาขนาดยักษ์ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า เกาเผิงประมาณความสูงจากสายตาภูเขาเหล่านั้นคงสูงไม่ต่ำกว่าหลายร้อยเมตรแน่ๆ
ส่วนทางเข้าออกของหุบเขาเป็นทางเดียวกัน มันอยู่ตรงช่องว่างขนาดใหญ่ที่ถูกแบ่งครึ่งแทบจะพอดี
มีรถบัสจอดเต็มหน้าทางเข้า ส่วนนักเรียนยืนรออยู่ตรงหน้าทางเข้า
ประตูทางเข้ามีการรักษาความปลอดภัยเต็มรูปแบบ เหล่าทหารที่ทำหน้าที่เฝ้าประตูพกอาวุธครบมือ พวกเขาปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเคร่งเครียด
”ที่นี่แหละ พวกเรามาถึงแล้ว” ผู้ฝึกสอนเดินนำเข้าไป “เราจะพักก่อนเป็นลำดับแรก พวกเรามาส่งแค่ตรงนี้ จากนั้นพวกคุณต้องเดินทางเข้าไปกันเอง”
………………………………….