webnovel

บทที่ 1 พบกัน

หากพูดถึงสิ่งก่อสร้างหรูหราโอ่อ่าอันเป็นที่พักอาศัยในดัชชีก็คงไม่พ้นคฤหาสน์ของดยุกผู้ปกครอง โดยธรรมดาแล้วในพื้นที่กว่าหลายพันตารางเมตรห้อมล้อมด้วยสวนสีเขียว แปลงดอกไม้ มันควรจะเงียบสงบไร้เสียงรบกวนใดๆ

ทว่าวันนี้ไม่เหมือนทุกที ไวโอเล็ตแน่ใจว่าสาวใช้ที่ตามมาด้านหลังไม่ได้กำลังส่งเสียงประหลาดหรือทำอะไร ส่วนรูปปั้นหินศิลปะที่ตกแต่งสวนก็คงไม่มีทางจะลุกขึ้นมาวิ่งได้ ดวงตาสีม่วงกลมจึงเหลือบมองหาที่มาระหว่างก้าวเท้าเดินไปตามเส้นทางโถงระเบียง

ลองคาดเดาอาจเป็นท่านพี่ที่ฝึกซ้อม แต่เวลานี้พี่ชายของเธอน่าจะเรียนหนังสือกับอาจารย์อยู่มากกว่า

"ท่านลุง!" เธอเห็นเจ้าของเสียงแล้ว "ต้องขนไปไหน ไกลไหม?"

"ไม่ไกลๆ ลงต้นไม้ตรงนั้นเอง"

คนสวนคนประจำเข็นอุปกรณ์ผ่านไป จากนั้นก็มีเด็กผู้ชายไม่คุ้นขนกระสอบดินถือพลั่วตามไปติดๆ เจ้าตัวเลอะเทอะมอมแมมทำเสียงเอะอะ พ่อบ้านอาจรับคนงานใหม่เข้ามาเพิ่ม เธอเลิกสนใจหันก้าวเข้าไปในห้องตรงหน้า

"สวัสดีค่ะ เคาน์เตส ขอบคุณที่สละเวลามาอบรมสอนข้านะคะ"

"ไม่เป็นไรค่ะ เลดี้ไวโอเล็ต"

หลังก้มศีรษะเล็กน้อยทักทาย เด็กหญิงก็ไปที่โต๊ะน้ำชาซึ่งถูกจัดเตรียมถ้วยกระเบื้องจานรองไว้พร้อม เมื่อพวกเธอนั่งลงที่เก้าอี้ คนอายุมากกว่าก็แนะนำขั้นตอนในงานน้ำชารวมถึงรายละเอียดปลีกย่อย ได้เวลาสาวใช้ก็ดำเนินการรินน้ำชาให้แล้วถอยไปประจำตำแหน่ง

เคาน์เตสใช้ช้อนคนเบาๆ ไม่ให้เกิดเสียงกระทบของช้อนกับแก้ว เสร็จก็วางช้อนทางด้านขวา จับจานรองถือถ้วยกระเบื้องยกขึ้นมาระดับอก ยกจิบเล็กน้อย ทางด้านไวโอเล็ตก็คอยมองแล้วปฏิบัติท่าทางเลียนแบบให้ถูกต้อง

หลังจากนั้นอีกราวชั่วโมงกว่า การเรียนมารยาทและวิธีการจัดงานเลี้ยงน้ำชาในวันนี้ก็จบลง ไวโอเล็ตให้สาวใช้พาท่านหญิงไปส่ง แล้วตัวเธอเองก็ตั้งใจจะไปพักสักครู่ แต่แวะไปยังห้องหนังสือของบ้านก่อน

เส้นผมสีดำสนิทเสมือนขนปีกอีกาขยับไหวปลิวตามลมเอื่อยๆ ร่างเล็กพาตัวเองเดินช้าๆ ดูตามตู้หนังสือทีละชั้น เธอเลือกหาเล่มที่ถูกใจดึงออกมาถือไปที่โซฟาเป้าหมาย บรรดาสาวใช้ต่างรู้ดีว่าคุณหนูของพวกเธอต้องการเวลาส่วนตัวแล้วเลยพากันออกไปยืนรอหน้าห้องปิดประตู

มือน้อยพลิกเปิดแผ่นกระดาษอย่างสบายอารมณ์ รสขมของชาเมื่อครู่ไม่ถูกใจเธอนักจึงใส่น้ำตาลเพิ่มไปหนึ่งก้อนพร้อมเทนมลงแก้วช่วย ช่วงเวลาผ่อนคลายตอนนี้ถือเป็นรางวัลฟื้นฟู

ตั้งแต่สามขวบที่ป่วยหนักเฉียดตายแล้วรอดมาได้ ไวโอเล็ตก็ฝันประหลาดบ่อยครั้ง ความฝันซึ่งสุดท้ายมักฉายให้เห็นจุดจบของตระกูลแบล็ค อีกสิบสี่ปีต่อจากนี้เธอจะยืนอยู่ ณ ลานประหารเพียงลำพัง เธอเคยคิดว่ามันไม่จริง ทว่าฝันหลายอย่างนั้นถูกต้อง ทั้งประโยคสนทนาที่พูดคุยกับพ่อ สาวใช้ทำจานตกแตกที่ระเบียง ของขวัญวันเกิด รวมถึงเรื่องที่แม่ของเธอเสียชีวิตตอนไวโอเล็ตห้าขวบ

"....."

เสียงกวัดเหวี่ยงอะไรสักอย่างลอยมาเข้าหู ทีแรกก็จะไม่ใส่ใจ กระนั้นมันไม่เงียบลงสักทีพาให้เกิดความสงสัย ไวโอเล็ตวางหนังสือลงตรงที่นั่งข้างๆ เธอจับผ้าม่านมัดไว้ให้หลบทางก่อนมองผ่านหน้าต่างชั้นสองลงไปเบื้องล่าง

เด็กผู้ชายก่อนหน้านี้กำลังใช้ดาบไม้วาดไปมาในอากาศ ท่าทางมั่วๆ นั่นก็พอดูได้อยู่ เทียบกับท่านพี่ของเธอที่ฝึกวิชาดาบกับอัศวินก็มีความใกล้เคียงอยู่บ้างนิดหน่อย ทว่าในความคิดเธอไอ้การหวดสะเปะสะปะไม่น่าจะช่วยอะไรได้นัก

แถวนี้อยู่ในเขตด้านหลังของคฤหาสน์ ค่อนข้างเงียบและไม่มีคน เขาคงไม่คาดคิดว่าจะมีใครมาได้ยินเสียงฟาดลม

ไวโอเล็ตนั่งเท้าคางกับพนักโซฟามอง พลันสายตาก็ไปสะดุดกับของวิเศษบนต้นไม้แถวบริเวณที่เด็กแปลกหน้าฝึกซ้อม เธอนิ่งไปครู่แล้วเผยยิ้มนึกสนุก หงายข้อมือตัวเองข้างที่สวมสร้อยประดับอัญมณีสีเขียวสดขึ้นมาเล็ง ดวงตาสีม่วงเพ่งจ้องไปยังจุดที่หมาย ตั้งสมาธิราวสิบนาทีก็มีศรลมจิ๋วพุ่งออกไป มันยังไม่พอจะทำให้ของที่ต้องการตกลงไป เธอทำมันอีกซ้ำๆ ไม่ลืมรอให้เหยื่อไปอยู่ข้างใต้สิ่งนั้นก่อน

"สำเร็จ"

ไวโอเล็ตเผลอปรบมือแปะดีใจ นั่นทำให้เด็กคนนั้นหันมา พอดิบพอดีกับที่รังมดตกใส่ศีรษะเขาตรงเผง

"!!"

เธอรีบก้มลงหลบ ส่วนรายนั้นดีดตัวตกใจทันทีที่สมองประมวลผลให้ว่าอะไร คุณหนูบุตรีดยุกได้ยินเสียงโหวกเหวกจึงโผล่หน้าแอบดูใหม่ เห็นวิ่งสะบัดๆ เสื้อก็พยายามกลั้นหัวเราะสุดความสามารถ

"เจ้า!"

รอดพ้นมาได้เขาก็เงยหน้ามองตัวการ เธอเลยกลืนเอาอาการขำลงคอปิดบังด้วยรอยยิ้มน่ารักทำเป็นไม่รู้เรื่อง

"ฝีมือเจ้าใช่ไหม?"

"จะเป็นข้าได้อย่างไรล่ะคะ ข้าอยู่ตรงนี้มันห่างกับต้นไม้ตั้งมากนะ"

พอมองระยะทางเขาก็เหมือนจะเถียงไม่ออก ไวโอเล็ตแสร้งทำท่าครุ่นคิดตามคล้ายล้อเลียน เจ้าตัวหันมาอีกทีเธอก็เปลี่ยนไปยิ้มแย้มปกติ

"ถ้าไม่มีอะไรแล้วข้าขอตัวนะคะ"

ปิดจบบทสนทนาเธอก็หยิบหนังสือนั่งอ่านต่อแบบสบายใจ แน่นอนว่ายังรอฟังเสียงเหวี่ยงไม้อยู่ ได้ยินเธอก็กลับไปยังจุดเดิม รอบนี้เธอจ้องหารังมดอีกสักอัน พบแล้วก็ทำเหมือนเดิม ต่างที่ครั้งนี้เธอไม่หลบและหัวเราะคิกคักต่ออาการเขาที่มือไม้มั่วไปหมด

"เจ้า เป็นเจ้าแน่!"

"ไม่มีหลักฐานอย่ามาปรักปรำกันสิคะ"

"เจ้าใช้เวทได้ใช่ไหม?" ถึงจะไกลก็เดาได้ว่าเขาย่นหัวคิ้ว "สารภาพมา"

"เด็กตัวน้อยๆ เช่นข้าจะทำอย่างนั้นได้อย่างไรล่ะคะ?"

เด็กหญิงระบายยิ้มหวานเอียงศีรษะพอประมาณให้น่ารัก เธอสนุกกับท่าทางหัวเสียของเขาอย่างบอกไม่ถูก หลังเขาถอดใจจะหาความกลับไปซ้อมต่อ ไวโอเล็ตก็แหย่เขาอีกด้วยการเล็งกิ่งไม้ รอบนี้เด็กชายทำนิ่งไม่สน เธอก็ใช้เวทเล็กๆ ยิงให้มันตกใส่หัวเขาเรื่อยๆ กระทั่งเขาทนไม่ได้แล้ววีน

"เลิกรบกวนทีได้ไหม" เขาแยกเขี้ยว "จะหาเรื่องกันเหรอไง!"

"ตายจริง ขอโทษด้วยค่ะ"

เธอติดลมเกินไปหน่อยเลยขอโทษอีกครั้งอย่างจริงใจ ไม่แกล้งแล้วก็นั่งดูเขาวาดดาบไม้ไปมาในอากาศ

"เป็นคนงานใหม่ของคฤหาสน์เหรอคะ?"

"อืม จะว่าอย่างนั้นก็ได้ ข้าเป็นเด็กรับใช้อัศวินติดตามเซอร์แบรนดอนมา"

"นึกว่าคนสวนใหม่เสียอีกค่ะ"

เซอร์แบรนดอนเป็นอาจารย์สอนวิชาการต่อสู้ของพี่ชายเธอ ไวโอเล็ตเข้าใจที่เขาออกท่าออกทางคล้ายคลึงกับพี่แล้ว

นับจากนั้นก็เห็นเขาบ่อยๆ คอยช่วยงานพวกคนงานในคฤหาสน์ ช่วงสายที่เธอมาอ่านหนังสือก็ฟังเสียงด้านนอกไปด้วย บางวันเขาก็โผล่มาซ้อม ไม่ได้รำคาญหูเท่าไหร่ พวกเธอไม่ได้แนะนำตัวหรือถามอะไรกันอีก

.

จนวันหนึ่ง หลังจากเรียนมารยาทท่าทางการยืน เดิน นั่งจนเมื่อยตัวไปหมด เธอก็ตั้งใจจะไปนั่งพักผ่อนในห้องหนังสือโปรดตามปกติ แต่เผอิญเห็นท่านพี่ของเธอเดินมากับเด็กชายคนดังกล่าวจากโถงทางเดินด้านหน้าเสียก่อน

"ท่านพี่คะ"

"ไวโอเล็ต จะไปห้องหนังสือเหรอ?"

"ค่ะ แล้ว.."

เป็นครั้งแรกที่ได้ประจันหน้ากันตรงๆ จากมุมนี้เขาตัวสูงกว่าไวโอเล็ตอย่างเห็นได้ชัด ไม่รู้ทำไมรู้สึกอย่างกับฝ่ายตรงข้ามยืดตัวเกทับเรื่องส่วนสูงชอบกล

"เฟลิกซ์เป็นเพจในสังกัดอัศวินของเซอร์แบรนดอน" พี่ชายเธอแนะนำ "เขาเป็นลูกชายของผู้ดูแลที่ดินคลาร์ก"

คลาร์กเป็นคนงานที่ท่านพ่อไว้ใจให้ช่วยจัดการควบคุมที่ดินเกษตรส่งออกสำคัญ กระนั้นไม่รู้ความเป็นไปมาอย่างไรลูกชายถึงมาเป็นเพจในสังกัดของเซอร์แบรนดอนได้ หากเป็นเพจหรือเด็กรับใช้ที่มาศึกษาหาความรู้เตรียมสืบทอดงานดูแลที่ดินไม่ก็เป็นเสมียนในอนาคตก็คงไม่จำเป็นต้องฝากท่านเซอร์

"ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ข้าไวโอเล็ต แบล็ค บุตรีดยุกเมอร์ริแกนค่ะ"

เธอบอกเต็มยศด้วยรอยยิ้มเป็นประกายเพื่อจะบอกว่าไอ้เรื่องส่วนสูงมันเย้ยอะไรไม่ได้หรอก เขาก็กระตุกยิ้มยักคิ้วราวจะบอกว่ารู้อยู่แล้ว

"พวกข้าจะไปเรียนวิชาดาบ ขอตัวก่อนนะคุณหนูน้อย"

ไม่ได้ถือสาเรื่องประโยคคำพูดใดๆ ทว่าเซอร์แบรนดอนที่โผล่มายืนด้านหลังกำลังแผ่รังสีถมึงทึงชัดเจนทำคนเสียมารยาทขนลุกวาบกลืนน้ำลายเหนียวคอ

"เฟลิกซ์.."

"ซ-เซอร์แบรนดอน"

"ไม่ใช่คุณหนูน้อย ต้องเป็นเลดี้ไวโอเล็ต" ท่านเซอร์ใช้ฝ่ามือจับศีรษะเขาก้มลง "แล้วก็ใช้คำสุภาพด้วย บอกให้หัดไว้ไงเจ้าเด็กบ้านี่"

"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เซอร์แบรนดอน"

เด็กหญิงกลั้นขำสุดความสามารถ ฝ่ายตรงข้ามเงยหน้าขึ้นมาได้เธอก็ยิ้มสดใสให้แทน เขาขบเขี้ยวเคี้ยวฟันจากนั้นเดาะลิ้นชัดมากเลยถูกเซอร์แบรนดอนบีบศีรษะด้วยมือไปหนึ่งหน

ทั้งสามจะไปที่สนามด้านนอกคฤหาสน์เพื่อฝึกก็เอ่ยลา ไวโอเล็ตเดินต่อไปสองสามก้าวก็เปลี่ยนใจหมุนตัวกลับเดินไวๆ ตามพวกเขาไป บรรดาสาวใช้งุนงงทว่าก็เร่งฝีเท้าเปลี่ยนทิศ

เจอพวกเขาแล้ว เธอก็หาที่นั่งชม อยากรู้ว่าอะไรทำให้เซอร์แบรนดอนสนใจเด็กชายคนนี้ถึงขนาดรับมาสอนเอง เขาอาจจะมีฝีมือเก่งกาจ มีพรสวรรค์หรือทักษะน่าสนใจซ่อนไว้ การเหวี่ยงก้านไม้มั่วๆ ผิดเพี้ยนที่ผ่านมาอาจแค่เล่นๆ ไปอย่างนั้น ไวโอเล็ตตื่นเต้นคาดหวัง

"ลอร์ดแดเนียล เชิญ"

ท่านพี่ของเธอออกไปปะทะกับท่านเซอร์ก่อน อัศวินแบรนดอนถือดาบไม้มือเดียวส่วนมืออีกข้างไพล่หลังไว้ พี่ชายเธอจับดาบไม้ตั้งท่าก็บุกเข้าไป เสียงกระทบของไม้ดังเป็นช่วงๆ เรี่ยวแรงของเด็กอายุสิบขวบไม่กระเทือนท่านเซอร์แน่นอนอยู่แล้ว เขาตั้งรับได้ทุกจุดโดยแทบไม่เคลื่อนที่ส่วนพี่ชายของเธอแทบจะทุ่มทั้งหมดโจมตี เกือบสามสิบนาทีก็เหงื่อท่วม

"ท่านจดจำที่ฝึกไปเมื่อสัปดาห์ก่อนได้ดีทีเดียวครับ"

"ครับ" แดเนียลหอบก้มศีรษะให้อาจารย์ "ขอบคุณท่านเซอร์"

บรรดาสาวใช้ต่างประทับอกประทับใจนายน้อยเมอร์ริแกน ทายาทตระกูลแบล็คผู้ต้องสืบทอดตำแหน่งดยุกรุ่นต่อไปจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเขา นับวันพี่ชายของไวโอเล็ตก็คล้ายท่านพ่อมากขึ้นทุกที สีเส้นผมกับสีดวงตาพวกเธอเหมือนกันกับบิดา ซึ่งเธอเคยได้ยินที่สาวๆ พูดกันถึงเสน่ห์ดำมืดน่าค้นหาเป็นเอกลักษณ์นั่น เด็กหญิงจะไม่แปลกใจเลยหากจะมีคนหมายมั่นปรารถนาเป็นสะใภ้เมอร์ริแกน

"มาเฟลิกซ์"

ถึงคราวคนที่ไวโอเล็ตข้องใจจนได้ ตั้งหน้าตั้งตารอดูมานาน เพียงวินาทีแรกเธอก็กะพริบตาปริบ การออกตัว การเคลื่อนไหว ทักษะ ทั้งหมดมันสุดๆ ในหลายความหมาย

ทั้งแย่ พิลึก แล้วก็แย่มากอย่างกับมั่วสุดๆ

"ไอ้เจ้าเด็กบ้านี่!"

"!" เซอร์แบรนดอนเหลืออดก็กางฝ่ามือคว้าคอเสื้อให้หยุด "ท่านเซอร์ ไม่ยุติธรรม!"

"ที่สอนไปจำบ้างไหม ทำไมมันเละเทะแบบนี้ หา?"

"มันต้องประยุกต์กันบ้างสิ ใครจะตามแบบแผนไปเสียทุกอย่างกันล่ะ"

"ไปฝึกมาใหม่!"

เซอร์แบรนดอนต้องสอนทีละขั้นตอนให้เฟลิกซ์ใหม่หมด แล้วสั่งให้เจ้าตัวไปวิ่งรอบสวนสักหนค่อยฝึกซ้ำเอาเองจนกว่าจะจำได้หมด บทลงโทษนี้โหดร้ายพอควรเนื่องจากสวนที่นี่ไม่ใช่กว้างแต่กว้างมาก จากนั้นท่านเซอร์ก็มาสอนขั้นต่อไปให้ลอร์ดแดเนียล ไวโอเล็ตเห็นคนต้องฝึกทำหน้าเบี้ยวเดินไปก็รู้ว่าเขาจะไปไหน เธอลุกตามไปทางด้านหลัง

"ตามมาทำไมเนี่ย?"

"จะไปฝึกที่เดิมใช่ไหมล่ะคะ?"

"ก็ใช่ไง แต่แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วย?"

"ข้าเป็นบุตรีดยุกเมอร์ริแกนนะคะ จะเดินในบ้านตัวเองผิดตรงไหน?"

ช่วงระยะขาไม่ทันกันแน่นอน เธอเลยพูดกวนให้เขาหันมา ที่ผ่านมาคิดว่าท่าทางเขาตอนโดนแกล้งดูตลกดี แต่มาเห็นสีหน้าเขาใกล้ๆ ก็ยิ่งกว่า เขาเบะปากไม่คิดปกปิดรักษามารยาทสักนิด ไวโอเล็ตแทบจะหลุดหัวเราะจริงๆ

"ทำไมเจ้าไม่จำที่ท่านเซอร์สอนล่ะ?"

"จ-จำสิ แต่มันแค่ต้องใช้เวลาจดจำให้มากหน่อยไง จะได้ไม่ผิดพลาด" เด็กชายเฉไฉ "ข้าเพิ่งได้ฝึกวิชาดาบสัปดาห์เดียวเอง"

เด็กหญิงทำเสียงหืมในลำคอ เธอทำเป็นคิดตามก่อนอมยิ้มนิดๆ

"ไว้จะรอดูผลสัปดาห์หน้านะคะ หากเซอร์แบรนดอนไม่ลงโทษให้เจ้าวิ่งรอบสวนล่ะก็.."

"..ขาข้าได้ทรุดแน่ แค่นี้ก็จะแย่แล้ว"

ว่าแล้วก็หามุมเหมาะใต้ต้นไม้นั่งรับชม ไม่ลืมขอหนังสือสักเล่มจากสาวใช้ให้ช่วยหยิบมาให้ ดูเฟลิกซ์ฝึกซ้อมไปพลางๆ แก้เบื่อ และหากถามถึงผลในรอบหน้า ลองมองสวนของเมอร์ริแกนก็จะเห็นเขาวิ่งหอบอยู่