4 ฉันเห็นคุณ I See You

บันทึกครอบครัวชาติ

ชาติเป็นชายที่เป็นรายได้หลักของครอบครัว ไม่ได้จบการศึกษาสูง มีไหวพริบรู้วิธีไต่เต้าทางสังคม เคยทำธุรกิจก่อสร้างแต่ล้มละลาย มีบัญชีมีหนี้จากระบบการศึกษากับการกู้ซื้อทรัพย์สิน มีภรรยาเป็นแม่บ้านและลูกสาววัยมัธยม กำลังจะเรียนต่อมหาลัย ทั้งคู่เป็นคนดี แต่ไม่รับรู้ว่าการได้มาของรายได้ของครอบครัวห้าปีมานี้ เป็นการซื้อเส้นสาย เพื่อเข้าถึงชีวิตที่ยากจน และเข้าถึงลูกค้าที่อยากได้อวัยวะเปลี่ยนถ่าย เขายังทำบุญเมื่อภรรยาอยากจะไปที่วัด แต่การทำบุญไม่ได้มีความหมายมากแก่การบอกว่าเขาเป็นคนดี ในขณะที่เอาอวัยวะมาจากคนจนและขายให้คนรวยอยู่ เขาไม่สนใจว่าการผ่าตัดของผู้ขายติดเชื้อ ชาติสนใจแต่คนที่มีเงินเท่านั้น ไม่มีใครสนใจคนจนหรอก คนจนเป็นเพียงบันไดในความสำเร็จสำหรับชาติ

ห้องเข้าพบผู้ต้องขัง ในเรือนจำจังหวัดภูเก็ต

ชาติต้องคุยกับชัยพลผ่านโทรศัพท์ มีกระจกกั้นระหว่างคนมีเงินกับผู้ต้องหา ชาติหยิบโทรศัพท์ เขาเงียบ ไม่ได้คิดจะพูดอะไร สายตาคู่นั้นกำลังจ้องชัยพล เขาอยากจะฟัง

ชัยพลกำลังมีปัญหาเนื่องจากใช้เส้นสายในการกลบความผิดตัวเองไม่ได้ ข่าวบางที่เอาเรื่องเอกสารที่หลุดผ่านบริษัทของชัยพลไปลงข่าว เขาเสียเครดิตในการทำงาน ไม่มีใครมาช่วยเหลือ เลยเลือกที่จะติดต่อกับ ชาติ คนที่เคยขอซื้อเอกสารไป "คุณต้องช่วยผม คุณก็รู้ผมไม่ได้ทำ" ชัยพลพูดอ้อนวอน

ชาติโมโหเขาพยายามสื่อสารอย่างใจเย็น "…ฉันบอกกี่ครั้งแล้วว่าห้ามโทรไปที่บ้านของฉัน แล้วนี่ก็เป็นเรื่องของแก กับเด็กของแก"

"ผมแค่ขายรายชื่อให้กับคุณ แล้วผมก็ไม่ได้ทำ! เด็กนั้นมันทำ!"

ชาติถาม "ชื่อ?"

"เบน เด็กนั้นชื่อเบน เอาผมออกไปที" ชัยพลขอร้อง

ชาติวางโทรศัพท์ลุกจากเก้าอี้ "งั้นฉันไปล่ะ นี่มันเรื่องของแก"

ชัยพลไม่กล้าต่อรองเขาสิ้นหวัง "เดี๋ยวก่อน ๆ…" เขาด่าชาติ "ไอ้ทุเรศเอ้ย!!"

"อะไรนะ!!" ชาติหันตัวกลับมามองหน้าชัยพล

"ผมรู้ว่าคุณสนก็แค่เงิน ผมพอมีเงินอยู่บ้าง"

"ฉันทำเพราะเงินเพราะเงินมันดูแลครอบครัวฉันได้ เข้าใจมั้ย เลิกโทรมาที่บ้านฉันได้แล้ว ถ้าแกยังโทรไปอีก แกมีปัญหาแน่!"

"อะไรนะ ช่วยผมก่อน!!" ชัยพลฉุกคิดขึ้นได้ "โอเค ถ้างั้น เดี๋ยวคุณได้รู้แน่ ผมจะแฉ กระบวนการของคุณทั้งหมด!"

"อะไรนะ?" ชาติมองสายตาที่อยากจะเอาชนะคู่นั้น

"ผมแค่จะบอกเมียคุณว่าอาชีพอะไร! ทีนี้ครอบครัวคุณแตกแน่"

ชาติกลับมานั่งที่เก้าอี้ หน้ากระจก ตอนนี้ชาติไม่ได้สนใจมองที่หน้าของทนายที่อยู่ตรงหน้า เขาวาดรูปเล่นจากน้ำที่หกลงฐานแก้ว "แกรู้อะไรมั้ย"

"อะไร?" ทนายถาม

"ฉันมี… เส้นสายในเรือนจำนี้ด้วย" ชาติชี้นิ้วผู้คุมข้างหลัง และชี้ใส่ทนาย ทนายถูกดึงตัวจากด้านหลังและรุมตีด้วยไม้กระบองสายตาเหยียดมองไปที่ทนาย เสียงร้องโหยหวนของความเจ็บปวดจากทนาย ชัยพลกำลังถูกรุมตีด้วยไม้กระบองจากผู้คุมด้านใน เขาเดินออกจากห้องเยี่ยมผู้ต้องหา ทิ้งแก้วกาแฟที่เอาเข้ามา ลงถังขยะ ขับรถยนต์ตรงกลับไปกินมื้อเย็นที่บ้านกับครอบครัว

วันถัดมา ชาติชอบเล่นการพนันเพื่อเข้าสังคม มาพูดคุยกับคนที่บาร์ ส่วนใหญ่คนในบ่อนจะมีทั้งนักการเมืองและก็ทูตที่มาพักผ่อน อาจจะเป็นนักธุรกิจท้องถิ่น หรือชาวบ้านมาเล่นที่ทั้ง ๆ เป็นหนี้ ในจังหวัดภูเก็ตมีบ่อนไม่กี่แห่ง

ขณะเดียวกัน เบนมีนัดกับผู้อำนวยการโรงพยาบาลจากกรุงเทพ มาเจอที่บาร์ของบ่อน เพื่อขายไฟล์ในการพิมพ์อวัยวะตับคนที่ซื้อเป็นหมอที่มีเงินเก็บแล้วอยากตีพิมพ์งานวิจัย การเคลมผลงานการวิจัยมีเป็นเรื่องปกติของคนที่อยากมีอำนาจมากขึ้นและการไต่เต้าทางการเมือง เพื่อเป็นการเพิ่มค่าราคาชั่วโมงของการไปพูดสัมมนาในวงการแพทย์ เบนใส่เสื้อเชิ้ตสีขาว สูทสีเทากางเกงสแล็ค ใส่แว่นกันแดด เดินเข้ามาในบ่อน ก้าวตรงไปที่บาร์อย่างสบายใจ

เบนนั่งข้างผู้อำนวยการที่นั่งอยู่ข้างตรงบาร์ สลับกระเป๋ากับผู้อำนวยการคนนั้น การแลกเปลี่ยนเกิดขึ้นรวดเร็ว

จากไฟล์ข้อมูลอวัยวะ เป็นเงินมูลค่าที่ หกล้านบาท เบนสั่ง จินและยกขึ้นจิบเดียว จ่ายเงินให้บาร์เทนเดอร์และหันหลังกลับเดินออกจากประตูบ่อนไป คนที่รู้ว่ามีการซื้อขายครั้งนี้มีพัฒน์ เบนและผู้อำนวยการโรงพยาบาล

ช่วงเวลานั้นยังมีสายตาคู่หนึ่งจากโต๊ะพนัน ที่สังเกตเห็นชายหนุ่มลูกครึ่งเข้ามาเปลี่ยนกระเป๋ากับคนแก่ที่นั่งอยู่ที่บาร์ มันทดแทนความน่าเบื่อของเกมโต๊ะนั้นได้

ชาติคุ้นหน้า หาข้อมูลของเบนก่อนหน้านี้ไม่นาน เพียงขณะเดียว เขาก็รู้ว่ามีการซื้อขายไฟล์ในการพิมพ์อวัยวะคือเมื่อกี้ที่มองอยู่ ชาติหัวเราะกับตัวเอง เขาเห็นโอกาสที่จะเคลียร์ปัญหากับสร้างรายได้ให้ตัวเองเพิ่ม เขาพูดขึ้นเบา ๆ เหมือนรำพึงกับตัวเอง "เด็กนั้นตายแน่" เขาหัวเราะในลำคอ ดื่มเครื่องดื่มหมดแก้ว คว่ำไพ่ในมือ ลุกจากที่นั่งรอบโต๊ะการพนัน ก้าวเดินออกจากบ่อน ขึ้นรถยนต์ส่วนตัวกลับบ้านไป

วันถัดมา

หลังเลิกเรียน พัฒน์และเบนนั่งเครื่องบินมาญี่ปุ่น เครื่องลงที่ฮาเนดะ ท่าอากาศยานนานาชาติโตเกียว พวกเขาทั้งสองคนเดินทางมาดูงานแข่งขันตอบปัญหาโครงสร้างชีวภาพสังเคราะห์ ประจำปีที่ 24 ที่โตเกียวโดม เมืองโตเกียวประเทศญี่ปุ่น "โช" เป็นหนึ่งในผู้แข่งขัน พวกเราไม่ได้เจอเขามาประมาณหกปีแล้ว ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาจะเปลี่ยนไปขนาดไหน เบนซื้อน้ำอัดลมเข้ามากินระหว่างดูการแข่งขัน เบาะที่นั่งสีแดงเต็มไปด้วยผู้ชมการแข่งขันจำนวน สามพันคน ต่างรอที่จะรับชมการแข่งขันทางวิชาการ

บันทึกเกี่ยวกับโช

โชเป็นเด็กคนหนึ่งในคิปทีมที่พูดน้อย ชายลูกครึ่งญี่ปุ่น พ่อเป็นคนญี่ปุ่น ทำงานบริษัทเคมีภัณฑ์และเครื่องยนต์ในประเทศไทย แม่เป็นคนไทยเป็นแม่บ้าน ช่วงหนึ่งที่พ่อโชต้องมาทำงานจัดการการขนส่งสินค้า ที่ภูเก็ตประมาณสามปี บ้านพัฒน์กับโชใกล้กันและโชก็ชอบเครื่องยนต์กับเทคโนโลยีมาก ๆ ตั้งแต่เด็ก จะชอบพกโมเดลกันดั้มติดตัวเวลาไปไหนมาไหน ทั้งพัฒน์และเบนต่างภูมิใจที่ได้เรียนวัฒนธรรมญี่ปุ่นจากโชและพูดญี่ปุ่นกับโชบ้างเป็นบางครั้ง

บนเวทีการแข่งขัน นักเรียนระดับชั้นอุดมศึกษา ที่คัดมาจากมหาวิทยาลัยชั้นนำในญี่ปุ่นสิบสี่คน สามมหาวิทยาลัย

พัฒน์จำไม่ได้ว่าใครคือโช ถามขึ้นพร้อมกวาดสายตาดูทุกคนบนเวที "คนไหนคือโช"

"คนที่ใส่แว่นแล้วดูฉลาด ๆ" เบนตอบประชด มองคนเวที ทุกคนใส่แว่นและดูฉลาด

พัฒน์พยายามสังเกตคนบนเวที เห็นได้ชัดว่ามันเหมือนกันหมด เขาคิดว่าโชอาจไม่มางานแข่งนี้ก็ได้ เราอาจหาวิธีการทำงานของโปรตีนในเจลาติน (Gelatin) และไฟบริน (Fibrin) เองก็ได้ "มีใครอยู่ในรายชื่ออีก?" พัฒน์ถาม

"เขานั่นแหละ" เบนมองไปทางเวที เขาพูดโดยที่ไม่มั่นใจว่าคือคนไหน

"ไม่เห็นจะแตกต่างจากคนอื่นตรงไหน" พัฒน์ตอบ

บนเวทีพิธีกร คำถามข้อที่สาม "ขีดจำกัดของมนุษย์ในการสร้างอวัยวะ"

ชายคนที่สามจากทางด้านขวากดปุ่มตอบ "การพัฒนาและแนวทางอวัยวะ ผ่านอาชีพนักออกแบบอวัยวะหรือกลุ่มวิจัยจุลชีววิทยาทางการแพทย์สมัยใหม่ อย่างอ๊อกซี่ไบโอ (OxSyBio)"

เสียงคำตอบของคนนี้ถูก "ปิ๊งป่อง!!" เสียงบนเวทีตอบรับคำตอบ

บนเวทีพิธีกร คำถามข้อถัดมา "เรื่องการที่ร่างกายรับมือแบคทีเรียที่ดื้อยาปฏิชีวนะ ทำให้เรารู้ว่าจุลินทรีย์มีผลต่อสุขภาพเราที่กว้างขึ้นยังไง?"

ชายคนเดิมรีบกดปุ่ม ตอบในทันที "การตระหนักว่าเรากำลังสื่อสารกับจุลินทรีย์ภายในร่างกายของเราอย่างต่อเนื่อง และพวกมันมีอิทธิพลต่อทุกการทำงานของระบบคุ้มกันของเราจนไปถึงฮอร์โมนที่ควบคุมความอยากอาหารของเรา ยาปฏิชีวนะถูกจำกัด เฉพาะกรณีความต้องการชัดเจน เพื่อความชัดเจน คือ อย่าทำลายแบคทีเรียที่ดีต่อสุขภาพ"

"ปิ๊งป่อง!!"

คำถามข้อถัดมา

พิธีกร "แนวทางที่สามารถถ่ายโอนไปยังระบบที่ซับซ้อนที่คุณสามารถรวบรวมข้อมูลได้เพียงพอเช่นผู้คน ความล้มเหลวที่ไม่บ่อยนัก แต่เมื่อทำแล้วมันจะเป็นหายนะและผู้ป่วยอาจเสียชีวิต บทความนี้ถูกเปรียบเทียบการทำงานของอวัยวะกับอะไร?"

โช ตอบ "'เครื่องยนต์เจ็ท' ปัญหาเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือของเครื่องยนต์เจ็ท ก็คือเครื่องจักรที่น่าเชื่อถือ ความน่าเชื่อถือของเครื่องจักร ข้อมูลที่แสดงให้เห็นถึงมุมมองที่ผิดปกติ มันสมเหตุสมผลในโลกของวิศวกร การศึกษาหาความล้มเหลวเกิดขึ้นอย่างไร แต่เมื่อมีความล้มเหลวน้อยมาก งานจะยากขึ้น การตรวจสอบ เพื่อรวบรวมข้อมูลที่มีความซับซ้อนเพื่อเรียนรู้ว่าสิ่งใด 'ปกติ' จากนั้นจึงตั้งค่าสถานะรูปแบบของข้อมูลที่ผิดปกติ สิ่งนี้ถูกเปรียบเทียบกับการทำงานของร่างกายมนุษย์"

เสียง "ปิ๊งป่อง!!"

พัฒน์ยิ้มมั่นใจ "เราเจอโชล่ะ"

เบนพยักหน้า "เราเจอโชล่ะ"

การแข่งขันยุติที่ 33 ข้อจาก 50 ข้อ ผลการแข่งขันคือโชตอบถูกเกิน 20 ข้อ ทีมโชชนะอันดับหนึ่งเหรียญทอง ทั้งเบนและพัฒน์เข้าไปทักทายและให้ตั๋วเครื่องบินในการเดินทางมาประเทศไทย ทั้งสามคนไม่ได้เจออย่างพร้อมหน้ากันนานมาก พัฒน์ดีใจมากที่ได้เจอโชอีกครั้ง โชยังพูดเรื่องหุ่นยนต์และกลไกการส่งพลังงานได้สนุกเหมือนเคย พวกเขาคิดถึงกันมาก เบนบอกโชว่าเจออีกทีที่ท่าเรือ

ทั้งสองคนนั่งเครื่องบินกลับมา เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ประเทศไทย ในงานวัด มีรถเก๋งไต่ถัง พวกเขาสองคนตื่นเต้นกับอะไรพวกนี้อยู่บ้าง คนขับเสียงสนุกสนาน เอนเตอร์เทนผู้ชมได้ดี เต็มไปด้วยเสียงกรี๊ดของชาวบ้านที่เข้ามาดู คนที่ขับรถอยู่คือไมล์ ตอนเด็ก ๆ พ่อไมล์เปิดอู่ซ่อมรถ ยุ่งมาก ไม่ได้มีเวลามาเลี้ยงดูไมล์ ไมล์บังเอิญมาเจอกับพวกเราตอนนั้นที่ทำโปรเจคการถ่ายเทพลังงานความร้อนอยู่ เราใช้เวลาในคิปป์ทีมกันไม่นาน ก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายไปเติบโต ไมล์ชอบความเร็วกับเสียงเครื่องยนต์ เมื่องานแสดงรถไต่ถังจบ พัฒน์ไม่ค่อยสนิทกับไมล์เท่าเบน เลยให้เบนเข้าไปคุยแทนในซุ้มพักคนขับรถไต่ถัง

เสียงเครื่องยนต์พึ่งดับลง ไมล์กำลังถอดหมวกกันน็อคและเดินเข้ามาห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าของพนักงาน

ไมล์ถามขึ้น "คุณเป็นใคร?" เขาทำหน้าสงสัย

"จำไม่ได้จริง ๆ เหรอ" เบนเตือนพร้อมยักไหล่

"เบนเหรอ" ไมล์พุ่งเข้ามากอดทักทาย "เป็นไงบ้างพี่ มาคนเดียวเหรอ?"

"มากับพัฒน์ มันอยู่ข้างนอก มีงานให้ช่วย" พัฒน์โบกมือมาจากข้างนอกให้ไมล์ เบนยื่นตั๋วเครื่องบินให้ไมล์

"พวกเราเชื่อในตัวแกนะ" เบนเอามือแตะไหล่

"อะไรเหรอ" ไมล์ดูที่ตั๋วเครื่องบิน

"ที่ภูเก็ต แล้วงานผมล่ะ" เบนรู้ว่ารอบตัวไมล์เต็มไปด้วยรถยนต์คันเก่า ๆ และห้องแต่งตัวโทรม ๆ

"ฉันรู้ว่าแกอยากได้รถยนต์ที่ดีกว่านี้" เบนพูดก่อนเดินออกไป ปล่อยให้ไมล์อึ้ง กับมองตั๋วเครื่องบิน

วันถัดมา ณ ท่าเทียบเรือ จังหวัดภูเก็ต

ทุกคนมารวมตัวกันบนเรือ บริเวณหน้าเรือ กินปลาเผาและปิ้งบาร์บีคิวกัน เบนเตรียมการประชุม เขาเดินออกมาจากในเรือ เรียกพัฒน์ โช ไมล์เข้าไปด้านในพวกเขาเดินตามเข้าไป เขาเริ่มการนำเสนอผ่านจอทีวีขนาดใหญ่ในเรือ

"ท่านทั้งหลาย ผู้ป่วยสามหมื่นคนในจังหวัดภูเก็ตมีศูนย์ไตเทียมและโรงพยาบาลภูเก็ต มูลค่าของการรักษาโรคไต สิบสี่พันสี่ร้อยล้านต่อปี นี่คือตลาดของสาธารณสุขที่เป็นคนจัดการส่วนแบ่ง นี่คือไตจากการพิมพ์อวัยวะทดแทน" เบนเปิดสไลด์นำเสนอ

"มันเข้ามาทดแทนการรักษาจากรายจ่ายประจำการฟอกไต 'เป็นจ่ายครั้งเดียว' ความใหญ่ของตลาดพวกเรากำลังทำปลูกถ่ายอวัยวะ จากการพิมพ์ด้วยเทคโนโลยี ผ่านการเอาเซลล์ต้นกำเนิด (stemcell) จากของกลุ่มลูกค้าที่ตัดสินใจปลูกถ่าย นี่คือลูกค้าสิบคนและรหัสดีเอ็นเอ พวกเราจะสร้างมันแล้วขายกลับไป"

"พิมพ์มันขึ้น แล้วก็ขายเลย เจ๋งดีนะ" ไมล์ทึ่งกับสิ่งที่จะได้ทำ

เบนหันมามองไมล์นั่งพอใจกับไอเดีย พัฒน์พยักหน้ามั่นใจ ดีใจที่เห็นว่าโปรเจคตัวเองเริ่มทำน่าสนใจถึงขนาดนี้ เบนพูดต่อไปว่า "มันละเอียดอ่อนกว่านั้นหน่อย"

"ใช่" ไมล์ตอบพร้อมยิ้มเจื่อน ๆ

เบนอธิบายต่อว่า "โอเค ข่าวร้ายก่อนคือหลังจากเราพิมพ์เสร็จต้องส่งมอบภายในสิบชั่วโมงและในตลาดนี้มีแต่คนอันตราย อย่างแรกเราต้องทำเอกสารประวัติผู้บริจาค ติดต่อโรงพยาบาลและพวกเราต้องเอาสินค้าไปให้ตามนัด"

พัฒน์เอามือตบไหล่ไมล์ มองหน้าเขาเพื่อสื่อสารว่านั้นคือหน้าที่ของไมล์ โชนั่งฟังหน้านิ่วมาตลอด "ทำไมไม่พิมพ์ในโรงพยาบาลแล้วให้โรงพยาบาลออกทุนให้" โชถามเป็นภาษาญี่ปุ่น

พัฒน์เสริม "ไม่ได้ ลืมเรื่องโรงพยาบาลไปได้เลย เพราะโรงพยาบาลก็เป็นธุรกิจ คิดดูว่าพวกเราจะต้องจ่ายเงินมากเท่าไหนถึงจะทำเรื่องนี้แบบถูกกฎหมายได้ เรื่องของเส้นสายอีก ต้องจ่ายใต้โต๊ะอีกเยอะมาก ๆ ถึงจะทำได้" โชพยักหน้า คิดเรื่องของระบบโรงพยาบาลไปด้วย

เบนถาม "จะถามอะไรอีกมั้ย"

"แล้วข่าวดีหล่ะ" ไมล์สงสัย

เบนชี้แจง "โชคดีที่พ่อโช ทำบริษัทเคมีภัณฑ์ ต้นทุนในการผลิตบางอย่างในการนำมาใช้ พวกเราสามารถทำให้ถูกลงมาได้ นั้นหมายความว่าเงินที่จะทำให้เราได้กำไรทั้งหมดจากตลาดการปลูกถ่ายไต จะประมาณสามสิบถึงสี่สิบล้านบาท ถ้าเราทำต่อยี่สิบถึงสามสิบคนคน อัตรากำไรจะอยู่ที่ประมาณหกสิบถึงเจ็ดสิบล้านบาท แบบไม่มีผลข้างเคียงภายหลังห้าปีถึงสิบปี พวกเราจะทำถึงแปดอาทิตย์ ประมาณสี่สิบชิ้น มูลค่าอวัยวะของตลาดสุทธิจะอยู่ที่ประมาณร้อยล้านบาท อวัยวะที่พวกเราผลิตเป็นสินค้าเหนือกว่าสินค้าราคาสูงกว่าราคาตลาด (upper high) และใช้กลยุทธ์น่านน้ำสีคราม (blue ocean) ไร้ศัตรูรอคนมากิน พวกเรามีกันสี่คน จะแบ่งคนละเท่า ๆ กัน ลองคิดเลขกันดู"

ทุกคนนิ่งอ้ำอึ้งไปพักหนึ่ง

ไมล์ผิวปาก แสดงความพอใจกับเงินที่จะได้

เบนเห็นด้วย "ใช่" ชี้ไปทางไมล์ เบนสื่อสารผ่านการพยักหน้าเข้าใจตรงกันว่าจำนวนเงินที่จะได้มันเยอะ

พัฒน์ยังกังวลกับมูลค่าสุทธิของตัวเลข และการเข้าไปเป็นส่วนแบ่งในตลาด เป็นคนเดียวที่ยกมือมีข้อสงสัย "ผมมีคำถาม ถ้าเราทำตลาดนี้ เข้าไปขายในพวกรายชื่อของคนที่รอคิว แย่งกับพวกพ่อค้าอวัยวะเถื่อนก่อนหน้า แย่งลูกค้าไปต่อหน้าต่อตา …เอาเป็นว่าเราทำได้ เราก็ออกมาจากตลาดนี้ โดยได้เงินร้อยล้านบาท โดยไม่มีใครเป็นไรเลยเนี่ยนะ"

เบนมั่นใจ ชี้ไปทางพัฒน์ "ใช่!"

"โอเค" พัฒน์ยอมรับ ในหัวเขากำลังคำนวณ เรื่องมูลค่าของเงิน กับอัตราเงินเฟ้อ เพื่อเก็บจัดสรรไว้หลังจากแม่ตื่น

หลังจากนั้นเราก็เริ่มทำงานกัน อีกสัปดาห์ถัดมา ทั้งของ สินค้า ได้สัปดาห์ละ สามชิ้น ทั้งสามคนยังคงทำบนเรือ พัฒน์ใช้เวลาหนึ่งเดือน ปิดเทอมเล็กในแลปกับโช ไมล์มีหน้าที่ขับรถเอาของไปส่งให้ทันเวลา

avataravatar
Next chapter