webnovel

13-3 恶魔的眼泪 น้ำตาปีศาจ

"แล้วเจ้าจะเสียใจ... เพราะข้าสามารถทำให้เจ้าเสียน้ำตาได้ทุกเมื่อ ยามใดข้าบันดาลโทสะ เจ้าต้องคอยหนีเพลิงกัลป์ปีศาจของข้า เว้นเสียแต่ว่าเจ้าอยากตายโดยไร้ดินกลบฝัง"

"ไม่เอาน่ะ ๆ ข้าแข็งแกร่งกว่าที่ท่านคิดเอาไว้ ข้าเอาตัวรอดของข้าได้"

อาเป้ยมั่นใจเยี่ยงนั้น ยกมือไพล่หลังประหนึ่งนักปราชญ์ผู้กล้าเผชิญหน้าต่อเทพปีศาจ บัดนี้นางยังสามารถจำแนกประเภทเพลิงอัคคีของเทพอู่เฉินได้ว่ามีหลายอย่างหลายสี ไม่ว่าจะเป็นอย่างใดนั้นไม่สามารถทำร้ายสมบัติของเทพได้

"ข้ายังมีวิชาปราบปีศาจอีกมากมายจะอวดท่าน"

จากนั้นนางจึงสะบัดชายเสื้อ ส่งแสงสีเหลืองทองอร่ามจากฝ่ามือขวา ปรากฏเป็นลูกแก้วดาวหกแฉก มันหมุนไปมาบนมือของนางอย่างงดงาม

"วิชาปราบปีศาจนี้สามารถกักขังได้ทั้งปีศาจ อสูร ดวงวิญญาณเร่ร่อน จะถูกตรึงไว้ในค่ายกลของดาวหกแฉก ค่ายกลแห่งดวงดาวเป็นวิชาลับ อาจารย์บอกกับข้าให้เก็บเป็นความลับ แต่ข้าถือว่าเลิกแล้วต่อกันแค่บนโลกมนุษย์ ข้าอยู่บนเมืองเทพ ฮ่า ๆ"

อาเป้ยหัวเราะชอบใจ ตลอดช่วงเช้ามานี้ได้รับการสอนวิชาจากบิดามังกร นางอวดวิชาของนางได้ก็อวดอย่างภูมิใจ ฝากเนื้อฝากตัวเป็นศิษย์อีกคนหนึ่ง นางมีโอกาสได้ชื่นชมวิทยายุทธ์ของทั้งบิดามังกรและบุตรชายครึ่งปีศาจเหาะเวหาฟาดเวทสีขาวและดำ พลังหยินหยางต่อสู้กันอย่างงดงามตระการตา

พอได้พักผ่อนระหว่างวันเสียหน่อย นางปฏิบัติตนราวกับว่ามีเพื่อนร่วมชั้นเรียน

"ท่านเทพทำอย่างข้าไม่ได้แน่ ๆ ล่ะ"

"ข้าไม่ได้ร่ำเรียนวิชาปราบปีศาจมา ข้าจะสร้างลูกแก้วปราบปีศาจได้อย่างไร"

"แล้วท่านทำอะไรได้บ้าง? ได้โปรดเถิดเทพอู่เฉิน ให้ข้ามีโอกาสชื่นชมความเก่งฉกาจของท่าน ไม่เอาบินไปบินมา แปลงร่างเป็นอสรพิษยิ่งใหญ่คับฟ้า กับ... งานเผา..."

ทั้งเทพปีศาจและเครื่องบรรณาการสบมองกันอย่างเชือดเฉือน ไม่มีผู้ใดเป็นฝ่ายโอนอ่อนยอมตาม เทพอู่เฉินเริ่มขุ่นเคืองใจนางนัก ตราบจนนางก้มลงมองที่ข้อเท้าของนาง ด้ายสีแดงเส้นเล็กยังคงไม่หายไปนับตั้งแต่พบผู้เฒ่าจันทรา

"ว่าแต่ท่าน... จับเจ้าด้ายเส้นนี้ได้หรือไม่ ข้าไม่สามารถสัมผัสมันได้"

เทพอู่เฉินไม่ตอบนาง เบือนหน้าไปอีกทางหนึ่งด้วยท่าทีเฉยเมย

"ว้า... แท้ที่จริงแล้วท่านทำอะไรไม่ได้เลยสักอย่างเดียว"

นางพูดเท่านั้น บุรุษเทพปีศาจก็กางนิ้วทางห้าออก ร่ายเวทสีดำดึงด้ายสีแดงเหล่านั้นขึ้นมา มันหล่นลงในอุ้งมือเทพราวขนนกอันไร้น้ำหนัก

"ท่านจับมันได้!" นางเบิกตากว้างดีใจเป็นเด็กน้อย ยกปลายนิ้วขึ้นแตะฝ่ามือหยาบกร้านของบุรุษเทพ พลันหน้าสลดเศร้าเพียงคว้าได้แค่อากาศ

"ข้าดันสัมผัสมันไม่ได้อยู่ดี... เอาเถอะ ครั้งนี้ข้ายอม"

นางละความพยายามที่จะจับด้ายสีแดงเส้นนี้ วางมือของนางเอาไว้บนนั้น จับกุมมือหนาเข้าหมับ เงยหน้าขึ้นมองสีหน้าเคร่งเครียดของเทพอู่เฉิน

"ข้าได้รับอนุญาตให้แตะต้องมือของท่านได้โดยที่ท่านไม่แว้งมากัดคอข้า เท่านี้ก็คงจะเพียงพอ"

"ใครอนุญาตเจ้าอาเป้ย ปล่อยมือข้าเสีย ก่อนที่ข้าจะเผามือเล็ก ๆ ของเจ้าให้แหลกเป็นจุณ"

"ท่านจะไม่ทำมัน ผลงานอย่างร้ายกาจที่สุดของท่านก็แค่ทำให้ข้าเจ็บด้วยการบีบข้อมือข้าเล็กน้อย แต่ข้าไม่เจ็บสักเท่าไรหรอก"

"เจ้าเลิกยั่วโมโหข้าได้แล้วอาเป้ย"

"ข้ากำลังเปิดเผยความจริงใจของข้า ความรักของข้าที่มีต่อท่าน"

"เจ้าเลิกคิดมากเรื่องด้ายแดงนี่เสีย ข้าไม่ขอรับรู้ใด ๆ จากผู้เฒ่าจันทราเพราะข้าไม่สนใจ เรื่องในราตรีนั้น..." เทพอู่เฉินกลอกตาไปมาหลังจากที่สูญเสียความเป็นบุรุษไปมาก "เจ้าลืมมันไปเสีย ข้าอ่อนไหวไปชั่วครั้งชั่วยามเพราะความฝันประหลาด"

"คงจะยาก"

ดวงตาคู่สวยสบประสานนัยน์ตาคู่คมสีแดงฉาน...

หนึ่งสายตาหวานซึ้งประหนึ่งภริยาผู้รักสามียิ่ง ทว่าอีกหนึ่งนั้นกำลังจะฆ่านางเสีย...

อยู่ ๆ นางก็กลับคำเป็นคนละคน

"เทพอู่เฉินถูกข้าหลอกเข้าจนได้ ท่านถูกข้าต้มซะเปื่อย ข้าไปละ"

อาเป้ยหัวเราะเยาะเย้ยเทพปีศาจอย่างสาแก่ใจนาง ยังเกิดความรู้สึกว่านางเพิ่งก้าวข้ามกำแพงหินสูงชันของเทพอู่เฉิน หากพอนางจะปล่อยมือจากมือหยาบกร้านนั้นกลับกระชากดึงนางเข้าหา มืออีกข้างหนึ่งเลื่อนขึ้นกระชับเอวของนางไว้แนบชิดสนิทกาย

"ข้ากอดเจ้าได้โดยที่ข้าไม่คิดอะไรกับเจ้าแม้สักอย่างเดียวอาเป้ย เจ้าไม่ควรล้อเล่นกับบุรุษ โดยเฉพาะข้า ข้าไม่ใช่มิตรสหายของเจ้า" พูดเท่านั้น ประกายตารุ่มร้อนจับจ้องแก้มแดงซ่านของสตรีในอ้อมแขน นางมีสีหน้าตื่นตระหนก จิตใจไม่อยู่กับเนื้อตัวเพียงบุรุษร่างสูงใหญ่โน้มใบหน้าลงมาใกล้ ๆ นางจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อน รดลงบนหน้าผากของนาง

"หรือว่าเจ้า... อยากรื้อฟื้นความทรงจำกับข้า... ในร่างอสรพิษ"

"ข้า... ข้า... จะไปแล้ว!" ละล่ำละลักพูดพลางหลับตาลงสนิทแน่น มือเล็ก ๆ ของนางพยายามผลักยันอกแกร่งออกจากกาย ทว่าอ้อมแขนของบุรุษเพศแข็งแรงแน่นหนาดั่งเหล็กกล้า

ครานี้เทพอู่เฉินเป็นฝ่ายเย้ยหยัน ประกาศศักดาว่าจะสั่งสอนสมบัติเทพปีศาจให้รู้จักที่ต่ำที่สูงเสียหน่อย ไม่ว่านางจะดิ้นรนขัดขืนสักเท่าไร ก็ไม่ยอมมอบอิสรภาพให้ จนนางต้องเอ่ยปากร้องขอนัยน์ตาเอ่อคลอ

"ท่านปล่อยข้า ๆ ได้โปรด... ข้าอับอายขายหน้านัก ท่านอย่ารังแกข้า..."

"หึ... ก็นึกว่าเจ้าจะแน่"

"ไม่ ๆ ท่านปล่อยข้า!"

เทพอู่เฉินมองคนตัวเล็กดิ้นไปมาจนสาแก่ใจ กว่าจะยอมปล่อยนาง

อาเป้ยวิ่งหน้าตาตื่นไปทันทีที่ได้รับอิสรภาพ สวนกับบิดามังกรที่เข้ามาพอดี ในสีหน้าเคร่งเครียดของฮ่าวหรานมองไม่ออกว่าบุตรชายรังแกอะไรนาง ทว่าถอนหายใจหนักอย่างเอือมระอา เพียงเห็นท่าทางเป็นสุขเสียเหลือเกินของครึ่งเทพครึ่งปีศาจอสรพิษ

"เทพอู่เฉิน... เจ้าอย่าสูญเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ มาฝึกวิชากับข้า"

Next chapter