webnovel

7-2 第三只眼睛 ตรีเนตร

ไม่ว่าจะทำอย่างไร คงไม่สำเร็จลุล่วงสมใจนาง ไร้หนทางปิดพลังเวทของตรีเนตร อาเป้ยจึงคิดเข้าข้างตนเองว่าเพียงพริบตาเดียว เทพอู่เฉินอาจไม่เห็นเรือนร่างของนางทุกส่วนสัด ส่วนใหญ่แล้วนางก็แค่สะบัดมือเปลี่ยนอาภรณ์งดงามได้ดั่งใจ นางแทบจะใช้เวทเซียนอำนวยความสะดวกทุกอย่างบนเทวโลก

"เจ้ายังไม่หายดี ไม่ควรวิ่งเร็วเท่านี้ อาเป้ย"

คนถูกเรียกหันหลังขวับไปสบนัยน์ตาคู่คม นางเกิดอับอายเสียจนวิ่งหนีเตลิดเตลิง เทพอู่เฉินจึงจับรวบตัวนางเอาไว้ด้วยไอเวทสีดำซึ่งสามารถดึงรั้งนางทั้งร่าง ปลายเท้าของนางลอยขึ้นบนอากาศ

"มีอะไรอีกล่ะอาเป้ย ข้าไม่เห็นว่ามันเป็นเรื่องใหญ่"

"ข้าไม่มีอะไรจะพูดกับท่าน"

"ตามใจเจ้าแล้วกัน ข้าคิดว่าเจ้าคงเสียสติไปเสียแล้วเพราะเรื่องตรีเนตร"

"..."

เทพอู่เฉินขมวดคิ้วมุ่นมองนางอย่างไม่เข้าใจเอาเสียเลย เมื่อนางเบือนหน้าหนีไปอีกทาง ไม่ยอมพูดจายังทำสีหน้าราวกับว่าเทพปีศาจคือชายชั่วช้าสามานย์ แอบลอบมองเรือนร่างของนางผ่านตรีเนตร!

"ไยสตรีปราชญ์ผู้เฉลียวฉลาดเช่นเจ้าในเวลานี้ดันพูดไม่รู้ความ แต่ก็ช่างเถอะ เจ้าหายดีแล้วไปเตรียมตัวให้เรียบร้อย เราจะกลับกันในวันพรุ่งนี้"

อาเป้ยได้รับอิสรภาพหลังจบสิ้นคำสั่ง หลังจากนั้นเทพอู่เฉินเพียงก้าวเดินจากไปจากนางด้วยท่าทีเฉยเมย

 

อาเป้ยผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ของนางโดยไม่มองภาพสะท้อนจากกระจกบานสูงใหญ่ ในห้องพักกว้างขวางสะดวกสบายของเรือนใต้เท้าจีกง นางปิดตาลง สะบัดมือนึกคิดฉับไวเพื่อเปลี่ยนมัน เมื่อได้รับชุดใหม่เป็นอาภรณ์สีดำ กระโปรงสีโลหิตไล่สีขึ้นจากสีเข้มเป็นสีอ่อนลงคล้ายระลอกคลื่น เนื้อผ้าบนอกปักด้วยดิ้นทองอร่ามลวดลายอสรพิษสีดำ ทว่ามีเท้าอันสง่างามทั้งสี่ข้างเช่นเผ่ามังกรบนเทวโลกชั้นฟ้า

ยามตรึกตรองดูอีกครา นางไม่สามารถโกรธเคืองเทพอู่เฉินอีกต่อไปในเรื่องของตรีเนตร ในเมื่อเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ ไม่สามารถทำอะไรได้

ส่วนเรื่องที่ท่านชอบตีตราเป็นเจ้าของนางด้วยเสื้อผ้าอาภรณ์งดงามเช่นนี้เสมอ จนนางเกิดคำถามว่าท่านหวงแหนนางด้วยเหตุอันใด หากว่านางเป็นเพียงสมบัติในเรือนจริง ๆ นางก็ได้แต่ครุ่นคิดไม่ตกต่อไป

 นางรวบรวมความกล้าที่จะเผชิญหน้ากับกระจกอีกครั้งหนึ่ง เหลือบตาขึ้นมองตรีเนตร ปรากฏเป็นตราสีแดงธรรมดา ไม่ใช่ดวงตาสีแดงก่ำเช่นเมื่อวานก็ค่อยโล่งใจ

สตรีในเรือนของใต้เท้าจีกงเข้ามาช่วยจัดแจงเชือกคาดเอวให้นาง ปักปิ่นที่มีไข่มุกสีดำสนิทจากทะเลลึกปักษา ทั้งสองดูกระตือรือร้น เพียงเทพฟางเหนียงวานขอให้พวกนางมาช่วยเหลือเรื่องการแต่งตัวในวันนี้

"ข้าได้ยินว่าท่านเป็นสตรีเพียงหนึ่งเดียวของเทพอู่เฉิน ปีนี้ท่านอายุห้าพันกว่าปีแล้ว มีข่าวดีเมื่อใดอย่าลืมพวกข้านะ"

"เทพอู่เฉินมีท่านเป็นสตรีคนแรก"

"เจ้าทั้งสองกำลังเข้าใจผิด ข้าไม่ใช่สตรีของเทพอู่เฉิน ข้าเป็นเพียงสิ่งของในเรือนท่าน เจ้าเรียกชื่อของข้าเถิด"

อาเป้ยพูดจาอย่างเป็นกันเอง ทั้งสองช่วยกันรวบผมของนางให้เรียบไว้ด้านหลัง เป็นพุ่มดอกไม้คอยปักทับด้วยปิ่น แบ่งปอยผมสีดำขลับทั้งสองฝั่งวางพักบนบ่า ผมดำขลับของนางนุ่มหอม ทิ้งตัวลงอย่างเป็นธรรมชาติ เปิดเผยแก้มนวลเนียนและลำคอเพรียวระหง เสื้อของนางคล้ายเป็นผ้าคาดอก มีอาภรณ์คลุมทับจึงไม่ได้เห็นเนื้อนังมังสามากมาย

"เทพอู่เฉินมิใช่เทพพูดจาไพเราะนัก ท่านไม่ใคร่ใส่ใจผู้ใด แต่ท่านแสนเอาใจใส่เจ้า อาเป้ย"

สตรีทั้งสองยอมตามใจนางอย่างว่าง่าย จะให้เรียกเพียงชื่อนางก็ยอมเรียก ไม่ถือยศอย่างกันอีกต่อไปขอให้เป็นมิตรสหายกัน เฉกเช่นธรรมเนียมบนเทวโลกนี้ เทพชั้นผู้น้อยหรือแม้แต่บ่าวในเรือนล้วนเป็นผู้พักอาศัย ผู้ช่วยงานมากกว่าที่จะเป็นบ่าวรับใช้จริง ๆ เพราะพวกเขาไม่ได้รับสิ่งตอบแทน

บนเทวโลกใช้การแลกเปลี่ยนสิ่งของกันแทนการใช้เงินตรา มีผู้ปกครองนครแยกไปตามแต่ละทิศ สำหรับภพภูมินี้มีท่านอู่เฉินดูแลเทือกเขาทิศอุดร ใต้เท้าจีกงดูแลทิศประจิม ซึ่งมีสภาพเป็นแหล่งน้ำเสียส่วนใหญ่

สตรีทางขวามือนางนำแผ่นกระดาษสีแดงสดให้นางใช้แต้มริมฝีปาก เรียวปากอิ่มงามของนางกลายเป็นสีแดงสดราวสีของโลหิต แลดูสวยงามหมดจดราวกับนางสนมใหญ่ในวังหลวง

"ข้าเห็นด้วยกับซูลี่ เทพอู่เฉินนำของสวย ๆ งาม ๆ มาให้เจ้าตั้งหลายอย่าง เจ้าจะเดินไปทางใด ข้าเห็นว่าท่านเอาแต่จ้องมองเจ้า"

"แค่ของสวยงามไม่สามารถซื้อใจข้าได้ ข้ามิใช่คนเห็นแก่ทรัพย์สมบัติ"

นางเห็นด้วยแค่บางข้อเท่านั้น แต่ไม่อยากให้เสียน้ำใจในคำเยินยอ จึงฉีกยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดูผู้ช่วยสตรีทั้งสอง

"ขอบใจมาก ข้าไปก่อนล่ะ ข้าจะไม่ลืมพวกเจ้า ซูฮวา ซูลี่"

ในน้ำเสียงอ่อนโยนของนาง อาเป้ยหวังว่าจะได้มีมิตรสหายเป็นสตรีในเทวโลกหากว่านางมีโอกาส และนางว่านางได้พบแล้ว

นางเดินออกไปอย่างระวังทุกย่างก้าว จนมาถึงห้องโถงกว้างขวางของเรือนใต้เท้าจีกง

 

แต่หัวจรดเท้าของสตรีร่างอ้อนแอ้นอรชรในอาภรณ์งามสง่าสมคุณค่าราคา ได้รับการเนรมิตจากมารดาแห่งสายน้ำทิศประจิม ใบหน้าสวยหวานหมดจดไร้ที่ติของนางราวสตรีในภาพวาด ริมฝีปากเคลือบสีแดงของนางอวบอิ่มชุ่มชื้น ผิวกายของนางเกลี้ยงเกลาราวหยกขาวทั่งทั้งบริเวณลำคอไล่ลงมา

Next chapter