webnovel

1-3 众神新娘 เจ้าสาวของทวยเทพ

อาเป้ยได้พบเทพหลงเหนียนในร่างบุรุษเพียงครั้ง นางอยากจะนับว่าครั้งเดียวเพราะครั้งแรกนั้นท่านแปลงกายแล้วหนีหน้านางไปในทันที

ครั้งที่สอง ท่านต่อว่านางโกหกข้อหนึ่ง แล้วเหาะเหินเดินอากาศไปเช่นเดิม

ครั้งที่สาม ท่านมาส่งนางหน้าห้องพัก นางถึงได้พิจารณาใบหน้าคมคายไร้ที่ติของท่าน

คิ้วเข้มหนาขนานไปกับดวงตาเรียวรี หางคิ้วยกขึ้นสูง นัยน์ตาสีโลหิตดูก้าวร้าวดุดัน ทว่าหากมองให้ดีแล้วนางว่าสวยงามดึงดูดเหล่าอิสตรีเป็นอย่างมาก จมูกโด่งเป็นสันคมรับกับสันกรามแกร่งเยี่ยงชายชาตรี ทำให้ท่านดูองอาจและสง่างาม ริมฝีปากอมแดงอมชมพูดูนุ่มนวลอ่อนหวานประหนึ่งกลีบดอกเหมยฮวา

บุรุษเทพผู้นี้รูปงามปานหยกสลัก นางหาได้เคยพบบุรุษรูปงามเท่านี้ไม่

ใช่ว่านางหลงใหลในรูปลักษณ์เทพหลงเหนียนนักหรอก นางเพียงไม่มีโอกาสชื่นชมความงามของผู้ใด ด้วยความที่นางพำนักอาศัยอยู่ในกระท่อมตีนเขาวัดเทียนหลง ปลอมตัวเป็นข้ารับใช้ชาย ลูบหน้าตนด้วยถ่านหินมาทั้งชีวิต บุรุษมากมายผู้ที่นางจะได้พบเจอมีแต่หลวงจีนหัวล้าน นักพรตเฒ่า พ่อค้าในตลาด

นางพบเห็นบุปผางาม สตรีใบหน้าสะสวยในหอนางโลม ซึ่งนางเคยแอบหนีไปเที่ยวเพราะว่าอยากพบท่านแม่บ้างนาน ๆ ครั้ง นางก็ว่างาม

การเอ่ยคำชื่นชมเป็นเรื่องดี เวลาท่านอาจารย์ฮุ่ยหมิงชมนางว่าทำดีมาก อวยพรขอให้นางเพียรพยายามต่อไปให้ได้ตลอดรอดฝั่ง นางจะมีกำลังใจทุกครั้ง

แล้วนี่นางยังไม่ตาย!

หลังทอดความคิดไม่น่าภิรมย์ไปกับบุรุษเทพรูปงามอัธยาศัยยอดแย่ นางฉีกยิ้มกว้างให้กับตนเอง เดินสำรวจห้องของตน

ที่พักอาศัยของนางคล้ายกับห้องขังนักโทษชั้นใต้ดิน ดีที่ยังมีเตียงนอนปูด้วยขนสัตว์นุ่มนิ่ม แสงลอดมาจากช่องหน้าต่างบานเล็กกว่าฝ่ามือ

คิดในแง่ดี หากเป็นฤดูเหมันต์ที่มีหิมะขาวโพลนไปทั่วทุกแห่ง ห้องนี้คงอบอุ่นเสียจนนางไม่ต้องนอนขดตัวอยู่หน้ากองไฟอย่างในกระท่อมซอมซ่อ

นางเคยลำบากกว่านี้ไม่รู้กี่เท่า มือเรียวเล็กอย่างสตรีของนางแตกและหยาบกร้าน ริมฝีปากไร้ความชุ่มชื้นมีเลือดเกรอะกรังและอักเสบในฤดูหนาว ร่างกายผ่ายผอมจนเห็นกระดูกแต่มีกล้ามเนื้อ เพราะทุกเช้านางต้องหาบน้ำขึ้นไปส่งผู้ทรงศีลบนภูเขา โดยห้ามมิให้ใช้วิชาเวทแห่งวัดเทียนหลงเข้าช่วย หากอาจารย์รู้เข้าจะทำโทษนาง

นางต้องเข้าเมืองไปซื้อเสบียงอาหาร ด้วยตามธรรมเนียมนักพรตในวัดบนภูเขาสูงจะไม่ลงเขาบ่อยนัก ทุกอย่างให้เป็นหน้าที่ของข้ารับใช้หลวงจีน คอยอำนวยความสะดวก เพื่อที่พวกท่านเหล่านั้นจะได้บำเพ็ญเพียรอย่างเต็มกำลัง

ข้ารับใช้ก็มีนางและชาวบ้านสองสามคนมาช่วยในบางครั้ง ซึ่งนางจะได้รับค่าตอบแทนเล็กน้อย จากการสนับสนุนของเจ้าเมืองและเศรษฐีที่ขึ้นไปทำบุญ

แต่ดูเข้าสิ! นางได้ใช้เงินที่เก็บสะสมมาทั้งชีวิตเสียที่ไหน สักตำลึงนางก็ไม่ได้ไปผลาญมันในตลาด จะมาจับตัวนางทั้งที ดันไม่มีใครบอกนางล่วงหน้าสักหน่อย

"ข้าคิดถึงท่านเหลือเกินท่านอาจารย์ ไม่มีใครมาคอยบ่นว่าข้าอ่อนแอกะปวกกะเปียก หาบน้ำขึ้นเขา ข้าก็บ่นไปแบกไปให้ท่านคอยเอ็ดว่าข้าเกี่ยงงาน หน้าที่ต้องเป็นหน้าที่ ข้าล่ะอยากกลับไปส่งข้าวปลาอาหารให้พวกท่านเหลือเกิน..."

อาเป้ยทิ้งตัวลงนั่งคอตกบนเตียง รู้สึกอยากทำเรื่องเดิม ๆ แม้ว่ามันจะลำบากสักแค่ไหน นางสำนึกบุญคุณท่านอาจารย์ฮุ่ยหมิงที่ช่วยกางเวทปกป้องเป็นเกราะกำบังให้นางรอดชีวิตมา

กระทั่งได้ยินเสียงเคาะประตูดัง นางพลันหันไปมองประตูเปิดอ้าออก บุรุษร่างเล็กอ้อนแอ้นหน้าขาวใส รูปงามเหมือนสตรี น่าจะเป็นข้ารับใช้ในเรือน ชายแปลกหน้าท่าทางงุนงงเมื่อพบนาง

"เอ้อ เจ้า..."

"ข้าชื่ออาเป้ย"

"นี่เจ้า!" อยู่ ๆ ก็ทำเสียงดัง จ้องนางตาเขม็งให้นางตกใจตาม

"มีอะไรล่ะ?"

"เจ้า... เจ้ารอดจากพิษของท่านได้ยังไง แล้ว ๆ ที่หน้าผากเจ้า..."

นางคว้าหมับเข้ากลางหน้าผากเหมือนตบแมลงสักตัว ลุกขึ้นไปส่องกระจกบานใหญ่ตรงมุมห้องมืดสลัว ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ๆ อย่างสงสัยใคร่รู้

เส้นสีแดงวาดขึ้นอย่างงดงามอ่อนช้อย คล้ายลูกไฟแต่ดูเป็นรูปเป็นร่างมากกว่า ไม่รู้ว่าเป็นสัญลักษณ์ที่สื่อความหมายอย่างไร

"ทำไมถึงมีตรางูบนหน้าข้าได้ล่ะเนี่ย ว่าแต่มันใช่งูรึ ข้าว่าเหมือนกลีบดอกไม้แปะอยู่กลางหน้าข้า ดอกอะไรก็ไม่รู้ ดูไม่เป็นดอกไม้อีก..." นางทำหน้ายุ่ง หันไปทางบ่าวชายที่ยืนอยู่หน้าประตู

"เจ้านายท่านไม่ได้บอกท่านหรือว่าข้าเป็นใคร?"

"ท่านไม่อนุญาตให้ถาม ข้ามาทำหน้าที่ตามคำสั่งของท่านให้นำเสื้อผ้าอาหารมาวางไว้ในห้องใต้ดิน"

"เรียกข้าอาเป้ยเถอะ ข้าไม่ใช่คนถือตัวอะไร"

"พวกเราไม่คบหามนุษย์"

"ท่านจะเรียกข้าว่าเจ้าหรือเรียกชื่อแซ่ข้า มันต่างกันตรงไหน คบไม่คบเป็นอย่างไร ในเมื่อท่านยืนกำลังพูดคุยกับข้าอยู่"

บ่าวรับใช้เรือนเทพเริ่มเอือมระอากับนาง ยังไม่ก้าวเข้ามาในห้อง วางสิ่งของเหล่านั้นไว้บนพื้น ปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด

อาเป้ยคิดว่านางควรผูกมิตรกับใครสักคนในที่แห่งนี้ เผื่ออาจขอความช่วยเหลือจากใครได้ในสักวันหนึ่ง นางเอามือไพล่หลังพูด

"ข้าเอง... เป็นข้ารับใช้หลวงจีนมาก่อน ต้องทำตามคำสั่งท่านอาจารย์ทุกอย่าง แต่ดีหน่อย อาจารย์จะให้เหตุผลข้าทุกครั้ง ท่านให้ข้าหาบน้ำขึ้นเขาวันหนึ่งไม่ต่ำกว่าสิบหาบเพื่อฝึกความแข็งแรงของร่างกาย ปัดกวาดเช็ดถูเพื่อวินัยของตนเอง หุงหาอาหารให้พวกท่านทั้งหลาย เพื่อรู้จักนอบน้อมถ่อมตน รู้จักยื่นมือให้ความช่วยเหลือผู้อื่น ข้าทำมาหมดทุกงานที่ว่ายาก... บางทีท่านอาจจะมาขอคำปรึกษาจากข้าสักวันก็ได้ อ้าว..."

คนฟังเดินไปตั้งนานแล้วกลายเป็นนางพูดพร่ำอยู่คนเดียว จึงถอนหายใจออกมา

"ข้าว่าพวกท่านไม่ใช่ไม่คบหามนุษย์หรอก ไม่มีผู้ใดคบค้าสมาคมด้วยเสียมากกว่า มารยาทก็ไม่ดี"

Next chapter