webnovel

5-2 倒霉的女人 สตรีอาภัพ

อุ้งเท้าเล็กจิ๋วของผีเสื้อวางพักบนอาภรณ์ลายเมฆา รอบกายนางปรากฏละอองน้ำไหลเวียนเป็นสาย ทอประกายอร่ามดั่งดวงดารา นางแสนดีใจ เมื่อเขาสั่งให้นางเข้ากรงเหล็กที่เหน็บไว้เหนือผ้าคาดเอว เทพมรณาควบขี่อาชาแห่งความมืดไปเทวโลก

เทวโลกแบ่งแยกย่อยเป็นชั้นฟ้า ชั้นดิน ชั้นน้ำ ยิ่งสูงเท่าไรยิ่งงดงาม เงียบสงบมากขึ้นเท่านั้น

เทวโลกชั้นน้ำอยู่ใกล้กับโลกมนุษย์มากที่สุด ในภพภูมิบาดาลมีทั้งพื้นดินและผืนน้ำ ท้องฟ้าแจ่มใส มีช่วงราตรียาวนานกว่า แสงจันทร์สีเหลืองนวล แม้กระทั่งแสงตะวันก็ทอประกายอร่ามงามราวสีของทองคำ

มาถึงที่นี่แล้วนางอดคิดถึงมิตรสหายเทพผู้เฒ่าแม่เฒ่าไม่ได้เลย พวกเขาเป็นผู้เสียสละตนเช่นนีเทียนต้าเซินเสียสละให้เหล่าดวงวิญญาณ นางก้มมองใบหน้าหล่อเหลาสะท้อนแสงนวลอ่อน ครู่หนึ่งร่างกระดูกห้อมล้อมด้วยเพลิงกัลป์ ฉีกยิ้มสยดสยอง นางคงปรารถนาให้เขาเป็นบุรุษเทพรูปงามซะมากกว่า

"ข้าพอเข้าใจว่าเมื่อใดที่ยมทูตไม่เพียงพอ วิญญาณหลงทางทั้งหลายไม่อาจไปเวียนว่ายตายเกิด พวกเขาจะถูกปีศาจกลืนกิน ตกหล่นในต้นไม้วิญญาณ วิญญาณส่วนหนึ่งพยายามหลบหนีการจับกุม เป็นเรื่องยุ่งยากในภายหลัง"

"อื้ม... เจ้ารู้ก็ดี จะได้ตั้งใจทำงาน"

นี่คงเป็นหนทางให้เขาไม่รู้สึกผิดที่ไปลักพาตัวนางมา บังคับให้นางเปลี่ยนวันหมดอายุขัยของยมทูตด้วยการยื่นข้อเสนอเป็นความตายของตัวนางเอง

นีเทียนต้าเซินเงยหน้าขึ้นมองผีเสื้อบนต้นไม้สูงตระหง่าน ปีศาจสาวร้องไห้คร่ำครวญ เนื้อตัวมอมแมมบาดเจ็บ หนวดผีเสื้อของนางไม่รับรู้กลิ่น เขาจึงให้เวลานางดื่มด่ำพลังวิญญาณโดยไม่เร่งเร้าเหมือนครั้งก่อน ๆ

นึกย้อนกลับไปตอนสามพี่น้องผีเสื้อตัวน้อยติดกับดักอสูรในภพภูมิลับแล เกือบได้เป็นอาหารของปีศาจตะขาบพันปี พี่สาวคนโตเล่าว่าปีศาจตนนี้มีเรือนผมสีเงิน รูปโฉมงดงาม แต่เหยื่ออย่างไรก็คืออาหารรองท้อง การหลบหนีจากโพรงหลุมขนาดใหญ่จำต้องมีพลังที่มากกว่า

เมื่ออดทนรอความช่วยเหลือของท่านปู่ต่อไปไม่ไหว เจ้าถิงถิงถูกฉีกปีกไปจนไม่เหลือแม้เส้นปีก พี่สาวทั้งสองยังเกือบจะฉีกแขนและขาของนางเพื่อสูบพลังเวทให้ตนมีชีวิตรอด กว่านางจะผลัดปีกผีเสื้อให้งอกออกมาใหม่ได้ครบทั้งสามคู่ ใช้เวลาร่วมสามร้อยปี

"ข้ามองเห็นเจ้าเคยติดกับดักอสูรในภพภูมิลับแล..."

"ท่านเห็นหรือเจ้าคะ?"

"อื้ม... เจ้าเป็นผู้มีเมตตา เสียสละ ข้าคงต้องตกรางวัลให้เจ้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้" ไม่พูดเปล่า นัยน์ตาสีชาดหลุบมองแววตาหวาดหวั่นของนาง โฉบปีกบินลงมาทำหน้าฉงน สักพักหนึ่งนางก็ร้องไห้อีก "ข้าไม่เคยพบปีศาจที่ไหนจะเสียน้ำตา เรื่องความคิดชั่วร้ายก็มีเพียงเล็กน้อย"

"นับเป็นวาสนา หากท่านเมตตาผีเสื้อน้อย... ฮึก... ขอท่านอย่าได้ขังข้าไว้ในกรง ข้าทำงานให้ท่านแล้ว ได้โปรดรักษาข้า... นีเทียนต้าเซินเมตตาข้า เป็นหนี้บุญคุณท่านแล้ว"

"ไม่ถือเป็นบุญคุณติดค้างกัน เจ้าทำงานให้ข้า พาเจ้ามาดื่มด่ำพลังวิญญาณ..." เขาชื่นชมนางแต่ก็ดุนาง "เลิกร้องไห้เสียที ถิงถิง เจ้าลุกขึ้นมา"

"ข้าลุกไม่ไหว ฮือ... ข้าเป็นผีเสื้อ... ไม่ได้..."

"ถิงถิง เจ้าเงียบเสีย... ปีศาจล้วนมีกายทิพย์แข็งแกร่งกว่ามนุษย์หลายเท่า อาการบาดเจ็บของเจ้าไม่ช้านานก็หาย"

นีเทียนต้าเซินเอามือไพล่หลังมองนาง เศร้าโศกเสียใจไม่เลิกรา ริมฝีปากสีชาดพร่ำบ่นว่านางบาดเจ็บได้ สูญสลายได้ จะตายวันตายพรุ่งก็หาได้รู้ไม่ กระนั้นนางยังเต็มใจยินดีกับการเสียสละเพื่อผู้อื่น แต่ปีศาจอายุขัยน้อยนิดอย่างนางควรออกไปเที่ยว...

พูดไปก็เท่านั้น นางดื่มด่ำผลไม้วิญญาณจนกลับมารับรู้กลิ่น นางเฝ้ามองนัยน์ตาสีชาดที่แสนเย็นชาทอประกายอ่อนโยนลง ทำให้นางรู้สึกดีขึ้นบ้าง

โดยปกติแล้วนางมักได้กลิ่นหอมอบอวลของดอกปี่อั้น[1] จากนีเทียนต้าเซิน บุปผาสีชาดชนิดนี้งอกเงยอย่างงดงามในปรภูมิ นางได้กลิ่นฉุนสุราจากท่านลุง บ้างมีกลิ่นแท่งเหล็ก กลิ่นต้นข้าวและดินโคลนเหมือนชาวนา ขึ้นอยู่กับว่าภพชาติก่อนท่านลุงเป็นอะไร

สำหรับนางแล้วถึงเทพมรณาจะเคร่งครัดกฎระเบียบ แสดงทีท่ารำคาญนางเวลาที่นางพูดจาไม่รู้เรื่องรู้ราว นางเอาแต่ร้องไห้คร่ำครวญ บุรุษเทพผู้นี้มิได้ไร้เมตตาธรรม เขามีกลิ่นกายหอมหวาน แถมรูปงามนัก...

"ไม่เคยมีใครปฏิบัติดีต่อข้า หากข้าปรารถนาสิ่งใด ข้าจะต้องลักลอบออกจากเรือนไปหามันด้วยตัวเอง" พูดจบ นางในร่างผีเสื้อกลับเป็นสตรีเช่นเดิม ใบหน้าสดสวยแย้มยิ้ม ยืนข้างกายเทพมรณา "อ้อ... ลืมไป ข้ามีท่านฮู่โหมวเป็นมิตรสหาย เป็นพี่ใหญ่ของข้า เขาเกือบได้เป็นสามีข้า"

"จิ้งจอกเงินเป็นเหตุให้เจ้าต้องตาย"

"ท่านฮู่โหมวไม่ได้ตั้งใจ... ทำให้ข้าตาย" นางดูลังเลใจในคำพูดนั้น บุรุษเทพเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย

"หมายความว่าเจ้าอยากเป็นภริยาจิ้งจอก?"

"ฮะ... อะไรนะ? ท่านนี่ถามประหลาด ถ้าหากว่าข้าอยากเป็นภริยาจิ้งจอก ข้าจะกระโดดเข้ากองควันพญามัจจุราชทำไมเล่า ท่านฮู่โหมวน่ะเป็นได้เพียงมิตรสหายของข้า ต่อให้ข้าต้องไปเป็นภริยาของเขา ใจข้าก็ปรารถนาจะเป็นเพียงมิตรสหาย"

"ไยเจ้าจึงพูดมันขึ้นมา?"

"ข้าหมายถึงฮู่โหมวไม่คิดจะทำร้ายข้า"

"เช่นนั้นเจ้ายิ่งไม่ควรกระโจนกายเข้ากองควันมัจจุราช"

"ก็ข้า... ข้า..." นางอึกอัก นิ่งอึ้งไป ไม่รู้จะตอบเขาว่าอย่างไร นางพบเขาในห้องนอนคราแรก ใจเร็วด่วนได้ตามเขามารับทัณฑ์ทรมานทุกเช้าค่ำ โง่เง่าสิ้นดี! 

"อื้ม... จิ้งจอกเงิน... ผู้น่าสงสาร ท่านฮู่โหมวของเจ้า..."

ลมหายใจยมทูตแผ่วเบาลง ด้วยนึกเวทนาจิ้งจอกเงินผู้มีความซื่อสัตย์จงรักภักดีต่อนาง แต่ก็ทรยศนางได้เพื่อตระกูลจิ้งจอก เพื่ออำนาจและความเป็นใหญ่ในเมืองปีศาจ

นีเทียนต้าเซินมองเห็นความทรงจำมากมายนับหลายพันปีของผีเสื้อน้อย ราวกับว่าเขากำลังมองผ่านดวงตาไร้เดียงสาของนาง แม้ไม่ทันได้ดูทั้งหมดของทั้งชีวิตนางเพราะไม่มีเวลา ด้วยความที่นางยังมีชีวิต มิอาจต้านทานดวงตาพิพากษาได้นาน

ในค่ำคืนหนึ่งใต้จันทราสีชาดกลมโต สองสายตาสบประสาน หนึ่งคู่นัยน์ตาสีชาดและนัยน์ตาสีอำพัน ปีกทั้งสามของนางขยับในเวหา ชนเข้ากับปลายหางทั้งเจ็ดหางที่ทรงพลัง ฮู่โหมวเป็นปีศาจรูปงาม กลิ่นอายหยินลอยฟุ้งรอบกาย

'เจ้าจะแต่งงานกับข้าไหม? ถิงถิง เจ้ามาเป็นเจ้าสาวข้าสิ'

'ท่านบ้าไปแล้วรึไง! ข้าเป็นผีเสื้อ ท่านเป็นจิ้งจอก จะแต่งงานกันได้ยังไง ท่านรู้ไหม? ท่านต้องไปแต่งงานกับจิ้งจอกสตรี'

'ข้าอยากแต่งงานกับเจ้าจริง ๆ ไม่เอาน่า ข้าสนใจที่ไหนว่าเจ้าเป็นผีเสื้อ ข้าจะไปสู่ขอเจ้ามาเป็นภรรยา'

เสียงหัวเราะดังก้องกังวานในภพภูมิปีศาจ คลับคล้ายคลับคลากับบรรยากาศของสถานที่แห่งนี้

'เสียทีข้าเคยคิดว่าเจ้าอัปลักษณ์ ในเมื่อเจ้าสะอาดบริสุทธิ์ เจ้าเป็นผู้เสียสละตน ไม่ชั่วร้ายเหมือนปีศาจตนไหน ๆ'

ครู่หนึ่งซึ่งไม่ทันรู้สึกตัว เทพมรณาถอนหายใจเป็นไอควันสีชาด เขาเฝ้ามองปีศาจน้อยกลับไปดื่มด่ำผลไม้ทีละลูกด้วยแววตาเปล่งประกาย ผลไม้ในมือนางหายไปแล้วงอกเงยขึ้นมาใหม่ ท้องนภากว้างปรากฏเมล็ดพันธุ์ร่วงหล่น เวหาอันอ่อนหวานงดงามรายล้อมรอบกายนาง

การมองผ่านภาพตรงหน้าเป็นเรื่องชินชา ความงามของอิสตรีล้วนเป็นโลกมายา โดยเฉพาะปีศาจราตรี ล้วนมีรูปลักษณ์ของหญิงงามล่มเมือง

ถิงถิงขยับปีกลงมาจากต้นไม้ใหญ่ทอประกายงดงาม หยุดยืนข้างอาภรณ์สีนิล "ข้าได้ยินมาว่าความรักของเทพนั้นบริสุทธิ์ ไร้ความหวงแหนและราคะ มีเพียงความรักใคร่ ปรารถนาดีต่ออีกฝ่าย หวังให้คู่ชีวิตได้รับเพียงความสุข... เป็นความจริงหรือไม่?"

"ข้าไม่รู้"

"ท่านเป็นเทพ"

"ก็ไม่เชิง" เอ่ยแล้วผ่อนลมหายใจอีกครา นีเทียนต้าเซินอดทนต่อปากต่อคำกับนางต่อไป นางกระโดดขึ้นต้นไม้สูงตระหง่านด้วยปลายเท้าข้างเดียว ไม่รู้ด้วยอารมณ์ไหน อยู่ดี ๆ นางส่งเสียงโวยวาย

"ท่านควรต้องสงสารข้าสิ ข้าเนี่ย! เป็นปีศาจผีเสื้อที่น่าสมเพช ข้าแสนต่ำต้อย ไร้วาสนา ใครมันจะมาดวงซวยเท่าข้า ทำไมท่านไปสงสารปีศาจจิ้งจอกเล่า กรี๊ดด!"

ตุบ!

ผืนหญ้าเขียวขจีฟูฟ่องทันทีที่กระทบเวทหยินเข้าอย่างจัง สตรีในอาภรณ์งดงามนอนคว่ำหน้า ในอ้อมแขนของนางเต็มไปด้วยผลไม้ลูกกลม ๆ สีแดงสด ลูกหนึ่งยังอยู่ในปาก นีเทียนต้าเซินหลุบตาลงมองนาง

"นับตั้งแต่ข้าเป็นเทพ ก็ยังไม่เคยเห็นผีเสื้อตกต้นไม้ ปีกเจ้ามีตั้งสามคู่ รวมเป็นหก เจ้ามีพลังเวทเต็มกาย หาใช่มนุษย์เดินดินไม่ เจ้าปีศาจผีเสื้อตนนี้ ช่างน่าสงสาร..."

นีเทียนต้าเซินกลั้นใจเอ่ยว่า 'น่าสงสาร' ทั้งที่จริงแล้วนางน่ะน่าสมเพช

ถิงถิงเงยหน้าเกรอะกรังเศษหญ้า เรือนผมดำขลับกระเซอะกระเซิง นางกัดฟันว่าตัวเองโง่เง่าเท่าไรถึงได้ตกต้นไม้ ทั้งที่นางก็มีปีก...

ซ้ำร้ายกว่าคือเทพผู้มีเมตตาธรรมก็ไม่ได้ช่วยเหลือนาง เขามองนางหล่นจากต้นไม้ หน้าตาเฉยเมย!

[1] 彼岸 ดอกปี่อั้น สัญลักษณ์แห่งความตายและการพลัดพราก อีกฟากฝั่ง - 彼 ปี่ แปลว่า อีกหนึ่งนั้น 岸 อั้น แปลว่า ชายฝั่ง

Next chapter