webnovel

ตอนที่ ๖ พบกันครั้งที่สาม

ช่วงกลางคืนของยามจื่อ[1]

ในขณะที่ฟ่งหลันหลั่นกำลังนอนพักผ่อนอยู่ในห้องพักอย่างผ่อนคลาย ซึ่งเรือนพักของนางตั้งอยู่ทางด้านหลัง ห่างจากเรือนรับรองลูกค้าของหอมู่ต๋ามากโข แต่จู่ ๆ ด้านนอกเรือนมีเสียงเรียกพ่อบ้านของหอมู่ต๋าดังขึ้นอย่างร้อนรนใจ

"แม่นางฟ่ง! ข้าขออภัยที่มารบกวนท่านยามดึกเยี่ยงนี้ แต่เห็นไฟในเรือนพักยังติดอยู่ จึงมิทราบว่าท่านหลับแล้วรึยัง"

พอสตรีน้อยได้ฟังน้ำเสียงร้อนใจของพ่อบ้านของหอมู่ต๋าที่ตะโกนถามเข้ามาในเรือน นางก็ดีดตัวลุกขึ้นนั่งหลังตรงตั้งฉากอย่างรวดเร็ว เพราะคิดว่าหอมู่ต๋าน่าจะเกิดปัญหาขึ้นอีกแล้ว ซึ่งมันก็เป็นเรื่องปกติของสถานที่แห่งนี้

[1] ยามจื่อ (子:zǐ) คือ 23.00 - 24.59 น.

ครืด...

ประตูถูกเลื่อนออกจากด้านในตัวเรือนพัก

สตรีน้อยเห็นพ่อบ้านหอมู่ต๋ายืนหน้าซีดขาว แถมมีเหงื่อเม็ดใหญ่ผุดเต็มใบหน้า คิ้วเขาขมวดย่นเข้าหากันอย่างตึงเครียด

"ท่านพ่อบ้าน เหตุใดสีหน้าท่านถึงดูเคร่งเครียดเช่นนั้น มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกระนั้นหรือ ? รึว่าเกิดเรื่องขึ้นกับแม่นางมู่!"

"คุณชายซ่ง บุตรชายของท่านเจ้าเมืองกำลังเมาหนักและอาละวาด ทำร้ายตบตีพวกสาวงาม แถมทำลายข้าวของอยู่ที่เรือนรับรองลูกค้า แถมยังขู่ว่าถ้านายหญิงไม่ออกไปต้อนรับ เขาจะสั่งคนเผาทำลายที่นี่ ข้ามองไม่เห็นทางแก้ไข เลยจำเป็นต้องมารบกวนเวลาพักผ่อนยามดึกของท่าน"

สีหน้าตึงเครียดและอาการมือสั่นของพ่อบ้านหอมู่ต๋าผู้เคยสงบนิ่ง แสดงออกถึงความกังวลใจหนักอย่างชัดเจน

"แล้วนายหญิงของพวกเจ้าไปไหนเสียล่ะ ทำไมนางถึงไม่ออกไปต้อนรับเจ้านั่นกัน" สตรีน้อยย้อนถามอย่างแปลกใจ เพราะปกติแล้วเรื่องเช่นนี้ มู่เซียวหลานจะเป็นคนจัดการเอง ไม่เคยต้องถึงมือตนเลยสักครั้ง

"นายหญิงออกไปด้านนอกตั้งแต่หลังจากที่สนทนากับท่านเสร็จ จนป่านนี้นางก็ยังไม่กลับมาเลย"

พ่อบ้านหอมู่ต๋าตอบตามจริงหากแต่ก็ไม่ได้เล่ารายละเอียดทั้งหมด เพราะเขารู้ดีว่าหากกล่าวคำปดและแม่นางน้อยผู้นี้มารู้ความทีหลัง นางคงจะเลิกนับถือในตัวเขาเป็นแน่

เขายืนก้มหน้าต่ำลงเล็กน้อยเหมือนตั้งใจจะหลบสายตา เพื่อไม่ต้องการให้นางถามต่อ

ฟ่งหลันหลั่นยืนนิ่งเงียบครุ่นคิดครู่หนึ่ง เพราะเกิดความสงสัยในตัวของนายหญิงแห่งหอมู่ต๋า

'มู่เซียวหลานออกไปข้างนอกในยามวิกาลเยี่ยงนี้ ช่างดูผิดวิสัยของผู้ทำการค้าหอคณิกาเสียจริง ดูทว่านายหญิงแห่งหอมู่ต๋าคงจะมีเรื่องบางอย่างปิดบังผู้คนอยู่อย่างแน่นอน'

ด้วยความร้อนใจที่เห็นอีกฝ่ายยืนนิ่งเงียบไป พ่อบ้านใหญ่จึงกล่าวถามซ้ำขอความช่วยเหลือไปตรงๆ

"แม่นางฟ่ง ท่านได้โปรดช่วยพวกข้าด้วย"

บุรุษผู้ใกล้วัยชราผู้นี้ถึงขนาดกล่าวร้องขอให้สตรีน้อยซึ่งอายุเพียงแค่วัยปักปิ่นตรงหน้าช่วยเหลืออย่างนอบน้อม นั่นหมายความว่าสิ่งที่เขาต้องการ คงมีเพียงนางเท่านั้นที่ทำได้

แต่ถึงพ่อบ้านหอมู่ต๋าไม่กล่าวเช่นนั้น ฟ่งหลันหลั่นก็ต้องยื่นมือเข้าช่วยเหลืออยู่ดี เพราะสถานที่แห่งนี้เป็นที่เดียวที่จะหารายได้งาม ๆ เพื่อนำไปซื้อยาอันแสนแพงรักษาอาการป่วยของตาเฒ่าฟ่ง

"เช่นนั้น รบกวนท่านพ่อบ้านช่วยสั่งให้สาวงามสองสามคน พร้อมกับเสื้อผ้าและเครื่องประดับเหมือนที่พวกนางใช้ นำมาที่เรือนข้าได้หรือไม่..."

"ได้! ข้ารีบจัดการตามที่ท่านบอกเดี๋ยวนี้" พ่อบ้านหอมู่ต๋ารีบกล่าวรับคำและเร่งทำตามในสิ่งที่ฟ่งหลันหลั่นต้องการทันที

ไม่นานเขาก็กลับมาพร้อมกับสาวงาม รวมทั้งอาภรณ์และเครื่องประดับสวยงามครบครันมากมาย

จากนั้นสาวงามทั้งหลายก็ได้หายเข้าไปในเรือนพักของฟ่งหลันหลั่น

ยกเว้นพ่อบ้านหอมู่ต๋า เขาต้องรีบกลับไปถ่วงเวลาไม่ให้บุตรชายของผู้ว่าเมืองจิ่วอาละวาดหนักไปมากกว่าที่เป็นอยู่

ห้องรับรองแขกสำคัญของหอมู่ต๋า

พ่อบ้านหอมู่ต๋านำทางฟ่งหลันหลั่นไปส่งยังห้องรับรองของแขกที่กำลังมีปัญหา พวกเขาเดินอยู่ตรงโถงทางเดินก็ได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายและเสียงด่าทอของคนเมา ดังทะลุออกมาถึงด้านนอก

ชั่วครู่คนทั้งสองก็มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าห้องรับรองแขกคนสำคัญ แม้ประตูยังไม่ถูกปิดออกแต่เสียงจากข้างในนั้นกลับชัดเจนมาก

พ่อบ้านหอมู่ต๋าเบือนหน้ามองฟ่งหลันหลั่นด้วยสายตากังวล

"ท่านพ่อบ้านไม่ต้องกังวล ข้ารับปากว่าจะทำให้เต็มที่ ยังไงก็อย่าลืมลงบัญชีค่าแรงให้ข้าด้วยนะ ข้าจะพยายามรั้งไว้จนกว่านายหญิงของพวกท่านจะกลับมา อ้อ! ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นด้านใน พวกท่าห้ามเข้าไปเด็ดขาด"

ฟ่งหลันหลั่นกล่าวกับพ่อบ้านอย่างฉะฉานมั่นใจ แม้ว่านางจะไม่รู้ว่านางจะยังไม่รู้สถานการณ์ด้านในตอนนี้ก็ตาม

แต่พ่อบ้านหอมู่ต๋ายังคงไม่คลายความกังวล และอดเป็นห่วงความปลอดภัยของแขกไม่ได้ เพราะเขาเองก็รู้จักสตรีน้อยผู้นี้เป็นอย่างดี

นิสัยดื้อรั้นไม่กลัวตายของนางบางครั้งก็น่ากลัวมากกว่าคนเมาข้างในเสียอีก แต่เขาเองก็ไม่มีทางเลือก

ส่วนอีกฝั่ง ภายในห้องรับรองแขกคนสำคัญของหอมู่ต๋า คุณชายซ่ง บุตรชายของผู้ว่าการเมืองจิ่วอยู่ในอาการเมามายจนแทบขาดสติ เขากำลังอาละวาดและด่าทอบรรดาสาวงามที่กำลังรายล้อมและพยายามเอาใจ แต่ก็หาได้ถูกใจเขาไม่

"เฮ้ย! ไม่ได้เรื่องกันสักคน ไสหัวออกไปกันให้หมด ไป! รีบไปตามนายหญิงของพวกเจ้ามาดูแลข้าเดี๋ยวนี้!"

แขกคนสำคัญของหอมู่ต๋าด่าสาวงามไม่หยุดปาก และพยายามเบี่ยงตัวออกจากพวกนางด้วยความรำคาญ

โดยแขกร่วมห้องอีกสองคนซึ่งยังคงวางตัวนิ่งเฉย ยกจอกสุราในมือขึ้นดื่มอย่างใจเย็นอยู่ตรงโต๊ะใกล้ ๆ กัน

ชั่วเสี้ยวเดียว บุรุษเหิมเกริมผู้นั้น ก็ยืนมือของเขาคว้ากาใส่สุราและปาลงไปบนพื้นตรงด้านหน้าทางเข้าห้อง

เพล้ง!

กาใส่สุราราคาแพงตกลงบนพื้นแตกกระจายทันที และเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ประตูถูกเลื่อนเปิดออกพอดี

ครืด...

บานประตูถูกเลื่อนเปิดออกจากด้านนอก

ผู้ที่ยืนจังก้าอยู่ตรงนั้นคือพ่อบ้านใหญ่แห่งหอมู่ต๋า

คุณชายซ่ง บุตรชายของผู้ว่าการเมืองจิ่วเห็นหน้าของเขาก็ยิ่งเกิดอาการโกรธเกรี้ยวหนักมากขึ้น เพราะถูกปล่อยให้รอนาน เขากวาดมือออกไปทางด้านข้างตัวและหยิบจอกสุราที่ล้มกลิ้งอยู่ตรงนั้น ปาเข้าใส่พ่อบ้านใหญ่อย่างฉุนเฉียวด้วยความรวดเร็ว โดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะเจ็บตัว

บังเอิญเป็นจังหวะเดียวกับที่พ่อบ้านหอมู่ต๋าขยับตัวออกไปทางด้านข้างพอดี ทำให้เป้าหมายตรงกลางนั้นเปลี่ยนไป

จังหวะนั้นเองทำให้จอกสุราที่ถูกเขวี้ยงไป พุ่งผ่านพ่อบ้านใหญ่ไป โดยหญิงงามผู้หนึ่งซึ่งยืนอยู่ตำแหน่งถัดไป ได้ยกมือขึ้นมาคว้าจอกนั้นไว้หมับ แม่นอย่างกับจับวาง

สตรีดวงหน้าเฉิดฉันงามสง่าของนางดูประดุจเทพธิดาภายใต้แสงจันทรา ในอาภรณ์สีชมพูหวานหรูปักลวดลายดอกโบตั๋นสีแดง ยืนเด่นเป็นสง่าแทนตำแหน่งที่พ่อบ้านหอมู่ต๋ายืนอยู่ก่อนหน้านี้

บุรุษผู้เมามายอาละวาดโวยวายเสียงดังก่อนหน้านี้ถึงกับตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะ ดวงตาฉายแววเคลิบเคลิ้มอย่างตื่นตะลึงในความงามตรงหน้า

ส่วนบุรุษอีกสองคนในห้องก็มีอากัปกิริยาไม่ต่างกัน หากเพียงแต่หลงอี้หลิงกับรู้สึกว่า ดวงหน้าของนางผู้นี้ช่างดูคุ้นตา

'นางผู้นั้นมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน หรือว่านางเป็นคนของหอมู่ต๋า'

แม่ทัพหนุ่มจดจำดวงตาและใบหน้าของสตรีผู้นี้ได้ ถึงแม้ว่ารูปลักษณ์ภายนอกจะเปลี่ยนไปอย่างมากก็ตาม

สาวงามผู้มาใหม่ซึ่งกำลังยืนรอคำเชื้อเชิญของลูกค้าอยู่ตรงหน้าประตูนั้น คือ ฟ่งหลันหลั่นนั่นเอง แม้จะรู้สึกขัดใจอยู่บ้างแต่นางก็ย่อตัวเล็กน้อยทำความเคารพพวกเขาด้วยท่าทีอ่อนหวาน

บุตรชายคนโตของผู้ว่าการเมืองจิ่วลุกขึ้นยืนตึงตัง ก้าวขาฉับ ๆ เดินตรงดิ่งเข้าไปโอบกอดรัดร่างสวยงามตรงประตูนั้นอย่างรวดเร็ว

เขาเผยรอยยิ้มแสยะและแววตาคู่นั้นราวกับสัตว์ป่าหิวกระหาย จู่โจมลวนลามนางอย่างบ้าคลั่งโดยไม่สนใจผู้คนในห้องนั้น

ฟ่งหลันหลั่นฝืนเอี้ยวตัวหลบออกจากเขาได้อย่างแนบเนียน และแสร้งเดินหนีเขาทำทีพูดจาหยอกล้อ

หลงอี้หลิงนั่งสงบนิ่งอยู่นาน ลุกขึ้นเดินเข้าไปช้อนรับตัวสาวงามเอามาโอบกอดไว้ในอ้อมแขนพร้อมกับยื่นจอกสุราในนางดื่ม

ใบหน้างามน่ารักของสตรีน้อยปรากฏแววว้าวุ่นงุนงงฉายขึ้น ก่อนที่จะพยายามดึงตัวเองให้หลุดจากเขา แต่อีกฝ่ายกลับโอบรัดแน่นยิ่งขึ้น

แม่ทัพหนุ่มเผยยิ้มอ่อนอย่างแยบยลให้กับสาวงามในอ้อมแขน พร้อมทั้งกล่าวขึ้นกับบุรุษผู้ร่วมดื่มสุราอย่างชัดถ้อยชัดคำ

"คุณชายซ่ง ข้าถูกใจสาวงามผู้นี้ยิ่งนัก หากท่านไม่ว่ากระไร คืนนี้ให้นางอยู่ดูแลปรนนิบัติข้าทั้งคืนจะได้หรือไม่"

สำหรับบุตรชายของผู้ว่าการเมืองจิ่ว แม้ว่าจะอยู่ในอาการเมามายจนแทบขาดสติ แต่พอได้ยินคำกล่าวนั้นแขกร่วมวงดื่มสุรา ซึ่งน้ำเสียงราบเรียบของอีกฝ่ายนั้นมิใช่การร้องขอ หากแต่แฝงไว้ซึ่งความเข้มดุดัน แกมออกคำสั่ง

"ได้! ข้าเป็นลูกผู้ชายพอ หากว่าคุณชายชื่นชมพอใจสาวผู้นี้ ข้ายกให้ท่าน เราสองคนก็เหมือนพี่น้อง ของของข้าก็เหมือนของท่าน!"

แม้นว่าจะเสียดายมากแค่ไหน บุรุษผู้ปากดีก่อนหน้านี้ก็ต้องจำใจยอมยกสาวงามให้กับแขกของตน เพื่อรักษาสายสัมพันธ์

ซึ่งนั่นก็เป็นสิ่งที่แม่ทัพหนุ่มคาดหวังไว้

พวกเขาร่วมดื่มสุราพูดคุยสังสรรค์กันต่ออยู่พักใหญ่ แม่ทัพหนุ่มก็ขอตัวพาสาวงามกลับไปเชยชมต่อยังห้องของเขา โดยอ้างว่าตัวเองแทบจะอดกลั้นใจไม่ไหวกับความงามอันน่าอภิรมย์ตรงหน้า

สตรีน้อยตั้งใจจะช่วยเหลือหอมู่ต๋าให้พ้นภัย แต่นางกลับต้องมาเผชิญกับมันเสียเองหรือนี่

หลังจากที่ทั้งสองคนเดินหายเข้าไปในห้องตามลำพัง ท่าทีของแม่ทัพหนุ่มก็เปลี่ยนไป เขาเดินไปนั่งลงบนโต๊ะกลางห้อง พร้อมกับรินชาลงใส่ถ้วยและยกขึ้นดื่มอย่างใจเย็น

"เจ้าไม่ต้องหวาดกลัวข้าขนาดนั้น หากเพียงแต่เจ้าคงต้องอยู่ในห้องนี้กับข้าทั้งคืน ถ้าเจ้ารับปาก หลังจากพรุ่งนี้เช้าเป็นต้นไป จะไม่มีผู้ใดกล้ามาหาเรื่องหอมู่ต๋าแห่งนี้อีก"

ฟ่งหลันหลั่นยังคืนยังนิ่งอยู่ตรงประตูห้อง นางเริ่มสับสนและรู้สึกกลัวในท่าทีของบุรุษแปลกหน้าผู้นี้ แม้เขาจะดูสุขุมสงบนิ่ง แต่แววตากลับเย็นชาแฝงไว้ด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ต้องยำเกรง อีกทั้งรังสีที่แผ่ออกมาจากตัวเขาไม่เหมือนกับบุรุษทั่วไปที่นางเคยพบเจอมา

"ข้าจะมั่นใจได้เช่นไรว่าท่านจะไม่หลอกลวงข้า"

สตรีน้อยย้อนถามอย่างฉะฉาน เพราะหากต้องอยู่ลำพังกับบุรุษในยามวิกาลเยี่ยงนี้ เป็นธรรมดาที่ยากต่อการเชื่อใจ แถมหอมู่ต๋าคือสถานเริงรมย์หาใช่โรงเตี๊ยม

แม่ทัพหนุ่มวางถ้วยชาในมือลงบนโต๊ะ และลุกขึ้นเดินไปยังเตียงนอนผืนใหญ่

"ตามใจเจ้า หากเจ้าจะออกไปหาคุณชายผู้นั้นก็เชิญ...แต่ข้าง่วงแล้ว ยังไงก็ช่วยดับเทียนและปิดประตูให้ข้าด้วย" เขากล่าวเสียงเย็นชา พร้อมกับเอนหลังทิ้งตัวนอนลงบนเตียงฝั่งด้านนอก

'ใครจะโง่เขลาออกไปหาเจ้าบ้ากามนั้นกันล่ะ'

ฟ่งหลันหลั่นตอบคำถามบุรุษผู้นั้นในใจ และพลันเปลี่ยนสีหน้าท่าทีของตัวเองต่อเขาอย่างฉับไว

"เช่นนั้นเชิญคุณชายพักผ่อนตามสบาย เดี๋ยวข้าจะนอนที่โต๊ะตรงนี้เอง" เมื่อกล่าวจบฟ่งหลันหลั่นก็เดินไปยังโต๊ะตรงกลางพร้อมกับก้มเป่าเทียนตรงหน้าให้ดับลง

แสงสว่างจากด้านนอกของห้องมีจำนวนมาก ทำให้ด้านในพอจะมีแสงสลัวให้มองเห็นได้ราง ๆ และในขณะที่กำลังจะนั่งลงบนเก้าอี้ สตรีน้อยก็ต้องตกใจ

ว้าย!

หลงอี้หลิงได้เข้ามาช้อนตัวนางอุ้มขึ้นไปวางลงบนเตียงผืนใหญ่ฝั่งด้านใน และทิ้งตัวลงบนเตียงข้างกายนางอย่างรวดเร็ว

ฟ่งหลันหลั่นมีหรือจะยอมนอนร่วมเตียงกับบุรุษแปลกหน้าที่ไม่รู้จัก เพราะนั่นคือเรื่องอันตรายยิ่งนัก หากไม่ระวังมีหวังต้องพลาดพลั้งเสียทีแน่

นางจึงพยายามจะปีนข้ามตัวเขาเพื่อลุกออกจากเตียง

ทั้งสองออกแรงยื้อยุดขัดขืนกันอยู่ครู่ใหญ่

แต่สุดท้ายสตรีน้อยก็พ่ายแพ้ต่อพละกำลังของบุรุษ แถมเขายังอ่าน ทุกการเคลื่อนไหวของนางออกได้อย่างง่ายดาย

ตอนนี้แม่ทัพหนุ่มกำลังนอนโอบกอดรัดร่างอรชรไว้ในอ้อมแขนอยู่บนเตียงนอนอย่างแนบแน่น พร้อมกล่าวกับนางด้วยน้ำเสียงเข้มดุดัน

"ถ้าเจ้าไม่อยากนอนนิ่ง ๆ พวกเราจะเล่นสนุกนับเดือนนับดาวและต่อจากนั้นก็ร่วมอภิรมย์กับข้าต่อก็ได้นะ ข้าไม่ถือ"

ทั้ง ๆ ที่เป็นคำกล่าวประชดประชันจากเขาแต่กลับแฝงน้ำเสียงกระเซ้าเย้าแหย่ไว้ด้วย

แม้นว่าฟ่งหลันหลั่นจะมองเห็นหน้าของเขาไม่ชัดเจน แต่สถานการณ์ของนางตอนนี้มิสามารถจะขัดขืนสิ่งใดได้

แผงอกหนาและกำยำที่ดวงหน้าของนางซุกอยู่ ผนวกกับจมูกที่สัมผัสได้กลิ่นกายและความอบอุ่นของบุรุษผู้นี้ มันทำให้ความรู้สึกของสตรีน้อยในวัยแรกแย้มหวั่นกลัวและตื่นตะลึงในใจยิ่งนัก

นางได้แต่นอนตัวแข็งทื่อและไม่พูดจาสิ่งใดต่อ ราวกับนั่นคือคำตอบ

น้ำเสียงของแม่ทัพหนุ่มที่กล่าวออกมาดังไกลออกไปถึงข้างนอกห้อง แม้แต่เข่อลั่วคนสนิทได้ยินเช่นนั้น ก็ถึงกับตาลุกโพลงขึ้นและหันหลังขวับมองเข้าไปในห้องด้านในทันที

"นายน้อยถูกใจแม่นางคนนี้จริง ๆ อย่างกระนั้นหรือ ข้าก็นึกว่าเขาจะไม่ชอบสตรีเสียอีก ถ้าเหล่าฮูหยินรู้เรื่องนี้คงดีใจมากเป็นแน่แท้"

เข่อลั่วซึ่งกำลังคอยคุ้มกันภัยให้กับนายของตนอยู่หน้าห้อง

ณ เพลานี้เขากับดูมีความสุข ยืนน้อยยิ้มใหญ่อย่างตื่นเต้นกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นภายในห้องทางด้านหลัง จินตนาการในหัวได้เตลิดไปไกลเกินกว่าความเป็นจริงมากยิ่งนัก

พบกันครั้งแรก คือ บังเอิญ

พบกันครั้งที่สอง อาจเป็นเวรกรรมที่ตามติดกันมา

แต่หากพบกันอีกคราในครั้งที่สาม คงต้องมิแคล้ว มีวาสนาสัญญาผูกพันต่อกันในชาติภพ

....

เซียงไค 盛開

การสร้างสรรค์งานเป็นเรื่องยาก ส่งกําลังใจให้กันด้วยนะ!

มีความเห็นเกี่ยวกับนิยายเรื่องนี้ใช่รึเปล่า คอมเมนต์มาได้เลยไรต์อยากฟัง

Anastazia23_Bosscreators' thoughts
Next chapter