ในอดีตอันเจ็บปวดของดาวสีน้ำเงินที่เคยถูกเรียกขานว่าโลก ดาวเพียงดวงเดียวในระบบสุริยจักรวาลที่สิ่งมีชีวิตสามารถอาศัยอยู่ได้
แต่น่าเสียดายที่โลกไม่อาจมีชีวิตผ่านพ้น 5000 ล้านปี ก็ต้องเสื่อมสลายกลายเป็นดาวร้างเพียงเพราะความโลภโมโทสันของสิ่งมีชีวิตที่เรียกตัวเองว่าเป็นจุดสูงสุดแห่งห่วงโซ่อาหาร 'มนุษย์'
มันเริ่มตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 21 เป็นต้นมา สงครามโลกที่อุบัติขึ้นจากครั้งนั้นมันก่อร่างสร้างความแตกแยกให้เกิดสงครามตามมาอีกนับไม่ถ้วนจากความโลภอันไร้ที่สิ้นสุดของกลุ่มคนเพียงไม่กี่คน สันติที่ไม่อาจบังเกิดในตอนนั้นทำให้ในที่สุด 400 ปีหลังจากนั้น ดาวสีน้ำเงินที่เคยงดงามก็กลายสภาพเป็นเพียงดาวร้างที่ไม่อาจอยู่อาศัยเพราะสารกัมมันตภาพรังสีที่ปลิวคลุ้งปกคลุมไปทั่วทั้งโลกจากระเบิดนับร้อยลูกทำลายล้างจนไม่เหลือสิ่งใดอีก
เพียงไม่นานหลังจากนั้น ทุกอย่างสิ้นสูญเฉกเช่นยุคดึกดำบรรพ์ที่ไดโนเสาร์สูญพันธุ์ แม้แต่มนุษย์เองก็ไม่อาจมีชีวิตรอดในกลียุคนี้ นั่นแหละสันติจึงเกิดขึ้น เมื่อโลกไม่อาจอยู่อาศัยแล้วนับถอยหลังสู่วันสิ้นสลาย มนุษย์กลุ่มสุดท้ายที่รอดพ้นจากมหันตภัยนี้ก็ได้อาศัยวิทยาการที่ยังไม่สมบูรณ์นักโยกย้ายไปยังดวงดาวไกลโพ้นที่อาจอยู่อาศัยได้
ยานลำเลียงทำหน้าที่แทนเรือโนอาห์จำนวนหนึ่ง ลอยเคว้งคว้างในอวกาศนานปี เพราะไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาขนาดไหน ผู้รอดชีวิตจึงแช่แข็งร่างของตัวเองไว้เพื่อให้สามารถคงสภาพได้เมื่อถึงบ้านใหม่ และเพื่อปกป้องทุกความทรงจำ ทุกอย่างจึงถูกแบ็คอัพเอาไว้ในรูปแบบตัวเลขดิจิตอล
ผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่อาจรู้ ในที่สุดยานโนอาห์ที่แทบไม่เหลือเชื้อเพลิงก็ร่วงลงสู่ดาวดวงใหม่ที่มีดวงจันทร์ดวงยักษ์เป็นบริวาร โชคดีที่ดาวดวงนี้มีอากาศและแหล่งน้ำที่น่าจะเพียงพอต่อการดำรงชีวิตแม้มันจะเต็มไปด้วยฝุ่นพิษก็ตามที และเพราะดาวดวงใหม่นี้อยู่ห่างจากดาวฤกษ์ของมันมากเกินไปทำให้บรรยากาศของมันคล้ายช่วงเวลาพระอาทิตย์ตกดินบนโลกใบเก่า
ดาวดวงใหม่ร้างไร้ ว่างเปล่า เต็มไปด้วยฝุ่นผง อิฐ ดินแดง และเถ้าธุลี ท้องทะเลสีโคลนจนราวกับร้างไร้ลมหายใจแห่งชีวิต แม้แต่พยับเมฆฝนบนฟ้า ยังกลั่นออกมาเป็นสีแดงดั่งโลหิต ดู 'ไร้ซึ่งความหวัง' อาจถือได้ว่าเป็นนิยามของดาวใหม่ดวงนี้
ร้ายกว่านั้น คือ เมื่อเหล่ามนุษย์ลืมตาตื่นขึ้นมาจากหลับใหลที่ยาวนาน กลับไม่อาจทนต่อสภาพที่เป็นพิษบนดาวดวงใหม่ มนุษย์กลุ่มแรกที่เหยียบพื้นดาว เพียงไม่นานก็ล้มป่วยและตายลงในเวลาเพียงไม่กี่ปี
แม้บนยานจะมีการขนปัจจัยสี่มาจำนวนหนึ่งเท่าที่ยังพอหลงเหลืออยู่ในโลกเก่า แต่ของจำพวกเวชภัณฑ์ของโลกกลับไม่อาจรักษาอาการป่วยไข้ ที่นับเป็นเชื้ออุบัติใหม่ มนุษย์ไม่อาจอดทนบนผืนดาวจึงจำต้องอาศัยแต่บนยานที่เชื้อเพลิงกำลังจะหมด พวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากทำทุกวิถีทางที่สามารถทำได้เพื่อต่ออายุของพวกตนบนดาวดวงนี้ บนดาวใหม่
ผู้คนกว่าครึ่งล้มตาย ดวงดาวนี้ช่างโหดร้ายราวกับไม่ยินยอมให้พวกเขาได้ชนะ แต่ด้วยอัตตาอันเป็นอัตตาลักษณ์เฉพาะของเผ่าพันธุ์ มนุษย์จึงดิ้นรนทำทุกวิถีทาง เพื่อให้เผ่าพันธุ์อยู่รอด เพื่อเอาชนะธรรมชาติอันโหดร้ายกลุ่มนักวิทยาศาสตร์จึงตัดสินใจทดลองทำบางสิ่งขึ้นมา ขั้นแรกคือทำการฟื้นฟูความพิกลพิการของดีเอ็นเอที่ต้องบกพร่องไปเพราะฤทธิ์ร้ายของสารกัมมันตภาพรังสี จากนั้นก็ทำการทดลองโคลนนิ่งมนุษย์สายพันธ์ุใหม่ วิวัฒน์ให้มันกลายพันธุ์ไปสู่จุดที่ความพิการคุดทะราดไม่สามารถทำอันตราย โดยการผสมเข้ากับยีนที่เกี่ยวข้องกับการปรับตัวอันเยี่ยมยอดเพื่อความอยู่รอดของสัตว์ป่า
แน่นอนว่าการทดลองช่วงแรกเต็มไปด้วยอุปสรรคและความล้มเหลว แต่เมื่อสู้จนหลังชนฝาอย่างไม่ยอมแพ้ ในที่สุดก็สามารถสร้างมนุษย์สายพันธุ์ใหม่กลุ่มแรกขึ้นมาได้สำเร็จ
ยุคแห่งมนุษย์กลายพันธุ์เริ่มต้นขึ้นจากตอนนั้น ยุคแห่งการผนวกยีนเด่นของมนุษย์และสัตว์เข้าด้วยกัน ทั้งฉลาดและทรงพลัง ยีนของสัตว์ที่ถูกคัดเลือกให้ผสมยีนกับมนุษย์นั้นมีหลากหลายเท่าที่จะสามารถเฟ้นหาได้ จนสามารถสร้างออกมาได้หลายสายพันธุ์ ในจำนวนนี้มีอยู่ 4 สายพันธุ์ที่ถือว่าประสบความสำเร็จในการสร้างพันธุกรรมใหม่ที่สุด จนถูกเรียกขานกันว่าจตุรราชา ได้แก่ หมาป่า จระเข้ เหยี่ยว และ งู โดยทั้งหมดล้วนเป็นสายพันธุ์สัตว์นักล่าที่มีสัญชาตญาณดิบในการล่าเพื่อเอาตัวรอดเข้าขั้นยอดเยี่ยม ที่นอกจากความแข็งแกร่งในด้านการปรับตัวและวิวัฒนาการแล้ว ความเฉลียวฉลาดและสัญชาตญาณก็ถูกวิวัฒน์จนเหนือกว่าบรรพบุรุษ
โดยทั้งสี่กลุ่มที่ถือว่าเป็นราชาของเหล่ามนุษย์กลายพันธุ์นี้ล้วนมีทักษะพิเศษที่ติดตัวมาเช่น
มนุษย์หมาป่า มีทักษะทางการต่อสู้ เคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่ว รวดเร็วว่องไว กระโดดสูง กรงเล็บทรงพลังและมีอำนาจในการสะกดใจผู้อื่น
มนุษย์จระเข้ มีทักษะในการพรางตัว และทรงพลัง
มนุษย์เหยี่ยว แม้ไม่ได้มีปีกงอกออกมาอย่างสายพันธุ์ตั้งต้น แต่ยังคงไว้ซึ่งสายตาที่เป็นเลิศ กระโดดได้สูง และคล่องแคล่ว
มนุษย์งู มีทักษะในการล่า และมีความฉลาดในการควบคุมสิ่งมีชีวิตอื่น
มนุษย์กลายพันธุ์ถูกพัฒนาจนแข็งแกร่ง จนดูเหมือนว่าหน้าประวัติศาสตร์ของพวกเขาเหล่านั้นจะยั่งยืนไปอีกนานแสนนานจวบจนหลายร้อย หลายพันปี พวกเขามั่นใจเหลือเกินว่า ด้วยความแข็งแกร่งของยีนเด่นนี้ จะสามารถถ่ายทอดสู่รุ่นต่อรุ่น ชั่วลูกสืบหลาน
ทว่าความน่ายินดีนั้นก็อยู่ได้ไม่นาน ข่าวร้ายปรากฏขึ้นอีกครั้งหลังมนุษย์กลายพันธ์ุชุดแรกประสบความสำเร็จ นั่นคือพวกเขากำลังก้าวเข้าสู่วิกฤตแห่งการสูญพันธ์ุอันเนื่องมาจากการสูญเสียเพศเมีย!
ในขณะที่เพศผู้มีวิวัฒนาการที่น่าพึงใจ เพศเมียกลับอ่อนด้อย เพราะการวิจัยพัฒนาที่หมายจะให้มีเพียงผู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้นถึงจะอยู่รอด ทำให้สัตว์บางชนิดต้องหายไป รวมถึงเพศเมียที่ในที่สุดต้องสูญพันธุ์ไปอย่างไม่ทันตั้งตัวด้วยผลพวงที่เกิดจากการพัฒนาที่ลืมคำนึงถึงยีนที่อ่อนแอของเพศเมีย
โดยเพศเมียชุดสุดท้ายได้ตายจากไปพร้อมกับการให้กำเนิดเหล่ามนุษย์กลายพันธุ์ชุดแรกนั่นเอง
แม้การโคลนนิ่งจะให้ผลไม่ต่าง แต่อารยธรรมที่ต้องสานต่อจำเป็นต้องมีการสืบสันดานทางสายเลือดไม่ใช่เพียงในหลอดทดลอง และเรื่องที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นคือพวกเขาไม่อาจโคลนนิ่งเพศเมียให้เติบโตขึ้นมาได้บนดาวดวงนี้ ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหน
หากไม่มีเพศเมีย เผ่าพันธุ์ก็ไม่อาจอยู่รอด พวกเขาพยายามคิดและคิด วิจัยและทดลองสารพัดวิธีที่จะสามารถฟื้นคืนเพศเมียให้กลับมาในระบบนิเวศน์ แต่ถึงจะพยายามมากเท่าไหร่ก็เหมือนจะสูญเปล่าไปเสียทั้งหมด ในสิ่งแวดล้อมที่เลวร้าย ยีนของเพศเมียสลายไปตลอดกาล การได้รับรู้ถึงสิ่งนั้นทำให้พวกเขาสิ้นหวังและพังทลาย แม้แข็งแกร่งหรือมีอายุยืนยงเพียงใด ในวันหนึ่งสังขารก็ต้องโรยรา หากจะต้องหายไปโดยที่ไม่ได้ทิ้งเมล็ดพันธุ์แห่งความยิ่งใหญ่เอาไว้เลยแบบนี้ สู้ตายไปเสียให้พ้นตั้งแต่ยุคสงครามไม่ดีกว่าหรือ?
แต่ในช่วงเวลาที่สิ้นหวังก็ยังมีแสงสว่าง เพราะอีกไม่กี่สิบปีต่อมาพวกเขาก็สามารถสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ขึ้นมาทดแทนความสูญเสียได้ทันเวลา มันคือความจริงที่เพศเมียไม่อาจสร้างใหม่ขึ้นมาได้อีก แต่ในที่สุดแล้วพวกเขาก็ได้สร้างเพศผู้ที่สามารถตั้งครรภ์ได้ขึ้นมา แม้สภาพแวดล้อมพื้นที่หรือแม้แต่ทรัพยากรจะไม่เอื้ออำนวยก็ตาม
มนุษย์กลายพันธุ์เพศผู้ที่สามารถตั้งครรภ์ได้ ถือเป็นเพชรล้ำค่าที่ทั้งเผ่าจะพยายามรักษาปกปักเอาไว้ด้วยชีวิต เพราะความดีใจนั้นมันไม่ง่าย ร่างทดลองต้นแบบแม้จะแข็งแรงแค่ไหน พอถูกปลูกถ่ายยีนเพศเมียเข้าไป ก็พาลอ่อนแอและอายุขัยสั้นกันไปเสียหมด ให้ทายาทได้เพียง 1 คนต่อ 1 ชีวิตเท่านั้น การพัฒนาต่อไปจึงเป็นเรื่องที่จำเป็น ถึงแม้จะยากเย็นแค่ไหน
และในที่สุด ร่างสมบูรณ์ของร่างแม่เพศผู้ก็ถูกสร้างขึ้นมาได้สำเร็จ และสามารถถ่ายทอดความสามารถในการตั้งครรภ์ผ่านทางพันธุกรรมแบบสุ่มได้ราว ๆ 10 เปอร์เซ็นต์ แม้ไม่อาจทรงพลังได้อย่างเพศผู้ยีนปกติ แต่ก็มีความแข็งแรงพอที่จะสร้างทายาทได้มากกว่าหนึ่ง
แรกเริ่มร่างแม่ถูกสร้างขึ้นมา 4 คน สำหรับ 4 เผ่าพันธุ์ที่เป็นราชาก่อน โดยแต่ละเผ่าพันธุ์จะเรียกต่างกันออกไป เช่น
มนุษย์จระเข้ จะเรียกว่า วิลา
มนุษย์เหยี่ยว จะเรียกว่า แองเจิล
ของมนุษย์หมาป่า เรียกว่า โอเมก้า
และของมนุษย์งูผู้เป็นราชา จะเรียกว่า เซอร์เพน
เมื่อประสบความสำเร็จจึงเริ่มสร้างร่างแม่ของเผ่าพันธุ์อื่น ๆ ขึ้นมาบ้าง
พวกเขาก้าวข้ามปัญหาอย่างทรหดต่อเนื่อง โดยเฉพาะการสร้างร่างแม่ที่สมบูรณ์ เพราะความยากเย็นในการสร้างที่มีแนวโน้มว่าจะยากขึ้นเรื่อย ๆ ตามความแข็งแกร่งของยีนเพศผู้ที่แข็งแรงขึ้นจนไม่อาจปรับเปลี่ยนได้ง่าย ทำให้ร่างแม่ที่เป็นยีนสมบูรณ์นั้นหายากเสียยิ่งกว่าเพชร โดยเฉพาะรุ่นที่ถัดจากรุ่นแรกที่แทบไม่มียีนของร่างแม่เลยจนกลับไปเป็นเพศผู้เกือบ 100 เปอร์เซ็นต์
การสืบเผ่าพันธุ์จึงเป็นไปอย่างกระท่อนกระแท่น ในเมื่อร่างแม่ร่างสมบูรณ์หายากยิ่งกว่าการงมเข็มในมหาสมุทร หน้าที่นั้นจึงเป็นของ ร่างแม่ยีนกลายที่ต้องเสี่ยงชีวิตในการตั้งครรภ์กันทุกครั้ง บ้างโชคดีก็รอด บ้างโชคร้ายก็ตาย
ผ่านสิบปี ผ่านร้อยปี ในขณะที่วิวัฒนาการการสืบทายาทเป็นไปอย่างเชื่องช้า แต่การสร้างโลกใหม่กลับรุดหน้าไปรวดเร็วกว่า เมล็ดพันธุ์ของพืชจากโลกมนุษย์ดูเหมือนจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่แข็งแรงที่สุดในธรรมชาติ เพราะแม้ดินที่ดาวดวงใหม่จะไม่ได้สมบูรณ์แต่เพียงเท่านั้นก็เพียงพอให้เหล่าเม็ดพันธุ์เจริญเติบโต
จากหนึ่งเป็นสอง จากสองเป็นป่าย่อม ๆ แม้ต้นไม้หลาย ๆ สายพันธุ์ของโลกจะไม่ได้ประสบความสำเร็จบนดาวใหม่ แต่ต้นไม้ใหญ่บางชนิด กับพืชผักจำพวกหัวที่กินได้กลับไปได้สวย
โดมแก้วขนาดมหึมาถูกสร้างขึ้นเพื่อครอบทับอาณาจักรของพวกเขาบนดาวดวงใหม่เพื่อปกป้องจากอากาศที่เป็นพิษด้านนอก พวกเขาสร้างสิ่งแวดล้อมขึ้นใหม่ในโดมแก้วนั้นเพื่อให้ทุกคนสามารถอยู่รอดได้
แม้การเติบโตในด้านจำนวนพลเมืองจะเชื่องช้าที่แม้ผ่านไปกว่า 500 ปีแล้วตั้งแต่ลงมาเหยียบที่ดินแดนนี้ ประชากรเรือนพันที่ขนมาบนยานโนอาห์กลับเพิ่มขึ้นมาได้เพียงหลักแสนต้น ๆ แม้จะมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นในช่วงปีหลัง ๆ ก็ยังถือว่าเชื่องช้ามากอยู่ดี
และเมื่อนิคมมนุษย์ถูกสร้างขึ้น ระบบการจัดวางระเบียบจึงจำเป็นต้องทำออกมาอย่างเป็นรูปธรรม แม้สัญชาตญาณของยีนสัตว์ป่าในร่างกายจะช่วยจัดระเบียบอย่างเป็นธรรมชาติไว้แล้ว แต่พวกเขาก็ได้จัดทำระบบการปกครองอย่างที่มนุษย์ควรเป็นออกมาด้วย เหล่าผู้อ่อนแอถูกปกครองและปกป้องจากผู้แข็งแกร่ง โดยมีเผ่าพงศ์ของจตุรราชาเป็นผู้นำอยู่บนจุดสูงสุด
การครองในโดมแก้วแบ่งออกเป็นสี่เขต
เขตเหนือขึ้นกับราชาหมาป่า
เขตใต้ขึ้นกับราชาจระเข้
เขตตะวันออกขึ้นกับราชาเหยี่ยว
และเขตตะวันตกขึ้นกับราชางู
ระบบการปกครองแบบรวมอำนาจเบ็ดเสร็จไว้ที่ส่วนกลาง โดยมีกลุ่มของราชาทั้ง 4 เผ่าพันธุ์เป็นผู้ควบคุมอำนาจสูงสุด
แม้การทำแบบนี้จะเป็นไปเพื่อคานอำนาจของกันและกันไม่ให้กลุ่มก้อนของใครคนใดคนหนึ่งได้ผลประโยชน์ ทว่าเมื่อใดที่มนุษย์ อำนาจ และการเมืองอยู่รวมกัน เมื่อนั้นก็ไม่อาจปฏิเสธว่าการคอร์รัปชันย่อมผลิดอกออกผลงอกเงย