สองปีหลังจากเหตุการณ์ หลังจากการล้มลงของตัวโดมิโน่ 781 มันได้ผลกับทุกคนที่อยู่ในห่วงโซ่ ทั้งความงดงามและความตาย
เบนสะดุ้งตื่นบนเตียงด้วย อำนาจเครื่องมือที่ควบคุมชีวิตของแม่คือเทคโนโลยีของโรงพยาบาลกับอุปกรณ์การแพทย์ พวกเราลงโทษคนจนและยกระดับคนรวย ผ่านข้อมูลและนักวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีจะเข้าถึงทุกคนแต่จะเข้าถึงคนรวยก่อนความเหลื่อมล้ำทางสาธารณสุขมากขึ้นเป็นความปกติ ผลลัพธ์ของการครอบครองสกุลเงินเดียวจะทำให้เข้าโรงพยาบาลที่ดีในประเทศนั้นได้ ตอนนี้เบน ภาคทั้งสองคนนั่งเก้าอี้ข้างเตียงผู้ป่วย และเมษาที่อยู่บนเตียง คานไปโรงเรียนในวันนี้หลังจากที่ไม่ได้ไปมาหนึ่งอาทิตย์
ผู้ป่วยในห้อง 1415 ทางร่างกายในห้องผิวสีครีม กับเครื่องช่วยหายใจ เมษาแม่ของเบนอยู่ในอาการโคม่า เมษาหลับอยู่และมีแค่เบนและภาคนอนไปการสะดุ้งตื่นของเสียงชีพจร ทั้งสองคนไม่ได้พักผ่อนเพียงพอ พวกเขากังวลกับการตื่นของเมษา เขากลัวเธอไม่เจอใครอยู่ในห้อง ทุกคนรู้ดีว่าความว้าเหว่ของสายสัมพันธ์กับความทรงจำจะเหลืออยู่แค่ไม่กี่ประโยคและคุณค่าของชีวิตตัวเองจะหายไป หากคนที่จำเรื่องของเราได้ไม่สามารถเล่าเรื่องของเราได้แล้วเบนคิดแบบนั้นขณะปวดตาและเจ็บหลังกับการนอนบนเก้าอี้
เบนไม่สามารถอ่อนข้อต่อความกลัวไปกับการผิดหวังได้ มือซ้ายเบนลูบหน้าพร้อมขยี้ตา บ้องตื้นชะมัดเบนเชื่อมโยงภาษาแล้วบอกกับตัวเอง เครื่องมือการแพทย์ทั่วไปได้แค่พยุงอาการ เป็นแบบนี้ต่อไปแม่อาจไม่ตื่นขึ้นมา เราไม่เคยเข้าถึงพันธุกรรมบำบัดเลยเสียด้วยซ้ำโรคบางโรคเกิดจากพันธุกรรม การรักษาด้วยความเข้าใจที่ยีนมั่นคงกว่าการผ่าตัดเพื่อพยุงอาการชั่วคราว เบนเป็นกำปั้นของความแค้นต่อระบบการแพทย์ ราวกับเป็นวัฒนธรรมแห่งบาป ความกังขาต่อความตายเป็นเข็มทิศมาตลอดของชีวิตเบนว่าใครควรถูกพิพากษาสิ่งที่เหลือต่อจากนั้นเป็นความคลางแคลงใจต่อระบบชีวภาพของตัวเอง บางทีการรักษาก็มาก่อนโรคและยาพิษก็อยู่ในพันธุกรรม ระบบทางเดินหายใจของเมษาไม่ได้ยืดเยื้อได้ขนาดนั้น
พวกเราแพ้ใจตัวเองได้ง่ายและพร้อมจ่ายราคาของชีวิต ค่ารักษาโรงพยาบาลเอกชนจะตามมาเวลาออกจากโรงพยาบาล หมอเดินเข้ามาจดเอกสารปลายเตียงแล้วก่อนจะพูดให้ภาคและเบนฟัง
"คุณพ่อดนัยอยู่ในโบสถ์ แค่กดปุ่มเรียกถ้าต้องการ" ที่นี่มีพระสำหรับศาสนาคริสต์
เบนเงยหน้ารับทราบพร้อมกับภาค ภาคนั่งกุมมือประสานทาบปาก ภาคพยายามยอมรับความจริง เบนสังเกตถึงความเครียดของภาค "นายกินอะไรครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่"
"อะไร" ภาคสะดุ้งก่อนหันหน้าไปหาเบน
"อาหาร ได้กินอะไรบ้างมั้ย"
"ไม่เป็นไร" ภาคตอบ
"เอาน่าภาค ไปยืดเส้นยืดสาย สูดอากาศแล้วหาอะไรกิน" เบนสะดวกที่จะดูเมษาที่นี่เขากังวลกับภาค
"อยากกินแซนด์วิชเนี่ยนะ" ภาคถามย้ำกับเบน
"แค่คิดหน่ะ" เมษากำลังหลับอยู่ระหว่างเขาทั้งสอง แม่ดูไม่จืดเลยสำหรับเบน
"จำตอนผมเชิญโจ กับดิวมาวันเกิดแม่ได้มั้ย เรื่องเต้นตลกชะมัด เป็นคืนที่สนุกชะมัด"
"จำได้แค่ทั้งครอบครัวต้องทำความสะอาดที่นายทำเละทิ้งไว้ และเมษาต้องทิ้งงานวันเกิดตัวเองเพื่อไปส่งคนพวกนั้น"
เบนสำนึกผิด กลืนน้ำลาย "จริง ๆ นะภาคคุณจำเป็นต้องกินอะไรบ้าง แค่ไม่กี่นาทีแม่รอได้น่านี่มันสามวันมาแล้วนะ ไปกันเถอะ"
"เบน นายอยากกิน ก็ไปกิน"
"ซีซ่าสลัด พร้อมเบคอนไม่เอาเกรียม โอเคนะ เดี๋ยวกลับมา"
เบนหันหลังกลับไปจากภาคและเมษา ภาคกำลังเครียดเรื่องลมหายใจของเมษา เขานั่งรอสักพักกว่าตัวเองจะสะอึกและร้องไห้ออกมา ภาคละอายใจตัวเองกับความสุขที่เคยมี
เมษาไอครอกออกมา เธอตื่นขึ้นหลังจากที่แวะเวียนทริปหรรษาของการหลับ
ภาคโน้มตัวจากเก้าอี้มาที่เตียง "คุณ คุณ" ภาคเรียกเมษาพร้อมมือจับแขนเตือนสติเมษาและให้เธอรับรู้ว่าเขาอยู่ตรงนี้
"เบนเหรอ?" เมษายังไม่ได้สติเธอแค่ตื่นขึ้นเธอแค่รับรู้ผ่านเสียง
"ไม่เมษา นี่ฉันเอง" ภาคเรียกตัวเอง
"เบน" เมษาเรียกเบนอีกครั้ง ดวงตาเธอยังไม่เปิด ลมหายใจหอบกับความเสียหายของร่างกายเสียงเรียกเบนยาว
"ไม่เมษา นี่ฉ…" เสียงตู๊ดดด ยาวกับการดับสูญไปชีพจรของเมษาแทรกก่อนที่ภาคจะพูดจบประโยค
เมษาหลับตาลง เพียงครู่หนึ่งเหมือนหลับลง พร้อมกับคลื่นชีพจรที่นิ่งเงียบ ภาครับรู้การจากไปแบบที่ตัวเขาเองไม่พร้อม พยาบาลเปิดประตูเดินเข้ามาปิดเสียงเครื่องวัดชีพจรทันที นิ้วมือของพยาบาลตรวจการสูบฉีดเลือดจากหัวใจ นิ้วมือดังกลับมา ภาคมีคำถาม
"เธอไปแล้วเหรอ" ชายข้างเตียงผู้เฝ้ารอถาม
"เสียใจด้วยค่ะ เธอมีคำสั่งปฏิเสธการกู้ชีพ" พยาบาลพูดย้ำกับภาค "ลูกชายเขาอยู่ในอาคารรึเปล่า เราใช้อินเตอร์คอมได้"
"ไม่" ภาคตอบทันที เขารู้สึกว่าเบนไม่ได้ให้ความสำคัญกับเมษามากพอเสียด้วยซ้ำ
พยาบาลรับทราบและหันไปปิดเครื่อง "คุณภาค มีใครที่คุณอยากให้เราโทรหารึเปล่า"
"ไม่" ภาคถอนหายใจ
อีกสิบห้านาทีถัดมา เบนกลับมาเดินเข้าไปในห้องเปิดประตูเข้าไปทั้ง ๆ ที่ภาคนั่งอยู่อีกทางเดินหนึ่งของอาคาร เบนไม่เจอแม่ตัวเองในห้องนั้น เขาเดินไปหาพยาบาลที่แผนก "นี่คุณ" เบนไม่เจอใคร เขาหันตัวกลับมาเจอภาคนั่งอยู่ปลายทางในมือที่ถือถุงสลัด "ภาค! ภาค! ภาคแม่อยู่ไหน เกิดอะไรขึ้น"
"เมษาเสียแล้ว"
"อะไรนะ เมื่อไหร่ เกิดขึ้นได้ยัง…" เขาพูดไม่ทันจบประโยคแต่ก็รู้ว่าพวกเขาเหนื่อยเรื่องกายและใจเรื่องเมษาแล้ว เบนนั่งลงและนั่งข้างภาค "แม่ฟื้นรึเปล่า แม่ได้พูดอะไรบ้างมั้ย"
"เปล่า" ภาคเลือกที่จะตอบให้เขาแบบนี้ เบนถอนหายใจและเหม่อไปกับอดีต บทสนทนาสุดท้ายระหว่างเบนกับแม่เขาไม่ได้ยิน ชีวิตเป็นแบบนี้สินะ โคตรอึดอัดและน่ากลัว เบนโกรธมาก ๆ ความรู้ค่อย ๆ กัดกินชีวิตเขาเหมือนปรสิต ทุกสิ่งที่เบนเข้าไปยุ่งเกี่ยวเน่าเปื่อย กับถูกทำลาย เหมือนเบนไม่ได้เจ้าของร่างกายตัวเองความว่างเปล่าเป็นนักบินขับร่างกายเขาอยู่ ทุกที่ที่เบนไปความสูญเสียจะไปถึง เขาอยากทำตัวเองเหมือนก่อนหน้านี้คือการเอาตัวเองออกจากสมการ ปลีกวิเวกต่อไป
ในประเทศพม่า เมืองย่างกุ้ง มีคนมากมายบนโลกถูกกดขี่เพราะการล้มระบบทางการเงิน มันคือการที่ผู้มีอำนาจเอาเปรียบผู้ไร้อำนาจ ที่นี่คือกล่องดำของมนุษย์ โมเดลเพิ่มมูลค่าคือการให้ราคาของชีวิตและการเลือกให้ลดราคาของชีวิตคนอื่น
เด็กอายุสิบสี่ขวบทำงานเป็นผู้ใช้ผ้าห่อการดับสูญของความทรงจำ ร่างกายที่ว่างเปล่ามีเด็กคนนี้เป็นคนผูกผ้าและพาไปยังพิธีฌาปนกิจในวัดในเมืองหลวง โรคระบาด แปลว่าไม่มีใครเข้าไปช่วย แต่เป็นเรื่องของระบบที่คอยควบคุมชีวิตในโลกความเป็นจริง ทุกคนมีส่วนได้ส่วนเสียและทุกคนได้รับผลกระทบต่ออนาคต เทคโนโลยีที่คาดหวังว่าเป็นประโยชน์จากสังคม เท่าเทียมกัน ภูเขาลูกถัดไปของทรัพยากร เป็นทั้งกองศพและการเฝ้าระวังประตูของข้อมูล ไม่มีใครได้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเพราะคอมพิวเตอร์สามารถแก้ปัญหาทุกอย่างในโลกนี้ยกเว้นการว่างงานที่มันเป็นต้นเหตุ ทุกอย่างผ่านเลยไป บางทีในอีกเวลาสามสิบปีข้างหน้าอย่างเงียบ ๆ วันหนึ่งมนุษย์ไม่ใช่สิ่งที่ฉลาดที่สุดบนโลกนี้อีกต่อไป เด็กคนนี้ไม่เคยได้มีโอกาสคิดถึงสิ่งนั้น เพราะทุกวันเขาเพียงได้นำร่างเข้าสู่เตาเผา
ในโลกที่เชื่อมต่อกัน ทุกคนเป็นค่ารบกวนซึ่งกันและกัน ทั้งมีผลกระทบของข้อมูล เด็กอายุสิบสี่ขวบเป็นเพียงค่ารบกวนที่ส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของตัวเอง เรากำลังอยู่ในลัทธินิยัตินิยมอัลกอริทึมกันอยู่ทุกวัน อัลกอริทึมกำลังบันทึกค่าของความต่างของรูปแบบการมีชีวิตด้วยตัวเลข ว่าเด็กคนนี้จะส่งผลทางเศรษฐกิจถูกกว่าหรือแพงกว่า จะผ่อนค่าเช่าบ้านถูกกว่าหรือน้อยกว่าจะมีความเสี่ยงอาชญากรรมความเสี่ยงมากแค่ไหน ในฐานข้อมูลของใครที่ไหนสักแห่งเรากำลังถูกให้คะแนน
เขาเก็บศพของการระบาดระลอกสาม ครั้งที่โรงพยาบาลและที่ฌาปนกิจสงเคราะห์ของรัฐเต็ม ห้องเย็นต้องใช้ตู้แช่คอนเทนเนอร์แทน เก็บร่างกายที่ร่วงหล่นมามากกว่าสองเดือน เขาต้องใช้ชีวิตเหมือนผู้ใหญ่ สวมชุดพีพีอี และหน้ากากพลาสติก เขากำลังทำสิ่งที่คิดว่าช่วยได้ตอนแรกก็กลัว พอยกหลายศพก็ไม่กลัวอีกแล้ว เขาเศร้าใจเวลาคนเสียชีวิต และสมาชิกครอบครัวพากันร่ำไห้ตอนนี้เขาชินแล้ว แสดงถึงอนาคตที่หมดหวัง ความกังวลต่ออนาคตทีไม่มีหลักจริยธรรม แก่นสำคัญของการเป็นมนุษย์คือการกล้าที่จะอ่อนแอ เมื่อกล้าที่จะอ่อนแอได้เราก็จะเข้าใจถึงความรู้สึกของผู้อื่นได้มากขึ้น ยิ่งเราอ่อนแอได้มากเท่าไหร่ยิ่งมีทิศทางต่อคำถามที่จะเห็นใจผู้อื่นในเทคโนโลยีได้มากขึ้น ทุกอย่างเกี่ยวกับในตัวเขากำลังจะตายมันจะเกิดจากการให้คำสั่งโปรแกรมทางสังคม สิ่งที่หล่อหลอมคือ'วัฒนธรรม' โลกนี้และสถานที่นี้ ดาวเคราะห์ดวงนี้มีปัญหา ที่นี่ไม่ได้ให้ทั้งความหวังและเต็มไปด้วยการดับสูญ
วันที่ 1 ในคอนเทนเนอร์
กลับมาที่ปัจจุบัน หลังจากการแพร่ระบาดสามสัปดาห์ จุดเริ่มต้นของค่ารบกวนอันหนักหน่วง พัฒน์ ยังอยู่ในห้องเหล็กคอนเทนเนอร์หุ้มด้วยพลาสติก เขานั่งก้มหน้าไปกับแสงสีฟ้าสะท้อนจากไฟกระทบทั่วทั้งใบหน้า หลังจากเขาข้ามภูเขาของความตายไม่สำเร็จ
"เขาต้องพลิกแผ่นดินตามหาคุณ แต่ไม่มีทางเจอหรอกในการสับเปลี่ยนนี้"
"นี่ ที่ได้เห็นเมื่อกี้"
"อัลกอริทึมคุณชุดแรกที่ปล่อยให้ฟรี แต่กระบวนการทำหมึกชีวภาพเป็นที่ที่ใครก็อยากลดต้นทุน ผลงานคุณทั้งนั้นพัฒน์ ผลงานชั่วชีวิตในมือของคนที่อยากขูดรีด ทำให้มีคนตาย มือคุณเปื้อนเลือด"
"จะทำไปทำไมกัน ยังไงมันก็ฆ่าผมอยู่ดี คุณ ใครสักคน ถึงไม่ฆ่าอีกสามเดือนผมก็ตาย"
"ถ้างั้น นี่ก็เป็นสามเดือนที่มีค่ามากใช่มั้ยล่ะ"
พัฒน์ว่าเขาจะไม่ได้คิดจะตายที่นี่ ถ้าพยายามติดต่อโลกภายนอกที่นี่จะระเบิด ถ้าทำอะไรไม่ชอบมาพากลที่นี่เราก็ตายได้ หันไปทางไหนก็สามารถตายได้ทั้งหมด ที่นี่มันอะไรกัน ออกแบบอย่างสมบูรณ์ ทุกอย่างกำลังหมุนรอบตัวพัฒน์และเกี่ยวกับพัฒน์มาตลอด ถ้ายังมีชีวิตอยู่มันก็ยังไม่ใช่จุดจบ เรายังหาจุดอื่นที่มีความหมายได้
วันที่ 3 ในคอนเทนเนอร์
พัฒน์นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ เขานั่งหน้าคอมมา 48 ชั่วโมงติด ทั้งยังนอนไม่พอแต่ก็เรียกให้อัลเลนมาดูโปรแกรม
"นั้นมันไม่เหมือนเชื้อโรค เท่าไหร่เลยนะ ยูแคเรียเหรอ" อัลเลนหยอกล้อ
"มันคือเพลง" พัฒน์ออกแบบอัลกอริทึมเพื่อแปลงเสียงเป็นเพลงพร้อมกับหันหน้าถาม "คุณพร้อมนะ"
"กดเพลย์เลย" อัลเลนพูดเงี่ยหูฟัง พัฒน์กดเปิดเพลงให้อัลเลนฟังและใช้เวลาประมวลผล "คลาสสิกเหรอ" อัลเลนถามเขารู้สึกเหมือนเพลงปลายปีหกศูนย์ พัฒน์พยักหน้า เขาอธิบายต่อว่าการทำรากฐานของการคำนวณจะช่วยหาค่าความเป็นไปได้ ที่จริงเขากำลังคำนวณตัวเลขภาคอื่นของแผนผังความเป็นไปได้ในหัวไปด้วย พัฒน์กด 'Enter' ฟังต่อ เวลาในห้องแล็บผ่านไปเร็วขึ้นเขายังหาค่าแปรปรวนของข้อมูลจุลชีวภาพและความอันตรายที่เลือกไม่ได้ เขาไม่ได้ต้องการทำและไม่ได้มีแรงจูงใจที่จะทำ
"ถ้าให้ผมร่วมวางแผนด้วย มันจะเสร็จเร็วกว่านี้นะ"
พัฒน์เริ่มต้นจากการออกแบบคุณค่าและวัฒนธรรม ทั้งสองอย่างออกแบบได้ ผ่านข้อมูลและการเดินทางของอิเล็กตรอนในสมองในหัวของพัฒน์ ที่จริงเขากำลังหาทางออกแบบข้อมูลโดยใช้ข้อมูลปลอมข้างบนเป็นเพลง
"นี่คือตั๋วออกจากที่นี่" พัฒน์ไม่ได้คิดจะตายที่นี่ในกล่องแคบ ๆ
วันที่ 6 ในคอนเทนเนอร์
อย่างน้อยพวกนี้ฮาร์ดแวร์จากกล่องดำของการผ่าตัด พัฒน์กำลังประกอบสายการใช้ข้อมูลเข้ากับกล่องดำทั้งสามกล่อง นี่แค่จะทำให้การประมวลผลเร็วขึ้น ยังไม่มีส่วนของการระบายความร้อนหรือการใช้ไฟฟ้าทั้งหมด
"คุณจะเอาสิ่งนั้นมาทำเชื้อโรคเหรอ"
"ถามได้เข้าเป้า" พัฒน์ตอบ
"แน่นอน"
"กล่องดำ จะประมวลผลสามล้านข้อมูลได้ภายในหนึ่งวินาที" พัฒน์เอาเข้าเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ อัลเลนมาดูที่หน้าจอ อย่างน้อยพัฒน์ก็ได้ข้อมูลร่างกายชีวะพื้นฐานจากคนไข้ที่นี่เป็นข้อมูลตั้งต้น "นี่มีข้อมูลของการผ่าตัดทั้งหมด รวมกับอัลกอริทึม ข้อมูลของการออกแบบสสาร จะทำตัวอย่างการอันตรายต่ำสุดพื้นฐานต่อร่างกายขึ้นมาได้"
"น่าทึ่งมาก"
ส่วนนี้ยังไม่ใช่ส่วนที่ยากที่สุดสำหรับพัฒน์ ไม่ว่าจะทำทางไหน งานนี้มันเร่งมาก ความหวังอยู่ที่ความรู้และความเข้าใจพันธุกรรม เขารู้ว่าเรื่องยากไม่ได้แปลว่าไม่ดี แต่นี่มันยากฉิบหายและโคตรจะดวงกุด พัฒน์สบถกับตัวเองนับร้อยครั้งกว่าจะหาทางออกของปัญหานี้ได้ ที่ผ่านมาเขาก็ทำเรื่องยากมาตลอด งานนี้ฉิบหายแน่ ปัญหาของมนุษย์หลายอันเป็นปัญหาที่เกิดมาพึ่งเคยเจอ ถ้าแก้ปัญหาบางอย่างได้ ก็จะเป็นการแก้ปัญหาเที่ยวเดียวจบ เหมือนเจอเพื่อนบนเครื่องบิน เที่ยวเดียวจบ พัฒน์ชอบปัญหาเที่ยวเดียวจบมันมากกว่าปัญหาทางวัฒนธรรม
อีกฝั่งหนึ่ง ปลายสัญญาณลูกน้องของลีดูซัมคอยเช็คภาพผ่านวิดีโอ
ลีดูซัมหลังจากคุยงานในแล็บตัวเองเดินผ่านมา แต่ไม่ได้ดูหน้าจอ "พวกนั้นทำอะไรกันอยู่"
"ทำงาน" คนรักษาความปลอดภัยพูดให้จบ ๆ ไป
เรื่องราวสำคัญของเอไอ
คำจำกัดความฉลาด มีวิธีโปรแกรมคอมพิวเตอร์สองวิธี วิธีหนึ่งก็คล้ายประกอบสูตรอาหาร เราสั่งให้คอมพิวเตอร์ "ทำนี่ ทำนี่ ทำนี่" และเราได้ใช้วิธีนั้นในการโปรแกรมคอมพิวเตอร์มาตั้งแต่ไหนแต่ไร และก็มีอีกวิธีหนึ่งคือวิธีป้อนข้อมูลมหาศาลให้คอมพิวเตอร์แล้วคอมพิวเตอร์จะเรียนรู้วิธีการจำแนกประเภทด้วยการเอาข้อมูลไปย่อย วิธีการนี้เพิ่งจะเป็นที่นิยมเมื่อไม่นานมานี้เอง เพราะก่อนหน้านี้เรามีข้อมูลไม่พอกระทั่งทุกคนมีสมาร์ตโฟนที่เก็บข้อมูลของเราได้เมื่อคนนับล้านใช้อินเทอร์เน็ต และกูเกิลกับเฟซบุ๊กมีข้อมูลกองเป็นภูเขาทันใดนั้นเองปรากฏว่าเราสามารถป้อนข้อมูลปริมาณมากให้อัลกอริทึมระบบการเรียนรู้ของเครื่องแล้วสั่งให้มันจำแนกประเภทข้อมูลนั้นได้ ซึ่งได้ผลดีมากพัฒน์ก็เลือกอย่างหลัง แต่แบบที่สองเพราะข้อมูลไม่มากพอบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่เลยเลือกขอครอบครองความเป็นส่วนตัวเพื่อเก็บข้อมูลผู้ใช้ให้ได้มากที่สุดแถมยังไม่มีใครเฝ้าประตูข้อมูล เป็นเครื่องมือประเมินแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ ในการต่อสู้ทางคณิตศาสตร์จะขัดขวางโอกาสบางอย่างของคนคนหนึ่งได้ อนาคตมาแล้วแค่กระจายไม่ทั่วถึง มุมมองต่อโลกของคุณเลยมีปัญญาประดิษฐ์ควบคุม
วันที่ 11 ในคอนเทนเนอร์
มีเขาวงกตอยู่ในทะเลทราย สร้างขึ้นจากทรายและหินเส้นทางวกวนยืดยาว กำแพงยาวนับร้อยไมล์และกว้างเป็นพันไมล์ เต็มไปด้วยทางวกวนและทางตัน ลองนึกภาพดูสิ ความยากลำบากที่คุณต้องเผชิญ ข้อมูลแต่ละอันคืนทรายแต่ละเม็ดผันผวนแปรปรวน และที่ทางออกของเขาวงกตนี้ ก็มีรางวัลที่รอให้ค้นพบที่คุณต้องทำคือหาทางออกไปให้ได้ คุณนึกภาพออกมั้ย กำแพงและประตูของมัน ความคดเคี้ยวไปมา การออกแบบเขาวงกตนั้น เขาวงกตของความคิดก็ครอบครองตัวพัฒน์ทั้งยามหลับและยามตื่น ที่นี่ไม่ได้มีหมึกชีวภาพเหลือขนาดนั้น บางอันก็หมดอายุแล้ว มีแต่ถุงไขมัน ไม่น่าเชื่อว่านอกจากลีดูซัมจะเอาที่นี่เป็นที่ผ่าตัดอวัยวะเคลื่อนที่แล้วยังใช้ดูดไขมันจากแขกที่ต้องการด้วย คนรวยนี่แม่งอะไรกันวะ
บทสนทนาระหว่างพัก
"ว่าแต่นายมาจากไหน"
"เมืองเล็ก ๆ ชื่ออาวิ อาโต้ น่าอยู่ทีเดียว"
"แล้วลูกเมียล่ะ"
"มี หนีจากนี่ได้จะกลับไปหา แล้วคุณล่ะพัฒน์"
พัฒน์ค่อย ๆ ส่ายหน้าเป็นคำตอบ
"เหรอ สรุปคือผู้ทำได้ทุกอย่างแต่ไม่รู้ว่าจะทำเพื่อใคร"
เสียงนาฬิกาเตือนดัง ไฟล์เข้ารหัสและได้ผลลัพธ์การคำนวณเรียบร้อยแล้ว
"มีวิธีเท่าไหร่ที่ทำให้มนุษย์สิ้นชีวิตได้"
"40…" พัฒน์พูดขณะตรวจสอบข้อมูลผลลัพธ์โปรแกรมบนหน้าจอคอมพิวเตอร์
"40 เหรอ"
"40,000 จุลชีวะ ทำได้จากของในห้องวิทยาศาสตร์โรงเรียน"
"ราคามันคงสูงน่าดู นั้นดูเป็นข่าวร้ายต่อมนุษยชาติได้เลยนะนั้น" แน่นอนว่าอัลเลนไม่ได้พูดถึงเงินแต่ยิ่งข่าวร้ายที่สามารถทำได้ยิ่งเป็นผลต่อรองทางเศรษฐกิจ
พัฒน์ไม่ได้คิดจะยกอันนี้ให้ลีดูซัม แค่จะหาทางทำให้คนเฝ้าข้างนอกสลบก่อนจะหาทางออกจากเครื่อง กับการเข้ารหัสข้อมูลความช่วยเหลือส่งออกไปข้างนอก ด้วยปัญหาที่ล้นหลามที่สามารถทำให้พัฒน์ตายได้ตลอดเวลา เขาต้องใช้วิทยาศาสตร์แก้ปัญหาที่นี่
ปัญหาสามชั้น
1.เราเคยคิดว่าอนาคตจ้องเราอยู่ในดวงดาว ตอนนี้เรารู้แล้วว่ามันอยู่ในยีนของเรา การสร้าง 'แผนผัง' ของยีนจำนวนทั้งหมดซ่อนอยู่ท่ามกลางโครโมโซม 23 คู่ 2. สิ่งที่เรามีตอนนี้คือระบบถนนที่มีประมาณ 1,850 ยีน เราสามารถออกจากที่แห่งหนึ่งไปยังที่แห่งหนึ่งได้ แต่การเป็นมนุษย์เป็นงานหนักในบางครั้ง บางโอกาสอาจจะต้องลงจากเกวียนและเดินไปเอง 3. 'พจนานุกรมแห่งชีวิต' ซึ่งโดยหลักการแล้วจะครอบคลุมทุกอย่างที่จำเป็นในการสร้างตัวเราขึ้นมาเอง เมื่อทำได้สำเร็จเราจะได้มี 'คู่มือการใช้งาน' สำหรับมนุษย์คนหนึ่งที่ไม่ใช่ผ่านโฆษณาและวัฒนธรรม เพราะวัฒนธรรมเป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงยังไม่ใช่ภูมิปัญญาของมนุษย์