ตอนที่ 73 กำลังจะมาถึง
“แจ้งเตือน? แจ้งเตือนเรื่องอะไร?” กู่ฉิงซานเอ่ยด้วยสีหน้าแปลกใจ
“โปรดขึ้นสู่ยานรบ เราจะนำคุณกลับไปยังเฉินเตี้ยน[footnoteRef:1]” เทพธิดากงเจิ้งกล่าว [1: เฮ่ายานที่ใช้สร้างเพลิงนางฟ้าให้ซูเซี่ยเอ๋อ]
กู่ฉิงซานเดินเข้าไปตามคำร้องขอ และยานรบก็เดินเครื่องอย่างรวดเร็ว แล่นขึ้นไปบนท้องฟ้า
ภายในเฉินเตี้ยนเฮ่าก็ยังเป็นเฉกเช่นในครั้งก่อน มันเป็นพื้นที่โล่งกว้างและว่างเปล่า มีเพียงจอม่านแสงขนาดยักษ์ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าของกู่ฉิงซานเท่านั้น
“เริ่มรายงานสถานการณ์ระดับลับสุดยอด”
“ดาวเทียมเฝ้าระวังแสดงให้เห็นถึงการหายตัวไปของสาธารณรัฐหมู่เกาะลมตะวันออก”
พร้อมกับเสียงของเทพธิดากงเจิ้ง ภาพก็ปรากฏขึ้นบนจอม่านแสง
รีสอร์ตที่สร้างขึ้นบนเกาะลมตะวันออกได้หายไปจากแผนที่โดยสมบูรณ์
บัดนี้กลับทิ้งไว้แค่เพียงทะเลอันไร้ที่สิ้นสุด ไร้วี่แววของเกาะใดๆ
ภาพในระดับผิวน้ำทะเลราวกับไร้ซึ่งการเชื่อมโยงใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับตัวเกาะ ขนาดกู่ฉิงซานที่มองผ่านทางหน้าจอ ก็ยังสามารถสัมผัสได้ถึงความเงียบงัน
ที่แห่งนี้เดิมทีถูกสร้างเป็นหมู่เกาะกระจัดกระจายออกไปตามจุดต่างๆ ให้แลดูคล้ายหมู่ดาวบนท้องฟ้า แต่ตอนนี้กลับไม่อาจพบเห็นอะไรได้เลยนอกจากท้องทะเล
“เราได้ส่งหุ่นยนต์ดำน้ำเข้าไปถึงหนึ่งร้อยหงสิบเจ็ดตัว ทว่าหลังจากที่เข้าไปในอาณาเขตทะเลดังกล่าว พวกมันกลับถูกทำลายลงถึงหนึ่งร้อยหกสิบหกตัว ส่วนอีกหนึ่งที่เหลือสามารถส่งภาพจากใต้ทะเลกลับมาได้สำเร็จ”
บนจอม่านแสงถูกสลับเปลี่ยนไปเป็นภาพใต้ท้องทะเลลึกที่มืดมิดจนแทบจะมองอะไรไม่เห็นนอกจาก…
จุดรำไรของแสงอะไรบางอย่าง ที่กำลังกะพริบอย่างแผ่วเบา
และนี่คือแหล่งกำเนิดแสงที่หุ่นยนต์ดำน้ำตัวสุดท้าย สามารถถ่ายภาพกลับมาได้
ทันใดนั้นเอง
หนวดขนาดใหญ่ก็พลันปรากฏขึ้น มันวูบมาครอบตัวกล้อง บดบังไปทั้งหน้าจอ
หนวดเลื่อนผ่านตัวกล้องจับภาพอย่างเงียบๆ แสดงให้เห็นว่ามันกำลังเคลื่อนไปยังทิศทางอื่นเบื้องหลังหุ่นยนต์ดำน้ำ
หลังจากที่มันเคลื่อนไหวอย่างไม่หยุดนิ่งยาวนานกว่าสี่นาที หนวดทั้งหมดจึงหายออกไปจากวิสัยทัศน์ของกล้องอย่างสมบูรณ์
แม้มองเห็นเพียงแค่หนวด แต่ก็พอจะบอกได้แล้วว่าร่างของเจ้าของหนวดนั้นใหญ่โตเพียงไร
จากนั้นหนวดอีกเส้นหนึ่งก็ปรากฏขึ้นอีกครั้งบนจอภาพ
มันใกล้เข้ามา ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนในที่สุดก็แนบติดกับตัวกล้อง ทั้งจอภาพเห็นเพียงแค่ตะปุ่มตะป่ำบนหนวดของมัน
จากนั้นจอภาพทั้งหมดก็วูบดับลงเหลือทิ้งไว้เพียงความมืดมิด
“หุ่นยนต์ดำน้ำตัวสุดท้ายถูกทำลายลง”
“สิ่งมีชีวิตที่ไม่รู้ที่มา เริ่มลอยขึ้นสู่ผิวน้ำ”
“เริ่มต้นตรวจสอบโดยดาวเทียมเฝ้าระวัง”
ทันใดนั้นภาพบนจอม่านแสงก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ฉากของมหาสมุทรปรากฏขึ้นในมุมมองจากเบื้องบนท้องฟ้า
บนท้องทะเล ปรากฏก้อนเนื้อยักษ์ราวกับภูเขาทะยานสูงขึ้นมาเหนือผิวน้ำ
เพียงแค่จ้องมองไปยังพื้นที่ดังกล่าว ก็พอจะบอกได้ว่า ภูเขาก้อนเนื้อลูกนี้ใหญ่โตจนเกือบจะมีขนาดเทียบเคียงได้เลยกับเมืองใหญ่!
บนภูเขาก้อนเนื้อ ปรากฏหนวดเป็นหมื่นๆ เส้น หนวดเหล่านั้นเคลื่อนไหวตลอดเวลา ส่งผลให้คนที่มองมันต่างพากันรู้สึกขนลุก
และเสียงของเทพธิดากงเจิ้งก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“สรุปสิ่งมีชีวิตสปีชีส์ใหม่ที่ปรากฏขึ้นในมหาสมุทร…ผลการประเมินที่ได้รับ อันตรายเป็นอย่างยิ่ง”
“กลยุทธ์ ส่งหุ่นยนต์สำรวจรุ่นใหม่ล่าสุดออกไปเพื่อรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตสปีชีส์ใหม่นี้”
“หุ่นยนต์ตรวจสอบรุ่นใหม่ล่าสุดจะใช้แกนหลักเป็นเทคโนโลยีโครงสร้างชีวิต ทำการร้องขอกู่ฉิงซานเพื่อยื่นเรื่องขออนุมัติ”
ตั้งแต่แรกที่มาตามตัวฉัน ที่แท้ก็เพราะเรื่องนี้เองอย่างงั้นสินะ กู่ฉิงซานพยักหน้าและกล่าว “ฉันอนุมัติ”
“ได้รับการอนุมัติ เริ่มต้นกระบวนการสร้างหุ่นยนต์สำรวจรุ่นใหม่ล่าสุด”
“ข้อมูลเบื้องต้นถูกจัดเป็นความลับสุดยอดและจะแจ้งเตือนเมื่อมันเสร็จสมบูรณ์”
“พิจารณาจากงานวิจัยและความรอบรู้ส่วนบุคคลของกู่ฉิงซาน โปรดกรุณาให้คำแนะนำหรือข้อเสนอแนะที่เกี่ยวข้องหรืออาจให้ก่อประโยชน์เพิ่มเติม”
กู่ฉิงซานไม่ลังเลที่จะกล่าว “ฟังก์ชันวิทยาการอาวุธคงไม่ได้ผลหรอก ฉันแนะนำให้ออกไปเรียกพวกมืออาชีพมาจัดการจะดีกว่า”
เทพธิดากงเจิ้ง “โปรดอธิบายถึงเหตุผล”
กู่ฉิงซานอ้าปากเตรียมจะเอ่ยกล่าว แต่เขากลับพบว่าตนไม่สามารถพูดมันออกมาได้
จะให้บอกว่ารู้เรื่องนี้เพราะกลับมาจุติใหม่อย่างงั้นเหรอ?
จะให้กล่าวว่าตัวเขาเองรู้ว่ามนุษย์คนธรรมดาสามัญไม่อาจใช้วิทยาการอาวุธเอาชนะมอนสเตอร์ได้?
ในชีวิตก่อนหน้า หลังจากที่ต้องถอยร่นและพ่ายแพ้ครั้งแล้วครั้งเล่า มนุษยชาติก็เข้าใจได้ในที่สุดว่ามีเพียงแค่สี่พลังอันยิ่งใหญ่อย่าง ‘หวูเต๋ากุ่ยชั่ง’ พลังหวนคืนไร้ลักษณ์ ‘หวูหังเฉาฟ่าน’ พลังห้าธาตุจำเพาะ ‘เทียนซวน’พลังสวรรค์แต่งตั้ง และสกิลเทวะ ทั้งสี่เท่านั้นที่จะสามารถสร้างความเสียหายแก่มอนสเตอร์ได้
แน่นอนว่าพลังวิญญาณที่เป็นแหล่งที่มาของพลังอันยิ่งใหญ่ทั้งสี่ก็ไม่แตกต่างกัน
แต่ผู้คนในโลกใบนี้ยังไม่รู้จักวิธีฝึกฝนพลังวิญญาณ และพวกเขาก็ไม่รู้ว่าสามารถใช้พลังวิญญาณเพื่อเพิ่มพูนพลังของความสามารถทั้งสี่ได้
ในชีวิตก่อนหน้า หลังจากที่มนุษยชาติได้ล่วงรู้ความจริงข้อนี้ เทคโนโลยีก็ค่อยๆ ถดถอยจนกลายมาเป็นฟังก์ชันเสริม และการฝึกวรยุทธก็ค่อยๆ กลายมาเป็นกระแสหลักของโลกใบนี้แทน
ในเวลานั้น ยุคแห่งการพัฒนาเทคโนโลยีก็ได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตใหม่
กู่ฉิงซานไม่รู้จะเอ่ยอธิบายอย่างไรดี ทว่าเทพธิดากงเจิ้งก็ดันใช้วิจารณญาณตัดสินใจเอาเองเสียแล้ว
“เนื่องจากกู่ฉิงซานเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการวิจัยหุ่นรบ และมิได้แสดงให้เห็นถึงความรอบรู้เกี่ยวกับโครงสร้างชีววิทยาทางทะเล ดังนั้นจึงไม่อาจยอมรับข้อเสนอแนะดังกล่าวได้”
กู่ฉิงซานผายมือ และถอนหายใจออกมา
ในความเป็นจริงเขาก็ยังคงไม่ได้รับความไว้วางใจจากเทพธิดากงเจิ้งโดยสมบูรณ์อยู่ดี
ในชีวิตก่อนหน้า กระทั่งช่วงเวลาสุดท้ายได้มาถึง ความลึกลับของโลกก็ยังคงล้ำลึกยากจะหยั่งถึง และไม่มีใครกล้าที่จะพูดว่าตนเองได้ล่วงรู้ทุกอย่างแล้วออกมา
กู่ฉิงซานแม้ว่าจะได้จุติใหม่อีกครั้ง แต่เขาก็รู้ตัวดีว่าตัวเองมิใช่ผู้กู้โลก ไม่ใช่พระเจ้า
ก็หากคุณรู้ถึงบางสิ่งบางอย่างล่วงหน้า คุณจะยังสามารถนั่งพักผ่อนสบายๆ ได้อีกหรือทั้งๆ ที่ความตายกำลังคืบคลานเข้ามาใกล้เนี่ยนะ?
ยิ่งไปกว่านั้น ประวัติศาสตร์ในโลกของผู้ฝึกยุทธตอนนี้ก็ได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว
ในขณะนั้นเอง แสงสีแดงส้มก็กะพริบไหว พร้อมเสียงแจ้งเตือนดังไปทั่วทั้งป้อมปราการดวงดาว!
“อันตราย! เริ่มทำการยกระดับสถานการณ์ต่อสู้!”
พร้อมกับภาพบนจอม่านแสงปรากฏขึ้นอีกครั้ง ในมุมมองจากบนท้องฟ้า พบเห็นแค่เพียงภูเขาก้อนเนื้อกำลังค่อยๆ แยกออกจากกัน
มอนสเตอร์ได้อ้าปากอันมโหฬารของมันออกมา
‘ฮู้ม!’
ตามด้วยแผดเสียงคำรามต่ำสะท้านสะเทือนก้องไปทั่วทั้งผิวทะเล
เรือรบลาดตระเวนกว่ายี่สิบลำถูกคลื่นเสียงดังกล่าวเข้าอย่างจัง จนตัวเรือเกิดระเบิดออก เปลวเพลิงพวยพุ่งทะยานขึ้นไปบนชั้นฟ้า แม้กระทั่งสองเรือบรรทุกเครื่องบินรุ่นใหม่ลำใหญ่ยักษ์ก็เริ่มปรากฏควันดำลอยฟุ้งที่มาจากเปลวเพลิงลุกไหม้
เครื่องบินรบและหุ่นรบอากาศยานบินส่ายไปมาอย่างไร้ทิศทางราวกับแมลงวันไร้หัว
“เจ้ามอนสเตอร์ตัวนี้เป็นประเภทผู้ใช้ธาตุเสียง? แบบนี้มันชักจะยากที่จะจัดการแล้วสิ” กู่ฉิงซานส่ายหน้า
เขามีประสบการณ์มากมายเกี่ยวกับมอนสเตอร์ แต่หลังจากทั้งหมดนี้ ต้องเข้าใจนะว่าตัวกู่ฉิงซานเองก็ไม่ใช่สมองควอนตัมที่รอบรู้ไปซะทุกอย่าง มอนสเตอร์บางประเภทเขาก็ไม่เคยเห็นมันมาก่อนเช่นกัน บางตัวก็เคยได้ยินได้อ่านเอาจากในบันทึกหรือผู้คนเท่านั้น
จุดที่แปลกประหลาดก็คือ กู่ฉิงซานจำได้ว่าในชีวิตก่อนหน้าของเขา มอนสเตอร์ตัวแรกที่ปรากฏตัวขึ้น ไม่ใช่เจ้าภูเขาก้อนเนื้อตัวนี้
กู่ฉิงซานแทบจะรู้ถึงจุดอ่อนของมอนสเตอร์เกือบทั้งหมด ทว่าเจ้าตัวเบื้องหน้านี้ เขากลับไม่เคยพบเห็นมันมาก่อนเลย
ดังนั้น ดูทรงแล้วมิใช่แค่เพียงประวัติศาสตร์โลกของผู้ฝึกยุทธที่เปลี่ยนแปลงไป แต่ในโลกจริงก็เบี่ยงเบนออกไปด้วยเช่นกัน!
จอม่านแสงมืดดับลง แต่ในไม่ช้ามันก็สว่างขึ้นอีกครั้ง
“อีกสักครู่ จะเริ่มทำการร้องขอประธานาธิบดี เพื่อทำการอนุมัติเข้าสู่สภาวะสงคราม”
หลังผ่านพ้นไปได้หนึ่งนาที
“ทั่วทั้งรัฐบาลกลางประกาศเข้าสู่สภาวะสงครามเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ยานรบระหว่างดวงดาวลำที่หนึ่ง หก และสิบเอ็ด เตรียมออกตัวได้”
“เชื่อมต่อกับห้องทำงานของประธานาธิบดีและเริ่มเตรียมการเปิดฉากสงครามต่อสู้”
ทันทีที่เสียงนี้สิ้นสุดลง สมองควอนตัมส่วนบุคคลของกู่ฉิงซานก็ดังขึ้น
กู่ฉิงซานกดปุ่มรับสาย และเริ่มพูดคุยกับท่านประธานาธิบดีผ่านทางอุปกรณ์สื่อสารอย่างรวดเร็ว
ท่านประธานาธิบดีกล่าวว่าตนรู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่งที่ไม่ได้มาร่วมทานอาหารกลางวันกับเขา ทว่านี่มิใช่เรื่องน่าแปลกใจ เนื่องจากรัฐบาลกลางทั้งหมดได้เข้าสู่สภาวะสงครามเต็มรูปแบบแล้ว แน่นอนว่านับจากนี้ไปท่านประธานาธิบดีย่อมไม่มีทางเจียดเวลากลับมากินอาหารที่บ้านได้เป็นแน่
และกู่ฉิงซานก็แสดงท่าทีว่าเขาเข้าใจเรื่องนี้ดี
“ผ่านการอนุมัติจากท่านประธานาธิบดีแล้ว”
ณ ขณะนี้ สถานการณ์สู้รบปรากฏขึ้นบนจอม่านแสง พร้อมกับข่าวใหม่ที่กำลังถูกเผยแพร่ออกไป
“ติดต่อสามเหล่าทัพ เริ่มเตรียมการนับถอยหลัง”
เกิดการระดมพลทั่วทั้งรัฐบาลกลาง
‘มีบางอย่างผิดปกติ! สัญญาณของวันสิ้นโลกในโลกใบนี้มันไม่ควรปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรงเช่นนี้…นี่มันมีบางสิ่งไม่ถูกต้อง!’
ในชีวิตก่อนหน้าเขาจำได้ดีว่า ความแปรปรวนของห้วงมหาสมุทรจะไม่ปรากฏขึ้นจนกว่าจะผ่านพ้นไปถึงสามเดือนต่อจากนี้
ปราศจากใต้พิภพจะท่วมท้นโลกทั้งใบ และมหาสมุทรจะเป็นที่แรกที่ได้รับมันเข้าไปเต็มๆ
และในไม่ช้า ท้องทะเลก็จะกลายเป็นพื้นที่ต้องห้ามของมนุษยชาติ
หลังจากห้วงสมุทรเกิดการเปลี่ยนแปลง มนุษย์ก็จะได้รับผลกระทบจากปราณใต้พิภพ ก่อให้เกิดความแปรปรวนขนาดใหญ่ และภัยพิบัติที่ค่อยๆ ทยอยตามมา
หลังจากเกิดภัยพิบัติหลายครั้งหลายหน ในที่สุดมนุษย์ก็สามารถหยุดยั้งเรื่องราวทั้งหมดนี้เอาไว้ได้ชั่วคราว พบเจอหนทางที่จะนำไปสู่แสงแห่งรุ่งอรุณอันสดใส
นั่นคือช่วงเวลาที่เกมได้เปิดตัวขึ้น
แต่นี่มันอีกตั้งสามเดือนจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ทั้งหมดจึงจะเกิดขึ้น แล้วทำไมจู่ๆ มันกลับมาเกิดขึ้นล่วงหน้าในเวลานี้?
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร ต่อจากนี้ไป ไม่ว่าจะเป็นโลกหรือทิศทางของอารยธรรมมนุษย์ ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ แตกต่างออกไปจากเดิมอย่างแน่นอน
สำหรับกู่ฉิงซาน เขาหวาดกลัวเพียงแค่เรื่องเดียว
ภัยพิบัติในชีวิตก่อนหน้าอย่างน้อยก็ยังเกิดขึ้นตามกันมาเป็นทอดๆ…หวังว่าในโลกนี้มันคงจะไม่เกิดพร้อมกันทุกอันหรอกนะ!
เมื่อคิดถึงฉากที่กำลังจะเกิดขึ้นตามมานี้ กู่ฉิงซานก็ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง
ด้วยพละกำลังของมนุษย์เพียงคนเดียวอย่างตัวเขา มันย่อมไม่มีทางจะต่อกรกับหายนะระดับโลกได้เลย
เขาอุตส่าเสี่ยงชีวิตหนีรอดมาจากโลกเทวะที่แม้กระทั่งหวูเต๋าในขอบเขตประทับเทพนับสิบอันทรงพลังก็ยังไม่สามารถหลบหนีจากชะตากรรมมาได้
ในช่วงชีวิตที่ผ่านมา มันจะเริ่มจากการล่มสลายจากโลกของผู้ฝึกยุทธก่อน ต่อมาจึงจะเป็นตาของโลกจริงที่ก้าวเข้าสู่วันสิ้นโลกมาทีละก้าว ทีละก้าว ตามติดๆ กันไป
ดังนั้นเมื่อเขาได้จุติใหม่อีกครั้ง เขาก็ทำได้เพียงแค่แข่งขันกับเวลา และพยายามเพิ่มพูนความแข็งแกร่งให้มากยิ่งขึ้น
เมื่อเกมเปิดตัวขึ้นในโลกจริง หวังว่าเวลานั้น ด้วยลำพังตนเอง เขาคงจะพอมีสิทธิ์มีเสียงที่จะเอ่ยปากได้บ้างในโลกของผู้ฝึกยุทธ
ด้วยวิธีนี้เขาก็จะสามารถช่วยกันลมกันฝนให้กับผู้คนที่เขาห่วงใย และคลายความกังวลที่มีอยู่เพียงไม่กี่อย่างของตนลงได้
จากนั้น
ก็จะทุ่มสุดกำลังเพื่อทะลวงผ่านเข้าสู่ขอบเขตประทับเทพ!
กู่ฉิงซานกำหมัดของตนแน่น
อาจารย์กล่าวว่าขอบเขตประทับเทพแท้จริงแล้วเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น เขาต้องยืนหยัดหยั่งรากลึกให้เหนือยิ่งกว่าตัวตนในโลกก่อนหน้า...เหนือยิ่งกว่าทุกผู้คนให้จงได้!
จนกระทั่งวันหนึ่งเขาจะได้ไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวต่อทุกภัยคุกคามที่ย่างกรายเข้ามาอีกต่อไป
บนจอม่านแสง สงครามของมนุษยชาติในโลกจริงได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว!!
........................................