ตอนที่ 240 ถ่ายทอดสด
ซางหยิงฮ่าวสูดควันซิการ์เข้าเต็มปอด แล้วบ่นออกมา “สำหรับคนที่ติดยาสูบ นี่มันรู้สึกแย่มากเลยนะ ที่ต้องทนนอนเฉยๆ พยายามไม่หยิบมันขึ้นมาเนี่ย”
ทั้งสี่เดินออกมาจากรถเหินเวหา แล้วมาหยุดลงตรงพื้นที่เปิดโล่งหน้าร้านอาหาร
“ถงถง ทำได้ดีมาก เธอไปได้แล้วล่ะ” เขาเอ่ยสั่ง
“รับทราบแล้วบอส”
แล้วถงถงก็หายตัวไปท่ามกลางความมืด
กู่ฉิงซานเอ่ยถามด้วยความสนใจ “เด็กคนนั้นอยู่ในอันดับที่เท่าไหร่ในสมาคมนักล่าของนาย?”
ซางหยิงฮ่าวกล่าว “เธอเป็นนักฆ่าหมายเลขสิบเอ็ด”
“แล้วทำไมนายถึงไม่ให้นักฆ่าอันดับหนึ่งมาเข้าร่วมภารกิจนี้ด้วยล่ะ?” แอนนาถาม
ซางหยิงฮ่าวชี้เข้าไปในร้านอาหารและเอ่ยว่า “ก็เจ้าของร้านอาหารนั่นแหละคือนักฆ่าหมายเลขหนึ่งในสมาคมของฉันล่ะ”
แอนนาเอ่ยแบบหายสงสัย “อย่างนี้นี่เอง มิน่าล่ะ อาหารในร้านถึงรสชาติแย่ขนาดนี้ ฉันฝืนใจตั้งนานกว่าจะกลืนมันลงไปได้ในแต่ละคำ”
“เธอมันจู้จี้เรื่องรสชาติมากเกินไปต่างหาก” ซางหยิงฮ่าวเอ่ยอย่างไม่ยินยอม “นักฆ่าหมายเลขหนึ่งของฉันเป็นพ่อครัวมิชลินสตาร์ตัวจริงเสียงจริงเลยนะ เขาสามารถรับมือได้กับรสนิยมของผู้คนได้ทุกประเภท มีแต่เธอนั่นแหละที่จู้จี้เรื่องรสชาติมากเกินไป”
“ก็แล้วมันยังไง ภารกิจนี้ส่วนใหญ่แล้วเป็นฝีมือการแสดงของฉันกับกู่ฉิงซานทั้งนั้น ฝั่งนายมีนักฆ่าแค่สองคน ส่วนตัวนายเองก็แทบจะไม่ได้ทำอะไรเลย แบบนี้ฟังยังไงพวกฉันสองคนก็เหนือกว่าเห็นๆ” แอนนามองค้อนใส่ซางหยิงฮ่าว
ซางหยิงฮ่าวไม่เถียงกลับ ที่เขาทำก็แค่ดีดนิ้วเสียงดังเป๊าะ
ทันใดนั้นทุกสรรพเสียงก็เงียบหายไป
บทสนทนาในร้านอาหาร เสียงหัวเราะทักทายของพนักงานเสิร์ฟ และเสียงโทรศัพท์ทั้งต้นสายและปลายสาย แม้กระทั่งเสียงหัวเราะดังสนั่นของเจ้าของร้าน ทั้งหมดล้วนเงียบลงโดยสมบูรณ์
ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ของถงถง ผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองเล็กๆ เมืองนี้ พนักงานส่งอาหาร ฯลฯ ทุกคนต่างพากันเดินออกมาจากร้านและแยกย้ายกระจายตัวกันไปในทุกทิศทาง
ร้านอาหารที่แต่เดิมครึกครื้น พริบตาเดียวกลับหลงเหลือแค่เพียงอาคารที่ว่างเปล่า
ซางหยิงฮ่าวหยิบสมองควอนตัมส่วนบุคคลออกมาและเอ่ยสั่ง “ภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว ไปนำตัวผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองนี้จริงๆ กลับมาได้”
“พาตัวกลับมาอย่างนุ่มนวลล่ะ อย่าหนักมือเชียว เดี๋ยวจะเป็นการรบกวนการนอนหลับฝันดีของพวกเขา”
แอนนาจ้องมองฉากนี้ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ปากเอ่ยถาม “นี่ไม่คิดจะอธิบายอะไรหน่อยเหรอ?”
“ก็ไม่ว่าจะเป็นลูกค้า หรือพนักงานทุกคนในร้าน ทั้งหมดล้วนเป็นคนของฉัน ซางหยิงฮ่าวผู้นี้” ซางหยิงฮ่าวปิดสมองควอนตัมและกล่าว
“เป็นนักฆ่าทั้งหมดเลยอย่างนั้นเหรอ?”
“ถูกต้อง”
แอนนาลองขบคิดและเอ่ยถาม “แล้วถ้าเธอไม่ได้เลือกกินร้านนี้ล่ะ?”
“ไม่ว่าเธอจะเลือกร้านไหน ผลลัพธ์มันก็เหมือนกัน”
“ทำไมล่ะ?”
“ก็เพราะทั้งเมืองเล็กๆ เมืองนี้ นับตั้งแต่นายกเทศมนตรียันหมาจรจัด ก็ล้วนแล้วแต่เป็นนักฆ่า ตราบใดที่หลิวชีหมานเผยช่องโหว่ออกมา ทุกคนก็สามารถลงมือปลิดชีพเธอได้เลยทันที”
“แผนที่อิเล็กทรอนิกส์บนรถได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษ และเส้นทางการบินของเธอก็ถูกควบคุมโดยฉันอย่างสมบูรณ์”
“ไม่ว่าหลิวชีหมานจะบินไปในทิศทางไหน สุดท้ายเธอก็จะมาจบลงที่เมืองเล็กๆ เมืองนี้อยู่ดี”
“ต่อให้เธอไม่ใช้แผนที่อิเล็กทรอนิกส์ แต่สุดท้ายพลังงานของรถเหินเวหาก็จะบังคับให้เธอมาจอดลงที่นี่อย่างไม่มีเงื่อนไข”
“แล้วถ้าเธอยังอยากจะรู้อะไรเพิ่มเติมอีกล่ะก็ พวกเรายังมีอีกสามแผนการเตรียมพร้อมไว้รับมือเผื่อสถานการณ์ไม่เป็นไปตามที่กล่าวมาอีกด้วย”
“นับตั้งแต่วินาทีที่หลิวชีหมานปล้นรถเหินเวหาของฉัน ชะตากรรมของเธอก็ได้ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว”
แอนนาส่ายหัวอย่างไม่อยากจะเชื่อ
กู่ฉิงซานยิ้มและเอ่ยว่า “รบกวนนายแย่เลยนะ”
ซางหยิงฮ่าวบ่นอุบ “ปัญหาที่ยากยิ่งกว่าการฆ่า ก็คือมันเป็นการยากที่จะเข้าไปใกล้เธอ แถมเธอยังสามารถวาร์ปหนีไปในเวลาไหนก็ได้นี่แหละ แล้วเงื่อนไขของนายยังเป็น ‘ต้องจับเธอแบบเป็นๆ แล้วปล่อยให้เย่เฟย์หยูเป็นคนลงมือฆ่าเอง’ อีก”
“มันต้องใช้จิตวิทยาการแสดงที่ลึกล้ำมากเลยนะ ถึงจะสามารถทำให้หลิวชีหมานลืมสถานการณ์ของตัวเธอเอง และจดจ่ออยู่กับสิ่งอื่นๆ แล้วสร้างโอกาสแบบเมื่อครู่นี้ขึ้นมา”
“ตัวอย่างเช่นปล่อยให้เธอมุ่งเน้นสมาธิไปกับการฆ่าคน?”
“ถูกต้อง”
“โอเค ฉันยอมแพ้ นายทำมันได้อย่างสมบูรณ์แบบเลยล่ะ” แอนนาถอนหายใจ
“ไม่หรอก ก็แค่โชคดีที่ที่มีคนช่วยให้เป้าหมายเผยช่องโหว่ออกมานั่นล่ะนะ” ซางหยิงฮ่าวกล่าวอย่างถ่อมตัว
เขาชี้ไปที่กู่ฉิงซานและกล่าว “พลังของเจ้าหมอนี่มันเหมาะกับการลอบสังหารมากๆ แต่น่าเสียดาย ที่มันไม่ยอมมาเข้าร่วมกับสมาคมนักล่าของฉัน”
กู่ฉิงซานยิ้มและเอ่ยตอบไปว่า “หมดหน้าที่ของพวกเราแล้ว ไปดูการถ่ายทอดสดกันดีกว่า”
แล้วทั้งหมดก็เดินขึ้นรถเหินเวหาและพากันออกจากเมืองไป
ในโลกมนุษย์ใบนี้
ในทุกๆ ประเทศและในทุกๆ สถานที่
เหล่ามืออาชีพนับไม่ถ้วนกำลังเฝ้ารออย่างเงียบๆ
ในเวลานี้ แชมป์เปี้ยนคือผู้ใช้ธาตุทั้งห้าที่สามารถปลดผนึกขั้นสี่ และครอบครองแหวนเคลื่อนย้าย
เพชฌฆาตตัวตลกจะปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งหรือไม่?
แล้วถ้ามันปรากฏตัวขึ้นมา มันจะสามารถฆ่าอีกฝ่ายได้อย่างไร?
ผู้คนกำลังเฝ้ารอคำตอบของคำถามนี้อย่างเงียบๆ
ห้วงเวลาค่อยๆ ไหลผ่านไปอย่างช้าๆ
นี่ก็ใกล้จะหมดวันแล้ว
หลายคนเริ่มบังเกิดความหวัง นั่งสั่นขาด้วยความกระสับกระส่ายอย่างไม่รู้ตัว
หากแม้กระทั่งตัวตนที่จะเรียกได้ว่าแข็งแกร่งก็ไม่ใช่ อ่อนแอก็ไม่เชิงอย่างหลิวชีหมานสามารถหนีรอดเงื้อมมือของเพชฌฆาตตัวตลกไปได้ อย่างนั้นตัวฉันเองก็สามารถได้รับชีวิตนิรันดร์ น้ำยายกระดับ และแหวนเคลื่อนย้ายได้เหมือนกัน!
แต่แล้วความหวังของพวกเขาก็ถูกขัดจังหวะ พังทลายลงอย่างกะทันหัน
เพราะในสมองควอนตัมที่วางอยู่เบื้องหน้า สุดท้ายแล้วก็ส่องสว่างขึ้นทีละอันทีละอัน
ไม่เพียงแต่หน้าจอขนาดใหญ่บนตึกที่ติดตามสี่แยกไฟแดงบนท้องถนน จอโฆษณาในห้างสรรพสินค้า หน้าจอทีวีที่กำลังฉายละครหลังข่าวในทุกบ้านเรือน อุปกรณ์ทั้งหมดที่สามารถแสดงภาพได้พลันสว่างขึ้น
พร้อมกับร่างหนึ่งที่ปรากฏขึ้นบนจอม่านแสง
มันเป็นร่างของเพชฌฆาตตัวตลกในชุดเกราะรบสีดำหมึก พร้อมด้วยปีกยาวสีทมิฬที่กำลังสยายออกอยู่เบื้องหลัง
มันยืนอยู่ท่ามกลางท้องฟ้า ฉากเบื้องหลังเป็นชั้นเมฆครึ้ม เสียงสายลมหวีดหวิวพัดผ่าน ทำให้ตัวมันแลดูคล้ายกับปีศาจโบราณในตำนานก็ไม่ปาน
ทว่าเมื่อผู้คนมองขึ้นไปยังใบหน้าของตัวตลก ความรู้สึกที่ว่านี้ก็กลับถูกขัดจังหวะลง
เห็นแค่เพียงรอยยิ้มแข็งทื่อและเย็นชา ที่พาลให้หัวใจของผู้คนเริ่มหวนนึกขึ้นได้ว่าเจ้าตัวนี้คือเครื่องจักรสังหารอันบ้าคลั่ง ความตื่นตระหนกก็ค่อยๆ เริ่มกัดกินจิตใจของทุกผู้คน จนมิอาจเอ่ยพรรณนาถึงความหวาดกลัวที่มีออกมาได้
เพชฌฆาตตัวตลกปรากฏตัวแล้ว!
ฝูงชนต่างพากันลืมหายใจอย่างเงียบๆ
โลกทั้งใบราวกับหยุดนิ่ง ทุกคนกำลังเฝ้ารอดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
เสียงแห่งความสุขและรื่นรมย์ดังออกมาจากหน้ากากตัวตลก
“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับทุกๆ ท่าน กระผมคือข้ารับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพวกท่านนั่นแหละ วันนี้กระผมจะมารับหน้าที่ในการเก็บเกี่ยวชีวิต ของผู้ที่ทำให้ทุกท่านเกิดความหวาดกลัวกันขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้”
“ทุกท่านสามารถเรียกกระผมว่า เพชฌฆาตตัวตลกก็ได้”
“ก็อย่างที่กระผมได้กล่าวไปนั่นแหละ มนุษย์ทุกคนที่เข้าร่วมเล่นเกมแห่งชีวิตนิรันดร์ ล้วนมีจุดสิ้นสุดเดียวกันนั่นคือ ความตาย”
“เอาล่ะ อย่างนั้นเรามาเริ่มการพิพากษากันเลยจะดีกว่า”
“หลิวชีหมาน ฆ่าสังหารผู้บริสุทธิ์ไปกว่าสิบเจ็ดคน ในเกมแห่งชีวิตนิรันดร์ การกระทำดังกล่าวนับว่าไม่สามารถให้อภัยได้ ขอตัดสินโทษประหารชีวิตในทันที”
หลังจากกล่าวจบ เพชฌฆาตตัวตลกก็ทำท่าทีเป็นตบๆ ตามจุดต่างๆ บนชุดเกราะของมัน ควานหาไปรอบๆ
ทันใดนั้นเสียงร่าเริงรื่นรมย์ของตัวตลกก็เปลี่ยนเป็นน้ำเสียงคล้ายจะร่ำไห้ “อ้าว แล้วคนล่ะไปอยู่ที่ไหนกัน? หลิวชีหมานหายไปไหนแล้ว”
ตัวตลกกวาดสายตาไปมาอย่างกระวนกระวาย ก่อนจะชะโงกหน้ามาใกล้เลนส์กล้อง จนภาพใบหน้าของเขาแทบจะล้นออกมานอกจออยู่แล้ว ก่อนจะเอ่ยถาม “แล้วพวกคุณล่ะ เห็นตัวเธอบ้างไหม? มีใครเห็นบ้างรึเปล่า กระผมหาตัวเธอไม่เจอเลย ถ้าเป็นแบบนี้ก็ประหารเธอไม่ได้น่ะสิ”
จ้องมองไปยังตัวตลกที่กำลังกระวนกระวาย มันวิ่งวนไปมา และบินไปรอบๆ และบางครั้งก็วูบโผล่มาตรงหน้ากล้อง จนทุกคนที่ตั้งใจมองสะดุ้งโหยง
เพชฌฆาตตัวตลกยกนิ้วชี้ขึ้นมาแนบกับริมฝีปากบนหน้ากาก
พร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูลึกลับออกมา “ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ไปหาตัวหลิวชีหมานกันเถอะ”
จากนั้นก็เห็นแค่เพียงเพชฌฆาตตัวตลกแปรเปลี่ยนเป็นกระแสแสง โฉบลึกเข้าไปในชั้นเมฆ
บังเกิดเสียงคลื่นโซนิคบูมดังขึ้น และร่างของตัวตลกก็หายไปจากหน้าจอ
หลายสิบวินาทีผ่านไป ร่างของตัวตลกก็ยังไม่ปรากฏตัวกลับมา
มันไปแล้วเหรอ?
ตอนนี้มันกำลังทำอะไรอยู่กันแน่?
ผู้คนรู้สึกว่าพวกเขาไม่สามารถทำความเข้าใจเกี่ยวกับฉากนี้ได้อย่างสมบูรณ์
และทันใดนั้นเอง จอม่านแสงก็เกิดประกายสว่างวาบ
ในที่สุดเพชฌฆาตตัวตลกก็ปรากฏตัวขึ้นบนจอม่านแสง
มันกำลังคว้าจับคนคนหนึ่งในมือที่กำลังดิ้นรนอย่างไม่หยุดยั้ง
นั่น หลิวชีหมาน!?
เลือดสังหารสีแดงสดห่อหุ้มหลิวชีหมานเอาไว้ และไม่ว่าเธอจะดิ้นรนเช่นไรก็ไม่มีทีท่าว่าจะหลุดพ้น
ผู้คนสามารถเห็นได้ว่าเธอกำลังกรีดร้อง และเห็นว่าเธอกำลังต่อสู้กับความเจ็บปวดทุกข์ทรมานอย่างรุนแรง ทว่ากลับไม่อาจเปล่งเสียงออกมาได้…หรือจะเรียกว่าไม่มีใครสามารถได้ยินเสียงของเธอได้คงจะถูกกว่า
ฉากสังหารที่แลคล้ายกับหนังสยองขวัญสมัยก่อนนี้ ทำให้ผู้คนอดไม่ได้ที่จะขนลุก
หลิวชีหมานค่อยๆ ถูกย่อยสลายเนื้อหนังลงอย่างช้าๆ และสุดท้ายก็เหลือทิ้งไว้เพียงกองกระดูกสีขาวภายในเลือดสังหาร
แม้ว่าเธอจะตกตายไปแล้ว ทว่าสองมือของกระดูกขาวก็ยังคงกุมแขนของตัวตลกที่ยื่นเข้ามาในเลือดสังหารเอาไว้ ราวกับว่าต้องการที่จะเป็นอิสระ
ภาพนี้ ช่างเป็นฉากที่น่าทึ่งในหลายๆ ความหมายจริงๆ
แชมป์เปี้ยนแห่งชีวิตนิรันดร์…ถูกสังหารลงโดยเพชฌฆาตตัวตลกไปอีกคนหนึ่งแล้ว
ผู้คนต่างพากันถอนหายใจอย่างเงียบๆ และทันใดนั้นในหัวใจของพวกเขาก็เต้นครึกโครม บังเกิดความระทึกขวัญขึ้นอย่างรุนแรง
ณ เวลานี้ ทั้งหมดต่างจ้องค้างไปบนจอม่านแสง นิ่งอึ้งจนมิกล้าเอ่ยคำใด
จ้องมองไปบนจอม่านแสง ฉากอันน่าสยดสยองที่สมควรจะจบลงแล้ว กลับบังเกิดขึ้นอีกครั้ง
ท่ามกลางกองกระดูกสีขาว ยังคงหลงเหลือไว้ซึ่งก้อนเนื้อเรียวที่มีลักษณะคล้ายตัวปลิงยังไม่ถูกละลายลงไปตามเนื้อหนัง
ก้อนเนื้อคล้ายตัวปลิง กำลังดิ้นพล่านอย่างดุเดือดและคลุ้มคลั่ง
.....................................................