webnovel

บทที่ 8 : เสียงกระซิบจากความฝัน

ิ"ในที่สุดก็เสร็จเรียบร้อย!"

วิคตัสยิ้มอย่างพอใจเมื่อมองไปยังกล่องไม้ที่จัดเรียงโพชั่นสมุนไพรอย่างเป็นระเบียบตรงหน้า ขวดคริสตัลที่มีลวดลายสวยงามสะท้อนแสงจากกองไฟในห้องของเขาทำให้สีสันของโพชั่นต่างๆดูมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น

เขาใช้เวลาตลอดทั้งวันที่เหลือไปกับการศึกษาพืชสมุนไพรที่เก็บมาจากการสำรวจ การทดสอบคุณสมบัติของพืชแต่ละชนิดได้เปิดโลกใหม่ให้เขาอย่างไม่รู้จบ

วิคตัสค้นพบว่าพืชแต่ละชนิดมีพลังซ่อนเร้นที่รอการค้นพบทั้งยารักษาบาดแผลที่มีประสิทธิภาพสูง ยาแก้พิษที่สามารถช่วยชีวิตในสถานการณ์วิกฤตหรือแม้แต่ผงกำจัดแมลงที่สามารถขับไล่ศัตรูพืชออกไปอย่างมีประสิทธิภาพและยาพิษที่มีความรุนแรงที่สามารถหยุดยั้งศัตรูได้ในพริบตา

พืชสมุนไพรเหล่านี้สร้างความประหลาดใจให้กับวิคตัสครั้งแล้วครั้งเล่าทุกครั้งที่เขาเพิ่มหรือเปลี่ยนแปลงส่วนผสมเพียงเล็กน้อยก็สามารถสร้างน้ำยาโพชั่นชนิดใหม่ออกมาได้เสมอ

ความแปลกใหม่ที่เกิดขึ้นจากการทดลองแต่ละครั้งทำให้เขาหมกมุ่นอยู่กับมันตลอดทั้งวันด้วยความกระตือรือร้น มีความตื่นเต้นอยู่ในทุกๆขั้นตอนและเขามักจะพบบางสิ่งที่ไม่คาดคิดซึ่งช่วยเพิ่มพูนความรู้และทักษะในการใช้เวทมนตร์ของเขาให้ดียิ่งขึ้น

หลังจากส่วนผสมชุดสุดท้ายหมดลงช่วงกลางคืนที่มืดมิดก็กลับมาเยือนอีกครั้ง 

วิคตัสรู้สึกถึงความเย็นจัดที่พัดเข้ามาข้อมือขาวรีบกระชับเสื้อคลุมหญ้าดาวตกบนร่างกายของเขา แม้จะยืนอยู่หน้าหม้อปรุงยาที่เต็มไปด้วยความร้อนแต่สายลมที่พัดเข้ามาในคืนนี้ดูเหมือนจะหนาวกว่าทุกที

ความรู้สึกโดดเดี่ยวเริ่มกลับมาเยือนอีกครั้งแต่เขายังคงมุ่งมั่นที่จะทดลองสร้างน้ำยาใหม่อย่างไม่ย่อท้อ

"พรุ่งนี้ต้องรีบรวบรวมสมุนไพร ยังต้องหาสถานที่สำหรับพิธีกรรมอีกด้วยแต่หมอกลงหนาแบบนี้จะจัดการกับมันยังไงดีล่ะ? หวังว่าคาถาลมหายใจมังกรอาจพอใช้งานได้บ้าง"

วิคตัสบ่นออกมาเบาๆระหว่างที่ใช้สายตาคู่สวยของเขากวาดมองบรรยากาศด้านนอกหน้าต่างที่มีเพียงความมืดไร้ซึ่งสิ่งอื่นเหมือนเช่นเคย

- Aotrommoto -

แสงสว่างเอ๋ย...

ข้าเรียกเจ้าออกมาจากความมืดมิดนี้

จงจุดประกายในคืนที่เต็มไปด้วยความเงียบสงัด

ให้โคมไฟสูงส่งปรากฏขึ้นที่นี่

ไม้กายสิทธิ์ถูกโบกขึ้นเป็นจังหวะกลางอากาศเสียงร่ายคาถาที่เรียบง่ายดังก้องในอากาศจนเกิดกระแสลมอ่อนๆพัดผ่านพร้อมกับแสงสีทองที่ส่องสว่างจากปลายไม้กายสิทธิ์มันดูระยิบระยับราวกับหมู่ดาวที่ลอยอยู่ในอากาศ

เพียงไม่นานโคมไฟไม้ที่สูงเกือบ 2 เมตรก็ปรากฏขึ้นบริเวณสองฝั่งข้างทางเดินหน้ากระท่อมทันทีแสงสีเหลืองที่อ่อนโยนทำให้พื้นที่รอบๆสว่างไสวขึ้นและบรรยากาศดูเหมือนจะอบอุ่นขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย

วิคตัสยังคงใช้หม้อปรุงยาต้มน้ำทำหน้าที่แทนเตาผิงในค่ำคืนที่มืดมิดโดยครั้งนี้เขาได้เพิ่มสมุนไพรสีแดงสดใสลงไปในหม้อ

เพียงไม่นานกลิ่นหอมของมันก็เริ่มกระจายไปทั่วห้องสร้างบรรยากาศอบอุ่นและสงบผสมผสานกับเสียงน้ำเดือดที่มีจังหวะอย่างเป็นธรรมชาติเสียงนี้เติมเต็มความเงียบที่แสนมีเสน่ห์ในค่ำคืน

ขณะที่แสงจากโคมไฟไม้สูงส่องสว่างไปทั่วห้อง สร้างเงาของเขาทอดยาวบนผนังไม้ หน้าต่างและประตูถูกปิดสนิทจากด้านในก่อนจะถูกผนึกด้วยเวทมนตร์สำหรับป้องกันสัตว์ป่า

ด้วยเวทมนตร์นี้เขาสามารถหลีกเลี่ยงการรบกวนจากโลกภายนอกได้ ความเงียบสงบราวกับทุกอย่างหยุดอยู่ในช่วงเวลาแห่งการเตรียมตัว

แสงในกระท่อมค่อยๆหรี่ลงคล้ายกับไฟอัตโนมัติก่อนจะมืดสนิทไปพร้อมกับดวงตาของวิคตัสที่ปิดลงด้วยความง่วงนอนทิ้งไว้เพียงแสงสีฟ้าสลัวจากกองไฟของหม้อปรุงยาที่อยู่ด้านข้างของเขาคอยให้ความอบอุ่นและแสงสว่างในค่ำคืน

ท่ามกลางความเงียบสงบของธรรมชาติมีเพียงกลิ่นหอมหวานของสมุนไพร Lady Bloody ภายในหม้อปรุงยา มันช่วยให้วิคตัสรู้สึกผ่อนคลายและขับไล่ความเครียดที่สะสมมาตลอดวัน

ด้วยคุณสมบัติจากสมุนไพรทำให้เขาสามารถฟื้นฟูพลังเวทย์ในขณะที่นอนหลับได้อย่างช้าๆ

ความรู้สึกของการเป็นหนึ่งเดียวกับโลกและพลังธรรมชาติที่รายล้อมจนเกิดเป็นห้วงแห่งความฝันที่เกินหยั่งถึง

วิคตัสรู้สึกว่าตัวเองกำลังนอนหลับอยู่บนเมฆก้อนใหญ่สีขาวความรู้สึกนี้ช่างแปลกประหลาดและน่าหลงใหล จนทำให้เขาหลงลืมตัวตนไปจนหมดสิ้นราวกับว่าเขากำลังลอยอยู่กลางปุยนุ่นที่อ่อนนุ่มและเงียบสงบ

แต่ความสงบนั้นไม่คงอยู่ตลอดไป

เมฆสีขาวเริ่มสั่นสะเทือนราวกับว่ามันถูกบางสิ่งบางอย่างที่มองไม่เห็นกำลังรบกวน วิคตัสรู้สึกถึงแรงดึงดูดที่แปลกประหลาดก่อนจะถูกดูดกลืนเข้าไปในหลุมพายุสีดำขนาดใหญ่ตรงหน้า

สภาพแวดล้อมรอบตัวเขาเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วขณะที่เสียงคำรามของพายุดังขึ้นและทำให้ใจของเขาเต้นรัว หลุมพายุพาเขาผ่านคลื่นสายฟ้าที่แผ่กระจายเสียงฟ้าร้องที่ไม่มีที่สิ้นสุดดังก้องในหู ขณะที่พายุฝนเย็นเยือกโหมกระหน่ำใส่เขาร่างกายของเขาจนเกือบกลายเป็นน้ำแข็ง

ในขณะที่ลมพายุพาเขาผ่านป่าไม้แห้งแล้งที่บิดเบี้ยวและหุบเขาที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ เขาได้ยินเสียงกรีดร้องของผู้คนที่เหมือนกับเสียงเรียกร้องจากโลกที่ไม่คุ้นเคย สิ่งที่น่าสะพรึงกลัวเกิดขึ้นเมื่อเขามองเห็นเงาร่างคล้ายกับผู้ถูกทอดทิ้งในพายุพวกเขาเกือบจะสัมผัสได้แต่ในขณะเดียวกันก็หายไปในความมืดอย่างรวดเร็วอีกครั้ง

เสียงของพวกเขาดังก้องในใจของเขาสร้างความรู้สึกวิตกกังวลขึ้นมาในจิตใจ

เวลาผ่านไปนานจนในที่สุดเมฆสีขาวก็หยุดลงตรงหน้าถ้ำหินสีดำขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในความมืดมิด ความรู้สึกวุ่นวายและวิตกกังวลแผ่ซ่านไปทั่วร่างของวิคตัสเมื่อเขามองเห็นทางเข้าที่รายล้อมไปด้วยแมลงมีพิษจำนวนมาก พวกมันดูน่าสยองขวัญจนเขารู้สึกเสียวสันหลังอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

ในความมืดมิดนี้มีเพียงถ้ำแห่งนี้เท่านั้นที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนที่สุดแต่ความชัดเจนที่น่ากลัวนั้นกลับมาพร้อมกับความรู้สึกอึดอัดใจเมื่อเขาจ้องมองเข้าไปในถ้ำความสงบเงียบที่รายล้อมทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกดูดกลืนเข้าไปในความว่างเปล่า

แม้แต่แมลงมากมายบนพื้นก็ไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อยเสียงที่ควรมีในป่ากลับถูกแทนที่ด้วยความเงียบที่หนาแน่นจนทำให้เขาเริ่มตั้งคำถามเกี่ยวกับสิ่งที่ซ่อนอยู่ในถ้ำนี้วิคตัสรู้สึกได้ว่ามีบางสิ่งที่ไม่ชอบมาพากลอยู่ในความมืด หัวใจของเขาเต้นแรงขึ้นราวกับเสียงนั้นกำลังบอกเขาว่า อย่าเข้าไป แต่กลับมีแรงดึงดูดบางอย่างจากภายใน

"เกิดอะไรขึ้น... ทำไมทุกอย่างถึงหยุดนิ่ง?" วิคตัสกระซิบออกมาอย่างกล้าๆ กลัวๆ ขณะแววตาสีเขียวของเขาสอดส่ายไปทั่วเพื่อพยายามมองหาทางออกแต่แทนที่จะพบสิ่งที่คุ้นเคยเขากลับพบกับพลังแปลกประหลาดที่ปกคลุมอยู่รอบๆ ถ้ำแห่งนี้

รูปแบบสัญลักษณ์ลึกลับที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนลอยอยู่กลางอากาศภายในถ้ำเป็นแถวยาวที่เชื่อมโยงไปยัง 'กรงขัง' ขนาดมหึมาราวกับถูกสร้างขึ้นเพื่อกักขังบางสิ่งที่น่ากลัว

กรงขังนี้คล้ายมนต์อักขระมันสูงยาวจากพื้นจรดเพดานซึ่งดูเหมือนจะเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา ขอบกรงขังมีประกายไฟสีแดงเข้มกระจายออกมาจนสามารถรู้สึกได้ถึงอันตรายหากเข้าใกล้มากเกินไปผนังของถ้ำถูกประดับด้วยหินพลังงานแปลกๆจนเขารู้สึกสนใจมันไม่น้อย

หัวใจของวิคตัสเต้นแรงขึ้นแรงดึงดูดจากพลังที่มองไม่เห็นทำให้เขาไม่สามารถหลีกหนีจากมันได้ เขาค่อยๆก้าวเข้าไปใกล้ 'กรงขัง' นั้น ความสงสัยและความกลัวผลักดันให้เขาอยากรู้ว่าสิ่งที่ซ่อนอยู่ในนั้นคืออะไร หรือเป็นเพราะพลังของมันที่ทำให้แม้แต่แมลงพิษรอบๆต่างหยุดนิ่ง

ตามทางเดินที่ลึกเข้าไปวิคตัสได้กลิ่นที่เข้มข้นของหญ้าสมุนไพรส่งกลิ่นหอมรุนแรงอยู่บนพื้นดินที่มีแมงมุมสีม่วงเข้มตัวใหญ่ทำหน้าที่ปกป้องมันอยู่ ขณะที่วิคตัสกำลังใช้ความคิดอยู่กับตัวเองและเฝ้ามองพวกมันอย่างเงียบๆ สติของเขากลับถูกดึงดูดไปยังเสียงที่ดังขึ้นอย่างกะทันหัน

เสียงที่ทุ้มต่ำและเต็มไปด้วยอำนาจดังก้องอยู่ในอากาศ

" เจ้าไม่ควรเข้ามาที่นี่ "

เสียงทีี่จู่ๆดังขึ้นเกือบทำให้หัวใจของวิคตัสหยุดเต้นราวกับว่ามันเป็นคำเตือนจากโลกที่เขาไม่รู้จัก

"ใครน่ะ!!?"

วิคตัสพึมพำเบาๆ ขณะที่ความสงสัยและความกลัวเริ่มซ้อนทับกันในใจของเขา

ลมเย็นพัดผ่านเส้นผมของเขาปลิวกระจายไปทั่วก่อนที่เขาจะมองไปยังแหล่งที่มาของเสียง บรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยความตึงเครียดขณะที่เขาพยายามตัดสินใจว่าจะถอยกลับหรือเดินเข้าไปสู่ความมืดที่รออยู่ข้างหน้า

ราวกับถูกดึงดูดให้เดินต่อเขาเลือกที่จะก้าวเข้าสู่ความมืดแทนที่จะถอยกลับ แม้ในใจลึกๆ จะมีความรู้สึกหวาดกลัวอย่างไม่อาจปฏิเสธได้ ขาของเขาพาไปจนกระทั่งถึงลานกว้างขนาดใหญ่ภายในถ้ำ วิคตัสยืนอยู่กลางความมืดพร้อมกับภาพที่น่าตกใจดึงดูดสายตาของเขา

ผลึกเกลือสีม่วงเข้มงอกย้อยลงมาจากผนังและเพดาน ส่องแสงเรืองรองเหมือนดวงดาวในคืนที่ไร้แสงดาว ผลึกที่มีสีม่วงเข้มทำให้บรรยากาศโดยรอบดูเย้ายวนและมีมนต์ขลัง จนรู้สึกได้ถึงพลังที่แฝงอยู่ในอากาศ ขณะที่แสงสะท้อนกับพื้นถ้ำ สร้างเงาที่เคลื่อนไหวไปมาอย่างน่าขนลุก

บ่อน้ำที่มีกลิ่นเค็มของเกลือส่งกลิ่นเข้าจมูกตรงกลางมีหินสีดำเงางอกย้อยลงมาเกือบสามเมตร บนหินที่ทิ้งตัวลงมานั้นมีชายคนหนึ่งถูกมัดตรึงร่างไว้ด้วยมนต์อักขระที่น่ากลัว

วิคตัสกลั้นหายใจเมื่อเห็นใบหน้าของชายคนนั้น ชายรูปร่างสูงใหญ่ดุดันถึงแม้จะถูกคุมขังแต่ดวงตาสีเข้มของเขากลับฉายแววอำนาจที่ไม่ธรรมดาผมยาวรุงรังของเขาปกคลุมใบหน้าจนแทบมองไม่เห็น แต่วิคตัสแน่ใจอย่างยิ่งว่านี่คือเจ้าของเสียงที่ดังก้องอยู่ในห้องเงียบสงบนี้

ชายตรงหน้าเขาคือใคร?

ทำไมถึงถูกกักขังในสถานที่เช่นนี้?

อีกฝ่ายดูเหมือนไม่ได้แสดงอาการประหลาดใจเมื่อเห็นเขาเดินเข้ามา เพียงแต่ยกศีรษะขึ้นอย่างช้าๆ ดวงตาสีเข้มสะท้อนแสงสลัวจากบ่อน้ำเกลือทำให้เกิดประกายราวกับมีไฟส่องอยู่ในความมืดที่รายล้อม

เขาจ้องมองออกมาผ่านกลุ่มเส้นผมที่จับตัวกันแน่นจนเป็นก้อน หากสังเกตุดีๆจะเห็นว่าเส้นผมที่ยุ่งเหยิงนั้นมีแมลงตัวเล็กๆเดินไต่ไปมาจนวิคตัสรู้สึกคันยุบยิบแทนชายคนนั้น

ความรู้สึกอึดอัดและไม่สบายใจคล้ายกับมีแรงกดดันอันหนักหน่วงทำให้เขาไม่อาจละสายตาจากอีกฝ่ายได้

ทันทีที่สายตาทั้งสองสบกันราวกับว่ามีกระแสไฟฟ้าแล่นผ่านพวกเขาทั้งคู่มันรุนแรงและดึงดูดในเวลาเดียวกันแต่กลับไม่มีใครแสดงอาการใด ๆ ออกมานอกจากความเงียบสงบที่ยาวนานเกินกว่าจะนับได้

วิคตัสไล่ความคิดที่กำลังหลุดลอยออกไปและพยายามควบคุมอารมณ์ก่อนปรับสีหน้าของเขาให้ดูสงบ

"ข้าได้ยินเสียงบางอย่างเลยเดินตามเข้ามาแต่มาคิดดูบางทีข้าอาจหูฝาดไป? ..เอ่อ ถ้างั้นข้าไม่รบกวนท่านดีกว่า โชคดี! "

ชายหนุ่มเงียบงันชั่วขณะก่อนจ้องมองวิคตัสด้วยสายตาที่ดูเหมือนเขากำลังคิดว่า

' ....คิดว่าข้าโงรึไง? '

จู่ๆวิคตัสก็รู้สึกหนาวเหน็บที่กระดูกสันหลังจนเขาเอามือลูบต้นแขนเบาๆก่อนมองไปทางซ้ายขวาเพื่อหาทางออก

"แฮะแฮ่ม...ท่านพอรู้หรือไม่ว่าทางออกที่นี่ไปทางไหน? "

เขาเผลอถามออกไปอีกครั้งอย่างไม่ตั้งใจ สายตายังคงจ้องมองชายหนุ่มในเงามืดแต่ในใจกลับเผลอคิดว่า

'นี่ข้ากำลังถามคนที่ถูกขังว่าออกทางไหนอยู่งั้นหรือ?'

ชายหนุ่มนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะเลิกคิ้วมองวิคตัสด้วยสีหน้าที่ไม่แน่ใจว่าควรจะขำหรือสงสารดี

"ทางออก?" เขาถามกลับ น้ำเสียงของเขาฟังดูเหมือนมีความหมายบางอย่างแอบแฝงอยู่

" ข้าเองยังไม่สามารถออกจากที่นี่ได้แล้วเจ้าคิดว่าข้าจะรู้หรือเปล่าล่ะ? "

วิคตัสรู้สึกเหมือนถูกตีด้วยคำพูดนั้น เสียงที่เต็มไปด้วยความท้อแท้ทำให้เขาอึดอัดจนเปลี่ยนสายตาไปทางอื่น

"... ข้าก็แค่ลองถามเฉยๆน่ะ "

บรรยากาศรอบตัวทำให้วิคตัสรู้สึกถึงความสิ้นหวังที่แผ่ซ่านออกมาราวกับว่าตนเองอยู่ในโลกที่มีเพียงเขาและชายหนุ่มในเงามืด

"จริงสิ! ข้าจะมอบน้ำยาสมุนไพรพวกนี้ให้กับท่านเพื่อเป็นการขอโทษที่ข้าบุกรุกเข้ามาโดยพลการ มันใช้งานง่ายมาก เพียงแค่ท่านดื่มเข้าไปสามอึก น้ำยาสีฟ้าขวดนี้สามารถช่วยฟื้นฟูพละกำลังของร่างกายได้ดีทีเดียว"

เพื่อทำลายความเงียบที่น่าวังเวงนี้วิคตัสพยายามเรียกขวดโพชั่นที่ถูกเก็บไว้ในพื้นที่มิติแต่กลับพบว่าไม่มีสิ่งใดออกมาแต่หลังจากพยายามอยู่หลายครั้งแต่ไม่เป็นผลสำเร็จเขาเริ่มรู้สึกวิตกอีกครั้ง

"ทำไมถึงไม่มีอะไรออกมา?" เขาพูดกับตัวเองเสียงเบา ขณะเดียวกันก็รู้สึกได้ถึงพลังเวทย์ที่อ่อนแอลงอย่างเห็นได้ชัดราวกับว่าความสามารถในการใช้เวทมนตร์ของเขาถูกปิดกั้นโดยพลังบางอย่าง

"อาจมีบางอย่างในถ้ำที่ทำให้เวทมนตร์ของข้าใช้ไม่ได้..." เขาคิดในใจขณะเหลือบมองไปยังชายที่ยังถูกมัดตรึงอยู่ด้วยสายตาที่มีความเป็นไปได้ว่าคงไม่สามารถช่วยเหลือเขาได้ในตอนนี้

"เจ้าควรรีบออกจากที่นี่ก่อนที่ 'พวกมัน' จะรู้ตัว"

ชายหนุ่มที่ถูกแขวนบนแท่นหินสีดำไม่ถามสิ่งอื่น แต่กลับไล่วิคตัสให้ออกไปแทนด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวลและเร่งรีบ

"ไม่ต้องห่วงสัตว์พวกนั้นไม่ขยับเลยด้วยซ้ำ"

"ข้าไม่ได้หมายถึงแมลงพวกนั้น แต่เป็น . . ." คำพูดของอีกฝ่ายยังไม่ทันจบประโยคกลับถูกขัดจังหวะด้วยเสียงแหลมที่ดังขึ้นจากมุมถ้ำก่อนที่กรงเล็บสีดำจำนวนมากจะโผล่ออกมาราวกับว่าพวกมันซ่อนตัวอยู่ในความมืดเพื่อรอเวลาโจมตี

เมื่อวิคตัสรู้สึกได้ถึงพลังงานที่เยือกเย็นลอยมาจากกรงเล็บเหล่านั้นเขารีบหมุนตัวกลับทันที

"เร็วเข้า! ไม่มีเวลาแล้ว!" เสียงของชายหนุ่มยังคงก้องอยู่ในหัวของเขาขณะที่วิคตัสพยายามจะปัดป้องกรงเล็บที่รัดรอบข้อมือเขาอย่างแน่นหนา

เด็กชายหลบหนีไปด้านข้างด้วยความตกใจร่างเล็กๆของเขาวิ่งขนานไปกับผนังถ้ำแต่กรงเล็บสีดำยังคงยืดออกตามหลังเขาอย่างไม่ลดละพวกมันดุร้ายและรวดเร็วราวกับเงาสะท้อน

ในมือที่ว่างเปล่าไร้ซึ่งพลังและอาวุธเขาทำได้เพียงแต่กระโดดหลบต่อไปเรื่อยๆ หัวใจเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมาขณะที่เขาพยายามคิดหาวิธีจัดการกับกรงเล็บที่ไล่ล่าตนอย่างดุเดือด

"ข้าจะทำยังไงดี!! .. ม้นตามข้ามาทำไมเนี่ย อ้าา!! "

เสียงเขาดังก้องกังวานพร้อมกับมองไปยังชายหนุ่มที่ถูกมัด วิคตัสสะดุดขาตัวเองและล้มลงไปกับพื้นหัวใจของเขาเต้นรัวเมื่อเห็นกรงเล็บมากมายพุ่งเข้ามาเขายกมือขึ้นเพื่อป้องกันตัวเองและมืออีกข้างกำลังค้นหาสิ่งที่สามารถใช้ต่อสู้

เมื่อวิคตัสรู้สึกถึงอันตรายที่กำลังพุ่งตรงเข้ามาโดยคิดว่าครั้งนี้ไม่สามารถหนีต่อไปได้อย่างแน่นอน ทันใดนั้นหินสีดำเงาก็ทะลุขึ้นมาจากพื้นดินแทงไปยังกรงเล็บสีดำพวกนั้นก่อนจะมีเสียงกรีดร้องดังขึ้นทั่วทั้งถ้ำ

หอกหินขนาดใหญ่ที่ทรงพลังแต่กลับดูลึกลับในเวลาเดียวกัน มีรูปทรงแปลกๆคล้ายคริสตัลหินจนวิคตัสลืมความกลัวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ไปทั้งหมด

" ... นั่นมันอะไรกันน่ะ?! "

ความงามของหินนั้นตัดกับความมืดมิดรอบตัว มันมีประกายเงาและเต็มไปด้วยพลังจนเขาสัมผัสได้แม้ในความมืดสนิท เขามองดูหอกหินที่ทะลุขึ้นมาก่อนจะสัมผัวได้ถึงพลังที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน

กรงเล็บสีดำถูกแทงทะลุด้วยหอกหินอย่างแรงจนมันร้องเสียงร้องแหลมอย่างทรมาน

"รีบออกไปซะ . . . พลังของข้าในตอนนี้ไม่อาจจัดการพวกมันได้แต่คงถ่วงเวลาไว้ได้สักพัก"

เสียงที่เยือกเย็นเอ่ยขึ้นเตือนเขาอีกครั้ง

วิคตัสพยายามมองรอบๆเพื่อค้นหาเจ้าของเสียงแต่ครั้งนี้กลับไม่พบสิ่งใดนอกจากความมืดของถ้ำหิน

"ขอบคุณมาก!! ข้าชื่อวิคตัส ขอถามชื่อของท่านได้ไหม? "

วิคตัสที่เฝ้ารอคำตอบได้รับเพียงความเงียบส่งกลับมา บ่งบอกได้ดีว่าอีกฝ่ายคงไม่อยากรู้จักเขาสักเท่าไหร่

ความเงียบแผ่กระจายไปทั่วถ้ำจนเขารู้สึกเหมือนถูกทิ้งไว้ในความว่างเปล่าและในช่วงเวลานั้น ความรู้สึกของเขาก็เริ่มผสมผสานระหว่างความกลัวและความอยากรู้เกี่ยวกับชายที่ถูกขังอยู่ข้างหน้า

"ถ้าไม่อยากตอบคำถามพวกนี้ งั้นช่วยบอกวิธีออกจากที่นี่หน่อยได้ไหม..?"

เด็กหนุ่มแอบคิดว่าคำถามที่งี่เง่านี้คงไม่ได้คำตอบด้วยเช่นกันแต่หลังจากที่เขาพูดจบ เสียงเฉยชาของอีกฝ่ายก็ชี้ทางให้กับเขาอีกครั้ง

"ค้นหาแสงสว่างจากตัวเจ้าแล้วใช้มันนำทางตัวเองกลับไปยังเส้นทางที่ถูกต้อง รีบออกจากดินแดนแห่งความฝันก่อนที่จะสายเกินไป"

วิคตัสรู้สึกเหมือนมีแสงเล็กๆส่องเข้ามาในความคิดเมื่อได้ยินคำตอบของชายผู้ถูกขังจนทำให้หัวใจของเขาเต้นรัว

"แสงสว่างจากตัวข้า?" วิคตัสถามอย่างสงสัย สายตาของเขายังคงค้นหาในความมืดรอบตัว

"ท่านหมายถึงอะไร? ข้าจะหามันได้อย่างไร?"

อีกฝ่ายเงียบไปชั่วขณะราวกับกำลังพิจารณาคำถามของเขาก่อนจะตอบด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความจริงจัง

" พลังของเจ้าเรียกมันออกมาจงฟังเสียงในใจให้ดีและอย่าให้ความกลัวบดบังจิตใจของเจ้า "

เขาอาจจะไม่เข้าใจทั้งหมดแต่วิคตัสรู้สึกถึงพลังที่เกิดขึ้นในตัวเขา

"ขอบคุณท่านมาก!"

วิคตัสเอ่ยออกมาอย่างจริงใจ ก่อนที่ชายผู้ถูกขังจะตอบสนองเสียงที่น่ากลัวกว่าเสียงของเขาได้กลับมาอีกครั้ง

" รีบไปเร็วเข้า! อย่ามัวเสียเวลา! "

วิคตัสหันมองชายคนนั้นอีกครั้งก่อนเริ่มก้าวไปในความมืดของถ้ำ

"ถ้าข้าอยู่ในดินแดนแห่งฝัน...ทำไมมันถึงดูน่าสะพรึงกลัวขนาดนี้?"

ขาบ่นขึ้นมาพึมพำเบาๆก่อนพบรอยแตกของหินที่ขอบกำแพงที่มีแสงริบหรี่ส่องออกมาจางๆ ในขณะที่พยายามเพ่งมองอย่างจดจ่อกับการค้นหาแสงสว่างจนกระทั่งเขาเห็นประกายเล็กๆ กระพริบอยู่ข้างหน้า

"...แสงนั่น! "

เขารีบตรงไปที่แสงนั้นอย่างรวดเร็วแต่ในขณะที่เขาเดินไปแสงนั้นกลับยิ่งจางลงราวกับว่ามันกำลังหลบหนีจากเขา

"ทำไมมันไม่หยุดล่ะ?" เขาถามตัวเอง ขณะที่หยุดลงเพื่อดึงลมหายใจ

"....ความรู้สึกเหมือนฝันร้ายเลยแฮะ?"

ในขณะที่สติของเขากำลังหลุดลอยเสียงกระซิบที่คุ้นเคยค่อยๆดังขึ้นในใจของเขา

ออกไปซะ...ก่อนที่จะสายเกินไป...

เสียงเตือนนั้นทำให้เขากลับมารู้สึกตัวได้อีกครั้งขณะที่เดินต่อไปวิคตัสเริ่มรู้สึกถึงบางอย่างในอากาศ มันเหมือนกับการเรียกหาอยู่ไกลๆที่ดังอยู่ในใจของเขา

" ...ถ้าข้ากำลังฝันจริงๆ แล้วข้าจะทำอย่างไรเพื่อกลับไป?"

เขาตั้งคำถามกับตัวเองพยายามตั้งสติสายตายังคงกวาดมองรอบๆแต่กลับไม่พบสิ่งใดเลย ความมืดรอบตัวเขาดูเหมือนจะยิ่งดึงดูดให้เขาหลงทางมากขึ้น

วิคตัสเริ่มรู้สึกถึงความว่างเปล่าในใจราวกับว่าเขาลืมบางอย่างไป เขาพยายามนึกถึงช่วงเวลาก่อนที่เขาจะเข้ามาที่นี่ ข้ากำลังทำอะไรอยู่

.. ข้ากำลังทำอะไรอยู่

ยา . . สมุนไพร ..หม้อปรุงยา

ใช่แล้ว!!!! เขาหลับไปหลังจากเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันกับการปรุงยานั่นคือช่วงเวลาที่เขาเข้าสู่ความฝันนี้!! 

"หากนี่คือความฝันข้าก็ต้องสามารถสร้างมันขึ้นมาได้!" วิคตัสตะโกนออกมาอย่างมั่นใจเสียงของเขาเหมือนกระแสลมที่ต้านทานความมืดรอบตัวขณะที่กระชับมือและมองไปยังที่ว่างเปล่าข้างหน้า

เมื่อวงจรความคิดของสมองกลับมาทำงานได้ตามปกติอีกครั้ง สายตาของเด็กหนุ่มหรี่ลงอย่างเจ้าเล่ห์เมื่อเขาสังเกตเห็นถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นในที่แห่งนี้รูปอักขระสีดำมากมายที่ผนึกไปทั่วถ้ำดูเหมือนจะส่องประกายแปลกๆ สลับกับเงามืดที่ล้อมรอบ มันไม่เพียงแต่เป็นสิ่งที่ดูน่าสยดสยองแต่กลับมีพลังที่เขาไม่สามารถเข้าใจได้

"พลังนี่มันอะไรกัน?" เขาพึมพำกับตัวเองขณะที่มองไปยังอักขระที่มีรูปร่างซับซ้อนเหล่านั้น

"มันอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ข้าไม่สามารถใช้พลังเวทย์ได้!"

ในขณะที่วิคตัสพยายามหาทางออก เขาสังเกตเห็นว่าเหล่านั้นไม่ได้เพียงแค่มีอยู่ในอักขระแต่ยังคงเกาะอยู่บนตัวของชายหนุ่มที่ถูกแขวนอยู่ด้วยเมื่อเขามองไปที่อีกฝ่าย ชายคนนั้นดูเหมือนจะถูกระงับไว้ภายใต้การผนึกนี้

" ถ้าพลังของข้าถูกผนึก...งั้นลองใช้วิธีที่สุดโต่งไปเลยก็แล้วกัน!"

ในเมื่อทางออกอื่นดูเหมือนจะไม่มี . . . สันติคงไม่ใช่ทางออก !! 

ด้วยความมุ่งมั่นในใจวิคตัสเริ่มรวบรวมสมาธิและหายใจเข้าลึกๆ

รอยยิ้มมุมปากปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเด็กหนุ่ม ทำให้รูปลักษณ์ของเขาดูชั่วร้ายกว่าปกติเล็กน้อยสายตาของเขาเป็นประกายเมื่อตระหนักถึงทางออกในสถานการณ์อันมืดมิดนี้

วิคตัสมองไปรอบๆค้นหาวัตถุที่สามารถใช้สร้างวงเวทย์ได้อย่างรวดเร็วและหยิบเศษคริสตัลสีดำแปลก ๆ ที่ตกกระจัดกระจายอยู่บนพื้นด้านข้างก่อนที่จะนั่งลงและเริ่มจัดเรียงมันให้เป็นรูปแบบที่เหมาะสมสำหรับพิธีอัญเชิญ

"Barcaso Dulseuas Somnia"

เขากล่าวเสียงดังเพื่อเรียกพลังจากโลกที่เขาไม่แน่ใจว่าจะได้ตอบรับหรือไม่

ในนามของผู้ใช้เวทย์แห่งพงไพร

ข้าขอวิงวอนต่อเทพอินซอมนัสผู้ยิ่งใหญ่

ผู้ปกครองดินแดนนิทราจากอาณาจักรพันหมื่นราตรี จงอำนวยพรแก่ข้าเพื่อชี้ทางแห่งแสงสว่าง

ขับไล่ฝันร้ายที่จองจำและตื่นจากการหลับใหลอันเป็นนิรนดร์นี้ . . .

"คืนสู่ความจริง!"

เขากล่าวเสริมในที่สุดเสียงที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นดังสะท้อนทั่วโถงความมืดขณะที่วงเวทย์เริ่มส่องแสงเปล่งประกายขึ้นมาจากเศษคริสตัลที่เขาใช้แสงสีฟ้าสว่างจ้าเริ่มทะลักออกมาจากวงเวทย์อย่างรวดเร็ว

ราวกับว่าแสงนั้นกำลังตอบรับการเรียกของเขา ขณะที่มันทะลักออกไปพลังงานที่มีอยู่รอบตัวเริ่มสั่นสะเทือนกระทบกับพื้นถ้ำจนทำให้หินบดเคี้ยวเกิดเสียงดัง วิคตัสรู้สึกถึงพลังที่คุ้นเคยหลั่งไหลเข้ามาในตัวเขาก่อนรีบร่ายมนตร์ออกไปทันที

" Phaedra Phara ! " 

พลังแสงสว่างที่ถูกเรียกขึ้นค่อยๆขยายตัวออกขับไล่ความมืดและพลังที่กดทับเขาไว้. . . .

Next chapter