ณ แดนซาตาน
"ฮึกฮือๆๆๆ ขะ ข้ากลัว...ฮือๆๆ"
เพนนีนั่งกุมหน้าอกร้องไห้ฟูมฟายอยู่ในทุ่งบุปผาเจ็ดสี นางเสียขวัญจากเหตุการณ์เมื่อครู่ ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก แสงสีขาวกลืนนางเข้าไป ทว่า...นางกลับโผล่มาอยู่ที่ทุ่งแห่งนี้ นับว่าโชคช่วยแท้ๆ
ยามเพธากลับมาพร้อมอาภรณ์ชุดใหม่ เห็นน้องสาวนั่งร้องไห้อยู่ในทุ่งก็ตกใจรีบวิ่งเข้ามาดู "เพนนี พี่อยู่นี่ๆ เจ้าปลอดภัยแล้วนะ" เพธากอดปลอบน้องสาว
"แล้วองค์หญิงล่ะ องค์หญิงอยู่ที่ใด!" เพธานึกขึ้นได้ว่าตั้งแต่มานางยังไม่เห็นแม้แต่เงาขององค์หญิงเลย
เพนนีร้องไห้หนักยิ่งกว่าเดิม น้ำตาเม็ดโตไหลอาบแก้ม สายตาพร่ามัวเนื่องจากหยดน้ำใสเอ่อคลอเบ้า "ฮือๆๆ พี่ เป็นความผิดข้าเอง องค์หญิงบินขึ้นไปคว้าร่างข้าไว้ นางคง….ถูกดูดเข้าไปแล้ว ฮือๆๆๆ"
เพนนีร่ำไห้สุดเสียงปานจะขาดใจ ได้แต่โทษตัวเองที่เป็นต้นเหตุทำให้เจ้านายที่นางรักและเทิดทูนตกอยู่ในอันตราย นางเสียใจเหลือเกิน หากไม่บอกองค์หญิงเรื่องดอกไม้นั่นก็คงไม่เป็นเช่นนี้
เพธาได้ยินน้องสาวบอกเช่นนั้น ใจก็ตกลงไปอยู่ตาตุ่ม มือไม้สั่นทำอะไรไม่ถูก ยามนี้แก้วตาดวงใจของนางหายตัวเข้าไปในห้วงบรรพกาลนั่น เด็กหญิงตัวคนเดียวจะอยู่อย่างไร กินอย่างไรเล่า
อีกนัยหนึ่ง ห่วงความปลอดภัยขององค์หญิงก็ห่วง แต่หลังจากทูลเรื่องนี้กับองค์ซาตานและราชินี นางก็ห่วงเช่นกันว่าศีรษะของนางและน้องจะยังอยู่บนบ่าได้หรือไม่
ณ ปราสาทแก้ว
ยามนี้องค์ซาลีมานกำลังมัวเมาเคล้าโลกีย์อยู่กับนางระบำห้าตนบนเตียงใหญ่ เจ้าแห่งซาตานผู้นี้นับว่ายังหนุ่มแน่น แม้จะอายุกว่าสามพันปีแล้ว แต่กำลังวังชายังดีดุจม้าคึกคะนอง
"ซี๊ดดด อ๊า อ๊ะๆๆ ฝ่าบาท หม่อมฉันไม่ไหวแล้วเพคะ อ๊า!"
นางระบำทางซ้ายของหัวเตียงร้องระบายความเสียวดังระงม ขาเรียวข้างขวาพาดกับเสาหัวเตียง ขาซ้ายถูกยกลอยขึ้นพาดบนบ่าบึกบึนขององค์ซาลีมาน มือข้างหนึ่งยึดเกาะผ้าม่านเตียงเอาไว้แน่น อีกมือขยำเต้าอวบของตนเองด้วยความกระสัน ร่องสวาทฉ่ำแฉะแบะอ้าอร่ามตา องค์ซาลีมานตอกลำลึงเข้าออกดิบเถื่อนอยู่นาน จนนางท้วงว่าไม่ไหว
ตับ! ตับ! ตับๆๆๆๆๆๆ
ซาลีมานผู้กระหายในกามกระแทกอาวุธคู่กายแรงๆ สองครา ก่อนจะเร่งจังหวะตอกใส่ถ้ำอ่อนนุ่มไม่ยั้ง นางระบำผู้นั้นตัวโยน เต้านมทั้งสองกระเพื่อมสั่นไหวไปตามแรงกระแทก นางตาเหลือกร้องครวญคราง พลางแอ่นอกเงยหน้าสูดปากในท่าเร้าอารมณ์
"กรี๊ดด! ฝ่าบาท กรี๊ดดดดด!" ร่องแคบตอดรัดกระตุกเกร็ง น้ำกามไหลเยิ้มตามง่ามขาสวย ครั้นองค์ซาลีมานผละออก ร่างเปลือยเปล่าก็อ่อนยวบลงบนเตียงในท่าถ่างขาหุบไม่เข้า
เมื่อเห็นว่านางทางซ้ายไม่ไหว ซาลีมานจึงหันไปสวนแท่งสวรรค์ใส่ร่องสวาทของนางทางขวาต่อโดยไม่รีรอ กอดรัดซัดกันนัวเนียราวกับสัตว์ป่ากระหายเลือด
"ซี๊ดดด อ๊อยยๆๆๆ ฝ่าบาท เลียเร็วๆ เลยเพคะ อ๊อยยยย~"
เสียงครางกระเส่าดังระงมออกมาจากประตูหน้าห้องบรรทม องครักษ์สองนายพากันลังเลหน้าเครียดว่าจะเคาะประตูหรือไม่เคาะดี
องครักษ์นายหนึ่งเห็นสหายมัวแต่ลังเล จึงกระซิบเร่ง "เคาะเลย เคาะสิ!"
"เออ รู้แล้วโว้ย!" อีกฝ่ายถลึงตากระแทกกระทั้นกลับ
ท้ายที่สุดมือหยาบกร้านก็ตัดสินใจเคาะประตูสองครา "ก็อก ก็อก" องครักษ์ทั้งสองยืนลุ้นเหงื่อตก ทุกคนต่างรู้ดีว่าหากผู้ใดขัดจังหวะยามเสวยกามขององค์ซาลีมาน มันผู้นั้นจะหนีไม่พ้นโทษประหาร
"ฝะ ฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องด่วนมาทูลพ่ะย่ะค่ะ!"
บัดนี้เสียงคาวโลกีย์ด้านในเงียบลงแล้ว ตามมาด้วยเสียงผลักประตูดัง "ปัง!"
องค์ซาลีมานผู้มีกายสีแดง เดินย่างสามขุมออกมาจากห้องบรรทมด้วยสีหน้าโกรธกริ้ว คิ้วขมวดเป็นปมยุ่ง นัยน์ตาสีดำทมิฬจ้ององครักษ์เขม็ง ตรามารเพลิงโลกันต์สีดำสนิทบนหน้าผากเกิดเปลวลุกโชนราวอยากจะเผาคนตรงหน้าให้เป็นจุณ!
"หากไม่สำคัญพอ ข้าจะบั่นคอพวกเจ้าแล้วโยนให้อีแร้งกิน!"
องครักษ์ก้มหน้าพร้อมกล่าวตัวสั่น "ทะ ทูลฝ่าบาท องค์หญิงเซนิตถูกดูดเข้าไปในห้วงบรรพกาลพ่ะย่ะค่ะ!"
"อะไรนะ!" องค์ซาลีมานร้องลั่นด้วยความตระหนก
องครักษ์อีกนายช่วยสหายพูดต่อ "บ่าวรับใช้ขององค์หญิงบอกว่าพาพระนางออกไปเก็บดอกไม้ที่พรมแดน ระหว่างนั้น..."
"ไปตามสมีมา แล้วจัดเวรยามเฝ้าที่พรมแดนไว้" ยามนี้องค์ซาลีมานไม่สนคำบอกกล่าวใดๆ ทั้งสิ้น ซ้ำยังไม่ได้ห่วงธิดาของตนเท่าใดนัก สิ่งที่กลัวยิ่งกว่าคือการรุกรานจากแดนเทพ
"พ่ะย่ะค่ะ/พ่ะย่ะค่ะ" องครักษ์ทั้งสองลอบถอนหายใจโล่งอกที่ไม่โดนบั่นคอ
ณ ตำหนักนิลแก้ว
พื้นแก้วใสยามนี้เลอะเทอะมัวหมองไปด้วยสำรับอาหารที่หกเรี่ยราด ต่อให้เครื่องหอมส่งกลิ่นผ่อนคลายเพียงใด ก็มิอาจดับไฟร้อนในใจของ 'พระนางปาลี' ได้
นางนั่งอยู่บนแท่นนอน เท้าเปลือยเปล่าเตะสำรับอาหารกระจัดกระจายไปคนละทิศ ยังไม่พอ นางบันดาลโทสะใช้บาทายันศีรษะของสมีอย่างแรง
ตุบ!
ตึง!
สมีล้มหงายตึงลงบนพื้น
"ไอ้ขี้เรื้อน! ข้าเคยบอกแล้วไงว่าสำรับพวกนี้ไม่ถูกปากข้า ให้เปลี่ยนนางกำนัลปรุงสำรับใหม่ เหตุใดยังเป็นเช่นเดิม" เสียงแหลมตวาดลั่น
พระสนมเอกขององค์ซาลีมานผู้นี้วางอำนาจบาตรใหญ่เสมอมา ท่าใหญ่เสียจนเกินหน้าเกินตาราชินีเซลีนไปแล้ว นางคิดว่าตัวเองเป็นเมียคนโปรดจะทำอันใดก็ย่อมได้
สมีผู้ขลาดกลัวนั่งหลังค่อม ก้มหน้าตัวสั่นงกๆ สีหน้าเหยเกคล้ายจะร้องไห้อยู่รอมร่อ
"พะ พระสนม กระหม่อมผิดไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ คราวหน้ากระหม่อมจะสั่งให้นางกำนัลปรุงรสที่พระสนมโปรด..."
พลั่ก!
ตุบ!
พระนางปาลีเงื้อบาทาถีบหน้าสมีล้มหงายลงไปอีกรอบก่อนเขาจะทันได้พูดจบ บรรดาบ่าวรับใช้ในตำหนักพากันอมยิ้มหัวเราะเยาะกับภาพตรงหน้าอย่างไร้ความเห็นใจ
"ข้าไม่ได้สั่งให้ปรุงใหม่ ข้าสั่งให้เปลี่ยนนางกำนัลในโรงครัวทั้งหมด เจ้าหูหนวกรึ ไอ้ขี้เรื้อน!"
สมีผู้น่าสงสารรีบโค้งศรีษะที่เกือบล้านของตนให้พระสนม ร่างสันหลังค่อมสั่นเทิ้มด้วยความกลัว ใบหน้าที่ฟกช้ำจากการถูกถีบเดี๋ยวก้มเดี๋ยวเงยอย่างหวาดระแวง
"ระ รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ"
สมีรีบคารวะนางแล้วเดินออกจากตำหนักไปทันที ระหว่างทางเขาพบกับองครักษ์ขององค์ซาลีมานที่บินตามมา
"สมี องค์ซาตานมีรับสั่งให้เจ้าเข้าเฝ้าประเดี๋ยวนี้"
สมีผู้ต่ำต้อยส่งยิ้มเจื่อนๆ ให้อีกฝ่ายทั้งใบหน้าบวมช้ำ จากที่หน้าตาไม่น่ามองอยู่แล้ว ยิ่งดูอัปลักษณ์ขึ้นไปอีก "อ่อ ขะ ขอรับ"
จากนั้นเขาจึงกางปีกสีดำบินตามองครักษ์ไป