ณ วิมานทองเปล่งแสงเจิดจรัสแห่งหนึ่ง ภายนอกยิ่งใหญ่และวิบวับตระการตายามต้องแสงอรุณ ภายในกว้างขวางสุดลูกหูลูกตา ข้าวของเครื่องใช้ล้วนทำจากเพชรนิลจินดาทั้งสิ้น ไม่ว่าเทพตนใดในแดนนี้ก็ไม่มีใครมั่งคั่งเทียบชั้นได้
อ่างน้ำมรกตใจกลางห้องสรงโรยรายไปด้วยกลีบกุหลาบสีแดงสด เทพธิดาดวงหน้างดงามสี่ตนต่างง่วนอยู่กับการเทน้ำนมอยู่รอบอ่าง พร้อมกวนให้กลิ่นหอมโชยระเหย อาภรณ์สีขาวเปียกชุ่มเผยให้เห็นเนื้อสาวเลือนราง
เทพหนุ่มรูปโฉมชวนฝัน คิ้วหนาสีบลอนด์เฉกเช่นเดียวกับสีเรือนผม รูปตาเฉี่ยวคมคายพาให้ใจหญิงสาวละลายยามจ้องมอง นัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลทรงเสน่ห์ จมูกโด่งเป็นสันดูอาจหาญ ริมฝีปากบางหยักแดงระเรื่อ ร่างสูงโปร่งพาดผ้าไหมสีทองพันรอบเอวสอบอย่างหมิ่นเหม่ ไล่ขึ้นไปตามร่องกล้ามท้องอันสวยงามคือแผงอกกำยำอันสมส่วน อกผายไหล่ผึ่งน่าเกรงขามสมชายชาตรี ร่างสมบูรณ์แบบสืบเท้าเข้ามาภายในห้องสรง นัยน์ตาสีฟ้ากวาดมองเทพสาวรับใช้ด้วยสีหน้าเฉยชา ก่อนย่างท่อนขาแกร่งขึ้นไปบนบันไดอ่าง
เหล่าเทพสาวรับใช้ต่างมองบุรุษรูปงามผู้นี้อย่างหลงใหล นางหนึ่งหยัดกายขึ้น แล้วเดินเข้าหาเขาด้วยท่าทีนวยนาด แสดงความเสน่หาออกมาอย่างไม่ปิดบัง
"หม่อมฉันเปลื้องผ้าให้นะเพคะ ฝ่าบาท" นางส่งสายตาเชิญชวน เชื่อมสวาทสุดฤทธิ์
"อืม" เทพหนุ่มตอบรับสั้นห้วน ทำราวกับไม่ใส่ใจแม้เพียงนิด
เทพสาวหน้าเปื้อนยิ้มทันใด ยามปกติเทพคลีโอไม่โปรดให้สาวรับใช้แตะเนื้อต้องตัวนัก วันนี้นับว่าเป็นบุญของนางแล้ว นางยื่นมือเรียวเล็กปลดเปลื้องผ้าไหมรอบเอวสอบของเขาออก วินาทีถัดมาความเป็นชายอันใหญ่โตก็ผงาดสู่สายตา
สาวรับใช้ทั้งหลายแทบหยุดหายใจ…
ไฟราคะโรมรันแผดเผาทั่วกายสาว นางปราถนาจะถวายเรือนร่างให้บุรุษตรงหน้าจนตัวสั่นระริก โดยไม่สนแม้แต่สายตาริษยาของสหายที่มองมาจากด้านหลัง นางมองหน้าเทพหนุ่มไม่วางตา พลางค่อยๆ ย่อตัวลงบนขอบอ่าง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้ห้ามปราม นางจึงลอบยิ้มอยู่ในใจ สองมือจับที่ต้นขาแกร่ง และ….
"ฝ่าบาท!"
ก่อนที่นางจะได้ลิ้มรสแท่งสวรรค์ของเขา ทันใดนั้นเสียงองครักษ์ก็ดังขึ้นขัดจังหวะอันหฤหรรษ์
"มีอะไร" คลีโอเอ่ยถาม แววหน้ายังคงเย็นชาดังเดิม
"ราชันย์เทพมีพระบัญชาให้ท่านเสด็จที่ศาลเทวะตอนนี้พ่ะย่ะค่ะ"
"เรื่องด่วนใช่หรือไม่"
"ด่วนที่สุดพ่ะย่ะค่ะ!"
"อืม เราจะไปเดี๋ยวนี้" คลีโอหันกายเดินลงจากบันไดอ่าง สาวเท้าออกจากห้องสรงในสภาพเปลือยเปล่าทันที
เทพสาว "...."
นางได้แต่ค้อนองครักษ์ผู้นั้นอยู่ในใจ เหตุใดไม่มาให้ช้ากว่านี้สักหน่อย! ในขณะที่เหล่าสหายรับใช้ต่างหัวเราะเยาะอมยิ้มพอใจ ประมาณว่า 'ข้าไม่ได้ เจ้าก็ต้องไม่ได้เช่นกัน'
หลังเทพบุตรรูปงามแต่งองค์ทรงเครื่องเสร็จสรรพ ก็เดินออกไปพร้อมองครักษ์สี่นายด้วยความเร่งรีบ ในใจของเขารู้ดีว่าหากไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย ท่านพ่อคงไม่มารบกวนบุตรชายในเวลาส่วนตัวเช่นนี้แน่ ในนามขององค์รัชยาทาทผู้เก่งกาจและมีปัญญาปราดเปรื่อง ราชันย์เทพมักเรียกหาบุตรชายคนนี้ยามเกิดเรื่องยากจะแก้ไขเสมอ
"คารวะท่านพ่อ" คลีโอเดินมาดมั่นด้วยสีหน้าจริงจังเข้ามาคำนับต่อหน้าผู้เป็นบิดา
"อืม พ่อมีเรื่องสำคัญต้องให้เจ้าช่วย" เทพอีเทอร์กล่าวด้วยสีหน้าจริงจังไม่แพ้ผู้เป็นบุตร จะปิดอย่างไรก็ปิดไม่มิด
คลีโอเงยหน้าสบตาบิดาแวบหนึ่ง เขาไม่เคยเห็นท่านพ่อมีท่าทีกังวลใจขนาดนี้มาก่อน จริงอยู่ที่บิดาเป็นคนเคร่งขรึมจริงจัง แต่ก็ไม่เคยแสดงอาการร้อนใจออกมาให้เห็นถึงเพียงนี้
"มีซาตานลักลอบเข้ามาในแดนเรา พ่อหวั่นใจว่าห้วงบรรพกาลจะถูกเปิด เพราะนั่นเป็นทางเดียวที่มันจะเข้ามาได้ เลยอยากให้เจ้าไปตรวจดูให้แน่ใจ"
"ท่านพ่อและเหล่าเทพจากหลากทวีปช่วยกันร่ายเวทสร้างห้วงบรรพกาลขึ้นเพื่อปิดผนึกดินแดนของเราไว้ จะถูกเปิดง่ายๆ ได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ" คลีโอกล่าวอย่างไม่อยากจะเชื่อหู "แล้วซาตานตนที่ลักลอบเข้ามาอยู่ที่ใดแล้ว จับได้หรือไม่ท่านพ่อ"
"ขุนพลบอกว่ามันหนีไปได้ ไม่แน่ว่าอาจแปลงกายแฝงอยู่ในแดนเรา ตอนนี้กำลังเร่งจับกุมอยู่ เจ้ารีบไปดูที่พรมแดนก่อนเถิด นำขุนพลและเทพผู้พิทักษ์ออกไปด้วย" เทพอีเทอร์สั่งการบุตรชายให้รีบไปดูสถานการณ์ ด้วยความเป็นห่วงจึงให้ขุนพลสวรรค์และเทพผู้พิทักษ์ติดตามไปด้วย
คลีโอสยายปีกสีขาวประกายทองโผบินดั่งพญาอินทรีอยู่หน้าขบวน ปีกใหญ่แผ่ไพศาลต้านลู่ลม เบื้องล่างคือป่าคิมหันต์อันอุดมสมบูรณ์ หลากหลายไปด้วยหมู่ผกานานาพันธุ์ สุดชายป่าคือพรมแดนที่มีห้วงบรรพกาลผนึกอยู่
ครั้นมาถึงที่หมาย เหล่าเทพผู้พิทักษ์ก็ร่วมกันร่ายอาคมตรวจตราว่ามีผนึกตรงไหนแหว่งไปหรือไม่ โดยมีขุนพลสวรรค์คอยคุ้มกันอยู่โดยรอบ
เทพผู้พิทักษ์ตนหนึ่งเดินเร็วเข้าหาคลีโอด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก "ทูลฝ่าบาท กระหม่อมตรวจเจอช่องโหว่พ่ะย่ะค่ะ ขาดไม่มาก แต่เท่านั้นก็เพียงพอที่พวกมันจะลักลอบเข้ามาได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ"
คลีโอได้ยินดังนั้นก็นึกวิตก หากซาตานลักลอบเข้ามาได้ แดนเทพจะต้องตกอยู่ในอันตรายอย่างแน่นอน
"เช่นนั้น เราจะเข้าไปดูด้านใน" คลีโอเอ่ยด้วยแววตาแน่วแน่ เขาไม่เคยกลัวสิ่งใดทั้งนั้น สิ่งสำคัญอันดับหนึ่งคือความปลอดภัยของเหล่าเทพที่เขาต้องร่วมเป็นผู้รับผิดชอบกับบิดา
"พ่ะย่ะค่ะ…." เทพผู้พิทักษ์รับบัญชา ชายชาตรีอย่างพวกเขาก็ไม่กลัวตายเช่นกัน