webnovel

ตอนที่ 40 หุบเขากินคนกับการต่อสู้ที่จบลงด้วยน้ำตา

-29-

"ฟานฟาน ทำไมต้องใช้เลือดข้าทาที่ดาบด้วย" ชิงหลินถามหลังจากเดินออกมาจากวงสนทนา โดยลืมไปเลยว่ามันเสียมารยาท ซึ่งนางคร้านจะใส่ใจเพราะตอนนี้นางกำลังเครียดกับสิ่งที่เจ้าพยัคฆ์น้อยบอก ท่ามกลางสายตาประหลาดใจของบุรุษทั้งสี่

"ขอประทานอภัยพ่ะย่ะค่ะ เป็นความผิดกระหม่อมที่อบรมบุตรีไม่ดี นางจึงได้เสียมารยาทต่อหน้าพระพักตร์เช่นนี้" ชิงหยวนปกป้องบุตรี

"ช่างเถิด ยามนี้เรามีเรื่องสำคัญกว่าที่ต้องจัดการ ใช่หรือไม่ท่านแม่ทัพ" โจวหยางหมิ่นไม่คิดถือสา จึงหันมาถามแม่ทัพหนุ่ม

"ถูกต้องพ่ะย่ะค่ะ" มู่หลิ่งเหวินเห็นด้วย

"อา...จะออกจากที่นี่ได้อย่างไรสินะ" เป็นชิงหยวนที่เอ่ยขึ้น

"จากการสำรวจถ้ำนี้มีทางออกเพียงทางเดียวขอรับ" เฟิ่งอิงรายงาน

"ซึ่งถูกปิดไว้ด้วยพลังสะท้อนกลับ?" มู่หลิ่งเหวินสำทับ

"ขอรับท่านแม่ทัพ" เฟิ่งอิงตอบเสียงเครียด

ขณะที่บุรุษทั้งสี่กำลังปรึกษาหารือถึงหนทางออกไปจากที่นี่ให้ได้โดยเร็วอยู่นั้น ชิงหลินเองก็กำลังเครียดไม่แพ้กัน

"หลินหลิน มีพลัง...มังกรฟ้า ควบคุม...ทำลาย...สัตว์เทพ...สัตว์อสูรได้" ดวงตาสีเทากลมเล็กเป็นประกายชื่นชมยามที่จ้องนาง ผิดกับชิงหลินที่หน้าดำคล้ำไม่ได้ยินดีหรือตื่นเต้นกับสิ่งที่ได้ยิน เพราะมันทำให้นางนึกถึงคำเตือนของท่านยมที่บอกไว้

"หลินหลิน...เสียใจหรือ" เจ้าพยัคฆ์น้อยที่บัดนี้ลงมายืนสี่ขาอยู่เบื้องหน้านางเอียงหัวร้องถาม

"ไม่เสียใจ แต่ก็ไม่ดีใจ" ยิ้มเฝื่อนๆ คำตอบแบบนี้เพื่อนในยุคเก่าของนางคงสวนกลับว่ากวนทีนไปแล้ว

"ฟานฟาน...ไม่เข้าใจ" เจ้าพยัคฆ์น้อยเอียงหัวไปมาพลางทำท่าครุ่นคิด

"อา...ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร เจ้าอย่าเก็บมาใส่ใจเลยนะ ว่าแต่ข้ายังมีเรื่องสงสัย" นางจ้องตาเจ้าพยัคฆ์น้อย

"สงสัย? ฟานฟาน...ตอบได้ ถามมา ตอบได้ทุกเรื่อง" เจ้าพยัคฆ์น้อยเชิดหัวขึ้นโอ้อวดตัวเอง ทุกการกระทำของมันช่างน่ารักน่าเอ็นดูยิ่งนักในสายตาของนาง

"ทำไมหมอกควันพิษจึงทำอะไรเราไม่ได้" นางหมายถึงตัวนางกับเจ้าพยัคฆ์น้อย

"ปีศาจ...จิ้งจอก...เก้าหาง เกลียด...มนุษย์ใจร้าย รังแก...ทำร้าย...ทรมาน สุดท้าย...ก็ฆ่านาง" เจ้าพยัคฆ์น้อยเล่าให้หลินหลินฟัง

"เจ้าหมายความว่านางเคยเป็นสุนัขจิ้งจอกธรรมดา แต่ถูกมนุษย์ใจร้ายฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยม ด้วยความเคียดแค้นนางจึงกลายเป็นปีศาจ แล้วกลับมาแก้แค้นใช่ไหม" ชิงหลินสรุป

"ใช่ใช่ มนุษย์ผู้ชาย...ทำร้าย ปีศาจ...จิ้งจอก...เก้าหาง...เกลียด...มนุษย์ผู้ชาย"

"เพราะอย่างนั้นนางจึงไม่ทำร้ายข้ากับเจ้า?"

เจ้าพยัคฆ์น้อยผงกหัวตอบ

"ก็นับว่ายังมีส่วนดีอยู่บ้าง แต่ถึงอย่างนั้นทำอย่างนี้ก็ไม่ถูก คนอื่นไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวด้วยเสียหน่อย" ชิงหลินถอนหายใจยาวด้วยความหนักใจ หากเรื่องนี้จบลงด้วยดี ไม่มีฝ่ายใดสูญเสียคงจะดี

"หากข้าลองเจรจาดู เจ้าคิดว่าจะสำเร็จไหม" นางถามเจ้าพยัคฆ์น้อยหลังจากคิดตกแล้ว

"ไม่รู้ ฟานฟาน..ไม่รู้" เจ้าพยัคฆ์น้อยเงียบไปครู่หนึ่งแล้วจึงค่อยตอบนางเสียงอ่อย เพราะมันอุตส่าห์ออกตัวว่าตอบได้ทุกเรื่องแท้ๆ

"งั้นหรือ แล้วจะทำอย่างไรดี" ขณะที่กำลังครุ่นคิดหาหนทางอยู่นั้น ก็ปรากฏหมอกควันขาวออกมาตามรอยแยกของผนังถ้ำ ห่อหุ้มตัวนางไว้จนมิดและหายวับไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับร่างของนาง โดยที่เจ้าพยัคฆ์น้อยไม่ทันรู้ตัว

"หลินหลิน หลินหลิน หลินหลินๆๆ"

เสียงร้องเรียกของเจ้าพยัคฆ์น้อยดังก้องไปทั่วถ้ำ เป็นเหตุให้มู่หลิ่งเหวินพุ่งเข้ามาหามันราวกับสายฟ้า ด้วยสังหรณ์ใจกับเสียงร้องแปลกๆ ของมัน และเมื่อไม่เห็นร่างเล็กของคู่หมั้นก็ร้อนใจจนไม่อาจรักษาความสงบเยือกเย็นไว้ได้

"หลินเอ๋อร์! หลินเอ๋อร์! เจ้าอยู่ที่ใด...หลินเอ๋อร์!" ร่างสูงใช้วิชาตัวเบาตามหาคู่หมั้นแต่ก็ไร้วี่แวว

"อาเหวิน! เกิดอันใดขึ้น" ชิงหยวนเอ่ยถามแม่ทัพหนุ่มทันที

"ข้าเองก็ไม่รู้ขอรับ ข้าได้ยินเสียงร้องแปลกๆ แตกต่างจากทุกทีของเจ้าพยัคฆ์น้อยจึงรีบรุดมาดู แต่กลับพบเพียงเจ้าพยัคฆ์น้อย ส่วนหลินเอ๋อร์..." เขารู้สึกถึงลำคอที่ตีบตันจนไม่อาจกล่าวต่อได้

"หลินเอ๋อร์ลูกพ่อ" ชิงหลยวนซวนเซทำท่าจะล้มลง

"นายท่าน! / ท่านลุง!" เฟิ่งอิงกับมู่หลิ่งเหวินพุ่งเข้าไปประคองร่างของชิงหยวนไว้ได้ทันท่วงที แล้วพาไปนั่งตรงโขดหินภายในถ้ำ

"ข้าไม่เป็นไร อาจเพราะนอนน้อย พักสักเดี๋ยวก็คงหาย" ชิงหยวนกล่าวเพื่อให้ทุกคนสบายใจ ใบหน้าคร้ามแดดมีร่องรอยความหวาดวิตกอย่างชัดเจน

"ปีศาจ...จิ้งจอก...เก้าหาง จับตัว...หลินหลินไป" เจ้าพยัคฆ์น้อยเงยหัวกลมๆ เล็กๆ ที่มีน้ำตาคลอเบ้าร้องบอกเจ้าร่างยักษ์ที่นั่งยองๆ อยู่ข้างท่านพ่อของหลินหลิน

มู่หลิ่งเหวินนิ่วหน้าคิ้วขมวด ด้วยฟังภาษาของเจ้าพยัคฆ์น้อยไม่ออก แต่คิดว่าต้องเป็นเรื่องของคู่หมั้นสาว

"หลินหลิน...ถูกจับไป ต้องไปช่วย ไปช่วย...หลินหลิน" เจ้าพยัคฆ์น้อยพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะสื่อสารกับเจ้าร่างยักษ์แต่ก็ไร้ผล จนมันเริ่มท้อแท้และคิดหาหนทางอื่น

"ขะ...ข้าเห็น...แฮ่กๆ คุณหนู...ถูกหมอกควันสีขาว..." เสียงพูดติดๆ ขัดๆ แผ่วเบาเพราะอาการบาดเจ็บภายในของบุรุษที่นอนอยู่ไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุ เป็นเหตุให้มู่หลิ่งเหวิน ชิงหยวนที่มีเฟิ่งอิงประคองอยู่ และโจวหยางหมิ่นที่ยืนดูเหตุการณ์เงียบๆ รีบมาที่บุรุษผู้นั้นทันที

"เจ้าบอกว่านางถูกหมอกควันสีขาวเอาตัวไป?" มู่หลิ่งเหวินถามย้ำอีกครั้ง

"ขะ...ขอรับ ข้าเห็นจริงๆ...แฮ่กๆ" เขาพยายามจะลุกขึ้นมาตอบ แต่กลับต้องล้มลงไปนอนอีกครั้งด้วยความเจ็บปวด

"ขอบใจ เจ้าพักเถิด" ชิงหยวนพยายามปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติ ถึงกระนั้นปลายเสียงก็ยังสั่น

"หากข้าสื่อสารกับเจ้าได้ก็คงดี" มู่หลิ่งเหวินอุ้มเจ้าพยัคฆ์น้อยที่ยังคงร้องไม่หยุดขึ้นมา ไม่ใส่ใจกับอาการดิ้นไปดิ้นมาของมัน ดวงตาคมทรงเสน่ห์เต็มไปด้วยความกังวลและเจ็บปวด จนเจ้าพยัคฆ์น้อยที่กำลังดิ้นอย่างเอาเป็นเอาตายชะงัก เพราะสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของคนที่เป็นคู่แข่งคนสำคัญได้

มันใช้ดวงตากลมเล็กสีเทามองเข้าไปในดวงตาของมนุษย์ตรงหน้า แล้วลองเพ่งสมาธิส่งกระแสจิตเข้าไปในดวงตาคู่นั้น "หลินหลิน...ถูกจับไป ต้องรีบ...ไปช่วย...หลินหลิน"

"หือ?..." มูหลิ่งเหวินเลิกคิ้วเข้มขึ้นอย่างประหลาดใจ "นี่...เจ้ากำลังพูดกับข้าอยู่หรือ" เขาลองส่งกระแสจิตกลับไปบ้าง

"ใช่ใช่ ต้องรีบ...ไปช่วย...หลินหลิน" เจ้าพยัคฆ์น้อยผงกหัวกลมๆ เล็กๆ ไปด้วยเพื่อให้เจ้าร่างยักษ์มั่นใจ

"แล้วจะช่วยอย่างไร ในเมื่อใช้กำลังภายในไม่ได้"

"ดาบพยัคฆ์ เลือดหลินหลิน...ทาที่ดาบ ทำลายได้...ทำลายได้"

"แต่นางถูกจับตัวไปแล้ว"

"ช่วยไม่ได้ น้ำตาข้า...ใช้แทนได้ ใช้แทนได้" เจ้าพยัคฆ์น้อยส่งกระจิตบอก หลังจากที่เงียบไปพักใหญ่ หากเป็นไปได้มันไม่อยากใช้วิธีนี้เพราะน่าอายเกินไป เจ้าพยัคฆ์น้อยคิดอย่างนั้น ทั้งที่ความจริงมันเคยร้องไห้แล้วแท้ๆ

"อา...น้ำตาของเจ้าวิเศษขนาดนั้นเชียว?" แม่ทัพหนุ่มยิ้มล้อเลียนมัน เป็นเหตุให้เจ้าพยัคฆ์น้อยไม่พอใจส่งเสียงคำรามขู่

"หลานชายมีอันใด หรือว่าคิดหาหนทางได้แล้ว" ชิงหยวนเอ่ยถามแม่ทัพหนุ่มที่กำลังอมยิ้ม

"อา...ขอรับ คิดว่าอย่างนั้น" มู่หลิ่งเหวินตอบ ใบหน้ายังคงมีรอยยิ้ม

"ต้องทำอย่างไรขอรับ เชิญสั่งมาได้ พวกเรายินดีทำทุกอย่าง" เฟิ่งอิงกล่าวด้วยท่าทางขึงขังจริงจัง ต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟหรือต้องสละชีวิต หากมันช่วยคุณหนูได้ เขาก็ยินดี

"หากนั่นเป็นหนทางเดียวที่จะช่วยนางได้ ข้าและองครักษ์ยินดีช่วยเต็มที่" โจวหยางหมิ่นสนับสนุนความคิดของเฟิ่งอิง

"ขอบพระทัยองค์ชาย วิธีที่ว่าก็คือ...ใช้น้ำตาของเจ้าพยัคฆ์น้อยทาที่ดาบพยัคฆ์ของกระหม่อม สามารถทำลายพลังสะท้อนกลับได้พ่ะย่ะค่ะ" มู่หลิ่งเหวินชี้แจง

"น้ำตาของเจ้าพยัคฆ์น้อย?"

"จะได้ผลจริงหรือ"

"ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรเล่า"

"ก็น่าลองดู ดีกว่ารอความตายอยู่เช่นนี้"

"อา...ข้าเห็นด้วย"

"อือ...ข้าก็เห็นด้วยกับพวกเจ้า"

"อีกอย่าง ข้าเชื่อใจท่านแม่ทัพ และดาบพยัคฆ์เองก็มีประวัติมิธรรมดา"

"เป็นดาบวิเศษหรือ"

"จะว่าเช่นนั้นก็ได้ ว่ากันว่าเป็นดาบที่ตกทอดมาหลายชั่วอายุคน มีพยัคฆ์สิงอยู่ในตัวดาบ เพียงแค่ชักดาบ ศัตรูก็หวาดกลัวจนวิ่งหนีกระเจิดกระเจิงไปคนละทิศละทาง ทั้งที่ยังมิได้ตวัดดาบด้วยซ้ำ"

"อา...ช่างเป็นดาบที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก"

"ก็จริงของเจ้า แต่ปัญหายามนี้คือจะทำให้เจ้าพยัคฆ์น้อยน้ำตาไหลได้อย่างไรต่างหากเล่า"

"อา...นั่นสิ"

เสียงวิพากษ์วิจารณ์ของเหล่าบุรุษที่นั่งคุกเข่าอยู่เบื้องหน้านับร้อยคน เป็นเหตุให้โจวหยางหมินที่นั่งเด่นเป็นประธานต้องยกมือให้อยู่ในความสงบ แล้วถามแม่ทัพหนุ่ม

"ใช้น้ำตาของเจ้าพยัคฆ์น้อยทาที่ดาบ แล้วท่านจะทำเช่นไรให้มันร่ำไห้"

"หากทำให้มันบาดเจ็บ ข้าเกรงว่าหลินเอ๋อร์ต้องไม่พอใจเป็นแน่" คำกล่าวเตือนกลายๆ ว่าห้ามทำร้ายเจ้าพยัคฆ์น้อยเด็ดขาดของชิงหยวน ทำให้โจวหยางหมิ่น เฟิ่งอิง และคนอื่น มีสีหน้าเครียดไปตามๆ กัน

"ท่านลุง ข้ามีวิธีแล้วขอรับ" มู่หลิ่งเหวินยกมุมปากยิ้ม ดวงตาเป็นประกายเจ้าเล่ห์ยามมองดูเจ้าพยัคฆ์น้อย จนมันรู้สึกได้ถึงอันตรายที่กำลังคืบคลานเข้ามา จึงเดินถอยหลังออกมาตามสัญชาตญาณ

"ฮึบ จะไปไหนเจ้าตัวแสบ" มือหนาคว้าหนังตรงหลังคอเจ้าพยัคฆ์น้อยไว้ด้วยนิ้วโป้งกับนิ้วชี้ ซึ่งมู่หลิ่งเหวินรู้ดีว่าเจ้าพยัคฆ์น้อยเกลียดการกระทำเช่นนี้ที่สุด ยิ่งเห็นท่าทางพยศ ส่งเสียงคำรามขู่ และดิ้นไปดิ้นมาเพื่อหนีเอาตัวรอดของมัน ก็ยิ่งทำให้แม่ทัพหนุ่มเหยียดยิ้มกว้างขึ้นพลางส่งสายตาเย้ยหยันให้มัน

"ปล่อย ปล่อยข้านะ เจ้าคน...นิสัยไม่ดี ปล่อยข้านะ ข้าจะฟ้อง...หลินหลิน ว่าเจ้าแกล้งข้า ฮื่อออ ปล่อยข้า...เดี๋ยวนี้" เจ้าพยัคฆ์น้อยส่งกระแสจิตทั้งตะโกนทั้งคำรามขู่ใส่เจ้าร่างยักษ์ด้วยความโมโห เจ็บใจ และอับอายเหลือจะทนที่ไร้กำลังไม่อาจต่อกร ทำให้น้ำตาแห่งความคับแค้นใจเพราะถูกกลั่นแกล้งมาหลายครั้งไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว ซึ่งไม่รอดพ้นสายตาที่รออยู่ก่อนแล้ว แม่ทัพหนุ่มรีบปาดน้ำตาของมันมาทาลงที่ดาบอย่างรวดเร็วทั้งสองด้าน

"โอ้ ได้แล้วหรือ" ชิงหยวนร้องออกมาด้วยความยินดีแกมประหลาดใจ เพราะไม่คิดว่าจะง่ายดายเพียงนี้

"เช่นนั้นก็รีบลงมือเถิด" โจวหยางหมิ่นกล่าว มู่หลิ่งเหวินพยักหน้าแล้วโยนเจ้าพยัคฆ์น้อยให้เฟิ่งอิงอย่างไม่ไยดี ซึ่งอีกฝ่ายก็รับไว้ได้อย่างทันท่วงที

"ฮื่อออ เจ้าคน...นิสัยไม่ดี คอยดู ข้าจะฟ้อง...หลินหลิน ให้หลินหลิน...จัดการเจ้า"

เฟิ่งอิงเลิกคิ้วมองเจ้าพยัคฆ์น้อยที่อยู่ในอ้อมแขน ส่งเสียงคำรามขู่สลับกับเสียงแง้วๆ ด้วยความประหลาดใจ

เมื่อมาอยู่หน้าปากถ้ำที่มีแสงสีแดงเข้มปิดกั้นไว้ มู่หลิ่งเหวินก็ยกดาบพยัคฆ์ด้วยสองมือขึ้นมาจนแขนตั้งฉากกับไหล่ ปลายดาบชี้ขึ้นฟ้า แล้วหลับตาลงเพื่อโคจรกำลังภายในให้พลังทั้งหมดไปอยู่ที่ดาบ เพียงไม่นานดาบพยัคฆ์ก็เริ่มเปล่งประกายสีทองเจิดจ้าออกมา แสงนั้นช่างมีอานุภาพนัก ทำให้ผู้คนถึงกับต้องหรี่ตาพลางยกมือป้องแสงนั้นไว้ตามสัญชาตญาณ

"ย่าห์!!"

ฉับๆ! วูบ! ภาพที่สะท้อนเข้ามาในตากลมเล็กสีเทาของเจ้าพยัคฆ์น้อยคือ การตวัดดาบสองครั้งติดกันจากซ้ายไปขวาและจากบนลงล่าง จากนั้นแสงสีแดงเข้มก็หายวับไปทันที ทำให้ทุกคนตะลึงไปครู่ใหญ่

"ปลอดภัยขอรับ" เฟิ่งอิงที่ได้สติก่อนอาสาตรวจสอบ แล้วหันมารายงาน

"อา...ดียิ่งนัก" ชิงหยวนถอนใจยาวอย่างโล่งอก เหลือบมององค์ชายห้าที่สงบนิ่งแล้วก็อดชื่นชมไม่ได้ ช่างสุขุมเยือกเย็นสมเป็นบุตรโอรสสวรรค์

"เร็วเข้า! ไปช่วยหลินหลิน...ไปช่วยหลินหลิน" เจ้าพยัคฆ์น้อยส่งเสียงร้อง ดิ้นไปดิ้นมาอยู่ในอ้อมแขนของเจ้าร่างยักษ์หน้าตาย ด้วยหวังให้แม่ทัพหนุ่มรู้ตัว

"ส่งมันมาให้ข้า" มู่หลิ่งเหวินยื่นมือไปทางเฟิ่งอิง ซึ่งเฟิ่งอิงก็ส่งมันให้เขาทันที

"หลินเอ๋อร์อยู่ที่ใด รีบบอกมาเร็ว" เขาส่งกระแสจิตถามเจ้าพยัคฆ์น้อย

"อยู่ทางนั้น รีบไป...อยู่ทางนั้น" แม้เจ้าพยัคฆ์น้อยจะยังขุ่นเคืองอยู่มาก แต่ก็จำต้องข่มใจไว้ยอมญาติกับเจ้าร่างยักษ์ชั่วคราว หลังจากช่วยหลินหลินได้แล้ว มันจะฟ้องหลินหลินให้หมดเลย คอยดู!

"ท่านลุง ข้าคิดว่าหลินเอ๋อร์น่าจะอยู่ทางนี้ขอรับ" มู่หลิ่งเหวินหันไปกล่าวกับชิงหยวน ยอมเสียมารยาทต่อโจวหยางหมิ่น ด้วยกำลังร้อนใจอยากไปช่วยนางโดยเร็ว ซี่งโจวหยางหมิ่นก็เข้าใจดีและไม่คิดถือสาหรือตำหนิอีกฝ่าย

"เช่นนั้น ก็รีบเข้าเถิด" ชิงหยวนตอบกลับด้วยน้ำเสียงร้อนรน มู่หลิ่งเหวินจึงรีบเร่งนำทางทุกคนไปยังทิศทางที่เจ้าพยัคฆ์น้อยบอกอย่างไม่ลังเล

ผ่านไปราวหนึ่งก้านธูปสิ่งที่ปรากฏแก่สายตา ก็ทำเอาบุรุษอกสามศอกตะลึงงันตัวแข็งทื่อก้าวขาไม่ออก นี่มัน...อา...

ปีศาจจิ้งจอกเก้าหางในตำนาน...ใช่หรือไม่

ปีศาจที่ร่ำลือกันว่าหากบำเพ็ญเพียรครบหนึ่งร้อยปีจะมีหางงอกออกมาหนึ่งหาง และหากครบเก้าหางเมื่อใดจะมีอิทธิฤทธิ์เทียบเท่าสัตว์เทพ สามารถแปลงกายเป็นมนุษย์และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ได้ มีอยู่จริงหรือนี่

ขณะที่เหล่าบุรุษตกอยู่ในภวังค์กับภาพจิ้งจอกเก้าหางสีขาวปลอดขนาดมหึมาสูงเกือบสองเมตร นัยน์ตาเรียวเล็กแดงฉานราวกับเลือด ทั้งยังเปล่งประกายอำมหิตและคุกคาม ยืนประจันหน้าด้วยอาการสงบนิ่ง ไม่ได้แยกเขี้ยวข่มขวัญศัตรูเช่นจิ้งจอกทั่วไป กระนั้นความน่าสะพรึงกลัวที่แผ่ขยายออกมาก็ทำให้บุรุษหลายรายถึงกับเข่าอ่อนทรุดลงไปกองกับพื้นด้วยความหวาดกลัวเลยทีเดียว

"หลินหลิน ช่วยหลินหลิน หลินหลิน...แย่แล้ว ช่วยหลินหลิน" เจ้าพยัคฆ์น้อยที่เอาสองเท้าหน้าเกาะอยู่บนไหล่ของแม่ทัพหนุ่มตะโกนบอกทางจิตด้วยน้ำเสียงร้อนรน ทำให้มู่หลิ่งเหวินได้สติ ดวงตาคมทรงเสน่ห์กวาดมองไปโดยรอบก่อนจะสะดุดเข้ากับร่างเล็กบอบบางในอาภรณ์สีดำสนิท ที่นอนอยู่นิ่งอยู่บนพื้นใต้ท้องของปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง

"หลินเอ๋อร์!" เสียงของเขาทำให้เหล่าบุรุษนับร้อยพากันได้สติ มองตามสายตาของแม่ทัพหนุ่มก็พบร่างของคุณหนูที่อยู่ใต้ท้องของปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง

"หลินเอ๋อร์!" ชิงหยวนขยับกายหมายจะไปหาบุตรี แต่ถูกมู่หลิ่งเหวินยกแขนห้ามไว้เสียก่อน พลางส่งจิตสังหารออกไปเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของมัน

ได้ผล ปีศาจจิ้งจอกเก้าหางพุ่งความสนใจมาที่มู่หลิ่งเหวินทันที สายตาของมันเต็มไปด้วยความพยาบาทอาฆาตแค้นและความเกลียดชังเข้มข้น ก่อนจะเอ่ย "เจ้าพวกมนุษย์ชั้นต่ำ อยู่ดีไม่ว่าดี รนหาที่ตาย เช่นนั้นข้าจะส่งพวกเจ้าไปลงนรกเอง!"

"ทำได้ก็ลองดู!" มู่หลิ่งเหวินโต้กลับเสียงกร้าว ส่งเจ้าพยัคฆ์น้อยให้เฟิ่งอิง แล้วพุ่งตัวขึ้นไปด้านบน พร้อมทั้งส่งเสียงท้าทายยั่วยุเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของเจ้าปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง ซึ่งก็เป็นดังคาด มันพุ่งตัวตามมาติดๆ ด้วยความโมโห ดวงตาเรียวเล็กเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและชิงชัง

"ไปช่วยคุณหนู เร็วเข้า!" ไม่ต้องให้ชิงหยวนออกคำสั่งซ้ำ หน่วยพยัคฆ์ดำนำโดยเฟิ่งอิงก็ถึงตัวนางและรีบพานางมายังที่ปลอดภัยในเวลาเพียงอึดใจ

"หลินเอ๋อร์ หลินเอ๋อร์" ชิงหยวนเรียกชื่อพร้อมกับเขย่าตัวบุตรีที่อยู่ในอ้อมแขน ใบหน้าคร้ามแดดเต็มไปด้วยความกังวลและเป็นห่วง

"แง้วๆ...แง้วๆ...แง้วๆ (หลินหลิน หลินหลิน...ฟื้นเร็วเข้า)" เจ้าพยัคฆ์น้อยที่ยืนอยู่ข้างกายนางเงยหัวกลมๆ เล็กๆ ส่งเสียงร้องออกมาไม่หยุด มันรู้ว่าหลินหลินปลอดภัยดี เพียงแค่หมดสติไปเท่านั้น

เฟิ่งอิงมองสตรีที่ไม่ได้สติและใบหน้าซีดเผือดแบบผ่านๆ ก่อนจะไปสะดุดที่ข้างลำคอขาวผ่องซึ่งมีรอยเล็กๆ คล้ายรอยเขี้ยวสองรอย "นายท่าน นี่มัน...หรือว่าจะเป็น..." เฟิ่งอิงชี้ให้ชิงหยวนดูรอยแผลที่ลำคอของนาง

"อา..." ชิงหยวนส่งเสียงด้วยไม่รู้จะตอบอย่างไรดี

"อืมมม...อา..." เสียงที่ร้องออกมาพร้อมกับร่างเล็กที่ขยับตัว สร้างความยินดีแก่ทุกคนยิ่งนัก โดยเฉพาะชิงหยวน เฟิ่งอิง และเจ้าพยัคฆ์น้อย

"หลินเอ๋อร์..เจ้าฟื้นแล้ว"ชิงหยวนยินดีจนน้ำตาซึมกอดบุตรีไว้แน่นท่ามกลางความยินดีของทุกคน

"อา...ท่านพ่อ ทุกคนปลอดภัยใช่หรือไม่เจ้าคะ" ชิงหลินถาม ดวงตากลมโตมองไปรอบตัวก่อนจะมาจบลงที่เจ้าพยัคฆ์น้อยที่เอียงหัวมองอยู่ นางจึงอุ้มมันขึ้นมาแนบอกพร้อมกับขอบคุณมันทางจิต ด้วยคิดว่าที่ทุกคนตามหานางเจอต้องเป็นเพราะมันอย่างแน่นอน

"ขอบใจมากนะ ฟานฟาน"

"อืมๆ ฟานฟานเก่ง...ช่วยหลินหลิน ฟานฟาน...กล้าหาญที่สุด" เจ้าพยัคฆ์น้อยคุยโวโอ้อวดตัวเองจนนางมันเขี้ยว ขยี้หัวมันแรงๆ เสียหลายที แต่กลับสร้างความพอใจให้มันยิ่งนัก

"จริงสิ ท่านพ่อ พี่เหวินไปไหนหรือเจ้าคะ"

ยังไม่ทันที่ชิงหยวนจะได้ตอบคำถามบุตรี เสียงดังตูมคล้ายของตกจากที่สูงจนเกิดการสั่นสะเทือนในรัศมีกว่าสิบลี้ พื้นดินบริเวณนั้นยุบลงเป็นรูปร่างของสิ่งที่ตกลงมา เมื่อฝุ่นที่ฟุ้งกระจายค่อยๆ จางหายไป สิ่งที่ปรากฏหาใช่ร่างของปีศาจจิ้งจอกเก้าหางไม่

"ท่านแม่ทัพ! / อาเหวิน!" เสียงตะโกนดังขึ้นพร้อมกันด้วยความตกใจ พร้อมกับร่างของมู่หลิ่งเหวินที่ค่อยๆ ยันกายลุกขึ้นอย่างเชื่องช้า ยากเย็นจนต้องใช้ดาบช่วยพยุงตัว ร่างกายชุ่มโชกไปด้วยเลือด อาภรณ์ขาดรุ่งริ่ง ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงไม่เป็นทรง ใบหน้าหล่อเหลางดงามราวเทพเซียนเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบฝุ่นจนแทบจำไม่ได้

แม่ทัพหนุ่มที่มีฝีมือร้ายกาจและวรยุทธ์สูงส่งจนชาวยุทธ์ให้การยอมรับผู้นั้น ยังไม่อาจต้านทานอิทธิฤทธิ์ของปีศาจจิ้งจอกตนนี้ได้หรือนี่

"แฮ่กๆ" มู่หลิ่งเหวินที่ถูกอัดด้วยพลังมหาศาลหอบหายใจถี่รัวและแรง ก่อนจะกัดฟันลุกขึ้นยืนช้าๆ แม้จะรู้สึกเจ็บปวดไปทั่วสรรพางค์กาย แต่ด้วยมีสิ่งสำคัญที่ต้องปกป้อง แม้ต้องแลกด้วยชีวิตก็จะขอปกป้องให้จงได้! ดวงตาคมทรงเสน่ห์ไหววูบเมื่อสบกับดวงตากลมโตคู่นั้น ก่อนจะอ่อนแสงลงอย่างอ่อนโยน

'อา...ดียิ่งนักที่นางปลอดภัย'

ทางด้านคนถูกมองไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บมากมายขนาดนั้น รู้สึกปวดแปลบที่ใจจนกลั้นน้ำตาไม่อยู่ 'เขาจะตายไม่ได้ นางยังไม่ได้บอกความรู้สึกของนางที่มีต่อเขาเลย' ชิงหลินพร่ำบอกตัวเองในใจ ที่ผ่านมานางยังไม่ค่อยแน่ใจนักว่ารักเขาหรือไม่ แต่ยามนี้นางรู้แล้ว รู้แล้วจริงๆ

"ฮิๆๆ เจ้าพวกมนุษย์หน้าโง่ วันนี้ข้าจะส่งพวกเจ้าทุกคนไปลงนรกให้หมด!" ปีศาจจิ้งจอกเก้าหางที่เหาะอยู่เหนือร่างของมู่หลิ่งเหวินกล่าวเสียงเหี้ยม มันอ้าปากพร้อมกับรวบรวมพลังเป็นลูกไฟสีแดงที่อัดแน่นไปด้วยพลังแห่งความโกรธแค้นใส่ศัตรูทันที

"ฮึ่ม! บัดซบ!" เนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัสจนขยับร่างหนีการโจมตีอันรุนแรงไม่ได้ มู่หลิ่งเหวินจึงตัดสินใจถ่ายพลังเฮือกสุดท้ายไปที่ดาบพยัคฆ์ซึ่งยกขึ้นมาเหนือศีรษะตนเอง

ระหว่างที่หลับตาลงรับชะตากรรมที่ยากจะหลีกเลี่ยงได้อยู่นั้น พลันดาบก็ถูกกระชากไปจากมือพร้อมกลิ่นหอมอ่อนละมุนที่ลอยเข้ามาแตะจมูก มู่หลิ่งเหวินรับรู้ได้ทันทีว่าเป็นผู้ใด ดวงตาคมทรงเสน่ห์ลืมขึ้นทันที จึงได้เห็นคู่หมั้นใช้ดาบกรีดลงที่ฝ่ามือเรียวเล็กของตัวเอง แล้วชูดาบที่เปรอะไปด้วยเลือดขึ้นรับลูกไฟที่พุ่งลงมาอย่างรวดเร็ว

เปรี้ยง! ตูม!

"อ๊ากกก!"

ชิงหยวนและทุกคนต่างยืนอ้าปากค้าง มองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยความรู้สึกหลากหลาย สับสน เหลือเชื่อ และอัศจรรย์ใจ พลางทบทวนเหตุการณ์ที่ผ่านไปสดๆ ร้อนๆ อยู่หลายตลบเพื่อให้แน่ใจว่า นี่มิใช่ความฝัน!

เริ่มแรกคุณหนูอุ้มเจ้าพยัคฆ์น้อยวิ่งตรงเข้าไปหาคู่หมั้น ที่ทุกคนต่างลงความเห็นว่าคงสิ้นชื่อที่นี่แล้วเป็นแน่ จากนั้นก็กระชากดาบเฉือนข้อมือตนเองแล้วใช้เป็นโล่ต่อกรกับลูกไฟที่พุ่งลงมาด้วยความเร็วสูง เกิดการปะทะกันเสียงดังเปรี้ยง! แล้วลูกไฟนั้นก็สะท้อนกลับพุ่งขึ้นไปอัดใส่ร่างของปีศาจจิ้งจอกเก้าหางอย่างแรง จนมันร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะร่วงหล่นลงมากระแทกพื้นเสียงดังสนั่นหวั่นไหวและแน่นิ่งไป

เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นภายในชั่วพริบตา จึงไม่แปลกอันใดที่เหล่าบุรุษฉกรรจ์จะคิดว่าตกอยู่ในความฝันมากกว่าจะเป็นความจริง

เมื่อเหตุการณ์สงบ ทุกคนต่างก็กรูเข้าไปหาทั้งสอง พร้อมกับร้องเรียกด้วยเสียงดังขรม มู่หลิ่งเหวินรำคาญจนต้องยกมือขึ้นห้าม

"พี่เหวิน เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ" ชิงหลินถามด้วยความเป็นห่วง พลางจัดท่าให้เขานอนหนุนตักตัวเอง ใช้ผ้าเช็ดหน้าค่อยๆ เช็ดคราบเปรอะเปื้อนและรอยเลือดที่มุมปากให้อย่างเบามือ ดวงตากลมโตจับจ้องใบหน้าหล่อเหลาที่หลับตาหายใจหอบถี่ โดยไม่สนใจใครทั้งนั้น

"พี่…ไม่เป็นไร…เจ้าปลอดภัยดี ใช่หรือไม่...แฮ่กๆ" มู่หลิ่งเหวินกัดฟันข่มความเจ็บปวด ลูบไล้แก้มเนียนอย่างทะนุถนอม

"ข้าปลอดภัยดีเจ้าค่ะ.." นางยิ้มให้เขา พร้อมกับจับมือใหญ่มากุมไว้ 'ดูเอาเถอะ ตัวเองเจ็บหนักขนาดนี้ยังมีแก่ใจมาห่วงคนอื่นอีก'

"อา...มันยังไม่ตาย เจ้าปีศาจจิ้งจอกเก้าหางยังมีชีวิตอยู่!" เสียงหนึ่งตะโกนขึ้น

"ว่าอย่างไรนะ! ฆ่ามันซะ! ปล่อยไว้อาจเป็นภัยในภายหลังได้" ชิงหยวนออกคำสั่งเสียงเข้ม หน่วยพยัคฆ์ดำกรูเข้าไปยังร่างของปีศาจอย่างรวดเร็ว

"ฮึ่ม! เจ้าพวกมนุษย์ต่ำช้า อย่าให้ข้ารอดไปได้เชียว ข้าจะฆ่าพวกเจ้าให้หมด! แฮ่กๆๆ" ปีศาจจิ้งจอกกล่าวด้วยความอาฆาตแค้น แล้วกระอักเลือดออกมากองใหญ่

"หยุดนะ! ห้ามฆ่ามันเด็ดขาด!" เสียงตะโกนห้ามของชิงหลินทำให้หน่วยพยัคฆ์ดำชะงัก พวกเขามองนางสลับกับชิงหยวนด้วยความสับสน ไม่รู้จะฟังคำสั่งใครดี

บุรุษฉกรรจ์ที่เหลือต่างหันมองนางราวกับนางเป็นตัวประหลาดก็มิปาน นี่คือปีศาจชั่วร้าย ปล่อยไว้มิได้มิใช่หรือ แล้วเหตุใด...

ฝ่ายเจ้าปีศาจจิ้งจอกเก้าหางมองสตรีที่มันหมายเอาชีวิต เพียงเพราะนางมีเลือดของมังกรฟ้าไหลเวียนอยู่ สายตาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อระคนสงสัย นางมีโอกาสแล้วเหตุใดจึงไม่ฆ่ามันเสีย

"หลินเอ๋อร์ มันเป็นปีศาจนะ กำจัดทิ้งก็เป็นเรื่องสมควรแล้ว" ชิงหยวนกล่าวกับบุตรี

"ไม่ได้ท่านพ่อ สิ่งที่จิ้งจอกเก้าหางตัวนี้ทำไปก็เพราะเคยถูกมนุษย์ทำร้ายทรมานอย่างโหดเหี้ยม กลับกัน หากเป็นเราถูกกระทำเช่นนั้นบ้าง ท่านจะไม่โกรธไม่แค้นเลยหรือเจ้าคะ" ถ้อยคำของบุตรีทำเอาชิงหยวนสะอึก ใช่ หากถูกทำร้ายย่อมต้องเจ็บแค้นเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์อยู่แล้ว

"หลินหลิน จะตายแล้ว จิ้งจอก...จะตายแล้ว" เสียงร้องบอกของเจ้าพยัคฆ์น้อยทำให้ชิงหลินชะงัก ส่งคู่หมั้นให้เฟิ่งอิงและคนอื่นๆ ดูแล ส่วนตัวเองก็รีบเข้าไปหาเจ้าปีศาจจิ้งจอกเก้าหางที่นอนหายใจรวยรินทันที

"นี่...ทำใจดีๆ ไว้" มือเล็กช้อนหัวใหญ่โตเรียวยาว ที่เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดมาวางไว้บนตักอย่างไม่คิดรังเกียจหรือหวาดกลัว ทำให้ปีศาจจิ้งจอกเก้าหางใจอ่อนยวบ

"เจ้ามนุษย์ชั้นต่ำทำเช่นนี้ไปก็ไร้ประโยชน์ อย่างไรเสีย...ความเกลียดชัง...ที่มีต่อมนุษย์ชั้นต่ำ...อย่างพวกเจ้า...ก็มิมีวันลด...หรือหายไปได้หรอก...แฮ่กๆๆ" มันพยายามกล่าวออกมาอย่างลำบาก

"ข้ารู้ ข้าก็ไม่ได้ทำเพื่อให้ท่านยกโทษให้มนุษย์เสียหน่อย ข้าแค่ทำเพราะข้าอยากจะทำก็เท่านั้น" ชิงหลินตอบพร้อมกับใช้มือลูบขนแถวลำคอมันเบาๆ ไม่รู้เลยว่าการกระทำแบบไม่ได้คิดอะไรของนาง ทำให้ปีศาจจิ้งจอกเก้าหางรู้สึกดีและอบอุ่นยิ่งนัก 'หากข้าได้พบมนุษย์ใจดีเช่นเจ้า ข้าก็คง…'

"นี่...เจ้ามนุษย์...แฮ่กๆ".

"เจ้าคะ?"

"ข้าขอฝาก...ลูกของข้าให้เจ้าช่วย...ดูแล จะได้หรือไม่...แฮ่กๆ"

"ลูก?...ท่านมีลูกด้วยหรือ"

"ลูกที่เก็บได้ บังเอิญ...ถูกมนุษย์ทำร้าย...แล้วหลงเข้ามา ข้าเลยเลี้ยงไว้...แฮ่กๆ"

"ได้สิ ข้าจะดูแลพวกเขาอย่างดี"

"ขอบใจ ฝาก...เจ้า...ด้วย...นะ อึก..." ฝากฝังจบปีศาจจิ้งจอกก็กระอักเลือดออกมาอีกรอบ แล้วขาดใจตายคาตักของชิงหลิน

"...หลับให้สบายเถิด" พูดพลางปิดตาให้มัน ก่อนจะวางมันลงบนพื้น ทันใดนั้นร่างที่ไร้วิญญาณของปีศาจจิ้งจอกเก้าหางก็ถูกห่อหุ้มไว้ด้วยแสงสีขาวนวล ลอยขึ้นสูงเหนือศีรษะของชิงหลินแล้วแตกกระจายออกมาเป็นดวงเล็กๆ สิบสี่ดวงตกลงสู่พื้นช้าๆ และแปรเปลี่ยนเป็นร่างของบุรุษสิบสี่คนแทน

"นั่น...หน่วยพยัคฆ์ดำที่หายตัวไป" เสียงหนึ่งตะโกนขึ้น

"อา...จริงด้วย"

"โอ้...ดียิ่งนัก ช่างเป็นเรื่องที่ดีเหลือเกิน" ชิงหยวนกล่าวยามที่มองดูคนของตนกำลังแย้มยิ้มและโห่ร้องยินดีอย่างมีความสุข ที่ไม่ต้องสูญเสียใครไปกับการเดินทางครั้งนี้

"อา...แล้วเต่ามังกรอยู่ที่ใดกัน" โจวหยางหมิ่นถามชิงหยวน เมื่อให้องครักษ์สำรวจจนทั่วแล้วกลับไร้ร่องรอยที่อยู่ของเต่ามังกร

Next chapter