webnovel

(BL) เลโอกับเทพบุปผา[ My Ghost Friend]

LGBT+
Ongoing · 4.1K Views
  • 2 Chs
    Content
  • ratings
  • NO.200+
    SUPPORT
Synopsis

ใต้ต้นกัลปพฤกษ์ที่ เลโอ เคยร่ำร้องจนเสียงแห่บแต่คำขอก็ไม่เป็นจริง ปรากฎร่างของชายผู้อ้างตนว่าเป็นเทพบุปผา ชาญ เขาจะมาทำความปรารถนาของสตรีที่เลโอรักยิ่งให้เป็นจริง

Chapter 1บทที่ 1 เลโอกับเทพบุปผา 

"ที่รัก หนูรู้มั้ยว่าทุกอย่างในโลกมีเทพพิทักษ์อยู่" ใต้ต้นไม้ที่กำลังผลิดอกสีชมพูบานสะพรั่งส่งกลิ่นหอมกระจัดกระจายในอากาศ หญิงสาวผู้ครอบครองเสียงใสเสนาะราวกับน้ำค้างยามเช้ากล่าว ผมสีดำเฉดเดียวกับสีม่วงแผ่สยายเต็มหลัง ร่างอรชร และผิวสีงาช้าง พลางดึงเด็กชายที่ใบหน้าถอดแบบเธอราวกับแกะมานั่งบนม้าสีน้ำตาลแก่ด้วยกัน นิ้วเรียวของเธอชี้ไปที่พุ่มดอกไม้เหนือหัวแล้วว่าต่อ "ต้นกัลปพฤกษ์ต้นนี้เองก็มีเทพพิทักษ์เหมือนกัน"

เด็กน้อยยังเด็กเกินว่าจะเข้าใจเรื่องเทพพิทักษ์นัก เขาจึงเอียงคอเล็กๆ เครื่องหมายคำถามแปะเต็มหน้าผาก เป็นเหตุให้มารดาของเขาบังเกิดความเอ็นดูจนต้องหอมแก้มกลมป่องนั่นเป็นการลงโทษ

เด็กน้อยหัวเราะคิกคัก ดวงตาสีดำขลับสุกสกาวคล้ายดอกไม้ไฟเบ่งบานกลางคืนหน้าร้อน "เทพพิทักษ์ก็คือวิญญาณดีที่ค่อยปกป้องสิ่งสำคัญไงจ้ะ เหมือนกับที่บ้านเรามีคุณปู่คุณย่าปกป้องอยู่"

หญิงสาวไขความกระจ่างให้ลูกชายฟัง สองเรียวแขนที่เหมือนก้านหลิวกระชับร่างตุ้ยนุ้ยให้มาอยู่ในอ้อมอก

"มีคนเคยบอกแม่ว่าถ้าเราอธิษฐานด้วยใจเชื่อมั่นมากพอ ตอนที่ดอกไม้ดอกสุดท้ายหลุดจากขั้วคำขอของเราก็จะเป็นจริง"

"หนูอยากขอบ้าง"

"ที่รักของแม่จะขออะไรเอ่ย" เธอถามอย่างประหลาดใจ จนเมื่อรู้ว่าเด็กน้อยของเธอต้องการเค้กปอนด์ใหญ่ในวันเกิดที่กำลังจะมาถึงก็ทำให้เธอระเบิดเสียงหัวเราะอีกครั้ง พร้อมเรียกเขาว่า 'เจ้าอ้วนน้อย' "สำหรับลูกแม่กับพ่อจะทำให้ความปรารถนาของลูกเป็นจริงเอง ไม่ต้องขอคุณต้นไม้หรอกจ้ะ"

"แล้วแม่เคยขอพรมั้ยฮะ แม่ต้องเคยแน่ๆ ใช่มั้ยฮะ"

"จ้ะ แม่เคยและตอนนี้แม่กำลังรอให้คำขอสัมฤทธิผลอย่างใจจดใจจ่อเลยล่ะ" หญิงสาวระงับความสุขสันต์ในใจขณะกล่าว เธอทอดมองกิ่งยืดยาวที่เต็มไปด้วยพ่วงดอกไม้สีชมพูโบกสะบัดตามแรงลม กลีบดอกที่หลุดร่วงลอยคุ้งราวกับผีเสื้อโบยบิน ทำให้กลิ่นหอมหวานประจำหน้าร้อนทวีความรุนแรงขึ้น เธอยิ้มออกมาแล้วเด็ดดอกกัลปพฤกษ์จากกิ่งที่อยู่ใกล้ที่สุดมาทัดหูลูกชาย เรือนผมสีดำเหลือบม่วงนั่นช่างเข้ากับดอกไม้สีชมพูยิ่งนัก ริมฝีปากที่เริ่มแห้งเป็นขุยบรรจงจุมติเบาๆ เหนือหน้าผากมน นัยน์ตาที่ถูกกาลเวลาสึกกร่อนเวลานี้มีแต่ความอ่อนโยน "อยากรู้ไหมว่าแม่ขออะไร"

เด็กน้อยยิ้มพิมพ์ใจมุดเข้าซอกแขนเธอแล้วใช้แขนป้อมสั้นกอดเธอไว้ หัวทุ้ยพยักหน้าพร้อมกับมองมารดาที่งดงามราวกับนางฟ้า

"แม่ขอว่า..."

จังหวัดบุปผา ครั้งหนึ่งเคยเป็นเมืองหลวงของประเทศแพเทอริค แต่หลังการโจมตีของประเทศแถบตะวันตกซึ่งใช้ประเทศเพื่อนบ้านติดชายแดนเหนือเป็นทางผ่าน ทำให้เมืองหลวงถูกยึดไปช่วงเวลาหนึ่ง แม้ภายหลังจะชิงนครคืนมาและปกป้องชาติสำเร็จ แต่รัฐบาลจะไม่ยอมให้ต่างชาติใช้แผนเดิมซ้ำสอง เมืองหลวงจึงย้ายไปอยู่ใจกลางประเทศ ที่ซึ่งอุดมสมบูรณ์ด้วยข้าวปลานาน้ำและห่างจากทะเลไปไม่ใกล้ไม่ไกลแทน

อย่างไรก็ดีแม้จะถูกเปลี่ยนให้เพียงจังหวัดหนึ่งของประเทศ แต่จังหวัดบุปผาไม่ได้ลดมนตร์ขลังลง และวัฒนธรรมที่หลงเหลือจากชาติตะวันตกก็ช่วยเสริมให้จังหวัดที่ครั้งหนึ่งเคยรุ่งเรืองถึงขีดสุดกลายเป็นจังหวัดแห่งประวัติศาสตร์

และทุกเขต (อำเภอ) ในเมืองนี้จะถูกเรียกด้วยชื่อสี อาทิเช่น เขตสีฟ้า เขตสีแดง หรือเขตสีม่วง สาเหตุมาจากสมัยที่ประเทศยังปกครองด้วยระบอบสมบูรณายาสิทธิราช ไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตยในปัจจุบัน จักรพรรดิพระองค์หนึ่งทรงชื่นชอบดอกไม้เป็นอย่างยิ่ง ท่านทรงกระแสรับสั่งให้ข้าราชบริพารปลูกพืชมีดอกทั่วทั้งเมือง โดยแบ่งเป็นเขตละสี จนครบทั้งเจ็ดตามสีของสายรุ้ง

นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมเมืองแห่งนี้จึงถูกเรียกว่าจังหวัดบุปผา

อนึ่งมีสีหนึ่งที่เป็นสัญลักษณ์ของความอ่อนวัย ความรัก และการเริ่มต้น จักรพรรดิแต่งตั้งให้มันเป็นสีประจำโอรสคนโปรดของพระองค์ สีที่ไม่ถูกบรรจุเป็นสีมาตรฐานของสายรุ้ง

สีชมพู

และเรื่องราวของเราเริ่มขึ้นที่เขตสีชมพู เขตนี้เอง

ตีนหุบเขาที่ต้นไม้ทั้งลูกพร้อมใจแตกใบอ่อนเพื่อรอคอยการมาถึงของหน้าฝนอย่างใจจดใจจ่อ โรงเรียนทรงประยุกต์ที่ผสมผสานระหว่างตึกสไตล์โบราณกับความร่วมสมัยตั้งโดดเด่นอยู่ตรงนั้น อาคารเรียนทั้งสามหลังเรียงกันประหนึ่งโดมิโนหันหลังให้ภูเขาเขียวขจี มีถนนสีเทาราดจากปากทางเข้าเรื่อยลงมาจนถึงหอพักสองหลังที่ตั้งประจันหน้าสองข้างทาง ฟากหนึ่งเขียนว่าหอพักหญิง อีกฟากเขียนว่าหอพักชาย ทั้งสองตึกหน้าตาเหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน

เวลานี้เองก็มีเด็กหนุ่มท่าทางแบบเดียวกับทหารพลางเดินออกมาจากหอพักชาย เขาเป็นเด็กอ้วนที่สวมเสื้อคลุมสีดำ ใส่แววตาหนาเตอะ ผมยาวกระเซอะกระเซิง บนหน้าผากคาดผ้าสีแดงปักคำว่า 'ชมรมพลังจิต' เด่นหรา เป้ลายพรางยัดอุปกรณ์บางอย่างที่ประกอบด้วยเสาส่งสัญญาณ บางส่วนโผล่ออกมาเพราะมีขนาดใหญ่เกินกว่าจะยัดลงกระเป๋า แน่นอนว่าคนแบกอย่างคินต้องหอบแฮกเพราะห้องของเขาอยู่ชั้นเจ็ด ห้องบนสุดและตึกนี้ก็ไม่มีลิฟต์ดังนั้นเขาจึงต้องแบกลงบันได

"โอ๊ย! จะตาย จะตายแล้ว เลโอช่วยฉันด้วย" เขาโก่งตัวพิงกำแพงทางเข้าอย่างหมดลม แดดตอนบ่ายหนึ่งทิ่มแทงหนังหัวจนเหงื่อไหลบ่าประหนึ่งน้ำพุกลางหุบเขา ไม่ไกลจากจุดที่คินกำลังจะตายเพราะบันไดเจ็ดชั้นมีกลุ่มก้อนของเด็กม. ปลายที่แต่งตัวเหมือนเขา ทั้งหมดเห็นเขาแล้วจึงตะโกนเรียก แต่ไม่มีใครคิดจะมาช่วยเขาแบกเป้เลยสักคน

ใครใช้ให้เขาเป่ายิงฉุบแพ้กันเล่า

"ใจร้ายชะมัด ไอ้พวกใจดำ" เขารำพึงเสียงกัดฟัน

จังหวะเดียวกันนั้นก็มีอีกคนเดินตามหลังลงมา เสียงรองเท้าบูตที่ขัดจนดำเหลื่อมแตะพื้นกระเบื้องเป็นทำนอง เส้นผมสีดำเหลือบม่วงราวกับขนนกราเวนเปล่งประกายยามพระอาทิตย์ตกกระทบ ดวงตาสีออบซิเดียนถูกเงาขนตาบดบังไปเสียครึ่ง ผิวสีงาช้างอันเป็นลักษณะของชาวพื้นเมืองดูแตกต่างเมื่ออยู่บนตัวของเขา ริมฝีปากสีแอปพริคอตเรียบนิ่งไร้รอยหยัก

เขาดูเหมือนตุ๊กตากระเบื้องเคลือบหรือไม่ก็หยกที่ผ่านการแกะสลักจากช่างฝีมือชั้นครู เชิ้ตขาวแขนสั้นกับกางเกงเหนือเข่ายิ่งทำให้ผิวของเด็กหนุ่มคล้ายจะเปลี่ยนเป็นพระอาทิตย์เดินได้อีกดวง

ด้วยใบหน้านี้คงชวนให้คนเข้าใจผิดง่ายๆ ว่าเขาเข้าผิดหอหรือไม่ คินเองก็ตกใจเช่นกันตอนที่รู้ว่ารูมเมตตนคือเลโอ เขาถึงขนาดคิดว่าหออนุญาตให้ผู้หญิงมาพักรวมกับผู้ชายได้ตั้งแต่เมื่อไร จนกระทั่งเห็นบัตรประจำตัวนักเรียนของเลโอนั่นแหละเขาถึงตื่นจากฝัน

"ให้ช่วยไหม"

แต่ถึงอย่างนั้นคินก็เชื่อว่ามีหลายคนยอมแลกห้องนอนกับเขาเพื่อให้ได้อยู่ใกล้เลโอ

"นายคือเทวดาของฉัน" ของในกระเป๋าเป็นผลการทดลองที่แลกมาด้วยเลือดและเหงื่อของคนในชมรม ถึงจะหนักอย่างไรคินก็ตัดใจวางกับพื้นไม่ลง แน่ละ ถ้าเขาทำอย่างนั้นมีหวังรุ่นพี่บางท่านได้กระโดดกัดคอเขาขาดแน่

ของที่คินคิดว่ามีน้ำหนักเท่าโลกทั้งใบถูกหิ้วง่ายๆ ด้วยมือเพียงข้างเดียว รอให้เขาหายใจหายคอคล้องถึงกลับไปแบกต่อ ระหว่างนั้นก็พูดชวนเลโอแบบเดียวกับตอนก่อนจะออกจากหอ

"นายไปกับพวกเราได้นะ ถึงคนในชมรมจะถูกหาว่าเป็นพวกเพี้ยนแต่รุ่นพี่ใจดีมาก ขึ้นไปสำรวจป่านายจะได้ถ่ายรูปด้วย"

"ผมขอผ่าน" เลโอก็ปฏิเสธแบบเดียวกับเมื่อเช้า "ผมจะไปสวนข้างโรงพยาบาลที่นั่นเองก็มีป่าแบบเดียวกัน อีกอย่างผมไม่สนใจเรื่องลี้ลับเท่าไร"

"แต่สัปดาห์ก่อน สัปดาห์ก่อนๆ นายก็ไป-"

คินทำท่าจะพูดอะไรต่อแต่เลโอผละไปเสียแล้ว ทิ้งไว้แค่แผ่นหลังสุดเท่และโบกมือลา เด็กหนุ่มร่างท้วมถอนหายใจทำเพียงโบกมือตอบแล้วก็แบกเป้เดินไปหาเพื่อนร่วมชมรมที่รออยู่ คนทั้งหมดกระซิบกระซาบกันตอนคินรวมกลุ่ม ก่อนจะมีเสียงโห่คลื่นใหญ่ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาผิดหวังที่คินชวนเลโอไม่สำเร็จอีกแล้ว

แต่เด็กหนุ่มผมดำเงากลับไม่ได้รับรู้ถึงความต้องการนั้น สองขาดั่งก้านไผ่ไต่ลงจากเนินเขาไปยังหมูบ้านข้างล่างอย่างรวดเร็ว ร่มเงาของต้นไม้สองข้างทางลดทอนความร้อนของแสงอาทิตย์ทำให้บนร่างกายแทบไม่มีเหงื่อสักหยด คูน้ำไหลจากกลางภูเขาส่งเสียงคลอไปกับจักจั่นที่ลอกคราบเสร็จแล้ว ถึงจะเป็นเขตสีชมพูแต่เมื่อเข้าใกล้หน้าฝนดอกไม้ที่บานเกือบทั้งปีก็หลุดร่วงจนหมด ทิ้งเศษซากสีน้ำตาลเกลื่อนพื้นรอคนทำความสะอาด

เขตสีชมพูติดต่อกับภูเขาโอบล้อมทั้งสองทิศ ตรงกลางหมู่บ้านเป็นทะเลสาบกินพื้นที่เกืแบร้อยไร่ บ้านเรือนจึงปลูกสร้างในลักษณะของจันทร์เสี้ยวเรียงรายจากตีนเขาไปถึงริมทะเลสาป

จุดหมายปลายทางของเลโอคือโรงพยาบาลที่ตั้งอยู่อีกฟากของหมู่บ้านซึ่งเป็นปลายเสี้ยวของพระจันทร์ ที่นั่นมีสวนกัลปพฤกษ์ห้าร้อยปีรอเขาอยู่

ตลอดทางมีเด็กหนุ่มคนสาวรุ่นราวกับเดียวเลโอเดินสวนบ้างประปราย ทั้งหมดไม่อาจละสายตาไปจากใบหน้าชวนตะลึงของเลโอได้ แต่เพราะกำแพงใสๆ ที่สร้างจากท่าทางเงียบขรึม การพูดแบบเดียวกับหุ่นยนต์ และการปฏิบัติตนราวกับหนังสือกฎระเบียบเดินได้ ทำให้น้อยนักจะกล้าพูดคุยกับเลโอ น่ากลัวว่าถ้าคินไม่ใช่เพื่อนร่วมห้องก็คงไม่มีใครพอจะเรียกว่าเพื่อนสนิทของเลโอได้

ระยะทางจากโรงเรียนไปถึงโรงพยาบาลนับว่ายาวมาก ต้องใช้เวลาชั่วโมงครึ่งจึงจะถึง แต่นั่นทำอะไรเลโอไม่ได้เขาใช้เวลาถ่ายรูปไปตลอดทางด้วยกล้องสีดำที่ติดโลโก้คุ้นตา

แชะ

แมวขนาดเท่าถังแก๊สปิกนิกนอนเกลือกกลิ้งข้างยอดหญ้าที่พลิวตามแรงลม

แชะ

เด็กหญิงที่กำลังปั่นจักรยานสีแดงย้อนขึ้นไปบนภูเขาด้วยสีหน้าจวนเจียนจะร้องไห้

แชะ

คุณตาที่กำลังเล่นกับหมาขนสีทองอร่ามหลังประตูรั้วทำจากไม้ ใบหน้ายับย่นจากการยิ้มเหมือนกับโกลเด้นตัวใหญ่ที่เลียหน้าคุณตาอย่างรักใคร่

ภาพทั้งหมดบ่งบอกถึงฝีมือแสนวิจิตรของคนถ่าย แสงเงารวมถึงองค์ประกอบถูกจัดให้อยู่ในตำแหน่งพอเหมาะ ไม่น่าแปลกที่ภาพที่เขาถ่ายจะถูกนำไปจัดแสดงหน้าบอร์ดโรงเรียน

พระอาทิตย์เคลื่อนคล้อยจากกลางศีรษะไปหาขอบฟ้าอย่างเงียบงัน เขามาถึงสวนกัลปพฤกษ์ก็ตอนที่ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้ม ทะเลสาบถูกสายลมสร้างระลอกคลื่นลูกแล้วลูกเล่าส่องประกายดุจอัญมณี ต้นกกแทงขึ้นบริเวณน้ำตื้นมีนกกระจาบบินมาเกาะ ตรงกลางทะเลสาบมีเรือลำน้อยที่กำลังถูกถ่อเข้าฝั่ง

ในอดีตเขตสีชมพูเคยเป็นจุดที่ทหารต่างชาติมายึดครองร่วมสามปี หลังพ่ายแพ้สงครามพวกเขาจึงขนคนกลับแต่สถาปัตยกรรมแบบตะวันตกไม่ได้จางหายไปด้วย โรงพยาบาลแมร์รี่คือหลักฐานชิ้นสำคัญเพราะแรกเริ่มที่นี่เดิมคือศูนย์บัญชาการของต่างชาติ ตึกสีขาวมีเหลี่ยมมุมคดโค้งลายก้นหอย หน้าต่างทำให้เหมือนดอกบัวตูม และมีรูปปั้นเทพสงครามบนยอดด

แม้ภายหลังรูปปั้นจะถูกทุบทำลายลงแต่ด้วยความเสียดายตัวอาคาร รัฐบาลจึงสั่งให้หมอและพยาบาลใช้ที่นี่ต่างโรงพยาบาลก่อนจะกลายเป็นโรงพยาบาลแมร์รี่ในปัจจุบัน

ไม่ต่างจากต้นไม้บนภูเขาโดยรอบ สวนกัลปพฤกษ์เองก็เปลี่ยนเป็นสีเขียวอย่างที่ควรเป็น เลโอไม่จำเป็นเลยที่จะต้องมาที่นี่ทุกสัปดาห์ ใช่ ทุกสัปดาห์ผู้ป่วยที่มองจากหน้าต่างโรงพยาบาลจะเห็นร่างเล็กสวมชุดสีขาวสะอาดกับกล้องหนึ่งตัวมาที่นี่ เขาจะเดินไปทั่วราวกับตอกย้ำรอยเท้าของสัปดาห์ก่อนแล้วมาหยุดที่ต้นกัลปพฤกษ์อายุห้าร้อยปีซึ่งปลูกชิดริมน้ำเห็นได้ชัดว่าพงเผ่าของมันแผ่ขยายไปจนกินพื้นที่ทั่วทั้งเขตสีชมพู

รากบางส่วนยื่นออกไปดูคล้ายกับชะแง่งหินในถ้ำมากกว่ารากไม้ รั่วที่ทำจากเหล็กกันยาวครอบคลุมบริเวณที่โรงพยาบาลเห็นว่าเป็นอันตรายต่อคนไข้ผู้ต้องการพักผ่อนข้างสระ

ใต้ต้นไม้ที่เก่าแก่ที่สุดมีม้านั่งที่เก่าแก่ไม่แพ้กัน มันคือม้านั่งตัวเดียวกับความทรงจำที่ยังแจ่มชัดในสมองของเลโอ เขานั่งลงหลังจากถ่ายรูปจนสาแก่ใจ สายลมอบอุ่นละเลียดผิวกายนอกลมผ้า เงาที่ทอดลงมาทำให้เขา ผู้ซึ่งเย็นชาราวกับน้ำแข็งไร้วันละลายเวลานี้ช่างดูโดดเดี่ยว

"หนูต้องเป็นช่างถ่ายรูปที่เก่งที่สุดเมื่อโตขึ้นแน่นอน แม่เชื่ออย่างนั้น"

แม่ของเขาพูดในวันที่มอบกล้องตัวแรกเป็นของขวัญวันเกิดครบเจ็ดขวบ

นิ้วเรียวเลื่อนภาพในกล้องไปเรื่อยๆ ทั้งที่เป็นคนถ่ายแต่เลโอกลับไม่รู้สึกว่ามีภาพไหนสวยพอจะทำให้หยุดมองได้เป็นครั้งที่สอง เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนชอบการถ่ายรูปจริงๆ หรือเปล่า

นิ้วสีขาวซีดเลื่อนรูปจำนวนหลายพันรูปจนถึงหน้าร้อนเมื่อหกปีก่อน ภาพนั้นถูกถ่ายโดยนางพยาบาล มีสามคนพ่อแม่ลูกนั่งอยู่ใต้กัลปพฤกษ์ที่ออกดอกบานสะพรั่ง

เด็กน้อยยิ้มร่า ในขณะที่สองคนด้านข้างก็ส่งยิ้มมุมปากให้กล้อง หญิงสาวในภาพดูทรุดโทรมราวกับถูกโลกทั้งใบกดทับ ใบหน้าของเธอซูบตอบอย่างน่ากลัว เส้นผมที่เคยเงางามกลับเป็นเป็นสีขาวโปร่งแสงตัดกับชุดสีฟ้าอ่อนของโรงพยาบาล

เลโอลูบภาพนั้นราวกับต้องการยืนยันว่านี่เป็นเพียงฝันร้ายที่แสนยืดยาว

ความจริงบ้านของพวกเขาอยู่ในเขตสีม่วง ใหญ่กว่าเขตสีชมพูถึงสามเท่า ดอกไม้ที่เขาเห็นจนชินตาคือดอกไฮเดนเยียไม่ก็วิสทีเรีย เขาชอบพวกมันนะ แต่หลังจากแม่ของป่วยเป็นโรคหายากที่พบได้แค่หนึ่งในสิบล้านทั้งสามเลยต้องย้ายที่อยู่ชั่วคราว

เขตสีชมพู บ้านใหม่ของพวกเขา

โรงพยาบาลของบ้านเก่ามีเยอะกว่าเขตสีชมพูแต่เพราะที่นี่มีหมอซึ่งเชี่ยวชาญโรคที่ว่าประจำอยู่ เลโอวัยเจ็ดขวบจึงต้องเปลี่ยนมาชอบดอกเชอร์รี่บลอสซั่มกับกัลปพฤกษ์แทน

หลังรักษาตัวอยู่สามปี แม่ก็ค่อยๆ ถูกกะเทาะเปลือกแสนสวยงามจนเหลือแค่ร่างเหี่ยวแห้งเหมือนต้นไม้ที่ถูกด้วงกัดกิน รอวันหักโค่นและตายในที่สุด

บางครั้งเขามักจะถามกับตัวเองว่าทำไมโรคพวกนี้ถึงมาเกิดกับแม่ หนึ่งในสิบล้าน นั่นมันมีเลขศูนย์ตามหลังเลขหนึ่งถึงเจ็ดตัวเชียวนะ หลังจากเรียนรู้เกี่ยวกับคณิตศาสตร์เขาก็รู้ว่าสิบล้านมีปริมาณเยอะขนาดไหน

-แม่แค่โชคร้าย... พ่อของเลโอตอบคำถามของเด็กน้อยด้วยน้ำเสียงแหบพร่า

บางทีเลโออาจไม่ได้ชอบการถ่ายรูปจริงๆ แต่ชีวิตเขาคงว่างเปล่าถ้าไม่ได้ถ่ายไปเรื่อยๆ

"อ่า ช่างภาพตัวน้อย ถ้าแม่กลายเป็นแม่ไก่แก่ๆ ลูกก็ต้องถ่ายรูปให้สวยๆ นะ"

...เพราะว่ามัน

"ที่รัก ดูสิ ฝีมือของแม่ก็ไม่เลว"

เพราะว่ามัน...เป็นสิ่งเดียว

"แม่รักลูกจ้ะ"

เป็นสิ่งเดียวที่แม่ของเขาทิ้งไว้ให้

แม่เคยบอกว่าถ้าอธิษฐานใต้ต้นกัลปพฤกษ์ตอนที่ดอกไม้สีชมพูบานสะพรั่งถึงขีดสุด แม่เคยบอกว่าถ้าอธิษฐานด้วยใจเชื่อมั่นมากพอความปรารถนาใดๆ ก็จะเป็นจริง ดังนั้น

"หนูขอให้"

บนม้านั่งตัวนี้

"หนูขอให้แม่หายป่วย"

เด็กน้อยร่ำร้อง

"หนูจะเป็นเด็กดี ไม่ดื้อ ไม่ซน หนูสัญญา"

เอ่ยคำสัญญา

"ช่วยทำให้แม่ของหนู"

และอธิษฐาน

"ช่วยทำให้แม่หายป่วยด้วยเถอะ"

-ต่อให้แลกด้วยทั้งหมดของหนู หนูก็ยอม

...น่าเสียดาย วันที่ดอกไม้ดอกสุดท้ายปลิดปลิวไปกับสายลม ชีวิตที่ผ่านสายฝนและพายุคะนองของแม่ก็ปลิวหายไปกับดอกไม้...แม่จากไปในหน้าร้อนปีเดียวกับรูปถ่าย

ดอกไม้หลุดร่วงจนเหลือแค่กิ่งโล่งเตียน ไม่นานก็จะแตกใบอ่อนสีเขียว วันเวลาทำให้เลโอรู้ว่าเรื่องเล่าของแม่ก็เป็นแค่ตำนานที่ตั้งขึ้นเพื่อให้คนชื่นชมกับความงามของดอกไม้ มันไม่เคยทำใครหายป่วย และไม่เคยทำใครฟื้นจากความตาย ไม่เคยทำความปรารถนาของใครเป็นจริง

ทั้งที่เป็นแบบนั้น

เลโอจ้องมองเด็กน้อยผู้ยิ้มอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว

...ทั้งที่เป็นแบบนั้นแต่ทำไมเขายังดื้อด้านจะเชื่อกันนะ

สายลมโหมกระหน่ำจนนกกระจาบพากันแตกฮือ ทำเอาผมที่ถูกจัดมาเรียบร้อยกระจายไปด้านข้าง เลโอหลับตาพร้อมกับแสงสุดท้ายที่กำลังจะเลือนหายไปจากฟากฟ้า ไฟส่องสว่างจุดติดทีละดวงทีละดวง อย่างไรก็ตามแทนที่จะได้ยินเสียงของจิ้งหรีดแต่กลับมีเสียงแหบห้าวของคนวัยหนุ่มดังขึ้นมาแทน

"นี่ นายเป็นช่างถ่ายภาพเหรอ"

เสียงนั้นไม่เหมือนกับคนป่วย หรือเป็นเสียงของบุรุษพยาบาลที่มักเข้ามาพูดคุยกับเลโอ ตอนนี้รอบข้างเปลี่ยวร้างจนพาให้เด็กหนุ่มคิดถึงเรื่องลี้ลับที่รูมเมตกลอกหูแต่เขาไม่กลัวผี เสียงนั่นดังขึ้นอีกครั้ง "มองไปทางไหนข้างบนหัวนายต่างหาก"

ร่างโปร่งลุกพรวด เงาอันเกิดจากไฟส่องสว่างกลืนกินครึ่งหน้าของเขา มันทำให้เด็กหนุ่มเหมือนตุ๊กตาในตู้โชว์ แต่นั่นไม่น่ากลัวเท่าร่างของใครบางคนบนต้นไม้

เป็นเวลาเดียวกับที่เลโอลุกขึ้น เจ้าของเสียงนุ่มนวลราวกับพระอาทิตย์ตอนเช้าก็ร่อนลงมาจากกิ่งไม้ ไม่ผิด เขานั่งบนกิ่งไม้นั้นตรงหัวเลโอพอดี

แสงไฟสาดใส่ผู้มาใหม่ เส้นผมสีบอร์นราวกับฟากที่ตากแดดมาแรม และยาวพอสำหรับใช้ริบบิ้นสีแดงเบอกันดีผูกไว้หลวมๆ สีของริบบิ้นตัดกับแก้วตาสีฟ้า ชายหนุ่มขาวมากและสูงมากเช่นกัน หากมายืนเทียบ เลโอที่สูง 174 เซนติเมตรคงสูงประมาณคางของเขา เสื้อกั๊กสีเขียวมาลีนพลิวไหวตอนเขาขยับมาใกล้ เสื้อเชิ้ตขาวสะอาดตัวหลวมกับกางเกงสแล็คสีดำ เขาน่าจะอายุยี่สิบต้นๆ ลามไปถึงยี่สิบกลางๆ

"ไง อึ้งขนาดนี้ ไม่เคยเห็นเทพบุปผาเหรอ"

You May Also Like

ปั้นดินเป็นเดือน

จากดินสกปรกจะถูกปั้นให้เป็นเดือนได้จริงเหรอ? ความพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองนั้นมันคุ้มค่าหรือไม่? สุดท้ายแล้วคนเราก็ตัดสินกันแค่ที่หน้าตาใช่ไหม? เบญจมินทร์ หรือ เบ็น เป็นเด็กหนุ่มที่เชื่อสุดใจเลยว่าคนทุกคนบนโลกใบนี้ดูดีในแบบของตัวเอง และทุกคนสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้หากมีความพยายามมากพอ และด้วยความเชื่อที่ดูจะไปสะกิดต่อมความหมั่นไส้ของคู่อาฆาตนั้น ทำให้เขาถูกท้าแข่งในการประกวดทูตกิจกรรม ไม่ใช่ตัวพวกเขาเองที่จะลงแข่งหรอกนะ แต่พวกเขากำลังแข่งกันปั้นเด็กของตัวเองให้เป็นเดือนคณะให้ได้ต่างหาก ทว่า เด็กที่เบ็นต้องปั้นนั้นกลับเป็นรุ่นน้องปี 1 ที่แสนจืดจาง ใบหน้าห่างไกลจากคำว่าหล่อในยุคสมัยนี้ไปเลย แถมความมั่นใจยังอยู่ในระดับขั้นติดลบ ทุกคนเห็นตรงกันหมดว่าเบ็นไม่ต้องแข่งก็ได้ เพราะรู้ผลตั้งแต่ยังไม่เริ่มเลยด้วยซ้ำ แต่เบ็นเชื่อในตัวน้องคนนี้ และเชื่อในกันและกัน เขาจะปั้นเด็กคนนี้ให้เป็นดวงเดือนสีนวลบนฟ้าให้ได้! สุดท้ายแล้วพวกเขาจะสามารถพิสูจน์ให้โลกวัตถุนิยมใบนี้ยอมรับความพยายามของพวกเขาได้หรือไม่

NIMAJNEB · LGBT+
Not enough ratings
56 Chs

จะยอมเป็นที่รักไหม? Secret Night -Boyslove

Mature Content 18+ เพราะเหล้าและความเมาเป็นเหตุ ทำให้เทนทำอะไรห่าม ๆ ทำแบบที่ไม่เคยทำ ชวนเด็กน้อยหน้ามนคนหล่อขึ้นเตียง สุขแบบไม่เคยสุข หัวใจที่เคยร้าวรานและเดียวดายได้รับการเติมเต็ม ท่ามกลางความสับสนกับคำว่า “เริ่มต้นใหม่ได้แล้ว” เทนดันมาเจอว่า เด็กน้อยหน้ามนคนหล่อที่เขาลากขึ้นเตียงนั้น เป็นเด็กฝึกงานในบริษัทของเขาเอง ค่ำคืนที่น่าประทับใจ ตะวันที่ถูกเจ้าของบริษัทเปิดซิง จะตามหลอกหลอนให้เทนต้องชดใช้ และยอมเป็น "ที่รัก" ของเขาให้จงได้ โชคชะตาที่ฟ้ากำหนดมาแล้ว ใครจะเปลี่ยนมันได้ จริงไหม?

Papaya24 · LGBT+
Not enough ratings
2 Chs

The Lost City...นครที่สาบสูญ

ธารา / ทาร่า นักโบราณคดีหนุ่มผู้มากความสามารถ แถมยังเป็นคนยิ้มง่ายเลยเข้ากับคนอื่นได้ดี จู่ ๆ ก็ได้รับคำสั่งให้มาจัดการเกี่ยวกับเรื่องนครสาบสูญที่เพิ่งถูกค้นพบ เรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นก่อนที่มหานครแห่งนี้จะล่มสลายค่อย ๆ ถูกรื้อฟื้นขึ้นมา อดีตชาติและยุคสมัยใหม่ค่อย ๆ ถูกหลอมรวมเข้าด้วยกันจากคนเพียงคนเดียว... อาเธอร์ นายทหารมากฝีมือ เป็นหัวหน้าหน่วยที่ถูกส่งมาดูแลความปลอดภัยให้กับงานครั้งนี้โดยเฉพาะ เป้าหมายหลักคือให้ความคุ้มครองจนกว่าภารกิจจะเสร็จสิ้น เป็นคนหน้านิ่งไม่ค่อยยิ้มเลยดูดุจนทำให้คนอื่นกลัวตลอดเวลา แต่ความจริงถือว่าเป็นคนที่ใจดีมาก ๆ คนหนึ่ง ทั้งที่ดูแล้วไม่น่าจะเกี่ยวข้องอะไร แต่เจ้าตัวกับเป็นคนที่มีความสำคัญมากต่อเหตุการณ์ในอดีตและปัจจุบันที่กำลังจะเกิดขึ้น ศรุต / แซค หนุ่มเลือดไทยเต็ม 100% แต่มาเรียนต่อที่ต่างประเทศเลยได้พบกับธารา เพราะอีกฝ่ายเป็นลูกครึ่งไทยเลยพูดกันรู้เรื่อง ตั้งแต่นั้นมาศรุตจึงติดรุ่นพี่ใจดีคนนี้เอามาก ๆ แม้จะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในอดีต แต่เพราะตัวติดกับธาราตลอดจึงต้องรู้เรื่องอะไรต่อมิอะไรไปด้วยอย่างช่วยไม่ได้ เบน หนุ่มขี้เล่น อารมณ์ดี มีตำแหน่งเป็นรองหัวหน้าจึงมีอำนาจรองจากอาเธอร์คนเดียวเท่านั้น และเพราะเป็นคนอัธยาศัยดีจึงเข้ากับคนอื่นได้เร็ว พอมีเวลาว่างก็มักจะไปคุยเล่นกับธาราและศรุตเสมอจึงสนิทกันพอสมควร และอีกเรื่องที่ไม่ค่อยมีใครรู้คือเจ้าตัวเป็นเพื่อนกับอาเธอร์มาตั้งแต่เด็กจึงสนิทกันมากชนิดรู้ไส้รู้พุงดี ไม่มีความลับใด ๆ ต่อกันทั้งสิ้น

LyLyAiAi · LGBT+
Not enough ratings
6 Chs

เกิดใหม่มาเป็นเหยื่อของท่านประธานจอมรัท

คำโปรย ได้เกิดใหม่เป็นหนุ่มหน้าใส วัยยี่สิบทายาทไฮโซทั้งที แต่ไหงต้องมาอยู่ในกำมือของประธานหนุ่มศัตรูคู่อาฆาตด้วย ยัง..เรื่องซวยยังไม่จบ เพราะหนุ่มสุดแซบที่ว่าดันเกิดอาการรัท มีแต่ฮีทของเขาเท่านั้นจะบำบัดได้ เรื่องย่อ คำมร ไฮโซหนุ่มหน้าสวยแต่พฤติกรรมเหลวแหลก เขาคือศัตรูเบอร์หนึ่งของเดวิสประธานหนุ่มรูปหล่อของลาโฮมกรุป คำมรคือคนที่ทำให้ชีวิตของท่านประธานพังจนสิ้นไร้ความสุข เพราะหลายปีก่อนคำมรขับรถโดยประมาท จนทำให้พ่อของเดวิสเสียชีวิต การินคือชายวัยกลางคนผู้มีบาดแผลในใจ จากการสูญเสียลูกและเมียเพราะอุบัติเหตุ เขาทำงานที่ลาโฮมกรุปไปวัน ๆ อย่างไร้เป้าหมาย มีแต่เหล้าเป็นเพื่อน วันหนึ่งมีเหตุอะไรสักอย่างทำให้การินตกตกน้ำเสียชีวิต ปาฏิหาริย์มีจริง การินได้รับโอกาสของชีวิตที่สอง แต่มีคนตั้งเยอะแยะ ดันมาเกิดใหม่ในร่างของคำมรที่นอนเป็นโคม่าเพราะเสพยาเกินขนาด ซึ่งก่อนหน้านี้ เดวิดลักพาตัวคำมรที่นอนหลับใหล มาเก็บไว้ในที่ซ่อนเพราะจะรอให้ฟื้นแล้วแก้แค้น เรื่องยุ่งเริ่มเกิด การินในร่างคำมรอยู่ ๆ ก็ฟื้นขึ้นมาท่ามกลางความฉงนของคนรอบตัว แต่ที่วายป่วงยิ่งกว่าคือเดวิสดันรู้สึกแปลก ๆ ที่ดูยังไงก็เหมือนอาการรัท มันเกิดขึ้นทันทีที่ฟีโรโมนจากตัวของคำมรสัมผัสตัวของเดวิส แล้วมันเป็นแบบนี้ได้ยังไง เอาเป็นว่า ตอนนี้เดวิสหักห้ามตัวเองไม่ไหวแล้ว กลิ่นของคำมรช่างยั่วยวนจนยั้งใจไม่อยู่ และเขาจะต้องทำอะไรบางอย่าง แค่แก้แค้นอย่างเดียวคงไม่พอ... คำแนะนำในการอ่าน 1. ตัวละคร พฤติกรรม สถานที่ หน่วยงาน วิชาชีพ และเหตุการณ์ต่าง ๆ ในนิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องสมมุติที่สร้างขึ้นมาเพื่อความบันเทิงทั้งสิ้น 2. บางตัวละครในนิยายอาจแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน 3. ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ใดๆ ในเรื่องนี้ไม่ถูกต้อง 4. นิยายเรื่องนี้ยืมบางคอนเซปต์ในธีม Omegaverse มาใช้ คือ การรัท การฮีท การกัดคอเพื่อผูกพันธะ แต่ไม่ใช่นิยายธีม Omegaverse เต็ม ๆ 5. พฤติกรรมมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้เครื่องป้องกันของตัวละครในเรื่อง ไม่ใช่สิ่งที่ควรทำตาม

telltopia · LGBT+
Not enough ratings
17 Chs