สมุทรธรได้รับแจ้งจากทหารนาคว่าองค์เดชานาคราชผู้เป็นพระบิดาตรัสให้เข้าเฝ้า จึงหันไปกล่าวกลับจอมครุฑา
"เจ้าอยู่ที่นี่ เดี๋ยวข้ากลับมา"
"คิดจะขังข้าไว้อย่างนี้รึ"
"แล้วเจ้าจะมีปัญญาทำอะไร?"
ด้วยสีหน้าอันถือดีราวกับเป็นเจ้าแห่งชีวิต กระตุ้นจอมครุฑาโกรธเกรี้ยวยิ่ง ปีกแดงสยาย กระพือสร้างวายุกว้างล้างศัตรู
ทว่าแรงลมที่เกิดจากปีกช่างน้อยนิด เพียงแค่พัดเบาเย็นสบาย สมุทรธรหัวร่อร่า มุมปากผุดรอยยิ้มเย้ยหยัน
เขาเดินเข้าหา ยื่นมือเชยคางของอีกฝ่าย จอมปักษาปัดมือทิ้ง ทว่าสมุทรธรคว้าข้อมือเขาอย่างแม่นยำ
เทวปักษ์ดึงมือสุดแรง แต่มิอาจพ้นเรี่ยวแรงของนาคเจ้าเล่ห์ สมุทรธรกระชากร่างเทวปักษ์เข้าหาเขา ใบหน้าทั้งสองเกือบแนบชิด
โอรสแห่งราชานาคยื่นหน้าเข้าใกล้ ปลายจมูกโด่งขาวแทบสัมผัสกับจมูกอีกฝ่าย ครุฑหนุ่มรีบผงะศีรษะไปด้านหลัง ดวงตาฉายความเกลียดชังอย่างมิอาจกลั้น ทว่าสมุทรธรหาได้ใส่ใจ
"พิษของข้า จักทำให้เจ้าสิ้นฤทธิ์ร้ายไปอีกหลายวัน ตอนนี้เจ้าเป็นเพียงแค่ลูกไก่ปีกแดง หาใช่วิหคแห่งฟากฟ้าแดนสวรรค์ไม่"
เทวปักษ์โต้ทันควัน "หากสู้ด้วยกำลัง มิใช่ใช้เล่ห์กลอันสกปรก เจ้ามิมีทางต่อกรกับข้า"
"ผู้ใดสนเล่า? อันการสงคราม เป็นธรรมดาผู้ชนะย่อมมีอุบายลึกล้ำกว่า เป็นถึงรัชทายาทแห่งเจ้าเวหา ความแค่นี้ยังมิรู้หรือ?"
เทวปักษ์กัดฟันด้วยโทสะ ดวงตาเพลิงแดงจัดราวกับไฟสุม แม้อกอัดแน่นความชิงชัง ทว่าเรี่ยวแรงในกายกลับมิอำนวย จำต้องยอมให้อีกฝ่ายจับข้อมือไว้อยู่อย่างนั้น
โอรสแห่งท้าวทศเวหนพยายามบิดข้อมือ หมายให้หลุดพ้นจากมือนาคาที่รังเกียจ แต่สมุทรธรกลับยิ่งพึงใจในท่าทีดิ้นรนของอีกฝ่าย จับข้อมือไว้อยู่อย่างนั้น
"ปล่อยข้า!" ครุฑากระชากเสียง
"ไม่ปล่อย"
"สมุทรธร อย่าให้มันมากไปนัก"
"คงลืมตนว่าที่นี่เป็นวังนาค หาใช่วังทองของท้าวทศเวหนไม่ ถึงได้ออกคำสั่งกับข้าราวกับเป็นเจ้าชีวิต ทั้งที่ตนเองเป็นแค่เชลยเมีย"
คำเรียกช่างต่ำต้อยแสนดูถูก กระตุ้นครุฑหนุ่มเหลืออดสุดคณา หมัดกำแน่นพุ่งออก ทว่าลำตัวสมุทรธรกลับยืดยาวกลับสู่ร่างนาค ใช้ลำตัวม้วนรัดแขนอีกฝ่าย ยื่นหน้าเข้าหาลากลิ้นเชยชมแก้มขาว ชิมกลิ่นวิหคหนุ่มแสนสุขอุรา
"เจ้า!"
"ร่ำร้องหาอันใด? เมื่อครู่เจ้ายังชอบมิใช่รึ"
เทวปักษ์เดือดดาลสุดระงับ แต่จนใจที่มิอาจต้านแรงอีกฝ่าย หากมิใช่ตนถูกพิษสะกดแรง คงอาละวาดไปทั่ววังนาคแล้ว
สมุทรธรคลายลำตัวกลับคืนสู่ร่างมนุษย์ พลิ้วถอยไปด้านหลัง หันหน้าเข้าหาประตูหิน
"ไว้ข้าจะมาเล่นด้วย"
"ใครเล่นกับเจ้า" จอมครุฑากระชากเสียง
กล่าวจบประตูก็เปิดเอง นาคาหนุ่มสาวเท้าออกจากห้อง ปากร่ายมนตร์อย่างแผ่วเบา ประตูหินปิดกลับเป็นอย่างเก่า
"สมุทรธร!"
จอมครุฑตวาดพร้อมสยายปีกอีกครา พุ่งเข้าประตูหินดั่งลูกศร สองหมัดต่อยออกสุดกำลัง ทว่ามีเพียงแต่มือตนเท่านั้นที่เจ็บปวด
ได้แต่กระทืบเท้าด้วยความเจ็บใจ จำต้องฝืนอัปยศรอพิษหาย กล้ำกลืนความแค้นในส่วนลึก คอยวันชำระบัญชี
ท้องพระโรงแห่งวังวาสุกรีมณีรัตนะช่างกว้างขวาง แม้จะจุคนนับพันก็ยังเหลือเบื้องบนเป็นหินย้อยห้อยงดงาม ตามผนังสลักรูปนาคแลสัตว์วิเศษใต้บาดาล เล่าเรื่องราวเบื้องลึกของมหานที
บัลลังก์แห่งราชานาคงามโอ่อ่าสมฐานะ หลอมจากทองสลักลวดลายนาคแผ่เศียรถึงร้อยเศียร ดวงตานาคแต่ละดวงประดับด้วยเพชรมณี แวววาวเจิดจ้าบาดตา
เหนือบัลลังก์ประทับไว้ด้วยบุรุษผิวขาวกายกำยำ คิ้วคมเข้ม เค้าหน้าคมคาย ใต้จมูกปลูกหนวดแสนงาม คือองค์เดชานาคราชประมุขแห่งเผ่านาคทั้งปวง
ข้างกายองค์เดชานาคราชมีสตรีนางหนึ่ง แม้เข้าวัยกลางคนแต่ยังคงซึ่งความงามอันสวยซึ้ง สวมชุดเขียวเกล็ดนาคเปล่งประกายระยิบ คือราชินีแห่งเผ่านาคนามว่าวิภาณี (สตรีแห่งความงาม)
สมุทรธรคุกเข่าถวายพระพรตามธรรมเนียม นางวิภาณีผู้เป็นมารดาทรงตรัสขึ้น
"ลูกแม่ แม่ได้ยินว่าเจ้านำครุฑามาด้วยตนหนึ่ง เรื่องมันเป็นอย่างไรกันแน่?"
ความไม่สบายใจปรากฏในน้ำเสียง เนื่องเพราะนาคครุฑนั้นเป็นศัตรูกัน หากจำต้องสู้ก็สังหารกัน ณ จุดนั้น หาใช่นำกลับมาเป็นเชลย
สมุทรธรย่อมแจ้งในความห่วงใยของพระมารดา เล่าเรื่องราวตามจริง
"ระหว่างที่ลูกกำลังว่ายน้ำหามัจฉา ครุฑาตนนั้นพุ่งลงมาหมายจับลูก ลูกจึงสอนแลลากมายังเมืองบาดาล"
"หากเจ้าจับครุฑได้ ไฉนมิจัดการให้สิ้นเรื่องราว แต่กลับยอมลำบากพามาถึงที่นี่"
"ลูกยังจัดการมิได้"
"เพราะเหตุใด?" องค์ราชินีแห่งนาคสงสัยพระทัย
"เนื่องเพราะครุฑาตนนั้นเป็นพระโอรสองค์โตแห่งท้าวทศเวหนผู้โอหัง"
สิ้นคำตอบทำเอาองค์เดชานาคราชแลราชินีคู่พระทัยสั่นสะท้าน องค์เดชานาคราชรีบตรัสถาม
"ว่ากระไรนะ เจ้าจับเทวปักษ์รัชทายาทแห่งเมืองครุฑมาอย่างนั้นรึ?!"
"พ่ะย่ะค่ะ"
น้ำเสียงสมุทรธรช่างมิอนาทรร้อนใจ ราวกับว่าตนเองนั้นเพียงแค่จับไก่มาตัวหนึ่ง แต่มหาราชาแลมหาราชินีนั้นอยู่มิเป็นสุขแล้ว
"เจ้าจับเทวปักษ์มาด้วยเหตุใด?" องค์ราชาตรัสถามเสียงร้อนรน
"พวกครุฑมักข่มเหงเราเป็นเนืองนิจ คิดว่าเรานั้นเป็นเพียงซากหนอนอันไร้ค่า ลูกจะแสดงให้เห็นว่าเผ่านาคต่างหากเล่า ที่จะเป็นจ้าวแห่งสัตว์วิเศษทั้งปวง"
ทว่าองค์เดชานาคราชค้านขึ้นทันใด
"เจ้ามิรู้หรือว่าการที่ทำไป จักนำมหาสงครามลงมาสู่เบื้องลึก เมื่อท้าวทศเวหนทราบความเข้า กองทัพวิหคนับแสนจะบุกมายังมหานทีสีทันดรทันที"
แววตาของสมุทรธรเคร่งขรึมขึ้น
"จะเกรงอันใดกับราชาครุฑผู้จองหอง ด้วยวังวาสุกรีมณีรัตนะมีมหาเวทร่ายคุ้มครอง แม้แต่น้ำทั้งมหาสมุทรยังไหลเข้ามิได้ เนตรทิพย์แห่งเจ้าเวหาย่อมส่องไม่ถึง"
"ถึงจะอย่างนั้น การที่เจ้าทำไปนั้นใหญ่หลวงนัก ลูกพ่อ จงบอกพ่อมาว่าคิดสิ่งใดอยู่กันแน่"
ผู้เป็นพระบิดาทราบดีว่าพระโอรสองค์โตมีความคิดอ่านลึกซึ้ง แม้แต่ตนเองก็ยังมิอาจเข้าพระทัย จำต้องรอคำอธิบายด้วยความร้อนรน
ผู้เป็นบุตรกล่าวตอบ "เป็นเวลาเนิ่นนานกว่าพันปีแล้ว ที่นาคต้องเป็นอาหารให้ครุฑอย่างน่าอดสู จำต้องทนรับความอัปยศที่พวกมันมอบให้ การที่ลูกได้เทวปักษ์มาอยู่ในมือ จักช่วยให้เผ่าเรานั้นสงบสุข"
องค์ราชินีแห่งนาคตรัสถาม "ที่เจ้าจับเทวปักษ์มาเพื่อหมายต่อรองกับท้าวทศเวหนอย่างนั้นหรือ?"
"หาใช่ไม่พระมารดา ลูกนั้นยังอุบายที่สูงกว่า หากกระทำสำเร็จจะยุติศึกนาคครุฑซึ่งกินเวลานับพันปี"
องค์เดชานาคราชเบือนพระพักตร์มองราชินี แลหันมาตรัสกับพระโอรสด้วยเสียงตื่นเต้นพระทัย
"เจ้ามีอุบายใดจงเร่งบอก หากกระทำสำเร็จนาคทั้งปวงจะเชิดชูบูชาเจ้า ยิ่งเสียกว่าบรรพบุรุษนาคทุกรุ่นที่ผ่านมา"
"ข้าพระองค์จะมีลูกกับเทวปักษ์" นาคาหนุ่มตอบเสียงเข้ม
องค์ราชาแลราชินีต่างอุทาน โดยเฉพาะสีพระพักตร์พระนางวิภาณีถึงกับตะลึงพรึงเพริด ดวงตาเบิกกว้าง อ้าปากค้าง
"มะ...มีลูก? เจ้าล้อเล่นอันใด?" องค์ราชินีเสียงสะท้าน
สมุทรธรพยักหน้า "ถูกต้องพ่ะย่ะค่ะ อันนาคแลครุฑที่จริงมีบรรพบุรุษร่วมกันอยู่ คือฤาษีกัศยปเทพบิดร ผู้เป็นบิดากว่าสิบสามเผ่าพันธุ์ เผ่านาคแลครุฑเป็นลูกของท่านกัศยป แต่จนใจที่มารดาของเผ่านาคแลเผ่าครุฑนั้นทะเลาะกัน เป็นเหตุให้เกิดความบาดหมางจนถึงทุกวันนี้"
ความเรื่องนี้องค์เดชานาคราชนั้นย่อมแจ้งอยู่ ในอดีตอันไกลโพ้นท่านกัศยปมีภรรยาถึงสิบสามนาง ให้กำเนิดสิบสามเผ่าพันธุ์ ภรรยานางหนึ่งชื่อว่าวินตาให้กำเนิดเผ่าครุฑ อีกนางชื่อกัทรุให้กำเนิดเผ่านาค
นางวินตากับนางกัทรุมิลงรอยกัน หาทางเล่นงานอีกฝ่ายด้วยความริษยา จนกระทั่งเผ่าครุฑแลเผ่านาคบาดหมางเพราะมารดาตน แต่ครุฑนั้นมีฤทธิ์มากกว่ามักข่มเหงเผ่านาคอยู่ร่ำไป
สมุทรธรกล่าวต่อ "เผ่าครุฑนั้นลืมสิ้นซึ่งรากเหง้าบรรพบุรุษ ถึงกับกินพี่น้องร่วมบิดาเป็นอาหาร ลูกจะเตือนสติพวกมันด้วยการย้อนไปยังต้นกำเนิดเดิม ให้นาคแลครุฑมีลูกด้วยกันเพื่อความปรองดอง"
องค์เดชานาคราชมิอาจเข้าพระทัยได้ทั้งหมด
"ปรองดอง? มีลูก? กับเทวปักษ์น่ะหรือ?"
"พ่ะย่ะค่ะ"
"แต่เทวปักษ์เป็นบุรุษ...."
"ลูกมีพรแห่งองค์อิศวรมหาเทพ สามารถมีบุตรกับชายหรือหญิงได้ตามปรารถนา"
ประมุขแห่งนาคเข้าพระทัยทันใด
"ที่เจ้าขอพรองค์อิศวรก็เพื่อการนี้ แต่ไฉนต้องเจาะจงเอาเทวปักษ์ด้วยเล่า? ไยมิหาราชธิดาแห่งเผ่าครุฑมาเป็นชายา"
"เป็นผู้อื่นมิได้ ต้องเป็นเทวปักษ์เพียงผู้เดียว" สมุทรธรเน้นเสียง
"เพราะเหตุใด?"
"เนื่องเพราะเทวปักษ์เป็นรัชทายาทแห่งเจ้าเวหน จักขึ้นครองเมืองครุฑหลังพระบิดาสิ้น ส่วนลูกที่เกิดจากเทวปักษ์แลข้าพระองค์ ย่อมมีราชสิทธิ์ครอบครองผืนฟ้าจรดพื้นสมุทร"
องค์เดชานาคราชตกพระทัยนัก มิคิดว่าพระโอรสจะคิดการณ์ใหญ่ หวังให้ลูกที่เกิดมาได้เป็นราชาแห่งนาคแลครุฑทั้งปวง!
----- จบตอน ------
ตอนนึงอาจไม่ยาวมากนะคร้าบ เพราะว่าติดแต่งนิยายอีกเรื่อง แต่ไม่อยากหายไปนาน เลยจะมาอัพให้บ่อยๆ นะ
คำว่าเวหน - เวหา แปลเหมือนกันนะ คือท้องฟ้า