มหานทีสีทันดร แท้ที่จริงคือมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ มิเพียงเป็นที่อาศัยของหมู่นาค ยังเป็นที่อาศัยของเหล่ามัจฉาแลสัตว์น้ำทรงฤทธิ์มากมาย ลึกเข้าไปในใจกลางมหาสมุทรเป็นที่ตั้งวังบาลดาลของมหาเดชานาคราช ราชาแห่งนาคทั้งปวง
แม้ปกติเหล่าครุฑาจะออกล่านาคในแม่น้ำแลมหาสมุทร แต่ก็มิกล้าจะเยื้องย่างถึงเขตแดนวังบาดาลทั้งที่มีฝูงนาคชุกชุมมากที่สุด เนื่องจากหวั่นเกรงว่าหมู่นาคจะรวมตัวกันตอบโต้
ทว่ายังมีจอมปักษาผู้ถือดีในอิทธิฤทธิ์ตน ออกล่าเหยื่อถึงกลางมหาสมุทรลึกเพื่อประกาศศักดาแห่งเจ้าเวหา จอมปักษาผู้นี้เป็นครุฑหนุ่มหน้าตาอ่อนเยาว์ คิ้วเรียวคมดั่งปลายลูกศร นัยน์ตาแดงเพลิงเจิดจ้า จมูกโด่งตรงสอดรับใบหน้า กายประดับด้วยสร้อยสังวาล[1]ทองอันเรืองรอง กลางสร้อยติดทับทิมแดงเม็ดงาม
ครุฑหนุ่มผู้นี้เป็นพระโอรสองค์โตแห่งท้าวทศเวหนมหาราช[2] ราชาแห่งพญาครุฑซึ่งสถิตบนวิมานแดนสวรรค์ เขาเป็นเจ้าชายซึ่งมีพละกำลังแลฤทธิ์เดชมาก สายตาคมกริบมองเห็นได้ไกลนับสิบโยชน์[3] มองทะลุถึงพื้นน้ำใต้มหาสมุทรอันลึกสุดจะหยั่งถึง เพียงกระพือปีกคราหนึ่ง สามารถสร้างพายุล้มกองเรือรบของมนุษย์ได้กอง
โอรสแห่งองค์พญาครุฑสยายปีกยักษ์แดงสดราวกับโลหิต สะบัดปีกเต็มแรงสร้างกระแสลม ท้องทะเลถึงกับปั่นป่วนแทบแยกออกจากกัน ก่อเกิดคลื่นน้ำม้วนวนตีกันอยู่ใต้น้ำ เหล่านาคซึ่งกำลังออกล่ามัจฉาต่างรับรู้ถึงเภทภัย
"พวกครุฑ ระวัง!"
ฝูงนาคนับสิบแตกฮือ ต่างส่งเสียงก้องร่ำร้องเตือนภัยแก่พวกพ้อง โอรสแห่งพญาปักษากวาดตาเลือกเหยื่อจากเหนือมหาสมุทร แลเห็นฝูงนาคแตกตื่นก็หัวร่อ
"เพียงแค่สะบัดปีก ยังกลัวข้าถึงเพียงนี้เชียวหรือ"
ทว่าในฝูงนาคทั้งหมด มีนาคเกล็ดฟ้าเงางามแทบกลืนไปกับท้องทะเล หากมิใช่เทวปักษ์มีดวงตาวิเศษยิ่งกว่าผู้ใดคงยากจะจำแนกเห็น
นาคเกล็ดฟ้าว่ายน้ำอย่างเชื่องช้าในดงปะการังหลากสียังมิรับรู้ถึงภยันตราย เทวปักษ์แค่นยิ้มเห็นว่านาคตนนี้คงชะตาขาดเสียแล้ว
ตูม!
เสียงจอมปักษาบินลงกระแทกผิวน้ำ ร่างพุ่งดุจลูกศรออกจากคันเข้าหานาคตนนั้น ขาซึ่งเป็นเหมือนมนุษย์กลายเป็นกรงเล็บแหลมดุจดังพญาอินทรี ตะปบลงที่หลังนาคจนมันร้องก้อง
ครุฑหนุ่มเคลื่อนกายเร็วนัก สะบัดปีกตีน้ำเหินสู่ท้องนภา นาคเกล็ดฟ้าดิ้นกายร้องขอ
"จอมครุฑ ไว้ชีวิตข้าด้วย จอมครุฑ"
ครุฑหนุ่มเผยรอยยิ้มอันถือดี "จงโทษในชะตาตนเองซึ่งเกิดเป็นเพียงนาคเพื่อเป็นอาหารให้แก่ชาวครุฑ"
"จอมครุฑ ขอเพียงท่านไว้ชีวิตข้า หากท่านต้องการสิ่งใด ข้าจักหามาโดยมิให้ขาดตกแม้สักสิ่งเดียว"
"ข้าเป็นถึงโอรสองค์โตแห่งท้าวทศเวหนมหาราช ปรารถนาสิ่งใดย่อมได้สิ่งนั้น ต้องลำบากนาคชั้นต่ำอย่างเจ้าด้วยหรือ?"
นาคตนนี้ทราบว่าชะตาตนคงอยู่มิไกลจากเงื้อมมือพญามัจจุราช พยายามสะบัดตัวดิ้น ทว่าเล็บเท้าแหลมคมของครุฑเจาะเกี่ยวที่หลังแน่น ยิ่งดิ้นยิ่งมีแต่ความทรมาน
"ละเว้นข้า โอรสแห่งพญาปักษา ข้าจะยอมทำตามประสงค์แห่งท่านทุกอย่าง"
"ประสงค์ของข้ามีเพียงสิ่งเดียว คือต้องการกินมันเหลวในท้องเจ้า"
ดวงตาจอมครุฑมองไกลผ่านผืนน้ำมหาสมุทร มุ่งตรงไปยังเกาะแห่งหนึ่งซึ่งอยู่มิไกล ซึ่งที่นั่นเองจะเป็นที่ที่นาคตนนี้ต้องดับสิ้น
สีหน้านาคสลดแลน่าเวทนา ร่างสั่นเทิ้มเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เอ่ยปากอ้อนวอนเป็นครั้งสุดท้าย
"หากท่านจะไม่ละเว้นชีวิตข้าแล้ว อย่างน้อยก่อนตายขอให้ฟังคำสั่งเสียของข้าหน่อยเถิด ถือว่าเป็นการสร้างกุศล"
เจ้าชายแห่งครุฑรู้สึกรำคาญนัก แต่ยังพอมีจิตเมตตาอยู่ จึงก้มหน้ามองนาคตนนั้น
"จะสั่งเสียอันใดก็ว่ามา"
ริมฝีปากนาคสั่นระริก พยายามชูคอขึ้นหมายกล่าววาจา แต่ด้วยความหวาดกลัวจึงยากเค้นเสียงออกจากคอ จอมปักษาเร่งรัด
"ใกล้จะถึงเกาะแล้ว รีบบอกมา หากข้าเปลี่ยนใจก็ถือว่าช่วยมิได้"
ทว่าสีหน้านาคซึ่งหวาดกลัวแปรเปลี่ยนเป็นเหี้ยมเกรียม อ้าปากพ่นน้ำใสซึ่งเต็มไปด้วยกลิ่นฉุน ครุฑหนุ่มทราบทันทีว่ามันคือน้ำพิษ
แต่ด้วยดวงตาอันวิเศษ มองเห็นได้แจ่มชัดกว่าสัตว์อื่น ครุฑหนุ่มเบี่ยงคอหลบน้ำพิษอย่างง่ายดาย กระชากเสียง
"ลูกไม้ตื้นเขินแค่นี้ อย่าริอ่านใช้กับข้า!"
ด้วยเพลิงแห่งโทสะ กรงเล็บเจ้าชายครุฑเพิ่มกำลังหมายเจาะกระดูกสันหลังนาคให้ทะลุ ทว่าเขาประมาทเกินไป มิคาดว่านาคตนนี้กลับแยกเศียรได้ถึงห้าเศียร สองเศียรกัดที่ขา อีกสองเศียรพ่นน้ำพิษใส่ดวงตาด้วยความไวดุจแสงอสนี
ครุฑหนุ่มคำรามด้วยความเจ็บปวด ยกสองมือกุมดวงตาอันแสบร้อน นาคเกล็ดฟ้าใช้ปากอันแหลมคมกัดที่ลำตัว ดึงร่างครุฑหนุ่มซึ่งต้องพิษร่วงลงสู่มหาสมุทร
เมื่ออยู่ใต้บาดาลอันเป็นถิ่นของเหล่านาค พละกำลังของนาคตนนี้ย่อมมากขึ้น ใช้ลำตัวยาวม้วนพันตัวครุฑราวกับโซ่เหล็กพันธนาการอย่างแน่นหนา แค่นเสียงอันดุดัน
"อย่าได้โอหังเกินไป เทวปักษ์" (ผู้อยู่ข้างเทวดา)
พระโอรสแห่งองค์ครุฑามหาราชตื่นตระหนกนัก มิคาดอีกฝ่ายจะรู้จักนามตน หลับตาซึ่งปวดแสบปวดร้อนร้องถามอย่างเจ็บปวด
"เจ้าเป็นใคร รู้จักชื่อข้าได้ยังไง"
เศียรทั้งห้าของนาครายล้อมศีรษะครุฑ กล่าวกระซิบข้างหูโดยพร้อมเพรียง
"จำข้ามิได้รึ ร้อยกว่าปีก่อน พระบิดาเคยส่งข้าไปยังวิมานแดนครุฑ เราเคยได้พบกันครั้งหนึ่ง"
เทวปักษ์ครุ่นคิด เนิ่นนานมาแล้วมหาเดชานาคราชส่งพระโอรสองค์โตแลบริวารมาขอเจรจาสงบศึก แต่พระบิดาตนปฏิเสธกลางท้องพระโรงพร้อมหัวเราะเยาะใส่ บอกว่านาคมีวาสนาแล้วที่ได้เป็นอาหารของชาวครุฑ
แต่ตอนนั้นพระโอรสแห่งราชานาคไปเยือนแดนครุฑาด้วยร่างมนุษย์ เทวปักษ์จึงมิระแคะระคายว่านาคที่ตนกำลังจับกินนั้นเป็นนาคเชื้อพระวงศ์
"เจ้า...เจ้า...สมุทรธร" เทวปักษ์ร้อง
"ถูกต้อง"
ดวงตาเทวปักษ์แสบร้อนราวกับตกอยู่ในนรกโลกันตร์ ปากยังคงร่ำร้อง
"เจ้าแสร้งทำเป็นอ่อนแอเพื่อให้ข้าจับตัวแลหาโอกาสลอบทำร้าย ช่างขี้ขลาดนัก เหตุใดไม่สู้กับข้าตรงๆ ให้สมกับเป็นเจ้าชายแห่งนาคเล่า"
เศียรนาคทั้งห้าแค่นหัวร่อ "เจ้าถือดีว่ามีฤทธิ์มาก แต่ข้าก็มีอุบายไม่น้อยไปกว่ากัน ความทะนงตนทำให้เจ้าโง่เขลามิต่างจากมัจฉาตัวน้อย"
เศียรทั้งห้าค่อยๆ ม้วนพันกันกลายร่างเป็นครึ่งตัวคนซึ่งเปลือยเปล่า หน้าอกแลแขนเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อล่ำสัน ผมดำดกปกหน้าผากพลิ้วไปตามกระแสน้ำ คิ้วคมเข้ม จมูกโด่งราวสันเขา หล่อเหลาแต่ก็แลดูลึกซึ้งต่างจากเทวปักษ์ผู้หยิ่งทะนง
"เสียดายที่ตาเจ้าใกล้บอดจึงมิได้เห็นหน้าข้า"
นาคาหนุ่มกระซิบข้างหู ยื่นมือเชยคางจอมครุฑผู้โอหัง ทอดมองหน้าอันหล่อเหลายิ่งกว่าบุรุษใดในหล้า โน้มหน้าเข้าจุมพิตปากคราหนึ่ง
เทวปักษ์ตื่นตระหนกนัก แม้จะมองไม่เห็นใบหน้าอีกฝ่าย แต่ก็มิคาดว่าบุรุษด้วยกันจะมาจูบกันเสียอย่างนี้
"เจ้า เจ้าทำอุบาทว์อันใด!"
"ข้าช่วยชีวิตเจ้าหรอก"
เทวปักษ์รู้สึกว่าในปากมีของแข็งเม็ดเล็กๆ สมุทรธรกล่าว
"กลืนเข้าไป หากมิอยากจมน้ำตาย โอสถเหงือกมัจฉาจะช่วยให้เจ้าหายใจใต้น้ำได้"
พระโอรสแห่งองค์พญาครุฑมิทราบว่าอีกฝ่ายช่วยเหลือตนเพราะเหตุใด แม้มั่นใจว่าต้องมีอุบายแน่ แต่จำต้องฝืนอัปยศเพื่อต่อชีวิต กลืนโอสถทิพย์แห่งวังบาดาลลงท้อง
รู้สึกปอดโล่งจมูกสามารถหายใจได้สะดวก ความอึดอัดใต้น้ำมลายสิ้น สมุทรธรยื่นฝ่ามือลูบไล้หน้าอันหล่อเหลาของอีกฝ่าย สายตาลึกซึ้งมิทราบซ่อนอุบายใด
เทวปักษ์พยายามดิ้นในวงรัดนาค ทว่าปีกแลแขนถูกรัดแน่นจนมิอาจขยับ ความสามารถถูกนาคาหนุ่มสะกดสิ้น แทบมิต่างจากทารกแรกเกิด
พยายามเบือนหน้าหลบหลีกมืออันชั่วร้ายของนาคาหนุ่ม ทว่านิ้วอีกฝ่ายไล้ลงจนถึงคอ สัมผัสผิวอันละเอียดเนียน
"เจ้า...เจ้า..."
"อยู่นิ่งเสีย หากมิอยากตาบอดตลอดชีวิต"
ลำตัวยาวขยับเคลื่อน นาคาหนุ่มเคลื่อนตัวเข้าหา แนบริมฝีปากสีไปตามแก้มขาว ลากผ่านจมูกโด่ง จรดผ่านปาก กัดลงที่คอพ่นน้ำพิษเข้าไป
พิษแห่งนาคช่างรุนแรง ครุฑาร้อนวูบราวกับอยู่ในเตาเผา เรี่ยวแรงปลาสนาการสิ้น คิดจะแปลงร่างเป็นปักษาเต็มตัวเพื่อจิกอีกฝ่ายก็ทำมิได้
ลำตัวนาคคลายลงเล็กน้อย เทวปักษ์ถามเสียงสั่น
"เจ้า...เจ้าจะทำสิ่งใดแน่?"
"พวกเจ้าดูถูกพวกข้ามานานว่าเป็นแค่หนอนชั้นต่ำ ข้าจะดูสิว่าหากจอมครุฑผู้โอหังมีลูกกับข้าจะเป็นอย่างไร?"
"เหลวไหล ข้าเป็นบุรุษจะมีลูกกับเจ้าได้ยังไง"
"ข้าได้รับพรจากองค์อิศวรมหาเทพ ว่าจะมีลูกกับผู้ใดก็ได้ตามแต่ปรารถนา มิแบ่งแยกว่าเป็นบุรุษหรือสตรี เจ้ามิเคยได้ยินหรือ?"
เทวปักษ์เคยได้ยินความข้อนี้มาบ้าง จำได้ว่าในหมู่เหล่าครุฑายังหัวร่อในพรอันโง่เขลาของสมุทรธร ไหนเลยจะคาดสมุทรธรจะใช้พรนี้กับตน ซึ่งน่ากลัวยิ่งกว่าคำสาปร้ายจากอเวจี
ร่างของจอมปักษาถูกรัดเหลือเพียงแค่แขนแลปีก ท่อนล่างถูกปลดปล่อยแล้ว สมุทรธรเลื่อนมือลงต่ำ กระชากเข็มขัดทองหัวครุฑหลุดสิ้น ดึงกางเกงแดงสดลงจากขา มองดูกายอันเปลือยเปล่าแสนงดงาม
----- จบตอน -----
[1] สร้อยสังวาล - สร้อยที่มีที่ห้อยคอจากทั้งสองด้าน
[2] ทศเวหนมหาราช - หมายถึงจอมจักรพรรดิผู้ใหญ่แห่งท้องฟ้าทั้งสิบทิศ
[3] 1 โยชน์เท่ากับ 16 กิโลเมตร 10 โยชน์จึงเท่ากับ 160 กิโลเมตร