webnovel

ณ ทรงวาด 6

"เอ้าอาเจินมาทำไมไม่บอกอั๊ว แล้วนั่นใคร เมียหรืออาเจิน"

เฟยเจินถึงกับหันขวับ เหมยกุ้ยก็เช่นกัน ก่อนจะหันไปเจอผู้หญิงคนหนึ่งที่ใส่สร้อยทอง กำไลหยก ใส่เสื้ออย่างคนจีนทั่วไปในสยาม หากแต่เพียงดูก็รู้ว่าเป็นเสื้อที่เนื้อผ้าไม่เหมือนกับชาวบ้านรากหญ้า หรือพวกจับกังทั่วไปในเยาวราช

เฟยเจินยิ้มขึ้นเมื่อเห็นอีกคน จึงทำให้เหมยกุ้ยรู้ว่าผู้หญิงคนนี้ ไม่ได้อันตรายอะไร

"เถ้าแก่เนี้ยนี่เอง ฉันก็นึกว่าใคร ฉันไหว้จ้ะ"

เฟยเจินกล่าวขึ้น พร้อมยกมือไหว้อีกคน

"ลื้อมาทำไมไม่เรียกอั๊วล่ะอาเจิน"

คนมีอายุกว่าทำหน้าตางอนเฟยเจิน

"กระผมมาธุระแค่ครู่เดียว ทั้งยังไม่ทราบด้วยว่าเถ้าแก่เนี้ยอยู่ เกรงจะรบกวน"

"ไม่เลยอาเจิน แล้วสรุปนั่นใคร ทำไมอาเจินแต่งเมียไม่บอกอั๊ว"

คนเป็นเถ้าแก่เนี้ยชี้มาทางเหมยกุ้ย ทำให้ทั้งเหมยกุ้ยและเฟยเจินมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ก่อนจะรีบตอบก่อนคนตรงหน้าจะเข้าใจผิดไปมากกว่านี้

"ไม่ใช่ขอรับเถ้าแก่เนี้ย เด็กที่ร้านน่ะขอรับ"

"อ้อ อั๊วก็ทักไปอย่างนั้นล่ะอาเจิน"

เถ้าแก่เนี้ยปัดมือเบาๆ ก่อนจะหันมาหาเหมยกุ้ยแล้วพูดต่อ

"อั๊วเห็นว่าลื้อมีโหงวเฮ้งเป็นถ้าแก่เนี้ย อั๊วก็เลยเดาๆ เอา ขอโทษลื้อด้วยนะ"

"ไม่เป็นไรค่ะ ว่าแต่ หนูมีโหงวเฮ้งเถ้าแก่เนี้ยจริงหรือคะ"

เหมยกุ้ยพูดพลางจับหน้าตัวเอง

หญิงมีอายุตรงหน้าพยักหน้า ก่อนที่ผู้เป็นสามีจะพูดขึ้น

"เมียอั๊วเขาดูโหงวเฮ้งเป็นจริงๆนา อั๊วว่าลื้อคงจะมีดวงเป็นเถ้าแก่เนี้ยจริงๆ"

"เถ้าแก่เนี้ยโรงงิ้วพอจะได้มั้ยคะ"

ยังไม่ทันที่จะมีใครตอบ เฟยเจินก็ขัดจังหวะการสนทนาของอีกคนขึ้นก่อน

"นี่ พอได้แล้ว เรายังต้องไปที่อื่นอีก เดี๋ยวมันจะไม่ทันเอา"

เฟยเจินหันมากระซิบกับเหมยกุ้ย ก่อนจะหันไปลาสองสามีภรรยา

"กระผมลาก่อนขอรับเถ้าแก่ เถ้าแก่เนี้ย พอดีกระผมต้องไปเอาของที่ท่าน้ำตรงกงสีล้งเพื่อมาลงที่ร้าน ขอตัวก่อนขอรับ"

เฟยเจินยกมือไหว้ ก่อนลากแขนเหมยกุ้ยออกมา ทำให้เหมยกุ้ยต้องรีบวิ่งตามให้ทันอีกคน

"นายแค่จะจบบทสนทนา หรือนายต้องไปเอาของจริงๆ"

"ฉันต้องไปลงลายมือชื่อรับของที่กงสีล้ง เพื่อจะเอามาขายที่ร้าน แต่เดี๋ยวฉันจะพาเธอกลับไปส่งที่ร้านก่อน ฉันกลัวเธอกลับเองไม่ได้ เลยต้องรีบออกมาอย่างไร"

"ฉันเกือบจะได้รู้แล้วเชียวว่าจะได้เป็นเถ้าแก่เนี้ยโรงงิ้วรึเปล่า"

"เธอจะอยากรู้ไปให้มันได้อะไร ชอบเฮียห่าวหรืออย่างไรกัน"

"ฉันชอบงิ้ว ฉันก็ชอบผู้ชายที่ชอบงิ้ว มันแปลกตรงไหนกัน"

"เอาเถอะ เรื่องของเธอก็แล้วกัน"

"นายไปเอาของ แล้วจะกลับมาตรงนี้อีกรึเปล่า"

"กลับมา อาจจะมาหาร้านสมุนไพรแถวนี้อีกสักที แล้วก็แวะซื้อเป็ดพะโล้ไปกินกระมัง แถวนี้มีร้านอร่อย"

"งั้นเดี๋ยวฉันไปหาให้"

"ฉันรู้ร้านว่าร้านไหนอร่อย จะไปหาทำไม"

"ฉันหมายถึงร้านสมุนไพร ไม่ใช่ร้านขายเป็ดพะโล้ นายน่ะก็ไปเอาของ ระหว่างนั้น ฉันจะไปถามตามร้านขายสมุนไพรให้ เอาไหมล่ะ จะได้ไม่เสียเวลาอย่างไร"

"เธอจะไม่ไปพูดจาประหลาดจนคนเขาแตกตื่นใช่หรือไม่"

"แค่ร้อยกว่าปี ภาษามันจะต่างอะไรขนาดนั้นเชียว"

เหมยกุ้ยกระซิบกับตัวเอง

"พูดอะไร"

"เปล่า เอาห่ออึ่งคี้มาสิ"

เหมยกุ้ยแบมือให้อีกคน เฟยเจินจึงพยักหน้า ก่อนจะเอาห่อผ้าวางในมือเหมยกุ้ย

"สี่โมงเย็น มารอฉันตรงป้ายรถราง ฉันจะพากลับ แล้วก็นี่ ห้าสิบบาท ฉันให้ไว้เผื่อฉุกเฉิน"

เฟยเจินพูดก่อนจะยื่นเงินให้คนตรงหน้า

"แล้วฉันจะไปรู้ได้อย่างไรว่าสี่โมงเย็นคือตอนไหน นาฬิกาก็ไม่มี"

"เธอเข้าร้านขายสมุนไพร เขาก็มีนาฬิกาลูกตุ้มอันเบ้อเริ่มกันทั้งนั้น ก็ดูเข้าซี หากมันใกล้สี่โมงแล้วก็มารอฉันตรงธง"

"ก็ได้ๆ งั้นไปก่อนนะ"

เฟยเจินพยักหน้าให้อีกคนเดินไป ก่อนที่จะตัดสินใจขึ้นรถรางคันที่กำลังวิ่งเข้ามา เพื่อไปยังจุดหมายของตัวเอง

ทางด้านเหมยกุ้ยเอง ก็เดินเข้าเดินออกร้านสมุนไพรไปหลายร้าน แต่ก็ยังไม่มีวี่แววที่จะรู้เลยว่าร้านไหนมีคนจากโรงงิ้วมาซื้อ

"จะว่าไป คนคิดจะทำ ใครจะยอมบอกว่ามาซื้อให้โรงงิ้ว แต่ว่าอึ่งคี้มีคนแพ้ คนขายก็ย่อมต้องถามข้อมูล แปลกจริง"

เหมยกุ้ยพูดกับตัวเองเมื่อมาถึงร้านถัดมา

"ฉันไหว้จ้ะเถ้าแก่เนี้ย"

เหมยกุ้ยพูดกับผู้หญิงที่มีอายุคนหนึ่ง แต่งตัว ใส่เครื่องประดับไม่ค่อยต่างจากเถ้าแก่เนี้ยร้านที่ไปพร้อมเฟยเจินนัก เหมยกุ้ยจึงพอจะเดาออกว่าคนนี้เป็นเถ้าแก่เนี้ย

"เอ้า ลื้อจะซื้ออะไรๆ"

"คือหนูอยากรบกวนเถ้าแก่เนี้ยดูสิ่งนี้ให้หน่อยค่ะ"

เหมยกุ้ยพูดพร้อมค่อยๆเปิดห่อผ้าให้อีกคนดู

"ไอ้หยา นี่อึ่งคี้หรอ"

"ค่ะ ร้านเถ้าแก่เนี้ยขายอึ่งคี้แบบผัดน้ำผึ้ง ฝานเป็นขนาดประมาณนี้บ้างหรือไม่คะ"

"ไอขายน่ะ อั๊วขาย แต่ร้านอั๊วไม่ผัดน้ำผึ้งเยอะขนาดนี้ อันนี้คือต้มรึยัง"

"ต้มแล้วค่ะ"

"อย่างกับอึ่งคี้เชื่อม อั๊วว่าร้านไหนในพระนครก็ไม่มีใครทำ"

"อะไรนะคะ ไม่มีร้านไหนทำ"

"ใช่สิ ผัดน้ำผึ้งเยอะเกิน มันจะหวานจนเกินไป กินแบบซดน้ำไม่ได้"

"อ้าว"

"อั๊วว่าถ้าทรงนี้ น่าจะซื้ออึ่งคี้แห้งจากร้านไปผัดเองมากกว่า"

เหมยกุ้ยฟังจบถึงกับต้องถอนหายใจ เพราะรู้สึกได้ว่าตัวเองคงจะอับจนหนทางในการตามหาคนร้ายที่พยายามจะฆ่านางเอกงิ้ว ก่อนจะเหลือไปเห็นเถ้าแก่เนี้ยกำลังค้นยุกยิกๆอยู่กับลิ้นชักข้างหลัง แล้วก็หันกลับมาหาเหมยกุ้ยพร้อมอึ่งคี้ในมือ

"นี่ๆ อันนี้ของร้านอั๊ว สีจะอ่อนกว่า เพราะยังผัดน้ำผึ้งแค่พอดี ยังไม่ต้ม ลื้อเอาไปสองสามแผ่นก็ได้ อั๊วให้"

"ไม่เป็นไรค่ะเถ้าแก่เนี้ย"

"เอาไปเถอะ อั๊วว่า ลื้ออาจจะต้องมีปัญหาบางอย่าง ถึงต้องมาตามหาร้านที่ขาย อั๊วให้ไปก่อน เผื่อช่วยได้"

"ขอบพระคุณเหลือเกินค่ะเถ้าแก่เนี้ย เช่นนั้นฉันลานะคะ"

เหมยกุ้ยยกมือไหว้ ก่อนจะรับห่อผ้าของอึ่งคี้ที่เถ้าแก่เนี้ยเขาให้ มาไว้ในมือ แล้วเดินออกจากร้าน เพื่อจะไปที่ป้ายจอดรถราง เพราะเธอเห็นที่นาฬิการ้านเมื่อครู่ มันเกือบสี่โมงแล้ว เดี๋ยวนายเฟยเจินเขาจะหัวเสียอีก

เหมยกุ้ยจะเลี้ยวออกจากซอย เพื่อทะลุไปตรงที่มีจุดจอดรถราง แต่จู่ๆ ก็มีคนพุ่งเข้ามารัดคอจากด้านหลังเสียก่อน เหมยกุ้ยเตรียมศอกใส่คนข้างหลัง แต่ก็ต้องชะงักมือ เมื่อมีมีดคมจ่ออยู่ที่ปลายคอ

"เห้ย ใจเย็นๆ จะเอาอะไร ฉันไม่มีเงินนะ"

"อั๊วไม่เอาเงินลื้อหรอก"

เหมยกุ้ยตั้งสติ นับหนึ่งถึงสามในใจ ก่อนจะใส่ศอกเข้าไปที่อีกคนเสียเต็มแรง จนหลุดจากการรัดคอได้ เหมยกุ้ยจับคอตัวเองเพราะเจ็บจนเหมือนจะหายใจไม่ออก

อีกฝั่งเห็นดังนั้นจึงได้ทีเผลอ ต่อยเข้าที่ท้องตนเหมยกุ้ยล้มลง ห่อผ้าที่เก็บอึ่งคี้ไว้ก็หลุดอกมาจากกระเป๋า เหมยกุ้ยรีบเอื้อมมือไปเก็บ แต่นั่นก็ไม่ไวเท่ามือของคนร้าย ที่หยิบห่ออึ่งคี้ไว้ ก่อนจะหันมีดมาหาทางเหมยกุ้ยอีกครั้ง

"นี่ เอาของฉันคืนมา"

"เรื่องอะไรจะคืน"

อีกคนชูห่อผ้าก่อนสะบัดไปมา

"นั่นมันไม่ใช่เงิน"

"อั๊วรู้ๆ"

ผู้ชายแต่งกายเหมือนอย่างจับกังขนของทั่วไปในเยาวราช แต่ใส่หมวกทรงสามเหลี่ยมที่ใบใหญ่ที่ปอดบังใบหน้าไว้ แต่ต่อให้เอาหมวกออกได้ คนร้ายคนนี้ก็มีผ้าปิดหน้าอีกชั้นอยู่ดี

"อั๊วรู้ว่าไอห่อนี้คืออะไร และนี่จะเป็นแค่การเตือน"

"เตือนอะไร"

เหมยกุ้ยพูดพลางค่อยๆพยายามลุกขึ้นยืน แต่อีกคนก็ต่อยเข้าที่ท้องอีกสองครั้งจนเหมยกุ้ยทรุดและหมดแรงสู้ ก่อนที่อีกคนจะทำอะไรไปมากกว่านั้น ก็เป็นโชคชะตาที่เข้าข้างเหมยกุ้ย เพราะมีคนเดินผ่านซอยแล้วสังเหตุเห็นพอดี

"เห้ย ทำอะไรน่ะ"

ผู้ชายคนหนึ่งตะโกนขึ้น คนร้ายเห็นดังนั้นก็เลยวิ่งหนีไป และพวกตำรวจนครบาลบริเวณนั้นก็เลยวิ่งตามกันไปสองสามคน ทิ้งให้เหมยกุ้ยเจ็บใจที่สู้อีกคนไม่ได้ แถมยังเสียห่ออึ่งคี้ไปอีก

"ลื้อเป็นอะไรหรือเปล่า"

ผู้ชายคนนั้นที่ข่วยเหมยกุ้ยเอาไว้พูดกับเธอ เหมยกุ้ยที่นั่งทรุดอยู่กับพื้นจึงเงยหน้าเพื่อตอบ แต่ทันทีที่เห็นหน้า เหมยกุ้ยก็ตกใจเล็กน้อย ปนยิ้มๆที่ได้เห็นอีกคน

"ฉั… คุณห่าวซวน"

ฝากผลงานเรื่อง ณ ทรงวาดด้วยนะคะ

สามารถพูดคุยกับนักเขียนได้ทาง twitter:@littlelzybeez หรือ #ณทรงวาด นะคะ หรือจะพูดคุยกันทางคอมเม้นก็ได้นะคะ

*ท่าน้ำกงสีล้ง ปัจจุบันคือท่าน้ำราชวงศ์

ทั้งนี้หากผิดพลาดด้านข้อมูลประการใด ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ

- สมุทรา -

samuthracreators' thoughts
Next chapter