webnovel

บทที่ 10 ที่อโคจร

ปลายสุดอุโมงค์ยาวหลายเมตร มีถ้ำโถงกว้างบรรจุคนนับพันอยู่ใต้อาณาจักรแห่งนี้ เส้นทางเข้าออกอื่นๆ ก็มีจากทุกทิศนอกจากทางที่เคยเข้า อีคอนมองออกไปนอกหน้าต่างพลางเหลือบมองบรรดากรงขังน้อยใหญ่ข้างในบรรจุสิ่งมีชีวิตรูปร่างคน บ้างก็คนจริงๆ บ้างก็ไม่ใช่

รถม้าบังคับจอดให้ลง สาวใช้เดินอ้อมมาเปิดประตูให้ ลอร์ดมาร์คัสเดินลงก่อน อีคอนถึงลงตาม

"ของขวัญที่ข้าอยากมอบให้เจ้าก่อนออกเดินทางคือทาสที่พอจะช่วยเจ้าพ้นภัยในป่าอาถรรพ์"

ลอร์ดมาร์คัสพาเดินเข้าไปในซอกแถวกรงค้าทาส อีคอนมองไปรอบเห็นผู้คนนั่งหมดอาลัยตายอยากอยู่ข้างในกรงราวกับนกไร้อิสรภาพ หรืออาจแย่กว่า อย่างน้อยนกก็ได้อาหาร คนที่นี่บางส่วนหากขายไม่ออกก็คงปล่อยให้ตายไม่มีใครเหลียวแล

เมื่อเดินเข้าไปเรื่อยๆ ก็เห็นกลุ่มคนมุงดูอะไรบางอย่าง แม้แต่ลอร์ดมาร์คัสเองก็หยุดดูแม้ไม่รู้ว่าสิ่งที่กำลังจะโชว์คืออะไร

"ท่านผู้มีเกียรติทั้งหลาย ในค่ำคืนสุดวิเศษนี้ข้ามีสิ่งที่ต้องการนำเสนอ สิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่ไม่อาจใฝ่ถึง ความงดงามที่ไม่อาจคะนึงหา ขอเชิญพบกับสัตว์หายาก อสูรเวทย์หมื่นดารา!"

คนในที่นี้ต่างตกตะลึงกับภาพที่เห็น อีคอนมองเข้าไปในกรงเห็นสัตว์สี่ขานอนขดอยู่ภายใน ขนของมัน​มีสีครามสลวย ในเส้นขนมีละอองแสงสีขาวระยิบระยับไปมาอย่างกับท้องฟ้ายามราตรี​ขับเน้นรูปร่างให้กลมกลืนกับท้องนภา ด้านหลังมีปีกอย่างนกพับอยู่ ตรงหางแกว่งไปมาคล้ายหงุดหงิดจนเก็บอารมณ์ไม่อยู่

แก๊ง แก๊ง

ผู้ป่าวประกาศเคาะกรงขังให้มันหูผึ่งก่อนจะตะโกนคำด่า "ลุกขึ้นมาโชว์ตัวหน่อยสิวะ! ไอ้หมาโง่!!"

สัตว์อสูรดูไม่พอใจลุกขึ้นมาจะกระชากคนเคาะกรงแต่โชคดีที่คนผู้นั้นหลบทัน

โฮกกกกกก

สัตว์อสูรคำรามดังก้องทั้งถ้ำโถง คนก็เริ่มเข้ามาดูเยอะขึ้น ลอร์ดมาร์คัสคล้ายว่าจะสนใจก็อยู่ดูต่อ

"อสูรเวทย์หมื่นดาราเป็นที่รู้จักกันว่ามีความแข็งแกร่งสูง เป็นนักล่าเดี่ยวที่มักจะออกล่าเพียงตัวเดียว และพบเห็นได้เฉพาะเวลากลางคืนเท่านั้น น่าแปลกที่พ่อค้ากลับจับมันมาได้" ลอร์ดมาร์คัสเริ่มอธิบาย

"แต่ก็น่าสงสารนะครับ มันต้องเสียอิสรภาพเพื่อเป็นของเล่นให้คนอื่น" อีคอนกล่าวพลางมองไปทางกรงขัง

"คนเองก็ไม่ต่างนักหรอก แม้ไม่ได้มีโซ่คล้องแต่ก็ถูกจองจำด้วยหน้าที่จนไม่มีอิสรภาพ" ลอร์ดมาร์คัสกล่าวพร้อมสะบัดพัดในมือ อากาศข้างในคนยิ่งเยอะยิ่งแออัด แม้แต่อีคอนก็เริ่มเหงื่อออก อีกทั้งผ้าคลุมนี่ก็ไม่ได้ช่วยให้ระบายความร้อนดีเลย "อย่าพูดเรื่องน่าหดหู่เลย อย่างน้อยถ้าเราได้มันไป มันจะช่วยนำทางให้เธอในป่าอาถรรพ์ได้"

"เอาล่ะ! มาเข้าสู่ช่วงน่าตื่นเต้นเร้าใจกันหน่อย การประมูลสัตว์อสูรตัวนี้พวกท่านคิดว่ามันมีมูลค่าเท่าไหร่กัน? 1 พันซีรู? 2 พันซีรู? นั่นไม่ถูกเกินไปสำหรับความเหนื่อยยากของพวกเราหน่อยเหรอ~ แต่ช่างเถอะ คนจนที่ไหนจะซื้อได้ถ้าไม่รวยไม่ต้องย่างกายเข้ามา! ข้าขอตั้งต้นราคาอยู่ที่ 5 พัน ซีรู!!"

ผู้คนเริ่มเซ็งแซ่ ก่อนจะมีคนเสนอราคาเข้าเทียบ "5 พัน 5 ร้อยซีรู"

"เริ่มแล้วขอรับกับ 5 พัน 5 ร้อยซีรู มีใคร​ให้​มากกว่านี้ไหมขอรับ? "

"6 พันซีรู"

"6 พันซีรู! พอราคาเริ่มสูงข้าก็เริ่มตื่นเต้นแล้วสิ มีใครให้มากกว่านี้อีกไหมขอรับ~"

"1 หมื่น ซีรู" ลอร์ดมาร์คัสชูมือขึ้นพูด

"1 หมื่นซีรู!! ไม่อยากจะเชื่อ! แต่ว่าถ้าใครยังสู้ไหวก็ยกมือขึ้นได้เลยไม่ต้องกลัว!"

"1 หมื่น 5 พันซีรู"

"1 หมื่น 5 พันซีรู ไม่อยากจะเชื่อ!" ลอร์ดมาร์คัสหันไปมองคนที่แข่งด้วย แม้ไม่รู้หน้าตาที่แท้จริง แต่หากให้เดาคงเป็นหนึ่งในขุนนางของอาณาจักร มาร์คัสกำลังจะยกมือขึ้นสู้​ แต่ถูกอีคอนรั้งไว้ก่อน

"ท่านลอร์ดมาร์คัส ข้าว่าเราไปหาสิ่งที่ราคาต่ำกว่านี้จะดีกว่า หากสู้ต่อไปมีแต่จะยืดเยื้อ ไม่รู้ว่าชายคนนั้นเข้ามาปั่นราคาให้ท่านจ่ายแพงขึ้นหรือเปล่า"

ลอร์ดมาร์คัสนิ่งอยู่อึดใจ เสียงเร่งเร้าจากชายบนเวทีก็ดังไม่ขาดก่อนที่เขาจะพยักหน้าเห็นด้วยแล้วเดินออกจากลานประมูลไป ตามซอกซอยลึกเข้าไปอีกเหมือนเห็นนรกบนดิน คล้ายว่าคนในห้องขังแถวนี้ไม่มีใครคิดจะซื้อเป็นเวลานาน ร่างกายผอมแห้งติดกระดูก บ้างก็ตายคากรง น่าสงสารที่ต่อให้ตายก็ไม่มีใครเหลียวแล อย่างมากก็กองเป็นชั้นๆ ทับถมกันรอวันฝังทีเดียว

"นอกจากนี้ก็ไม่มีอมนุษย์ที่ไหนให้ซื้อแล้วล่ะ"

ลอร์ดมาร์คัสกล่าวขึ้นพลางหยุดอยู่ที่กรงขังอันสุดท้าย อีคอนมองไปตลอดทางที่เดินมาเห็นคนต่างเพศ ต่างอายุที่ไม่มีใครซื้อก็รู้สึกเศร้าใจ คนพวกนี้มีหู มีหางอย่างสัตว์บางชนิด ไม่ได้มีรูปร่างอย่างคนมากเท่าไหร่

"ถ้าแค่นำทางอาจไม่ต้องใช้คนที่แข็งแรงมากนักก็ได้ แค่รู้ที่ทางในป่าอาถรรพ์ก็พอ"

"ป่าอาถรรพ์…"

เสียงหนึ่งดังที่กรงขังอันสุดท้าย ลอร์ดมาร์คัสหันไปมองทันทีแต่ก็ไม่พบอะไร มีเพียงกรงเปล่าที่ตั้งอยู่ตรงนี้รอทาสใหม่เท่านั้น

"นั่นใครพูด? "

เสียงเท้าเบาดังตุบตับไปมาไม่ปรากฏเจ้าของร่าง ฮาวเวอร์เองก็อยากรู้จึงขอเปลี่ยนจิตครู่หนึ่งก่อนเดินไปที่กรงขังแล้วเขย่าไปมาจนมันสะเทือน

"อ๊าาาาา ข้ากลัวแล้ว อย่าทำข้า ข้ากลัวแล้ววว"

แรงเขย่าของฮาวเวอร์ทำให้มีอะไรบางอย่างตกลงมาจากเพดานกรง สิ่งนั้นมีรูปร่างอย่างคนเพศชายวัย 25 ปี สูงกว่าลอร์ดมาร์คัสน่าจะ 187 ซม. รูปร่างผอมแต่ไม่ถึงกับติดกระดูก และหนวดประหลาดที่งอกขึ้นมาบนหัว

'เจ้าว่ามันคุ้นๆ ไหม มันเหมือนกับ…'

"อมนุษย์แมลงสาบ"

ลอร์ดมาร์คัสพูดทั้งเดินถอยหลังไปหลายก้าว แม้ไม่เห็นหน้าแต่ดูจากมือขาวซีดมีเหงื่อไหลก็พอเดาได้ว่าเขากลัวแมลงประเภทนี้

"ข้าจะเอาตัวนี้" ฮาวเวอร์กล่าวพร้อมยิ้มเยาะอยากแกล้งลอร์ดมาร์คัสให้สั่นกลัว

"เจ้าแน่ใจนะ เหมือนว่าอมนุษย์สัตว์ชนิดนี้จะอ่อนแอที่สุดในบรรดาอมนุษย์สายพันธุ์อื่น"

"ท่านดูถูกมันเกินไปแล้ว สัตว์ประเภทนี้มันฉลาดที่ไม่ทำอะไรเกินตัวต่างหาก ไม่เคยเป็นเหยื่อของใคร หนีเก่ง ซ่อนไว แถมยังบินได้อีก แน่นอนว่าถ้าเอาไปด้วยมันต้องวิ่งหนีศัตรูและปล่อยให้ข้าต่อสู้เพียงคนเดียว แต่นั่นก็หมายความว่ามันจะไม่ตายง่ายๆ ให้ข้าต้องมานั่งสงสารล่ะนะ" ฮาวเวอร์กล่าว

"ถ้าเจ้ายืนยันข้าก็ห้ามไม่ได้"

สาวใช้เดินจากไปพร้อมกับมีพ่อค้าทาสหน้าตาเคร่งขรึมเดินเข้ามา เขาไม่พูดถามอะไรมากก็เปิดกรงขังให้มันออกพร้อมยื่นกระดาษหนังให้เซ็น

"อีคอน เจ้าเซ็นเสียสิ อมนุษย์ตนนี้จะได้เป็นของเจ้า"

ฮาวเวอร์หยิบกระดาษมาอ่านข้อความภายใน อาจมีทั้งข้อความแฝง ข้อความสองแง่ที่น่าสงสัย

"การขายทาสเป็นการขายขาดไม่อาจรับซื้อคืนได้ หากทาสที่ท่านเลี้ยงมีพฤติกรรมดุร้าย ทางผู้ขายจะไม่รับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น แต่หากผู้ถือสัญญาทาสเสียชีวิตลงและทาสที่อยู่ในการดูแลไม่มีผู้สืบต่อ ทาสของท่านจะกลับมายังเจ้าของเดิมที่เคยทำสัญญาไว้" ฮาวเวอร์อ่านออกเสียงก่อนตวัดสายตามองพ่อค้าทาส "อย่างนี้ก็หมายความว่าถ้าข้าตายขึ้นมาทาสของข้าก็จะกลับไปเป็นของเจ้าสินะ"

"ขอรับ เพื่อไม่ให้ทาสพวกนี้ก่อความระรานให้ผู้อยู่อาศัยที่อื่น พวกเราจึงต้องจำกัดทาสที่มีอยู่ หากนำมาขายต่อไม่ได้ อย่างน้อยพวกมันก็ยังมีที่ให้ฝังอยู่"

'โหดร้ายจัง ต่อให้เจ้าของตายก็ยังไม่หายจากการเป็นทาส'

'พวกเราต้องสนด้วยรึไง ยังไงพวกเราก็ไม่ตายอยู่แล้ว'

ฮาวเวอร์จรดปากกาเซ็นลงนามความเป็นเจ้าของ พ่อค้านำไปตรวจดู เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยเหรียญ 1 พันเซโรก็ถูกยื่นให้ ฮาวเวอร์ได้รับสัญญาทาสคืนมาแทน​ เมื่อตรวจดูอีกรอบแล้วสัญญาไม่ได้ถูกดัดแปลงเขาก็หันไปหาทาสคนใหม่ที่เพิ่งได้มา

"เจ้ามีนามว่าอะไร? "

"ข้าชื่อแอดดี้"

"ดี งั้นแอดดี้ เจ้าจะรู้สึกเจ็บนิดหน่อยนะ"

ฮาวเวอร์พูดพร้อมมือล้วงเข้าไปในตัวแอดดี้ แอดดี้ถึงกับผงะเมื่อมือนั้นล้วงเข้าไปกลางอกของเขา เลือดสีสดไหลซึมตามนิ้วมือที่ล้วงเข้าก่อนมือนั้นจะควักเอาอะไรบางอย่างออกมา

เครื่องหมายทาส!

ผู้คนในที่นั้นต่างอึ้งเป็นตาเดียว การเอาเครื่องหมายทาสเข้าไปในร่างของผู้ถูกขายนั้นไม่ยาก แต่ที่ยากคือการเอาออกมา เพราะหากเครื่องหมายฝังอยู่ในตัวแล้วมันจะถูกยึดติดกับร่าง เมื่อเวลาผ่านไปมากขึ้นเครื่องหมายนั้นก็จะไหลลึกลงไปเรื่อยจนอาจอยู่ใกล้จุดที่เอาออกมาอยากมากที่สุดก็คือหัวใจ

ฮาวเวอร์ทำลายเครื่องหมายทาสนั่นทิ้ง สัญญาทาสก็หายไปด้วย แต่ร่างแอดดี้กลับทิ้งตัวล้มอย่างหมดแรง ร่างกายมีเลือดไหลทะลักออกและกำลังจะสิ้นใจในไม่ช้า ฮาวเวอร์เข้าไปดูอาการของร่างแอดดี้ก่อนจะเริ่มการรักษา ถึงแม้ร่างแอดดี้จะเป็นผู้ใหญ่แล้วแต่ก็ไม่ได้ง่ายสำหรับการรักษาแม้แต่น้อย

เครื่องหมายฝังลึกเข้าไปในร่าง เดาว่าเขาคงอยู่ที่นี่มาหลายปี เครื่องหมายถูกฝังจนพังผืดเกาะบริเวณกล้ามเนื้อที่มันยึดติดอยู่ ฮาวเวอร์ต้องค่อยเลาะเอาพังผืดออกแล้วสร้างกล้ามเนื้อขึ้นมาใหม่ อีคอนเองก็คอยบอกอาการของแอดดี้และชี้แจงจุดที่ต้องซ่อมแซมก่อนหรือหลังเป็นลำดับจนร่างของแอดดี้เริ่มกลับมาเป็นปรกติ

"อึก! เจ้าทำได้ยังไงกัน เจ้าชุบชีวิตอมนุษย์ได้!"

เสียงโวยวายของพ่อค้าทำเอาคนแตกตื่น ฮาวเวอร์เริ่มเห็นคนเข้ามามุงก็เริ่มรู้สึกอึดอัด

"ไหนๆ เราก็ได้ของที่อยากได้แล้ว คงต้องรีบกลับกันแล้วล่ะ"

ลอร์ดมาร์คัสเองก็เห็นด้วยจึงให้สาวใช้พยุงร่างของแอดดี้ตามมา ระหว่างทางมีผู้คนส่งเสียงซุบซิบนินทาแต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดตรงๆ จนลอร์ดมาร์คัสเดินมาถึงรถม้า กลับมีใครบางคนยืนดักทางเดินเอาไว้

"สวัสดียามราตรีขอรับ ท่านลอร์ดมาร์คัส"

คนตรงหน้าพูดชื่อ​ขึ้นมาทั้งที่มาร์คัสยังสวมหน้ากากอยู่ มาร์คัสโมโหถึงกับตบหน้าเขาอย่างจังจนหน้ากากหลุด คนตรงหน้าเป็นชายวัยใกล้เคียงกับลอร์ดมาร์คัส รูปร่างสูงใหญ่กำยำไว้หนวดเคราทรงรูปตัว T ใบหน้าดูดุดันแต่ก็ไม่ได้ให้ความรู้สึกป่าเถื่อน

'เจ้านี่หล่อเหมือนข้าสมัยหนุ่มๆ เลยแฮะ' ฮาวเวอร์คิด

"อย่ามาเสียมารยาทกับข้า เจ้าคนน่ารังเกียจ"

"ตบได้ไม่เลวนะขอรับ แต่ดูท่าจะแรงไม่พอให้ข้าสำนึกผิด"

ลอร์ดมาร์คัสสะบัดหน้าหนีแล้วรีบเดินไปนั่งที่รถม้าทันที ชายคนนั้นก็ไม่วายเดินเข้ามาเกาะที่หน้าต่างรถ

"กลิ่นของโรคกระสันที่ท่านเป็นมันยั่วยวนข้าเสียเหลือเกิน หากว่าท่านต้องการใครสักคนคอยแก้ขัดโรคกระสันแล้วล่ะก็ ให้ข้าทำหน้าที่นั้นแทนจะได้ไหมขอรับ? "

ลอร์ดมาร์คัสไม่พูดต่อปากต่อคำก็ปิดผ้าม่านบังหน้าเขาทันที ฮาวเวอร์ยิ้มอย่างรู้นัยว่าชายคนเมื่อครู่ต้องการอะไร หากหน้าด้านขนาดนี้คงไม่ใช่การหยอกเล่นธรรมดาแล้ว

"หากท่านอยากได้สัตว์อสูรนั่นมาก ข้าจะส่งเป็นของขวัญไปให้"

เสียงชายคนเดิมดังลอดเข้ามา มาร์คัสไม่สนใจยังคงนั่งนิ่งต่อ เมื่อสาวใช้เอาแอดดี้นั่งข้างหลังเรียบร้อยก็ตบให้รถม้าวิ่งออก ระหว่างทางเกิดความเงียบยากจะเอ่ยจนลอร์ดมาร์คัสถอนหายใจออกมา

"วันนี้เราคงต้องกลับเขตโอ้คทันที ข้าเกรงว่าอาจมีเรื่องยุ่งยากมากขึ้นในวันรุ่งเช้า เพราะอย่างนั้นเรา​กลับเขตโอ้คเสียตอนนี้จะดีกว่า"

"เป็นเพราะชายคนนั้นหรือขอรับ" อีคอนถามเพราะตอนนี้ฮาวเวอร์พักจิตหลับไปแล้ว

"ไม่ใช่แค่นั้นหรอก ตลาดมืดเป็นที่เลื่องลือว่าผิดต่อศีลธรรมอันดีงามของอาณาจักร ไม่มีใครอยากให้ผู้อื่นรู้หรือระบุตัวตนได้ว่าเข้าไปในที่แห่งนี้ เป็นเพราะสงครามทำให้การเงินของอาณาจักรฝืดเคืองจนต้องพึงการค้ามืดของตลาดใต้ดินให้พอมีเงินไหลเวียนในอาณาจักรบ้าง ไม่ใช่แค่อาณาจักรเราทำหรอก อาณาจักรอื่นโดยรอบนี้ก็ไม่ต่าง ยกเว้นอาณาจักรริลกลิมที่ไม่ได้ปกปิดว่าทำการค้ากับมนุษย์ ถึงทางเราจะทำท่ารังเกียจ แต่ชีวิตความเป็นอยู่ของทาสพวกนั้นดีกว่าประชาชนทั่วไปในอาณาจักรเราเสียอีก"

"ไม่ต้องห่วงขอรับท่านลอร์ด หากเราชนะสงครามได้เรื่องพวกนี้จะไม่เกิดขึ้นอีกแน่"

"ข้าก็หวังไว้เช่นนั้น"

เช้าวันถัดมา​ รถม้ามาจอดที่หน้าคฤหาสน์พอดีกับตะวันขึ้นจากฟ้า ฮาวเวอร์ควบคุมร่างแล้วรอให้สาวใช้มาปลุกมาร์คัสให้ตื่น คนทั้งคู่กล่าวลาก่อนจะแยกย้ายกันกลับไปพักผ่อน แอดดี้ยังคงนอนไม่รู้เรื่องจนถูกทิ้งลงบนกองผ้าหนาที่เคยใช้ห่อไข่ทารก

"ทำไมเจ้านี่มันขี้เซาขนาดนี้นะ หรือว่าเราผ่าตัดชิ้นส่วนผิด? "

ฮาวเวอร์เลิกเสื้อแอดดี้ออกเห็นหน้าท้องผอมกะหร่องแบนราบก่อนจะสแกนร่างกายพลางจับคลำดู

"อื้มมม…" เจ้าของร่างพลิกตัวไปมาก่อนลืมตาตื่น​ เห็น​ฮาวเวอร์กำลังลูบคลำร่างกายตัวเองอยู่พอดี​ "...ข้าถูกซื้อมาเป็นทาสบำเรอหรือขอรับ"

คนพูดไม่ได้ดูสภาพตัวเอง ฮาวเวอร์หน้าตึงจัด ภายในใจคิดว่า 'นี่กูดูเป็นคนอย่างนั้นเหรอวะ? '

"บาดแผลไม่ได้มีอะไรผิดปรกติ เจ้าต้องกินอาหารเหลวไปสักพัก ให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารเข้าไปมากๆ จะได้ฟื้นตัวเร็ว"

"ขะ ขอรับ"

ฮาวเวอร์เดินออกห่างจากเขาก่อนจะไปนั่งเขียนแบบแปลนเครื่องยิงกระสุนใหญ่ให้ค่ายเตรียมสร้างเอาไว้ก่อนเขากลับ

"นายท่านจะไปที่ป่าอาถรรพ์ทำไมหรือขอรับ คะ คือข้าได้ยินตอนที่ท่านคุยกันตอนนั้น"

"ตั้งฐานพักสำรองหลังพ่ายสงคราม"

"ฐานพัก? ไปตั้งในที่แบบนั้นจะดีหรือขอรับ ที่นั่นมันค่อนข้างอันตรายแถมยังมีมารปีศาจเต็มไปหมด"

"อย่างเจ้าต้องกลัวมารด้วยรึ นึกว่าเป็นพวกเดียวกันเสียอีก"

"อมนุษย์อยู่จุดต่ำในห่วงโซ่อาหารของบรรดาสิ่งมีชีวิตในป่าแห่งนั้น รองลงมาก็สัตว์ป่า สูงกว่าอีกขั้นก็อสูรชั้นสูง ขั้นต่อมาก็มาร สูงกว่ามารก็ปีศาจ"

"พวกเจ้าแบ่งพวกกันด้วยรึ ไหนลองเล่ามาซิว่ามีอะไรบ้างที่ข้าต้องกลัวในป่านั่น"

"อ้อ มีอีกสิ่งที่น่ากลัว ข้าไม่รู้ว่าจะนิยามสิ่งนั้นว่าอะไร แต่มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่คอยกลืนกินทุกอย่างที่เฉียดใกล้ ขนาดปีศาจยังถูกลากไปเขมือบ มันย้ายที่อาศัยไปเรื่อยๆ จนไม่แน่ใจว่าปักหลักอยู่ที่ไหน แต่มันยังคงวนเวียนอยู่ในป่าอาถรรพ์นั่นแน่นอน

"อื้ม น่าสนใจ แสดงว่าเจ้านั่นอยู่จุดสูงสุดเลยน่ะสิ? "

"ไม่เชิงหรอกขอรับ เหมือนมันจะไม่มีสติปัญญา เป็นเพียงตัวเขมือบเท่านั้น"

ฮาวเวอร์ครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนที่ผ้าม่านเต็นท์จะถูกเปิดออกพร้อมคนยกอาหารมาให้​ และแม่ทัพน็อลก็เข้ามา​พอดี​

"นายท่านกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ขอรับ แล้วท่านลอร์ดมีธุระอะไรกับท่าน แล้ว… เจ้านั่นมันเป็นใครขอรับ? " แม่ทัพน็อลมองแอดดี้ตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะจับดาบขึ้นมา " เจ้าอมนุษย์!"

"ใช่ ท่านลอร์ดมาร์คัสให้มาเป็นของขวัญในวันออกเดินทาง ข้าจะใช้มันนำทางในป่า"

"มันจะเชื่อใจได้หรือขอรับ บางทีมันอาจจะชักนำให้นายท่านหลงเข้าไปในป่าให้สัตว์ดุร้ายฆ่าเพื่อตัวมันจะได้เป็นอิสระนะขอรับ"

"ไม่มีทางหรอก ถึงข้าตายสัญญาทาสของมันก็ต้องกลับไปหาเจ้าของเดิมที่เคยขายให้ แต่เรื่องนั้นก็ไม่ต้องห่วงอีกว่ามันจะรวมหัวกับเจ้านายเดิมสังหารข้าเอาเงิน เพราะข้าได้ทำลายเครื่องหมายทาสในตัวมันไปแล้ว"

ดูเหมือนแม่ทัพน็อลจะหายกังวลจึงเริ่มรายงานเรื่องอื่นต่อทันที "กังหันน้ำที่ท่านให้สร้างคาดว่าในวันพรุ่งนี้คงเสร็จเรียบร้อย นายท่านจะไปดูก่อนเผื่อว่ามีอะไรต้องแก้ไขเพิ่มเติมหรือไม่ขอรับ"

"เดี๋ยวข้าไปดู แล้วจะได้สอนการใช้งานด้วย เอาไว้ช่วงบ่ายเจ้าส่งคนมาตามข้าอีกที"

"ขอรับ"

แม่ทัพน็อลรับคำแล้วเดินจากไป ฮาวเวอร์นั่งทำงานต่อ แอดดี้ก็มองเขาไม่วางตา พอดีกับเสียงท้องของใครบางคนร้องดังขึ้นมา

จ๊อกกกกก

ฮาวเวอร์ถอนหายใจยาวก่อนจะมองไปทางแอดดี้

"ข้าขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจ ข้าจะอยู่ให้เงียบที่สุด ไม่ส่งเสียง…"

จ๊อกกกกก

ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ เสียงท้องร้องสร้างความอับอายให้แอดดี้ ฮาวเวอร์ถอนหายใจอีกรอบ

"เจ้าเอาไปกินเสียสิ เมื่อครู่ข้าลืมบอกให้คนเอามาเผื่อเจ้าด้วย ถ้ายังไม่อิ่มก็เดินไปบอกคนยืนเฝ้าเต็นท์ให้พาไปโรงอาหาร"

แอดดี้มองอาหารตรงหน้าสลับกับฮาวเวอร์ก่อนจะค่อยๆ ดึงเข้ามากินอย่างมูมมาม ดูจากร่างกายผอมโซแล้วคงอดอาหารมานาน แต่จากที่ร่างกายไม่ได้ไร้เรี่ยวแรงอะไรก็ทำให้ฮาวเวอร์สงสัยว่าระหว่างที่อยู่ในกรงขัง เขากินอะไรประทังชีวิต แต่สงสัยได้ไม่นานแอดดี้ก็ตอบคำถามนั้นด้วยการกินกองผ้าห่อไข่ทารกที่วางทิ้งไว้ ฮาวเวอร์เข้าใจในทันทีก่อนจะตวาดอย่างเหลืออด

"ข้าบอกว่าไม่อิ่มก็ไปกินต่อที่โรงอาหาร!"

แอดดี้ชะงักมือก่อนจะวิ่งออกไปจากเต็นท์ด้วยความอับอาย ฮาวเวอร์กลับไปทำงานต่ออย่างไม่มีแอดดี้มากวนอีกเลยจนถึงบ่าย ฮาวเวอร์ตั้งใจจะไปดูกังหันน้ำที่สั่งให้สร้าง แต่ต้องมายืนหน้านิ่งเพราะมีของบางอย่างเข้ามาส่งถึงในค่าย

"นี่เป็นของกำนัลที่ท่านเอริคแห่งเขตนอร์ททาวน์ส่งมาให้ท่านลอร์ดมาร์คัส"

'แต่กลับมาส่งที่ค่ายกองกำลังปฏิวัติเนี่ยนะ ผิดที่แล้วเว้ย'

"ท่านเข้าใจอะไรผิดแล้วล่ะ ที่นี่เป็นค่ายกองกำลังปฏิวัติ ไม่ใช่คฤหาสน์ของลอร์ดมาร์คัส"

"ท่านลอร์ดให้ข้านำมาส่งที่นี่อีกทีขอรับ และนี่กระดาษสัญญา"

ของถูกถอดออกจากม้า คนส่งก็ทิ้งกล่องใหญ่​ปริศนามีผ้าคลุมเอาไว้แล้วจากไป ฮาวเวอร์เอากระดาษสัญญาเปิดขึ้นดูพอดีกับมีกระดาษเล็กปลิวลอดออกมา เมื่อหยิบขึ้นมาดูก็พบข้อความประหลาดที่ยากจะอ่านต่อ

'ท่านลอร์ดผู้งดงามของข้า หากโลกนี้จะมีสิ่งใดงดงามกว่าดวงจันทร์ก็คงเป็นท่านที่ข้าใฝ่หาทุกค่ำคืน ได้โปรดสลัดรักร้างที่จากไป แล้วให้หัวใจดวงนี้เข้าแทนที่ ข้าจะรักและห่วงใยท่านเป็นอย่างดี ไม่ให้ใครทำร้าย มิให้ใครก้าวก่าย ตัวข้าพร้อมพรักสมัครใจจะเป็นม้าให้ท่านขี่ เป็นวัวให้ท่านเฆี่ยนตราบจนท่านสมใจหมาย…'

ฮาวเวอร์เลิกอ่านต่อก่อนเผากระดาษใบนั้นทิ้งอย่างไม่ไยดี แม่ทัพน็อลให้ทหารสองนายเข้าไปเปิดผ้าคลุมออก ยังไม่ทันดึงจนสุด สิ่งที่อยู่ภายในตวัดมือกะซวกท้องนายทหารคนหนึ่งจนล้มลง โชคดีที่เขามีเกราะกำบังเอาไว้อยู่จึงได้แต่รอยถาก

"นั่นมันอสูร!"

เหล่าทหารต่างตื่นตระหนก สิ่งที่เห็นอยู่นี่ใช่ว่าจะพบเจอได้ง่ายๆ อสูรนั่นเดินรอบกรงไปมาพร้อมคำรามเสียงน่ากลัว มีเพียงไม่กี่คนที่ยังคงนิ่งเฉยราวกับกำลังมองสัตว์เลี้ยงอยู่ในบ้าน

"นายท่านจะให้ข้าทำยังไงกับมันดีขอรับ ขนของมันดูเงางาม ถ้าเอามาทำเสื้อคลุมคงสวยดี"

"ดูจากความดุร้ายแล้วเนื้อมันคงเหนียวน่าดู ต้องต้มด้วยซุปนานๆ "

"ใจเย็นเหล่าทหาร ข้ามีต้องใช้มันในการเดินทาง อย่างน้อยมันก็ยังต้องมีชีวิตอยู่จนกว่าข้าจะกลับมา"

อสูรต่างจ้องมองผู้คนตรงหน้าพลางเห็นพลังเหนือกว่าความน่ากลัวของตัวเอง ไอเวทย์กดดันส่งเข้ามาจนไม่อาจสบตาต่อ ฮาวเวอร์ยิ้มเยาะความขลาดกลัวนั้นอย่างเหี้ยมโหด เขาสั่งทหารให้เปิดกรงมันออก เพราะสิ่งที่เขาต้องทำหลังจากนี้คือทำความสะอาดสัตว์อสูรตัวนี้เสียก่อน

Next chapter