webnovel

ตอนที่46.

ทั้งสองฝั่งยืนประจันหน้ากันก่อนที่เยว่ชิงจะเป็นจิ้งจอกเก้าหางแล้วพุ่งเข้าใส่ ในขณะที่หลงจือหยางและเสวียนอวี้มุ่งตรงขึ้นไปยังพื้นที่ด้านในของห้วงทมิฬ โดยมีความช่วยเหลือเล็กๆจากฮันเตอร์คนอื่นๆ

"จิตวิญญาณดาบ"ผู้ที่มีจิตวิญญาณประเภทดาบตะโกนเสียงดังกึกก้อง ส่วนหนึ่งเป็นการข่มขวัญคู่ต่อสู้ พริบตาเดียวทั้งดาบเล็ก ดาบใหญ่ ดาบสั้น ดาบยาวก็ปลิวว่อน

"จิตวิญญาณกระบี่"ตามด้วยจิตวิญญาณกระบี่ที่ทำแบบเดียวกับคนที่มีจิตวิญญาณดาบ

"จำเอาไว้นะครับ ในตอนแรกที่พวกคุณควรทำคือเรียกจิตวิญญาณดาบและจิตวิญญาณกระบี่ออกมาสำหรับคนที่มีจิตวิญญาณประเภทดาบและกระบี่ จากนั้นก็ทำให้มันชุลมุนให้มากที่สุด"

ทุกคนต่างจดจำในสิ่งที่หลงจือหยางกล่าวไว้ได้อย่างชัดเจน เสียงเรียกจิตวิญญาณสองประเภทดังกระหึ่ม แสงสีของจิตวิญญาณทำให้เกิดแรงกระเพื่อมของมิติ จนสร้างความผันผวนเล็กๆแต่มันมากพอที่ช่วยให้คนลอดเข้าไปได้

ผู้คนในชุดคลุมดำเห็นท่าไม่ดีในจังหวะที่จิตวิญญาณนับหมื่นนับแสนเบื้องล่างกำลังลอยละลิ่วไปทั่ว หนึ่งในนั้นชี้ปลายนิ้วลงเบื้องล่างก็จะออกคำสั่ง

"ฆ่า!!!"เสียงนั้นดังสะนั่นปกคลุมเบื้องล่าง เยว่ชิงอ้าปากกว้างส่งเสียงคำรามข่มขู่ เจ้าตัวกระโจนไปทางนี้ทีทางนี้ที เป็นเป้าหมายที่ผู้คนในชุดคลุมต่างจับตามองจนหลงลืมคนที่อันตรายที่สุดในโลกไปเสียได้

ทางฝั่งจิวอิงเองก็ทำแบบเดียวกัน ใช้พลังวิญญาณสีดำปลดปล่อยกลิ่นอายแห่งความตายออกมา โดยที่จิตวิญญาณปลาสีขาวอีกตัวแสร้งทำเป็นเสวียนอวี้ที่ยืนในจุดหนึ่งละอองแห่งความตายก็ปล่อยออกมาต่อเนื่อง

โดยทั้งๆที่จริงแล้ว ทั้งหลงจือหยางและเสวียนอวี้ได้พุ่งสวนทางกับกลุ่มกบฏแทรกตัวเข้าไปในห้วงทมิฬเป็นที่เรียบร้อย

ในส่วนของเยว่ชิงที่คอยหลอกล่อก็นั่งลงอย่างสง่างามสยายหางทั้งเก้าจากนั้นก็ยกอุ้งเท้าใหญ่แล้วกดนิ้วอื่นๆลงเหลือเพียงนิ้วกลางก่อนจะแลบลิ้นออกมายั่วยวน

ด้วยเหตุการณ์นี้ ทำให้กลุ่มกบฏหลงลืมหลงจือหยางไปเลยเพราะความสนใจมุ่งไปยังจิ้งจอกเก้าหางอีกทั้งยังมีดาบและกระบี่บินว่อนไปหมด ทางฝั่งเสวียนอวี้ก็มีปลาวิญญาณตัวสีขาวแสร้งทำเป็นเสวียนอวี้ที่เหมือนกันราวกับถอดแบบกันมา กว่าจะรู้ตัวก็แทบกระอักเลือดยามที่ห้วงทมิฬล่มสลาย

 

 

หลงจือหยางกับเสวียนอวี้ก็เข้ามาถึงใจกลางของห้วงทมิฬ ด้านหน้ายังเป็นคนเดิมที่พวกเขาควรรับผิดชอบในการจับเทพกบฏกลับคืนดินแดนเทพจากนั้นก็บังคับให้เข้าสู่การหลับใหลอันเป็นนิรันดร์

"ไม่เจอกันนานนะ แม่ทัพสวรรค์ เทพมารสวรรค์"หลงเยี่ยนหมิงเอ่ยทักทายคนทั้งคู่ด้วยใบหน้าเหี้ยมเกียมตามปกติ ทั้งๆที่ในใจตอนนี้สบถไปมากกว่าร้อยครั้ง ไอ้พวกโง่นั้นเพิ่งเข้าสนามรบก็ปล่อยไอ้เทพสององค์นี้เข้ามาอย่างง่ายดาย ไร้ประโยชน์เสียจริง

"ได้เวลากลับไปรับโทษแล้วเทพกบฏเยี่ยนหมิง"แม่ทัพสวรรค์ในมือถือดาบพิพากษาที่มือขวาและถือดาบจักรพรรดิมังกรที่มือซ้าย หนึ่งดาบลงทัณฑ์หนึ่งดาบชี้ชะตาผู้ที่เกิดมาพร้อมดาบคู่หนึ่งเดียวในดินแดนเทพ

ในฐานะผู้ปกครองทหาร เทพที่กำเนิดขึ้นมาย่อมมีอาวุธพิพากษาประจำตัวปรากฏ

และอีกฐานะคือบิดาสวรรค์ เทพที่กำเนิดมาพร้อมกับของหนึ่งสิ่งที่บ่งบอกคำว่าจักรพรรดิในของสิ่งนั้นๆเพื่อให้บัลลังก์เทพชี้ว่าต้องการให้เทพองค์ไหนนั่งบนบัลลังก์

"คิดว่าทำได้ก็เข้ามา"หลงเยี่ยนหมิงเอ่ยท้าทาย ซากศพของคนที่ได้สังเวยในการอัญเชิญห้วงทมิฬต่างก็คืนชีพลุกขึ้นมาในร่างโครงกระดูก ซากศพนับแสนค่อยๆโผล่ขึ้นมา

"ไปเถอะ"เสวียนอวี้บอกกับหลงจือหยาง ในมือปรากฏเคียวยาวใบหน้าถูกปกคลุมด้วยหน้ากากครึ่งซีกสีดำขอบทอง ร่างเทพมารสวรรค์เพื่อกำจัดทุกสิ่งที่กล้าท้าทายแม่ทัพสวรรค์ เป็นหนึ่งในขุนพลที่แข็งแกร่งที่สุด ผู้ดูแลกองทัพมารเทพหนึ่งในสี่ขุนพลข้างกายแม่ทัพสวรรค์

เคียวยาวตวัดตัดผ่านโครงกระดูกครั้งแล้วครั้งเล่า กระดูกที่แตกสลายประกอบขึ้นมาใหม่อีกครั้ง มันค่อยๆขยับเกาะกุมเสวียนอวี้จนไต่ขึ้นมาบนร่างกาย ก่อนจะถูกโถมทับราวกับภูเขาเล็กๆลูกหนึ่ง ไม่นานกองกระดูกนับหมื่นที่เกาะกันไว้ก็พังทลายลง

ทางฟากฝั่งหลงจือหยางก็เร่งรีบทำลายใจกลางของห้วงทมิฬ ทำลายวงเวทย์อัญเชิญให้เร็วที่สุด แต่ตอนนี้เขาต้องข้ามหลงเยี่ยนหมิงไปเสียก่อน

 

 

"ไปเลยทุกคนเปิดก่อนได้เปรียบ"สิ่งที่ตามเยว่ชิงไปแบบติดๆคือเกอที่ยืนประจำต่ำแหน่งสี่ทิศที่สามารถโจมตีระยะไกลได้ระดมเรียกใช้จิตวิญญาณของตัวเอง เกาเทียนเย่อ้าปากพ่นลูกไฟออกไปห้าลูกติดๆจัดการสัตว์อสูรสิงโตสีทองจนมันล่วงลงมา ตามด้วยคนอื่นที่รุมยำ

สตรีด้านหลังไม่รีรอ ใช้จิตวิญญาณประเภทแบบเดียวกับดอกลำโพงเชื่อมต่อจิตวิญญาณกับเครื่องดนตรีทันที

เสียงพิณเจ็ดสายค่อยๆถูกบรรเลงเป็นท่วงทำนองแผ่วเบา ด้านหน้าของผู้ใช้เครื่องดนตรีคือหินวิญญาณก้อนใหญ่ที่ค่อยๆถูกเสียงดนตรีพัดพาพลังวิญญาณเข้าสู่สนามรบ ท่วงทำนองแรกที่เริ่มบรรเลงลูกไฟครั้งที่สองของเหล่าเกอก็ถูกปล่อยออกมา

เสียงขลุ่ยในท่วงทำนองเร้าใจปลุกอารมณ์ให้พลุ่งพล่าน พลังของแต่ละคนพุ่งพรวดอย่างรวดเร็ว ภายใต้เสียงท่วงทำนองที่เร้าใจนี้ มันจะช่วยกระตุ้นให้พวกเขาลงมือได้มากขึ้นเพราะพลังที่เพิ่มพูน

ภายใต้เสียงดนตรีสองชนิดที่แตกต่างกันแต่ลงตัวอย่างน่าประหลาด สัตว์อสูรประเภทปีกบางตัวเลือกที่จะออกจากสนามรบเพื่อไปล่ามนุษย์คนอื่นๆ แต่น่าเสียดาย พื้นที่โดยรอบถูกดูแลโดยแนวตั้งรับเป็นสตรีเกือบพันคนที่กำลังยืนรออยู่

"มาทางนี้ก็สวยสิคะ จิตวิญญาณดอกวิสเทอร์เรีย"ดอกไม้สีม่วงงดงามตระการตา มันค่อยๆปลดปล่อยกลิ่นหอมอ่อนๆ ยิ่งสัตว์อสูรมักจะมีประสาทสัมผัสที่ดีกว่ามนุษย์ยามที่ได้รับละอองเพียงเล็กน้อย ร่างกายของพวกมันก็ปั่นป่วนและไปต่อไม่ไหว

"พวกผมจัดการเองครับ"เสียงตะโกนของชายหนุ่มดังขึ้น หญิงสาวสุดเซ็กซี่ก็ทำมือโอเค เพราะด้านนอกนี้ถูกผู้คนนับล้านที่มีจิตวิญญาณระดับEคอยเข้าออกเติมเต็มผู้คนตลอดเวลา 

ถ้าสัตว์อสูรหนึ่งตัวต้องใช้ผู้ที่มีจิตวิญญาณระดับ Eหนึ่งร้อยคน พวกเขาก็แค่ผลัดกันเข้าออก

"โอ๊ะโอ ทางนี้ก็ไม่ยอมแพ้หรอกนะคะ เห็ดน้อยหลากสีสัน"สาวๆหลายสิบคนตะโกนเรียกจิตวิญญาณออกมาพร้อมกัน พวกเธอเป็นคนในตระกูลเดียวกันทั้งหมดที่มีจิตวิญญาณเป็นเห็ดพิษ ขอแค่ละอองอันน้อยนิดได้สัมผัสร่างกาย สัตว์อสูรก้อนใหญ่ก็จะเป็นอัมพาตชั่วคราว

"ผมจัดการต่อเองครับ"เกอตัวน้อยกลายร่างเป็นเต่าบินตัวหนึ่ง ร่างกายค่อยๆขยายเท้าและหางถูกดัดให้เป็นใบพัดก่อนจะหมุนร่างกายรวดเร็วกลางอากาศ จนละอองจากเห็นหลากสีสันไปติดตามร่างกายของสัตว์อสูรที่หนีออกจากสนามรบ

"จัดการเลยทุกคน"ยามที่สัตว์อสูรไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ ผู้คนนับหมื่นก็เข้าไปจัดการแบ่งปันพลังวิญญาณแล้วดูดซับมันเข้าไป

ในอีกฝั่งก็ไม่น้อยหน้า เด็กสาวชาวเขาตัวน้อยยืนถือตุ๊กตาเผชิญหน้ากับกองทัพตั๊กแตน เจ้าตัวก็ส่งเสียงเรียกจิตวิญญาณดอกถุงมือจิ้งจอกออกมา

ยามที่ดอกไม้สีม่วงสวยอ้าดอกกว้างๆก็จะเขมือบตั้กแตนเข้าไป ไม่เพียงแต่ทำให้เกิดพิษแต่พวกมันตายทันทีที่เข้าปากดอกสีม่วง

และพื้นที่สุดท้าย คือดอกแตรนางฟ้าขนาดใหญ่สีขาวสวยงามแต่กลับมีพิษอย่างน่าเหลือเชื่อ ตำนานดอกไม้ชนิดนี้คือการทำพิธีกรรมในการฆาตกรรมของแม่มด ยามที่มันส่งเสียงออกมาก็สั่นประสาท จนสัตว์อสูรที่วิ่งกรูไปทางนี้หันไปฆ่าพวกพ้องกันเอง โดยที่คนอื่นๆช่วยกันเก็บกวาดอีกที

ทั้งสี่ทิศทางมีผู้ช่วยที่สามารถวางใจได้ถึงขนาดนี้ แน่นอนว่ากำลังรบส่วนกลางไม่ได้น้อยหน้าไปกว่ากัน ตราบใดที่เขายังมีสายรักษาและสายฟื้นฟูอยู่รอบสนามรบแบบนี้ ก็ไม่มีทางที่จะพ่ายแพ้ ในขณะที่ฝั่งตรงข้ามต่างทยอยร่วงหล่น ยกเว้นมนุษย์ที่ก่อกบฏละนะ เพราะถ้าอีกฝ่ายไม่เก่งจริง คงอยู่ไม่ถึงตอนนี้แน่

ยิ่งตอนนี้สัตว์อสูรต่างหนีออกไปรอบๆทำให้พื้นที่สนามรบส่วนกลางดูโล่งไปเลย ผู้คนที่มีระดับต่ำกว่าBลงไปก็ไปจัดการรอบๆข้างสนามรบแทน ที่ยังยืนหยัดอยู่ได้คือกบฏหลักพันปลายๆและอีกฝั่งที่ยืนอยู่หลายหมื่นคน

แน่นอนว่าจิ้งจอกขาวเก้าหางก็ยิ้มเยาะเย้ยอีกฝ่าย  พลังสูงสุดของทางฝั่งนั้นคือระดับ SS ในขณะที่เขากับจิวอิงระดับSSS

"ระดับBกระทืบแบบสิบต่อหนึ่ง ระดับAสามต่อหนึ่ง ระดับSหนึ่งต่อหนึ่ง"ทุกคนมุมปากกระตุก กลยุทธ์ยิ่งใหญ่สมกับเป็นภรรยาของท่านหลงจือหยางจริงๆ หนึ่งต่อหนึ่งใครสนศักดิ์ศรี มีมากกว่าก็รุมยำวัดกันที่คนชนะ ไม่สนระยะทาง

"รับทราบ"ทุกคนต่างรู้จักกันดีอยู่แล้ว แต่ละคนเลือกกลุ่มได้ก็เลือกคนในกลุ่มกบฏทันที

"มันจะหยามกันเกินไปแล้ว ไอ้พวกสวะชั้นต่ำ"หนึ่งในนั้นตวาดลั่น เยว่ชิงเลิกคิ้วขึ้นหนึ่งข้าง ไอ้หมอนี่บ่งบอกว่ามาจากตระกูลระดับต้นๆแน่นอน

"มีอะไรให้หยามด้วยเหรอกับหมารับใช้นะ"เยว่ชิงต่อปากต่อคำ ก่อนจะโบกหางให้คนฝั่งเราไปกระทืบซะ 

ต่างฝ่ายต่างก็ซัดกันอย่างรุนแรง ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะยืนหยัดด้วยตัวคนเดียวแต่อย่าลืมว่าคนเหล่านี้มีหลงเยี่ยนหมิงคอยช่วย แถมยังให้หยิบยืมพลังในการสร้างจิตวิญญาณที่สองอีก ซึ่งบอกได้ทันทีว่าคนเหล่านี้มีความอึดกว่าพวกเขาราวๆสามเท่า

"ขอเอาคืนหน่อยเถอะ"เฉินจงอีประชันหน้ากับคนที่อยู่ระดับเดียวกัน ต่อให้อีกฝ่ายสวมชุดคลุมเขาก็จำได้อยู่ดี เพราะสำหรับคนที่อยู่ระดับ S และคนที่อยู่ระดับAใกล้จะตัดผ่านระดับมีใครบ้าง

"ไม่คิดว่าจะเป็นผู้เฒ่าคนที่สิบเจ็ด ของร้อยสามเสาหลัก คิดไม่ถึงจริงๆ"เฉินจงอียิ้มเยาะ ถ้าดวลหนึ่งต่อหนึ่งก็มีสิทธิ์ชนะแม้จะล้มลุกคลุกคลานไปบ้างก็ตาม

"อย่าคิดว่าจะชนะฉันคนนี้ได้นะ"อีกฝ่ายเรียกจิตวิญญาณที่สองของตัวเองออกมาด้วยความมั่นใจ มันคือดาบยักษ์สิบเล่ม ทั้งๆที่จิตวิญญาณเดิมเป็นเพียงค้อนขนาดใหญ่เพียงอันเดียว

"จิ๊ๆก็แค่ของเลียนแบบ จะทำลายให้ย่อยยับเลย"

ทางฝั่งจิวอิงกับเยว่ชิงเลือกจะเผชิญหน้ากับคนที่มีจิตวิญญาณระดับSห้าคนและระดับSS หนึ่งคน ถึงจะแปลกใจว่าทำไมถึงมีคนมาถึงระดับSSได้ก็ตามที แต่ตอนนี้พวกเขาไม่คิดจะหันหลังวิ่งหนีศัตรูแน่นอน

"ได้ต่อสู้พร้อมกับมารอสูรจิวอิงแล้วตื่นเต้นแปลกๆ"จิ้งจากขาวเอ่ยขึ้น

"ผมก็เช่นกันครับ"เยว่ชิงพยักหน้าให้กับจิวอิง น่าเสียดายเพราะความผันผวนของมิติทำให้ระบบขาดหายชั่วคราว ไม่งั้นคงสนุกกว่านี้