"ท่านพ่อให้ข้ามาพำนักที่จวนของท่านเพียงไม่กี่วันเท่านั้น หากเกิดฝนฟ้าคะนองในช่วงนี้เข้าคงไม่ดีเท่าไหร่นัก หากท่านเงียบก็ถือว่าท่านตกลงแล้วนะ" ไป๋เฟิงส่งยิ้มกว้างให้ก่อนจะลุกขึ้นโค้งคารวะแล้วก้าวเท้าออกจากศาลาไปอย่างอารมณ์ดี
ในเมื่อเขาเป็นไพ่ตัวสำคัญที่มหาเสนาบดีกำลังต้องการ เช่นนั้นเขาขอใช้สิทธิ์อันทรงเกียรตินี้ให้คุ้มค่าหน่อยก็แล้วกัน
...........
"ช้าก่อน"
เสียงเรียบนิ่งเอ่ยขัดเท้าของเขาให้หยุดชะงัก ชายหนุ่มยิ้มหมุนกายกลับมาเผชิญหน้ากับมหาเสนาบดีอย่างไม่กลัวเกรง
"ถ้าเช่นนั้นข้าขอฝากลูกหนิงไว้กับเจ้าด้วย เจ้าพานางไปเที่ยวเล่นได้อิสระ ขอแค่นางปลอดภัยก็พอ" สีหน้าที่เต็มไปด้วยความห่วงใยจากผู้เป็นพ่อนั้นทำเอาไป๋เฟิงกระตุกยิ้มเย็น
"ได้ขอรับ อยู่กับข้ารับรองว่านางจะปลอดภัยแน่นอน ข้าขอตัวก่อนนะขอรับ" ชายหนุ่มโค้งตัวคารวะอย่างอ่อนน้อม ก่อนจะส่งยิ้มกว้างให้กับท่านมหาเสนาบดีก่อนจะหมุนกายเดินออกไป
เจ้าหนุ่มนี่ร้ายกาจไม่เบา เพิ่งเจอก็มาข่มขู่ใส่กันเสียแล้ว
ฉีกุ้ยเหวินหัวเราะเบา ๆ อย่างชอบอกชอบใจ มือหนายื่นไปคว้าจอกสุรามาก่อนจะลูบคลำขอบมนช้า ๆ
แต่เช่นนี้ก็ดี…คุณชายรองแห่งตระกูลไป๋คงอยากจะอยู่ที่จวนของเขาไปอีกหลายวัน ไพ่ตัวนี้คงจะไม่หลุดมือเขาไปแน่
สุราถูกยกขึ้นดื่มจนหมดจอกทว่าเมื่อนึกถึงชื่อของใครคนหนึ่งที่ไม่เคยเห็นหน้าเข้ามุมปากก็กดลึกแววตามืดสนิทลงทันใด
............…
"อาหมิง!...อาหมิง!"
เสียงเรียกลั่นเรือนทำเอาจินหมิงที่กำลังเช็ดถูทางเดินอยู่รีบตะเกียกตะกายจากพื้นสาวเท้าเข้าไปในห้องอย่างว่องไว
"มาแล้วเจ้าค่ะ! คุณหนูมีอะไรหรือ? เรียกเสียหลังคาแทบถล่ม" เฮ่อซินหมิงหัวเราะก๊ากก่อนจะมานั่งลงบนเก้าอี้แล้วผายมือให้อีกฝ่ายนั่งลงตรงกันข้าม
"มีเรื่องอยากจะถามน่ะสิ"
"อะไรหรือเจ้าคะ?"
เฮ่อซินหมิงเรียบเรียงคำพูดก่อนจะถามด้วยสีหน้าสงสัยยิ่ง "เจ้ารู้จักคุณชายไป๋อะไรนั่นหรือเปล่า?"
จินหมิงครุ่นคิดแล้วตอบตามความจริง "รู้เพียงแค่ผิวเผินหรือเรื่องที่ทุกคนรู้กันทั่วไปเจ้าค่ะ"
"ถ้าอย่างนั้นเล่าให้ฟังหน่อยสิ"
"ที่ข้าได้ยินมาก็คือ คุณชายไป๋เฟิงเป็นคุณชายรองแห่งตระกูลไป๋ที่โด่งดังมาก แต่คนนอกส่วนใหญ่ไม่มีใครรู้ว่าตระกูลไป๋นี้พวกเขาทำธุรกิจใดถึงร่ำรวยเป็นตระกูลใหญ่ที่สืบทอดมาหลายร้อยปี แต่ดูแวะข้องเกี่ยวกับใต้เท้าหรือขุนนางหลายคนรวมถึงหลายตระกูลอีกด้วย ส่วนตัวของคุณชายรองไป๋เฟิงเท่าที่ข้าได้ยินมาก็คือเป็นคนที่มีวรยุทธ์สูงส่งเกินใคร แต่ไม่ชอบอยู่ในกฎเกณฑ์ ชอบความอิสระ และยังชอบเที่ยวไปตามหอคณิกาอีกด้วยเจ้าค่ะ"
ขณะที่ฟังเฮ่อซินหมิงพยักหน้าตามช้า ๆ เมื่อฟังจินหมิงพูดจบก็เอ่ยขึ้น "ฟังดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่แฮะ"
"แต่ว่าชื่อเสียงของคุณชายรองไป๋เลื่องลือไปไกลหลายแคว้นเลยนะเจ้าคะทั้งเรื่องหน้าตาหรือความเก่งกาจ มีหลายตระกูลที่อยากจะสานสัมพันธ์กับตระกูลไป๋ทว่ายังไม่มีใครทำสำเร็จ"
"ฟังแล้วก็ดูมีอะไรขึ้นมาหน่อย ถ้าเขาเป็นคุณชายรองแสดงว่ามีพี่น้องด้วยใช่ไหม?" จินหมิงนึกทบทวนในหัวก่อนจะตอบไปอย่างไม่ปิดบัง
"เจ้าค่ะ มีคุณชายใหญ่ ไป๋ซาน อายุยี่สิบสี่ห่างจากคุณชายไป๋เฟิงเพียงสามปี ว่ากันว่าเป็นคนยึดมั่นในกฎเกณฑ์ เจ้าระเบียบ ทั้งยังช่วยบริหารงานของตระกูลได้เป็นอย่างดี ตรงข้ามกับคุณชายรองเลยเจ้าค่ะ แต่ทว่าเป็นโรคประจำตัวทำให้วรยุทธ์สู้คุณชายรองไม่ได้ แล้วมีคุณชายสาม ไป๋อวิ๋น เพิ่งจะอายุเพียงสิบเจ็ดปีแต่ก็มีชื่อเสียงเลื่องลือไม่แพ้กับพี่ชายทั้งสอง ว่ากันว่าคุณชายสามนั้นเก่งในด้านเดินหมากจนแม้แต่พี่ทั้งสองยังมิอาจเทียบได้เลยเจ้าค่ะ"
โอะโห…แต่ละคน...…ไม่ธรรมดาทั้งนั้นเลยแฮะ
เมื่อคิดไปคิดมาเฮ่อซินหมิงก็เพิ่งนึกขึ้นได้ "แล้วข้าล่ะ?"
จินหมิงเลิกคิ้วสงสัย "ทำไมหรือเจ้าคะ?"
"ข้าอายุเท่าไหร่?"
จินหมิงตอบอย่างไม่ลังเล "สิบหกเจ้าค่ะ"
โอ้!…เจ้าของร่างนี้อายุเท่าเธอเลย ถามเรื่องคนอื่นอย่างนี้ชักจะอยากรู้เรื่องของตัวเอง…หมายถึงเรื่องของสาวน้อยร่างนี้ซะแล้วสิ
"แล้วเรื่องราวของข้าล่ะ?" เป็นถึงบุตรสาวมหาเสนาบดี คงจะมีเรื่องราวน่าสนใจบ้างล่ะ
"ถ้าให้บอกตามตรง คุณหนูเป็นโรคประจำตัวทำให้ออกไปไหนไม่ได้ อีกทั้งคุณหนูเองยังชอบเก็บตัวอยู่แต่ในเรือนไม่ออกไปไหน ทุกวันก็จะชอบยืนมองวิวจากหน้าต่าง หรือมานั่งนิ่ง ๆ อยู่ที่โต๊ะ หากมากหน่อยก็จะชวนข้าคุยเรื่องสัพเพเหระ แต่ไม่เคยถามถึงเรื่องคนอื่น ครอบครัว หรือแม้แต่ เรื่องของตัวเอง เจ้าค่ะ"
นี่มันน่าหดหู่ใจชะมัด...อยู่นิ่ง ๆ เงียบ ๆ ทั้งวันแบบนั้นมาตั้งสิบหกปีเลยเรอะ!
นี่มันไม่ธรรมดาเกินไปแล้วมั้ง!?!
"ถ้าอย่างนั้นถือว่าตอนนี้ข้าได้เปลี่ยนแปลงตัวเองก็แล้วกัน เจ้ารู้เรื่องราวของข้าบ้างไหม?" จินหมิงที่ได้ยินคำถามขมวดคิ้วจ้องผู้เป็นนายเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยตอบ
"คุณหนูเป็นบุตรของท่านมหาเสนาบดีกับฮูหยินสี่ที่หายตัวไป ตั้งแต่เกิดคุณหนูก็มาอยู่ที่นี่และเลี้ยงดูโดยท่านแม่ของข้ามาพร้อมกับข้าเจ้าค่ะ"
เงียบไปนานชั่วอึดใจเฮ่อซินหมิงเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบ "หมดแล้วเหรอ?"
"เจ้าค่ะ"
แค่นี้!?!…ถ้างั้นฉันรู้ก็เหมือนไม่รู้น่ะสิ! "แล้วแม่ของข้าเป็นใคร เจ้ารู้หรือเปล่า?" จินหมิงส่ายหน้าช้า ๆ หน้าตาเริ่มหมองหม่นลง
"นี่!…อย่าเพิ่งเศร้าสิ ฉันแค่ถามเฉย ๆ อย่าทำหน้าแบบนั้น มันทำให้ฉันจะเศร้าไปด้วยนะ"
ใบหน้านั้นราวกับกำลังมีน้ำเอ่อล้นออกมาจากดวงตา เฮ่อซินหมิงรีบเอ่ยเปลี่ยนเรื่องทันที "นอน ๆ ๆ ตอนนี้ชักจะง่วงขึ้นมาซะแล้ว เจ้ารีบไปนอนดีกว่าอย่าเศร้าก่อนนอนเลย เดี๋ยวจะฝันร้ายนะ"
"เจ้าค่ะ"
สาวน้อยจากต่างภพรีบขึ้นเตียงแล้วเอนกายลงนอนทันทีโดยลืมบทลงโทษที่ตนเองโดนวันนี้ไปเสียหมด
............…