"ถือว่าเจ้าโชคดีนักที่ได้เจอกับข้า" เขาเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ ทว่าใบหน้าของคนตรงหน้ากลับบิดเบี้ยวถามด้วยความงุนงง
"โชคดียังไง?"
เขายังไม่ทันได้เอ่ยต่อก็ได้ยินเสียงฝีเท้ามากมายกำลังมุ่งตรงเข้ามา ชายหนุ่มยิ้มอย่างมีเลศนัยก่อนจะก้าวเท้าถอยไปยืนด้านหลังของคุณหนูตัวน้อย
"เจอตัวแล้วเจ้าหัวขโมย!!"
พ่อบ้านเหวินจางพุ่งเข้ามาทางประตูด้วยสีหน้าแดงก่ำดังสีตับหมู เบื้องหลังมีบ่าวที่คอยติดตามพ่อบ้านอย่างจิวจื่อวิ่งตามเข้ามาพร้อมกับทหารอีกหกนาย
"เจ้า!! บังอาจนัก กล้าขโมยฉีฟางเจียวฮวาเชียวรึ!! วันนี้ข้าจะจับนางหัวขโมยนี่ไปโบยเสียให้ขาหัก!!" พ่อบ้านชี้นิ้วป้อมมาทางเฮ่อซินหมิง
จินหมิงที่หมอบอยู่แทบพื้นตะลีตะลานลุกขึ้นมายืนบังหน้าผู้เป็นนายเอาไว้ "ไม่ใช่นะเจ้าคะพ่อบ้านเหวิน ข้า…"
"ทหาร!!" พ่อบ้านเหวินที่อารมณ์เดือดดาลราวกับไม่ได้ยินเสียงใด ๆ ทั้งสิ้น สั่งทหารข้างหลังให้มาจับสตรีตัวน้อยที่ยืนนิ่งอยู่ด้วยท่าทางทรงอำนาจยิ่ง
ทหารทั้งหกนายดาหน้าเข้ามาหาสาวน้อยทั้งสองด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก จินหมิงกัดฟันแน่นกางแขนบังหน้านายสาวราวกับแม่ไก่กำลังปกป้องไข่ของตน
"ใครบังอาจแตะต้องคุณหนูสิบเอ็ดของข้า!! จะต้องเจอดีแน่!!" คำพูดเกรี้ยวกราดออกจากร่างคนตัวเล็ก ๆ แต่ก็ทำให้ทหารทั้งหมดสะดุดยืนอยู่กับที่แล้วมองหน้ากันอย่างหวาดเกรง
"อย่าไปฟังคำพูดโป้ปดของนางบ่าวนี่! นางเองก็คงเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดด้วยเช่นกัน!" พ่อบ้านยิ่งมีโทสะมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าเมื่อเห็นคนตรงหน้าแอบอ้างใช้ฐานะของคุณหนูสิบเอ็ดฉีฟางหรงมาปลอมเป็นสตรีอีกคนที่ยืนนิ่งอยู่ข้างหลัง
เหล่าทหารสาวเท้าเข้ามาราวกับฝูงหมาป่าล้อมลูกแกะ สาวน้อยร่างบอบบางทั้งสองและทหารร่างหนาตันทั้งหกเช่นนี้ช่างเป็นภาพที่ดูไม่ดีเอาเสียเลย
ไป๋เฟิงลอบสังเกตุอากัปกริยาของสองนายบ่าวอยู่ห่าง ๆ ทว่าเมื่อเห็นทหารกำลังจะเอื้อมมือใหญ่มาจับแขนเล็กดังกิ่งไม้ของทั้งสองแล้วเขาก็ก้าวขึ้นหน้าพร้อมเอ่ยเสียงก้อง
"พ่อบ้านเหวินจาง ท่านอย่าเพิ่งบุ่มบ่ามนักเลย ไม่ใช่ว่าขนมนี่ข้าจะไม่ได้กินเสียหน่อย…" เขากรีดนิ้วหยิบขนมชิ้นสุดท้ายในตะกร้าขึ้นมาพร้อมกับส่งยิ้มให้กับพ่อบ้าน
"คุณชายไป๋ ข้าน้อย…" พ่อบ้านเหวินยังไม่ทันได้เอ่ยสิ่งใด ไป๋เฟิงก็ก้าวขึ้นมายืนข้างสาวน้อยในอาภรณ์หนาสีเขียวหม่นพร้อมกับวางมือลงที่ไหล่บอบบางของนาง
"คุณหนูฉีอันหนิง ท่านกินสิ" เขายื่นขนมมาใกล้กับริมฝีปากสีแดงระเรื่อพร้อมกับส่งสายตาหวานหยด
เฮ่อซินหมิงสบสายตานั้นอย่างงุนงง เมื่อเห็นแววตาที่ส่งมาของคุณชายไป๋นางก็เกิดขนลุกขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ อ้าปากกัดขนมไปครึ่งหนึ่ง หัวคิ้วเรียวงามขมวดมุ่น
ชายหนุ่มยกยิ้มก่อนจะกินขนมอีกครึ่งชิ้นลงไป เหล่าผู้ที่มาตามจับขโมยถึงกับยืนอึ้งอย่างทำสิ่งใดไม่ถูก
นี่แสดงว่าคุณชายไป๋ก็ยังได้ทานฉีฟางเจียวฮวาใช่หรือไม่?
"ฉีฟางเจียวฮวา…รสชาติช่างเยี่ยมยอดนัก" ถ้อยคำถัดมาช่วยยืนยันว่าในสุดท้ายเขาก็ยังได้กินฉีฟางเจียวฮวา พ่อบ้านเหวินอึกอักด้วยเพราะคนตรงหน้าเป็นถึงแขกคนสำคัญของจวนมหาเสนาบดี หากเขาทำให้คุณชายไม่พอใจขึ้นมาจะทำเยี่ยงไร
"คุณชายไป๋ขอรับ แต่ว่าสตรีผู้นี้ก็ยังขโมยฉีฟางเจียวฮวาอันล้ำค่าอยู่ดี ข้าคิดว่า…"
"นางขโมยขนมของข้า เช่นนั้นข้าจะเป็นคนลงโทษนางเอง" ชายหนุ่มเอ่ยตัดบท พ่อบ้านเหวินและทหารทั้งหลายต่างสบตากันด้วยความไม่แน่ใจ
"ที่เรือนนี้อากาศดีนัก ข้าจะขอชมวิวสูดอากาศอยู่ที่นี่สักครู่ พวกเจ้ากลับกันไปก่อนเถิด" ชายหนุ่มเอ่ยจบก็นั่งลงบนเก้าอี้แล้วทอดสายตาไปยังป่าไผ่นอกหน้าต่างด้วยรอยยิ้มราวกับอยู่เรือนของตัวเอง พ่อบ้านเหวินถึงแม้อยากจะทำหน้าที่ของตนเพียงใด แต่ในเมื่อเป็นเช่นนี้เขาขัดใจคุณชายคงไม่ดีกระมัง
คนทั้งหมดโค้งตัวทำความเคารพกับคุณชายรองไป๋ก่อนจะล่าถอยกันออกไปเงียบ ๆ เมื่อเฮ่อซินหมิงเห็นเช่นนั้นก็เอ่ยขึ้นมากับคนที่นั่งเก้าอี้ด้วยท่าทางสำราญใจ
"ในเมื่อข้าทำผิดก็ขอรับโทษจากคุณชาย" นางคุกเข่าทั้งสองข้างลงแล้วเงยหน้าขึ้นมองคุณชายที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ จินหมิงเห็นก็รีบเข้ามาพยายามฉุดผู้เป็นนายให้ยืนขึ้น
"คุณหนูไม่ผิดเจ้าค่ะ ข้าเองที่นำตะกร้ามาโดยมิได้ตรวจสอบให้ดี ดังนั้นข้าจะขอรับโทษนี้เอง"
"ไม่ ๆ ๆ ! ฉันต่างหาก เป็นฉันที่กินขนมทั้งหมดเอง เธอไม่ผิดเพราะเธอไม่รู้นี่ว่าข้างในตะกร้าจะเป็นขนมนั่น"
"แต่คุณหนูเองก็ไม่รู้นี่เจ้าคะ ว่าจะเป็นขนมที่ทางครัวจะนำไปให้แขก"
"นั่นสินะ...…แต่ว่า!!!..."
นายบ่าวทั้งสองต่างทะเลาะแย่งกันรับผิด ชายหนุ่มอมยิ้มอย่างขบขัน มือเรียวเอื้อมไปยังกาน้ำชาที่วางบนโต๊ะกำลังจะเทใส่จอกเล็ก ทว่าสิ่งที่ออกมากลับเป็นเพียงแค่น้ำเปล่าเย็นชืด
ขัดสนถึงขนาดไม่มีชาดื่มเลยรึ? ชีวิตนางรอดมาจนถึงตอนนี้ได้อย่างไรกัน?
เสียงวี้ดแว้ดดูท่าทางไม่จบสิ้นทำให้เขาต้องเข้าห้ามศึกนี้ด้วยตัวเอง "พวกเจ้าหยุดกันก่อนเถิด อย่างไรก็ต้องรับโทษจากข้ากันอยู่แล้ว ข้าจะบอกพวกเจ้าเองว่าทำผิดอะไรบ้าง"
นกน้อยทั้งสองหยุดเงียบแล้วจ้องมองมายังร่างในอาภรณ์สีขาวสะอาดด้วยดวงตากลมโต ก่อนจะคุกเข่านั่งลงข้างกันราวกับนั่งอยู่หน้าศาลตัดสินคดี
"เจ้าชื่ออะไร?"
"จินหมิงเจ้าค่ะ"
"จินหมิง…โทษของเจ้าไม่หนักหนา เพราะคนในครัวนำตะกร้าของเจ้ามาใช้ดังที่เจ้าบอกในตอนแรก ดังนั้นจึงไม่มีความผิดมากนัก"
จินหมิงคิดตามก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ ทว่าหัวคิ้วยังคงขมวดมุ่นด้วยความงุนงง
"แต่ว่า…คุณหนูฉีอันหนิง เจ้ามีความผิดหนักหนานัก กินขนมทั้งหมด…ไม่สิ กินขนมไปเกือบทั้งหมดทั้งที่ไม่รู้ว่าตนเองจะโชคดีถึงเพียงนั้น…"
จินหมิงได้ยินก็รีบแย้งขึ้นทันที "แต่ว่า…"
"ข้ายังพูดความผิดของคุณหนูเจ้ายังไม่จบ อีกอย่างที่เป็นโทษหนักที่สุดก็คือ…" ชายหนุ่มยิ้มทอดสายตามองไปยังใบหน้าจิ้มลิ้ม
"เจ้าทำให้ข้ารู้สึกชอบเจ้าขึ้นมา ดังนั้นเจ้าต้องรับผิดชอบ…"