เราเรียกแท็กซี่คันแรกที่เจอที่หน้าปากซอยแล้วพากันขึ้นนั่งทันที ไอ้คิวนั่งข้างหน้า ส่วนผมนั่งตรงกลางของเบาะหลัง มียัยผมหางม้าและไอ้ไอซ์ขนาบซ้ายขวา
"ไปเซนทรัลลาดพร้าวพี่" ไอ้คิวบอกพี่คนขับ
แล้วพวกเราก็ได้พักเหนื่อยกันในรถนั่นเอง
"ทำไมต้องรีบหนีด้วยล่ะ" แต่เสียงยัยหางม้าเหมือนจะไม่เหนื่อยเลย
"ก็เธอไปฟาดมันยังงั้น เดี๋ยวมันก็ลุกขึ้นมาตบเธอหรอก" ไอ้ไอซ์พูดข้ามผมไปหายัยหางม้า
"ก็ถ้าพวกเค้าลุกขึ้นมา เราก็ฟาดไปอีกทีก็ได้" เหมือนเธอจะไม่รู้สึกอะไรเลยกับสิ่งที่ทำลงไป มิน่า วันนั้นถึงได้ต่อยผม
"เธอนี่ยุ่งไม่เข้าเรื่องจริงๆ" ผมอดที่จะบ่นไม่ได้ ยังไงผมก็ไม่ชอบให้คนอื่นมายุ่งเรื่องของผม
"ต้องยุ่งสิ ก็พวกเธอกำลังจะโดนพวกนั้นต่อยนี่นา"
อะไรกันวะเนี่ย นี่ไม่กลัวเจ้าพวกนั้นเลยเรอะ
"ถ้าไม่มีเธอ พวกเราก็คงไม่วิ่งหรอก แต่พอเธออยู่ด้วย มันเกะกะ" ไอ้ไอซ์ทำเสียงดุใส่
"นี่เธออยู่โรงเรียนเดียวกับไอ้เรนเหรอเนี่ย" ไอ้คิวเอี้ยวทั้งตัวมาจากเบาะหน้า เพื่อมาจ้องหน้าลลิสา
"ใช่ อยู่ห้องเดียวกันด้วย เราเพิ่งเข้าใหม่ มีเรนเป็นเพื่อนคนแรก" ยัยหางม้าหันมาพยักพเยิดกับผม
"เฮ้ย เราไปเป็นเพื่อนกับเธอตอนไหน" ผมฉุนนะเว้ยเฮ้ย ยัยนี่พูดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ยังดีที่ไม่พูดต่อเรื่องผมโดนเธอต่อย
"ฮั่นแน่ พี่เรน เดี๋ยวนี้พี่มีเพื่อนเป็นพวกเด็กผู้หญิงด้วยหรือครับ เร็วมากนะครับ ย้ายโรงเรียนปุ๊ป มีแฟนปั๊บเลย" ไอ้คิวมันยังคงไม่ยอมหันกลับไปนั่งดีๆที่เบาะหน้า ตอนนี้มันทำยักคิ้วหลิ่วตาใส่ผมไปมา
"ไอ้ห่าคิว พูดไรวะ" ผมหน้าแดงคว้าคอเสื้อมันให้หมับ ตบหัวมันไปสองทีซ้ายขวา ผมไม่ชอบให้ใครมาล้อเรื่องพวกนี้
"กูล้อเล่นนนนน" ไอ้คิวมันไม่ถือสาผม "แต่ถ้ามีแฟนแล้วบอกกูด้วย กูอยากรู้ว่าเป็นไง"
"ไอ้คิว ไอ้สัส" ผมตบหัวมันไปอีกสองที
"อ่าวไอ้เรน ไอ้เชี่ย มึงตบหัวกูเหรอ" ตอนนี้มันเริ่มตบหัวผมกลับแล้ว และเราก็เริ่มจะตบหัวกันไปมา ผมแอบชำเลืองมองไป เห็นลลิสาทำหน้าตื่นๆและถอยไปชิดประตูรถด้านที่เธอนั่งอยู่
ดี ผมต้องแสดงให้เธอเห็นว่าพวกผมไม่เคยปราณีกัน อย่ามายุ่งกับพวกผม
"นี่แน่ะ ไอ้เชี่ยคิว ไอ้อ่อน ไอ้กาก" ผมเริ่มตบมันแรงขึ้น
"ไอ้เรน มึงตาย!" คราวนี้ไอ้คิวมันเอี้ยวตัวเกือบจะทั้งตัวมาด้านหลัง แม้จะมีสายรัดเข็มขัดของเบาะรถเป็นอุปสรรค แต่ดูเหมือนมันไม่สนใจ ยังพยายามจะเข้าประชิดตัวผมให้มากที่สุด มันเอามือทั้งสองข้างมาตบหัวผมเป็นพัลวัน
"เฮ้ย! น้อง หยุด! จะมาทะเลาะอะไรกันในรถพี่! แม่งเดี๋ยวไล่ลงรถทั้งหมดเลย! นี่เห็นพระเครื่องที่ห้อยอยู่ตรงนี้มั้ย หัดเคารพท่านบ้าง!"
พี่คนขับแท็กซี่หนวดเครารุงรังหันมาตะคอกใส่พวกเรา ผมไม่รู้ว่าที่พวกผมตบหัวกันมันเกี่ยวอะไรกับพระเครื่อง แต่หน้าตาที่ดุดันของพี่เขาทำให้พวกเราจ๋อยลงทันที และต้องเงียบเสียงลงโดยฉับพลัน ไอ้คิวหันขวับกลับไปนั่งตัวตรงอย่างเรียบร้อยที่เบาะหน้า ส่วนผมก็ถอยมานั่งหลังตรงพิงพนักเบาะหลังอย่างหวาดๆ
เหลือบตาดู เห็นยัยหางม้าอมยิ้มตาเป็นประกายทำท่าเอานิ้วชี้แตะปากแล้วพูดไม่มีเสียงบอกให้ผมเงียบๆ
ผมถลึงตาตอบ หล่อนยังมีหน้ามาแกล้งล้อเลียนผมอีก
และหลังจากที่เรานั่งนิ่งในรถกันมาพักใหญ่ๆ… ไอ้ไอซ์ก็เอ่ยขึ้นทำลายความเงียบที่น่าอึดอัดนั้น
"แล้วนี่เธอกลับบ้านเย็นๆแบบนี้ พ่อแม่เธอเค้าไม่ว่าเหรอ" มันเป็นคนที่พูดจาดูเป็นผู้ใหญ่ที่สุดในกลุ่มพวกเรา
"บ้านเรามีคุณยายกับน้าลิน วันนี้พวกเค้าทำงานถึงค่ำๆกัน" ท่าทางเธอดูดีใจที่ไอ้ไอซ์มันให้ความสนใจ
"แล้ววันนี้เราก็บอกพวกเค้าแล้วว่า เราจะกลับเย็นหน่อย แล้วเราก็โทรคุยกับป้ากะทิเรื่องรายการอาหารเย็นนี้ไปแล้ว วันนี้เราขอให้ป้ากะทิทำน้ำพริกปลาทู เพราะเป็นอาหารโปรดของน้าลิน แล้วถ้าใครกลับมาถึงบ้านก่อนก็กินข้าวได้เลย ไม่ต้องรอเรา"
คำตอบอันยาวยืดนั้นทำให้พวกผมทั้งสามคนถึงกับหันไปจ้องลลิสากันอย่างอึ้งๆ
เค้าเล่าเรื่องอะไรของเค้า?
"ห้ามไปพูดไปบอกใครนะเรื่องเราเล่นสเกตบอร์ดน่ะ"
ผมหันมาบอกยายหางม้าหลังจากปล่อยเพื่อนๆของผมลงที่เซนทรัลลาดพร้าว แล้วเราสองคนก็นั่งแท็กซี่ไปต่อเพื่อกลับบ้านกัน
ผมเพิ่งรู้วันนี้ว่าบ้านของเธออยู่ไม่ไกลจากบ้านของผม บ้านเธออยู่แถวเพลินจิต ส่วนบ้านของผมอยู่แถวทองหล่อ ส่วนโรงเรียนของพวกเราอยู่ตรงกลางระหว่างเพลินจิตและทองหล่อ
"แล้วมันเสียหายตรงไหนเหรอ"
"เออ น่า อย่าไปพูดมากก็แล้วกัน"
"แล้วเธอออกมาเล่นตอนเย็นๆยังงี้ เธอบอกที่บ้านว่ายังไงอ่ะ"
ทำไมคุณหางม้าเธอช่างสงสัยนักวะ
"ก็บอกว่ามาเดินเที่ยวสยามกับเพื่อน มาหาซื้อการ์ตูนไปฝากปู่"
"แล้วทำไมต้องโกหกด้วยล่ะ" ยัง ยังไม่หยุด
"นี่อย่ายุ่งได้ไหม" ผมเริ่มฉุน ผมมันคนขี้รำคาญ
"เราว่าเป็นเรื่องที่ดีออกจะตายไปที่นายเล่นสเกตบอร์ด เราว่านายก็เล่นเก่งด้วยนะ เคยไปแข่งตามงานใหญ่ๆบ้างหรือเปล่า" แต่เธอยังไปต่อเรื่องของผมเรื่อยๆ
"อย่ามายุ่งเรื่องของเราได้มั้ย!"
ผมคงตวาดกลับเสียงดังไปหน่อย เห็นยัยหางม้าหน้าจ๋อย แล้วก็เงียบไป
แต่ก็เงียบไปได้ไม่นาน…
"แล้วเธอเป็นเพื่อนกับไอซ์กับคิวมานานแล้วเหรอ"
ยัยหางม้าเรียกเพื่อนผมเหมือนสนิทกัน ดูเธอจะเข้ากันได้ดีกับไอ้พวกนั้น เธอคุยเจื้อยแจ้วถามสองคนนั่นเรื่องการเล่นสเกตมาตลอดทางมาจนถึงเซนทรัลลาดพร้าว ทีงี้ พี่แท็กซี่ไม่เห็นดุเธอเลย
"อื้อ"
"เธอว่าเราไปเสนอให้โรงเรียนของเราทำลานสเกตดีไหม เธอจะได้ชวนไอซ์กับคิวเค้ามาเล่นที่โรงเรียนของเรา ไม่ต้องหลบๆซ่อนๆ"
"อื้อ"
ผมไม่ได้สนใจคำพูดของเธอ ผมกำลังเริ่มเล่นเกมในโทรศัพท์มือถือ รถน่าจะติดอีกนาน
"ดีจังเลยนะ พวกเธอไม่ได้อยู่โรงเรียนเดียวกัน แต่ก็ยังเป็นเพื่อนกัน เราอยากมีเพื่อนแท้ยังงี้บ้างจัง"
น้ำเสียงนั้นฟังเศร้าๆยังไงไม่รู้ ทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นมามอง ก็เห็นลลิสากำลังเหม่อออกไปที่นอกหน้าต่างรถ
ไอ้ไอซ์ ไอ้คิว และผม เราไม่เคยอยู่โรงเรียนเดียวกัน ก่อนหน้านี้ผมอยู่โรงเรียนประจำชายล้วนที่หัวหินมาโดยตลอด ปู่จะไปรับผมกลับมาบ้านเฉพาะวันเสาร์อาทิตย์ แล้วที่ผมย้ายโรงเรียนมาอยู่ใกล้บ้านนี่ ก็เพราะพ่อผมกลับมาจากญี่ปุ่นแล้ว และปู่ก็เกษียณตัวเองจากงาน ปู่เลยมีเวลาให้ผมมากขึ้น ปู่เขาก็ให้อยากเราอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัวเสียที
ส่วนเรื่องที่ผมรู้จักกับไอ้ไอซ์ไอ้คิวได้ยังไงนั้น เรื่องมันยาว…
"เธอโชคดีจังเลยนะที่มีเพื่อนสนิทอย่างคิวและไอซ์" ลลิสาหันมามองหน้าผม
"แล้วเพื่อนที่โรงเรียนเก่าเธอล่ะ"
ที่จริงผมอยากจะเล่นเกมใจจะขาด ไม่ได้สนใจอยากรู้เรื่องของยัยหางม้า แต่สายตาที่มองผมอย่างเหงาๆนั้น ทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะต้องคุยตอบไป
"เพื่อนที่โรงเรียนเก่าเราเค้าก็ตัดเราออกจากลุ่มแล้ว เค้าบอกว่าโรงเรียนเราอยู่ไกลเกินไป ตอนเย็นเราไปไม่ทันเค้าซ้อมเต้นกัน ส่วนที่โรงเรียนนี้เราก็ไม่มีเพื่อนเลย พวกผู้หญิงเค้าไม่ยอมพูดกับเรา ส่วนพวกผู้ชายเค้าก็ทำเหมือนกลัวเรา"
ก็แน่ล่ะสิ ก็เธอเล่นมากล้าต่อยตัวจี๊ดประจำโรงเรียนอย่างผม ใครจะกล้าไปตอแยเธออีก
"แล้วทำไมพวกผู้หญิงเค้าไม่คุยกับเธอ" พวกผู้หญิงนี่เรื่องมากกันจริงๆ น่ารำคาญแฮะ
"ก็เชอรี่เค้าบอกว่าเราไปต่อยแฟนเค้า เค้าเลยห้ามคนอื่นมาเป็นเพื่อนกับเรา"
"ปัญญาอ่อนชิบหายเลย" นี่กรูไปเป็นแฟนกะยัยเชอรี่ตั้งแต่เมื่อไหร่กันวะ
"ทำไมเธอพูดไม่เพราะเลยอ่ะ พ่อแม่เธอไม่ว่าเอาเหรอ" ลลิสาทำเสียงเหมือนพวกผู้ใหญ่
"แล้วนี่ยุ่งไรด้วย" แล้วผมก็ชักรำคาญคนนั่งข้างๆนี้เหมือนกัน
"ก็เราว่าเธอหน้าตาดีนะ เธอน่าจะพูดจาเพราะๆกว่านี้"
เฮ้ย! นี่ชมกันซึ่งๆหน้าเลยเหรอ ผู้หญิงอะไรวะ แล้วดูเค้าทำหน้าตาซื่อๆ ยัยนี่ท่าจะเพี้ยน!
"ความจริงเราก็ไม่ได้อยากเป็นเพื่อนกับเธอนักหรอก เธอดูนิสัยไม่ดี แต่เมื่อตอนเย็นเราแอบเห็นเธอไปเอาถุงสเกตบอร์ดที่ซ่อนไว้ที่ข้างหลังโรงพละ เราเลยคิดว่าเธอน่าสนใจดี"
"นี่ตามเราตั้งแต่ตอนอยู่ในโรงเรียนเลยเหรอ"
"ตอนแรกไม่ได้ตาม ตอนเดินออกมาจากตึกเรียน เราเผอิญเห็นเธอจริงๆ"
ผมว่าเธอคงพูดจริงแหละ
"แต่ก็ได้ เราจะไม่บอกใคร แต่เราต้องการข้อแลกเปลี่ยน" เธอทำหน้าตาเหมือนกำลังได้ชัยชนะ
"อะไร"
"เออ น่า ไว้ถึงเวลาเราจะบอกนายเอง" หน้ารูปไข่เรียวสวยนั้นอมยิ้ม
"ตามใจ งั้นเราเล่นเกมต่อล่ะนะ" ผมเลิกสนใจคนข้างๆ แล้วหันมาสนใจโทรศัพท์มือถือในมือต่อไป
แล้วเราก็นั่งเงียบๆกันมาในรถ จนกระทั่งเมื่อพี่แท็กซี่ขับรถมาจอดที่หน้าบ้านของเธอ
แต่ก่อนที่ลลิสาจะเปิดประตูลงรถไป ผมรีบเอ่ยขึ้นมา
"ลลิสา…"
"มีอะไรจ๊ะ" เจ้าของผมหางม้านั่นหันกลับมาอย่างรวดเร็ว แววตาสงสัยใคร่รู้เป็นประกายระยิบระยับ
"เอ่อ ขอบคุณนะที่ช่วยฟาดไอ้พวกนั้นให้" ผมกลั้นใจพูดไปโดยที่ไม่มองเธอ ทำหน้าเฉยๆพลางจ้องมองเกมที่กำลังดำเนินไปในโทรศัพท์มือถือเหมือนไม่ได้สนใจเรื่องที่พูดไป
"ไม่เป็นไร เราอยากเป็นเพื่อนกับเธอนานๆแล้วล่ะ เราว่าเธอน่าสนใจดี"
ถึงไม่หันไปมอง ผมก็รับรู้ได้ว่าลลิสาต้องกำลังยิ้มกว้างแน่ๆ
เฮ้อ! นี่ยัยหางม้ากำลังจะเป็นเพื่อนผู้หญิงคนแรกของผมเลยนะเนี่ย…