ดวงใจปักษา 20
ตอน ความนัย1
หลังจากที่ต่อกรต้านทานกองกำลัง ที่เข้าโจมตีกองคาราวานของพระชายาจันทรามณี จนจบสิ้นลง รสินทราได้สำรวจความเสียหายข้างฝ่ายตน ทหารที่ติดตามกองคาราวานได้จบสิ้นชีวิตไปทุกคน
ส่วนข้างฝ่ายกองโจร ที่มาโจมตีก็ได้สิ้นชีวิตไปจนหมดเหมือนกัน รสินทราหันหลังกลับจะขึ้นม้า หูแว่วได้ยินเสียงชายฉกรรจ์ร้องคราง จึงเดินสำรวจอีกครั้ง ก็มาพบชายฉกรรจ์คนหนึ่งนอนจมกองเลือดอยู่
ร่างนั้นมีผ้าปิดคลุมใบหน้าเอาไว้ รสินทราจึงเดินมาใกล้ๆ พร้อมนั่งลงข้างๆ เอามือแกะผ้าคลุมหน้านั้นออก จ้องมองใบหน้านั้นตาเขม่ง ในหัวก็มีความคิดเข้ามา พร้อมเอ่ยปากถามชายฉกรรจ์นั้น...
" เจ้าเข้าโจมตีกองคาราวานด้วยเหตุอันใด?!! "
" พวกเราทำตามคำสั่งของนายท่าน...อุ๊บ!! " ชายฉกรรจ์สำลักเลือดในลำคอ ในยามที่จะพูด..
" แล้วนายของเจ้าคือผู้ใด? " รสินทราถามต่อ...
ร่างของชายฉกรรจ์นั้น ค่อยๆ กระตุก ลมหายใจขาดห้วงเป็นระยะ พร้อมขยับริมฝีปากจะพูด แต่ไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมา รสินทราจึงก้มลงเอาหูนั้น แนบริมฝีปากของชายฉกรรจ์ จึงได้ยินเสียงที่พูดออกมานั้นแผ่วเบา.....
" นายข้าคือ....คือท่าน..สุ...ริ..ยะ..การ.. โจมตีครั้งนี้...อุ๊กกก..มาจากคำสั่งของ....อ๊ะ.." .
"เจ้าเมืองอนันตะ... "
พอจบคำว่าอนันตะ ชายฉกรรจ์นั้นก็ขาดใจไป รสินทรากัดเขี้ยวเคี้ยวฟันตนเองจนเป็นสันนูน....
จากนั้นจึงลุกขึ้นเดินมาขึ้นบนหลังม้า แล้วชักมาขยับออกเดินสำรวจรอบๆ ทั้งด้านในป่าจนทะลุออกไปนอกป่า ด้านที่จะเข้าสู่เมืองหลวงก็ไม่พบใคร
รสินทราจึงตัดสินใจควบม้า กลับออกจากป่านั้น มุ่งหน้าสู่นครนาคินทร์แสนเพตรา เพื่อกลับไปรายงานต่อนายตนและรายงานต่อท้าวไอยคุปต์ ที่ได้นัดแนะกันเอาไว้
รสินทราควบม้าตระบึ่ง มุ่งหน้าสู่นครแสนเพตรา โดยมิหยุดพักด้วยหัวใจที่ร้อนระอุ หวังที่จะไปให้ถึงเมืองโดยไว....
.........................
" อนิจจานำพาให้ต้องพบ
ใคร่ประสบพบเจอทุกแห่งหน
ใคร่ครวญเฝ้าแลหาน้ำตาคลอ
เมื่อสบต่อนำพามาประจัน
ถึงป้อมค่ายคูเวียงแดนถิ่นลี้
อาชาพีล้มฟุบคลุกคลีผง
ด้วยอาจองค์ป้องพ้องนับคันทรี
มอดม้วยฤดีแผ่ดิ้นสิ้นอาชาไนย.."
".เปิดประตู..!! เปิดประตูเมืองให้ข้าบัดเดียวนี้!! " รสินทรา ตะโกนก้องตรงหน้าป้อมค่ายประตูเมือง ด้วยเวลาที่ตนมาถึงนั้นมืดค่ำมามากโขแล้ว เหล่าทหารเวรยามบนเชิงเทิน พอได้ยินเสียงตะโกนมาจากข้างล่าง ก็ร้องตะโกนถามลงมา...
" เจ้าเป็นผู้ใด ไยจึงมาตะโกน สั่งให้เปิดประตูเมืองในยามนี้?! "
ด้วยความเหนื่อยจากการเดินทางมาไกล และมาเจอเวรยามเช่นนี้ รสินทราจึงเกิดน้ำโหโทสะ ร้องสวนกลับขึ้นไปบนเชิงเทิน..
" พวกเจ้าอยากหัวขาดกระนั้นหรือ! ใยไม่รีบเปิดประตูค่ายให้ข้า!! "
" พวกเราเปิดก็ได้ แต่เจ้าต้องแจ้งนามมาก่อน! " กัณฑะ ที่ทำหน้าที่หัวหน้าเวรยาม บนเชิงเทินตะโกนลงมา..
" กัณฑะ!!...นั่นใช่เจ้าหรือไม่?!! สั่งให้ทหารเปิดประตูค่ายให้ข้าเร็วเข้า " รสินทราจำเสียง ของผู้ที่ตะโกนลงมาได้ จึงร้องสวนไปพร้อมคำสั่งให้เปิดประตูค่าย.....
" นั่น!!..รสินทราใช่มั้ย? " กัณฑะสวนกลับ ด้วยจำเสียงของสหายตนได้ พร้อมหันไปสั่งให้ทหารเปิดประตู...
" ทหารเปิดประตูค่ายให้สหายข้า เข้ามาบัดเดียวนี้! " ตะโกนสั่งทหารเสร็จ รสินทราก็ร้องตอบกลับมา..
" ใช่...ข้าเอง! เปิดประตูด่วน ข้ามีเรื่องด่วนที่ต้องแจ้งแก่ท่านแสน! "
กัณฑะได้ยิน ก็รีบเดินลงมาจากบนเชิงเทิน พร้อมกับเปิดประตูเอง ด้วยทหารยังยืนเก้กัง ไม่ขยับด้วยไม่กล้าเปิด เพราะผู้ที่สั่งให้เปิดนั้นไม่ใช่นายเวร
" หลีกทางข้าจะเปิดประตูให้สหายข้า" กัณฑะบอกกับทหารหน้าประตู
กล่าวจบ กัณฑะก็ยกดานที่ขัดประตูออก ด้วยเรี่ยวแรงที่เกินคนธรรมดา ด้วยจะยกดานประตูนั้น ทหารหน้าประตูต้องช่วยกันยกออกราวสิบคน แต่กัณฑะกลับยกได้เพียงคนเดียว ทหารที่มอง ได้แต่พากันยืนอึ้ง...
" รสินทรา..เจ้าไปไงมาไง ไยมาถึงซะค่ำมืดเยี่ยงนี้?! "
" ม้าที่ข้าขี่มานั้น สิ้นใจตายตรงชายป่าฟากโน้น ข้าจึงต้องวิ่งมาเอง! ไปนำม้ามาให้ข้าด้วย ข้าจักไปเข้าพบท่านแสน.."รสินทรา กล่าว
" ไปกับข้าก็ได้ หากรอม้าคงอีกนาน เพราะกว่าทหารจะนำม้ามา " กัณฑะหันกลับไปขึ้นม้าตน พร้อมเรียกรสินทรา ให้ขึ้นมาซ้อน
เมื่อรสินทราขึ้นซ้อนยังไม่ทันเรียบร้อย กัณฑะก็ควบม้าออกไปทันที จนรสินทราต้องเกาะเอวไว้แน่น..
" เจ้า..! จักรีบไปไหนรึ..กัณฑะ?! "
" อ้าว..! ข้าก็จักรีบพาเจ้าไปพบท่านแสนไง!! เจ้าบอกเองมิใช่รึ ว่าเจ้ามีเรื่องด่วนจะแจ้งนายท่าน! "
" แหม่..กัณฑะ! เจ้านี่ก็นะ จักให้ข้านั่งซ้อนดีๆ ก่อนไม่ได้รึ! เกิดข้าหล่นตกม้าไป ใครจะรับผิดชอบเล่า?!! " รสินทราค้อนสหายตนทางด้านหลัง ข้างกัณฑะได้ยินที่สหายพูด ก็อดยิ้มขันไม่ได้😂😂
" อะไร..ยอดนักรบเยี่ยงเจ้า กลัวตกม้าเป็นด้วยรึ😂😂 "
" ก็มีบ้างล่ะ..ยังไม่ทันตั้งตัวนี่😅😅 "
ทั้งสองนั่งมาบนหลังม้าด้วยกัน พร้อมเย้าแหย่กันสนุกสนาน ตามประสาสหายรัก ที่คบหากันมาช้านาน กัณฑะบังคับม้ามาจนถึงเรือนเจ้านาย จึงชะลอฝีเท้าม้าลงพร้อมหยุดการเคลื่อนไหวของม้าให้นิ่ง ทั้งสองต่างกระโดดลงจากหลังม้าพร้อมกัน ลงมายืนบนพื้นดินด้วยท่าทางที่อาจอง จากนั้นจึงชวนกันเดินขึ้นเรือนไปด้วยกัน...
...................................