webnovel

0002

บทที่ 1 : โลกหลังการเปลี่ยนแปลง!

------------------------------------------------------------------------------

CM >> แปล

Pleosuriya >> ตรวจ

TurKish_TEA >> เช็ก + เกลา

********************************

เมืองหลวง

เช้าวันถัดมา

ในบ้าน จางเย่ที่ตื่นมาตอนเช้ายังงุนงงอยู่กับความฝันเมื่อคืนนี้ ชายหนุ่มหาวหวอดพลางกดเปิดโทรทัศน์เพื่อดูข่าว ทันใดนั้น เขาก็เห็นแหวนสีเงินวงหนึ่งบนนิ้วก้อยข้างซ้าย มันไม่ใช่ของเขาแน่ๆ ชายหนุ่มพยายามถอดมันออกอย่างเอาเป็นเอาตายแต่ก็ไม่ได้ผล ไม่เพียงแค่นั้น ตอนที่มือของชายหนุ่มลูบไปบนแหวน หน้าจอสัมผัสพลันเด้งขึ้นมา ตัวอักษรแบบเดียวกับข้อความในความฝันขึ้นเป็นข้อความว่า “แหวนเกมเริ่มทำงาน รางวัลเริ่มต้นสำหรับผู้เล่นใหม่ ‘เปลี่ยนแปลงภูมิหลังของโลกจริงแบบสุ่ม’ พร้อมส่งมอบ”

นับถอยหลัง...

สามวินาที...

สองวินาที...

หนึ่งวินาที...

เริ่มต้นการส่งมอบรางวัล!

หลังจากนั้น สิ่งที่จางเย่มองเห็นก็ทำเอาแตกตื่น!

โทรศัพท์ HTC ที่เขาโยนไว้บนเตียงเริ่มบิดเบี้ยวและเปลี่ยนรูปร่าง แม้กระทั่งยี่ห้อของมันก็เปลี่ยนไปกลายเป็น TCC ที่ข้างหน้าต่าง หนังสือรวมบทกวีของสวีจื้อหมอฉบับพิมพ์เถื่อนสองเล่มสว่างวาบ ก่อนที่เล่มหนึ่งจะหายไปในพริบตา ขณะที่อีกเล่มกลายเป็นรวมบทกวีของเฉินเทียนหมอไปแทน

ชายหนุ่มไม่สามารถมองตามได้ครบทุกอย่าง เพราะข้าวของมากมายเหลือเกินในบ้านเขากำลังเปลี่ยนไป!

แต่สิ่งที่ทำให้จางเย่ตกใจมากที่สุดก็คือการเปลี่ยนแปลงของโทรทัศน์ ยี่ห้อ ‘ฉางหง’ บนโทรทัศน์กลับถูกเปลี่ยนเป็นยี่ห้อ ‘เฟยเทียน’ ที่เขาไม่เคยรู้จักมาก่อน ที่สำคัญคือกระทั่งรายการต่างๆ บนหน้าจอก็เปลี่ยนไปด้วย!

“รายการ ‘แสงเรืองรอง’ วาไรตี้โชว์ของแมงโก้ทีวีมีเรตติ้งผู้ชมทะลุ 1 เปอร์เซ็นต์แล้ว”

“ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของอู๋ปาง ‘ดรุณีสีขาว’ ถล่มรายได้บ็อกซ์ออฟฟิศไปถึง 500 ล้าน”

“ซิงเกิ้ลใหม่ของสตาร์ควีนจางหย่วนฉีล้มเหลวอีกครั้ง จากนี้ไปเธอจะทุ่มเทให้กับงานแสดงเพียงอย่างเดียว”

“เมื่อวานนี้ภาพ ‘ฟ้าสีคราม’ ผลงานของเดค ศิลปินระดับโลกได้เปิดประมูลในอเมริกา”

“บุคคลมากมายในวงการบันเทิงได้ร่วมกันร้องเพลงรำลึกแก่เฉินเหว่ยซือ ราชาแห่งวงการโทรทัศน์และภาพยนตร์ที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดของศตวรรษที่ 20 ในคอนเสิร์ตครบรอบ 10 ปีแห่งความทรงจำ สตาร์คิงซุนอวี้ถึงกับร่ำไห้ขณะร้องเพลง”

จางเย่ตาค้างกับภาพที่เห็นเป็นสิบกว่านาที ยังไม่สามารถทำความเข้าใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นได้ อยู่ๆ ทั้งโทรศัพท์มือถือทั้งโทรทัศน์เปลี่ยนยี่ห้อไปได้อย่างไร? สตาร์ควีนจางหย่วนฉี? ในบรรดาสตาร์ควีนมีคนที่ชื่อจางหย่วนฉีด้วย? ยังมีคอนเสิร์ตครบรอบสิบปีแห่งความทรงจำ? แล้วเฉินเหว่ยซือนี่โผล่มาจากไหน? ทำไมเขาถึงไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนเลยล่ะ? จางหย่วนฉีนั่นก็ด้วย? หรือว่าจางจื่ออี๋เปลี่ยนชื่อในวงการใหม่? แล้วเฉินเหว่ยซือนี่คือชื่อใหม่ของเฉินอี้ซวิ่น? บ้าน่า เฉินอี้ซวิ่นก็ยังมีชีวิตดีอยู่นี่! ‘ดรุณีสีขาว’ นี่มันหนังอะไร? หนังที่ไป๋เหยียนซงแม่*เล่นหรือไง? แม่*ไปถ่ายทำกันตอนไหนวะ?

จางเย่รีบลนลานลุกจากเตียงไปดึงผ้าม่านออกดู ก่อนจะพบว่าทุกสิ่งทุกอย่างข้างนอกถูกเปลี่ยนไปแล้วเรียบร้อย ต้นหยางเก่าแก่สองแถวข้างถนนหายไปและถูกแทนที่ด้วยแปลงดอกไม้ หอคอยที่เคยมองเห็นอยู่ไกลๆ ก็กลายเป็นตึกที่พักอาศัยหกชั้นไปเสียอย่างนั้น ไม่ใช่แค่นั้น ตึกสองสามหลังซึ่งแต่เดิมเป็นสีเทาตอนนี้กลับเปลี่ยนตำแหน่งไปเล็กน้อย แม้กระทั่งสีของบันไดยังกลายเป็นสีน้ำตาลออกขาวไปอีก!

ติ๊ง!

การส่งมอบรางวัลเสร็จสิ้น!

หมายเหตุ: การเปลี่ยนแปลงภูมิหลังของโลกจริงแบบสุ่มเสร็จสมบูรณ์และเข้าสู่ภาวะสมดุล

สีหน้าของจางเย่ซีดเผือด เขาหยิบโทรศัพท์ที่เพิ่งเปลี่ยนเป็นยี่ห้อที่ไม่รู้จักขึ้นมาสำรวจดู วันเวลายังคงปกติอยู่ วันนี้เป็นวันครบรอบสองเดือนที่เขาเรียนจบมา หลังจากไล่ดูรายชื่อติดต่อ ชายหนุ่มก็ลองกดโทรศัพท์หาเพื่อนสองสามคน เพื่อนสนิทเขายังคงเหมือนเดิม แล้วไอ้การเปลี่ยนแปลงรอบตัวเขานี่จะอธิบายว่าอย่างไร? อีกอย่างแหวนเกมที่สวมอยู่กับนิ้วของเขามันคืออะไร? เจ้าแหวนนี่มันถึงขั้นเปลี่ยนแปลงความเป็นจริงได้เชียวเหรอ?

จางเย่ยังไม่เชื่อ ชายหนุ่มเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อเข้าไปเช็กในอินเทอร์เน็ต แต่กลายเป็นว่ายิ่งดูยิ่งตกใจ ยิ่งอ่านยิ่งใจสั่น!

มันเปลี่ยนไปแล้ว!

โลกมันเปลี่ยนไปแล้ว!

ในวงการพิธีกรไม่มีคนชื่อเหอเจี่ยง เซี่ยน่า หรือคนอื่นๆ

ในวงการเพลงก็ไม่มีคนอย่างเฉินอี้ซวิ่น หรือว่าจางเสวียโหย่วแล้ว

วงการภาพยนตร์ก็ไม่มีเฝิงเสี่ยวกังและซุนหงเหลยเช่นกัน

ไม่ว่าจะในประเทศจีนหรือต่างประเทศ ศิลปินพู่กันจีนอย่างฉีไป๋สือหรือจิตรกรภาพสีน้ำมันปาโบล ปีกัสโซก็ไม่มีตัวตนเสียแล้ว

เพลงเทพอย่าง ‘ถ่านเท่อ’? นิยายของ ‘โม่เหยียน’? ดนตรีของ ‘บีโธเฟน’? หนังเรื่อง ‘ทรานส์ฟอร์มเมอร์ส’? วาไรตี้โชว์ ‘เดอะวอยส์ไชน่า’? ภาพวาดชื่อดัง ‘โมนาลิซา’? หายไปหมดเกลี้ยง! ดูเหมือนว่าทั้งหมดนั่นถูกเกมที่เขาไม่รู้จักสุ่มเปลี่ยนแปลงไปเสียแล้ว นี่เป็นรางวัลที่เขาได้รับจากเกมในฐานะผู้เล่นเพียงคนเดียวเหรอ? ทำไมโลกจริงถึงกลายเป็นเกมขึ้นมาได้ล่ะ?

แล้วนี่มันเกมแบบไหนกันแน่?

‘คอนทรา’ หรือว่า ‘ซูเปอร์มาริโอ’ หรือเปล่า?

ถ้าเขาลองเอาหัวโขกกำแพงดูสักที จะมีเห็ดเวทมนตร์โผล่ออกมาให้กินแล้วตัวใหญ่ขึ้นไหม?

แน่นอนว่ายังมีบางอย่างที่ไม่ได้เปลี่ยนไป เช่น บุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์ โครงสร้างโลกและสภาพสังคมพื้นฐานของโลกยังคงเดิม บนโต๊ะบะหมี่สำเร็จรูปยี่ห้อ ‘คังซือฟู่’ ยังคงเป็น ‘คังซือฟู่’ อยู่เหมือนเดิม ‘หลุยส์ วิตตอง’ ก็ยังเป็นแบรนด์ดังระดับโลก หลายสิ่งหลายอย่างยังไม่ถูกเปลี่ยนไป นี่สินะที่เรียกว่า “เปลี่ยนแปลงแบบสุ่ม”?

เฮ้ย ผีหลอกกลางวันแสกๆ!

มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกันวะเนี่ย?

ขณะนั้นเอง ตึงตึงตึง! ใครบางคนกำลังทุบประตูจากนอกห้อง เสียงทุบที่ดังสนั่นแสดงถึงพละกำลังของคนทุบ!

จางเย่รู้ดีว่านั่นคือใคร แต่แกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน

หลังจากคนด้านนอกเคาะต่ออีกสองสามที เสียงไขกุญแจถึงดังขึ้น ประตูพลันเปิดออก!

จางเย่มองดูคนที่ก้าวเข้ามาพลางคิดว่าต่อให้โลกเปลี่ยนไปขนาดนี้ เจ้าของห้องเช่าของเขาก็ยังคงเป็นเจ้าของคนเดิม

หญิงสาววัยประมาณสามสิบปีที่เดินเข้ามามีใบหน้าที่สวยงามมาก บางทีคำว่า ‘สวยงามมาก’ อาจไม่เหมาะที่จะใช้อธิบายถึงตัวเธอด้วยซ้ำไป ดูอย่างตอนนี้ที่เห็นชัดๆ ว่าเธอเพิ่งสระผมมา บนศีรษะพันทบด้วยผ้าเช็ดตัวสีขาว ความงามของเธอที่ล่มบ้านล่มเมืองได้นั้นไม่ได้ถูกลดทอนลงเลยแม้แต่น้อย ส่วนรูปร่างของเธอยิ่งสุดยอดขึ้นไปอีก ผิวพรรณทั้งเนื้อทั้งตัวนวลเนียนเต่งตึงกระจ่างใส แต่สาวสวยคนนี้ หากได้รู้จักเพียงไม่กี่วันก็ต้องรู้ซึ้งถึงความร้ายกาจของเธอทันที เรียกว่าปากอสรพิษเลยก็ว่าได้ ไม่อย่างนั้นแล้วอายุขนาดนี้จะยังไม่แต่งงานได้อย่างไร? แค่เธอเปิดปากพูดใครๆ ก็ต้องเผ่นหนีกันหมดแล้ว!

เมื่อเห็นว่าจางเย่อยู่บ้าน เหราอ้ายหมิ่นกระแอมก่อนพูดด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “เจ้าหนู นายพยายามจะเล่นซ่อนหากับฉันอยู่งั้นหรือ? ฉันเคาะตั้งนาน ทำไมถึงไม่ขานรับหน่อย? แกล้งตายเหรอไงกัน หา?”

จางเย่รู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย “คุณน้าเจ้าของห้อง คุณมาได้ยังไงครับ?”

เหราอ้ายหมิ่นเดินไปนั่งตรงห้องนั่งเล่นอย่างสบายๆ ปั่ก เสียงเหมือนบางอย่างกำลังโดนทุบดังขึ้นขณะที่หญิงสาวจิ้มเครื่องคิดเลขบนโต๊ะ จางเย่เห็นเครื่องคิดเลขนี่มานับครั้งไม่ถ้วนแล้วในอดีต ก่อนหน้านี้มันยังเป็นยี่ห้อคาสิโอ้อยู่เลย ตอนนี้กลับกลายเป็นยี่ห้ออะไรก็ไม่รู้ที่ขึ้นต้นด้วยตัวเค ดูเหมือนว่าแม้กระทั่งบริษัทเครื่องคิดเลขก็ถูกเปลี่ยนไปด้วยสินะ

“นายถามว่าฉันมาทำไม หึ ก็มาเก็บค่าเช่าห้องไงล่ะ!” นิ้วของเธอรัวเป็นข้าวตอกแตกไปบนเครื่องคิดเลขอย่างไม่มีพลาด “นายยังไม่ได้จ่ายค่าเช่าเดือนนี้ รวมกับค่าน้ำค่าไฟของเดือนก่อนด้วย ฉันคิดให้แล้วเบ็ดเสร็จ 2,582 หยวน ฉันเตือนนายไปหลายครั้งแล้วนะ วันนี้แม้แต่สตางค์เดียวก็ห้ามขาด! ฉันจะบอกอะไรให้นะจางน้อย ที่ฉันยอมให้นายจ่ายค่าเช่าเดือนต่อเดือนก็เพราะเห็นว่านายเป็นคนเมืองหลวง ลองไปถามดูรอบๆ สิ มีที่ไหนบ้างที่ไม่ต้องจ่ายค่าเช่าสามเดือนล่วงหน้า เห็นรึเปล่าว่าฉันผ่อนผันให้นายมากแค่ไหนน่ะ หา?”

จางเย่ยิ้มแห้งๆ “ขอเวลาอีกสักสองสามวันนะครับ ตอนนี้ผมไม่มีเงินเลยจริงๆ ถ้าผมได้งานเมื่อไรจะรีบจ่ายให้คุณเลย”

เหราอ้ายหมิ่นกรีดนิ้วโบกไปมา “ถ้านายไม่มีเงิน ก็ออกไปได้แล้ว!”

จางเย่ร้องโอดครวญ “โธ่ คุณก็รู้ดีนี่ว่าสถานการณ์ผมตอนนี้เป็นยังไง ค่าเช่าที่ให้ไปก่อนหน้านี้ก็เป็นเงินแต๊ะเอียของผม ผมมีแค่นั้นจริงๆ ถ้าคุณไล่ผมออก ผมก็ต้องกลับไปอยู่บ้านกับพ่อแม่ ก่อนหน้านี้ผมบอกพวกท่านไว้แล้วว่าตั้งใจจะออกมาใช้ชีวิตอยู่เองทันทีที่เรียนจบ ถ้ากลับไปผมจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน? คุณน้าลองดูบริเวณที่อยู่ของเรานี่สิ ทั้งตึกแถวกับห้องเช่าตลอดแถวนี้ต่างก็เป็นของคุณหมดเลย บ้านคุณไม่ได้ขัดสนเงินทองอะไรสักหน่อย เอาอย่างนี้ไหม เช้านี้ผมมีสัมภาษณ์งานที่สถานีวิทยุนครหลวง ถ้าผมได้เป็นดีเจนะ ผมจะรีบเอาเงินมาจ่ายให้ทันทีที่เงินเดือนออกเลย”

เหราอ้ายหมิ่นปรายตามองชายหนุ่มก่อนแค่นเสียงใส่ “นายเนี่ยนะ? ดีเจ? เลิกฝันเถอะ หน้าตาอย่างนี้ ส่วนสูงแค่นี้ อยู่ท่ามกลางฝูงชนจะมีสักกี่คนกันที่มองเห็นนาย? มัวแต่ฝันกลางวันอยู่นั่นแหละว่าจะเป็นดารา คิดหรือว่าการเป็นคนดังมันง่ายน่ะ หืม? ถ้าอย่างนายเป็นดีเจได้ งั้นเหล่าเหนียง*ก็กล้าขึ้นโชว์งานเทศกาลตรุษจีนพรุ่งนี้เหมือนกัน!”

จางเย่พยายามพูดต่อ “เถอะน่า นะ ขอเวลาอีกสองสามวัน ผม...”

เหราอ้ายหมิ่นไม่ฟัง “ไม่มีทาง!”

จางเย่เกลี้ยกล่อม “คุณไม่เห็นเหรอว่าผมไม่ได้กินข้าวเช้ามาตั้งสองสามวันแล้วนะ นี่ผมไม่มีเงินแล้วจริงๆ”

“นายจะกินหรือไม่กินแล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันล่ะ? หืม?” เหราอ้ายหมิ่นกล่าวอย่างใจแข็งไม่รับฟังเหตุผลใดๆ ทั้งสิ้น

ต่อรองอยู่เป็นเวลานาน ชายหนุ่มจึงสามารถทำให้น้าสาวเจ้าของห้องกลับไปก่อนได้ ทว่าอีกสิบนาทีต่อมา เหราอ้ายหมิ่นในชุดนอนตัวเดิมก็กลับมา เธอไม่ได้เคาะประตู แต่ไขกุญแจเปิดประตูเข้ามาเลย

จางเย่คิดว่าหญิงสาวกลับเข้ามาทวงเงินอีกจึงพูดขึ้นอย่างระมัดระวัง “คุณน้าเจ้าของห้อง คุณ...”

เหราอ้ายหมิ่นโยนอาหารเช้าชุดหนึ่งลงบนโต๊ะพลางแค่นเสียงเย็นชา “นี่เหล่าเหนียงกินไม่หมด ไอ้หนูถังแตก ถือว่านายโชคดีไป ฉันจะบอกให้นะ ถึงแม้ช่วงนี้งานจะไม่ได้หาง่ายๆ แต่นายเองก็จบมาจากมหาวิทยาลัยชื่อดังด้านการสื่อสาร ทำไมจะหางานไม่ได้? อย่าแขวนตัวเองจนแห้งตายคาต้นสิ!”

จางเย่ประหลาดใจและรีบกล่าว “ขอบคุณครับ ผมเข้าใจแล้ว”

ใบหน้างดงามเย็นชาของเหราอ้ายหมิ่นมองเขาแวบหนึ่ง ก่อนจะกระแทกประตูปัง เดินจากไป

จางเย่รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาในใจ ดูจากอาหารเช้าบนโต๊ะที่ยังร้อนอยู่ แสดงว่าไม่ใช่ของเหลือจากพี่สาวใหญ่เหราอย่างแน่นอน แต่เธอตั้งใจลงไปซื้อให้เขาเพราะได้ยินว่าเขาไม่ได้กินมื้อเช้ามาหลายวันต่างหาก ชายหนุ่มรู้ดีว่าถึงพี่สาวใหญ่เหราจะเป็นคนที่ดูเย็นชาแต่ก็มีด้านอ่อนโยนซ่อนอยู่ข้างใน เห็นปากร้ายแบบนั้น หญิงสาวกลับเป็นห่วงเป็นใยเขามาก ความจริงแล้วสิ่งที่เหราอ้ายหมิ่นพูดมา เขาเข้าใจดี ทว่าตั้งแต่เด็กจางเย่ก็ฝันอยากจะเป็นคนดัง ได้ยืนอยู่บนเวทีพบปะผู้คนมากมาย ชายหนุ่มไม่คิดจะผันตัวเองไปทำงานเบื้องหลังโดยเด็ดขาด

จางเย่ลงลิฟท์ไปชั้นล่าง ก่อนจะออกจากตึกไป

ขณะที่เดินไปตามถนน จางเย่เหลียวซ้ายแลขวา พบภาพคุ้นตาที่ต่างจากเดิมอยู่บ้างไปตลอดทาง ป้ายโฆษณาบริเวณป้ายรถโดยสารมีแต่รูปดาราที่เขาไม่รู้จักสักคน ร้านค้าหลายร้านเปิดเพลงป็อปสุดฮิตที่จางเย่ไม่เคยได้ยินเลยสักเพลง ยิ่งชายหนุ่มเดินผ่านถนนที่ทั้งคุ้นเคยทั้งแปลกแยกไปมากเท่าไร ก็ยิ่งรู้สึกยากจะปรับตัว เหมือนกับว่าเขาไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโลกที่เปลี่ยนไปใบนี้ หลายอย่างเปลี่ยนไปมากเสียจนแทบจะเรียกได้ว่ามันไม่ใช่โลกใบเดิมของจางเย่อีกต่อไป

เดือนสิงหาคม อากาศยังคงร้อนและน่ารำคาญ

นี่มันผิดหลักวิทยาศาสตร์!

ผิดหลักวิทยาศาสตร์สุดๆ!

จะดีจะชั่วจางเย่ก็จบมาจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง จะให้เขายอมรับความจริงที่เปลี่ยนไปนี้อย่างง่ายดายคงไม่ได้ นี่มันยุคไหนสมัยไหนแล้ว? ไม่ใช่ยุคโบราณที่ยังมีเรื่องเหนือธรรมชาติและภูตผีปีศาจนะ หากเชื่อในไสยศาสตร์ก็มีแต่นำอันตรายเข้ามาหาตนเองเท่านั้น นี่เป็นเรื่องที่แม้กระทั่งเด็กประถมยังรู้ ทุกสิ่งทุกอย่างตอนนี้ขึ้นอยู่กับหลักการทางวิทยาศาสตร์ และคนเราต้องเชื่อถือในพลังแห่งวิทยาศาสตร์เช่นกัน

คิดได้เช่นนี้ แววตาของจางเย่กลับกลายเป็นเคร่งขรึม ชายหนุ่มหยิบเหรียญหนึ่งหยวนออกมาจากกระเป๋าตังค์แล้วดีดขึ้นไปบนอากาศอย่างมุ่งมั่น “ถ้าออกหัวแปลว่าโลกนี้ถูกเปลี่ยนไปเพราะเกมจริงๆ ถ้าออกก้อยแปลว่าทุกอย่างเป็นเรื่องโกหก”

ติ๊ง กิ๊ง กิ๊ง

เหรียญตกลงบนพื้น — หัว!

จางเย่หน้ามืดทันที นี่มันไม่ใช่เรื่องโกหก ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริง!

(ผู้แปล : *เหล่าเหนียงหมายถึงแม่ หรือ ผู้หญิงวัยกลางคนที่แต่งงานแล้วหรือมีอายุแล้ว เมื่อใช้เป็นสรรพนามแทนตัวจะแสดงความภูมิใจหรือแทนคำด่าด้วยการยกตัวเองเป็นแม่ของอีกฝ่าย)

-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*

CM : 十分凌厉的感觉。อิงค์แปลว่า very sharp feeling น่าจะเป็น สวยคมบาดตา แต่สวยคม สวยบาด มาใช้บรรยายผิวพรรณเนี่ยนะ?

TurKish_TEA : หรือว่าเส้นโค้งเว้าสัดส่วนชัดเจน?

CM : เต่งตึงครัดเคร่ง

TurKish_TEA : ครัดเคร่ง? สมัยพ่อขุนนนนนน แต่ทัน รัดรึงตรึงใจนะ

เมิ่ง-เฟย : ผิวพรรณใสกระจ่างนะคะ จากที่แปลมา

CM : พอมาแปลจีน ถึงเห็นว่าเจ๊เหราแทนตัวเองว่าเหล่าเหนียง บ่อยมาก กริ๊บเกร๋สุดๆ สาวมั่นขนานแท้ ขอทับศัพท์ไว้เลยนะ 555

ว่าแต่จางน้อยนี่เชื่อวิทยาศาสตร์สุดๆ เลยนะนั่น ถึงกับต้องใช้เหรียญพิสูจน์ว่าไม่ได้ฝันไป

Next chapter