webnovel

ภาคต่อตอนที่ 21 ข่าวดี

ยามเฉินเช้าวันต่อมา

ชิงหลินตื่นขึ้นมาจัดการกับตัวเองเสร็จเรียบร้อย ร่างเล็กในชุดสีท้องฟ้าตัวเดิมจึงก้าวออกมานอกกระท่อมแล้วก็ต้องชะงัก

"พี่สาวท่านตื่นแล้ว"เสียงแหลมกังวานใสของเลี่ยงเหลียง เด็กหญิงวัยห้าขวบปี ทำคนถูกทักยิ้มตอบอย่างอ่อนโยน

"เด็กน้อย เจ้าคือเหลียงเอ๋อร์?"

"ใช่เจ้าค่ะ"เด็กน้อยยิ้มกว้างจนตาหยี รอยยิ้มที่บริสุทธิ์และไร้เดียงสาของเด็กน้อยตรงหน้าทำให้รู้สึกสะท้านในอก ภาพเด็กน้อยร้องไห้สะอึกสะอื้นจนตัวโยน เมื่อวานนี้ยังคงติดอยู่ในใจเธอและคิดว่าคงไม่มีวันลืมได้อย่างแน่นอน

"มารอพี่สาว มีอะไรหรือ?"ยั่งลงยองตรงหน้าเด็กน้อย ผมทรงซาลาเปาสองข้างของเด็กน้อยทำให้เด็กน้อยดูน่ารักน่าเอ็นดูยิ่งนัก

"ท่านยายให้เหลียงเอ๋อร์มาคอยดูแลพี่สาวเจ้าค่ะ"ถ้อยคำฉะฉานกังวานใสของเด็กน้อย เรียกรอยยิ้มจากคนตรงหน้าได้เป็นอย่างดี

"งั้นหรือ? เช่นนั้นพี่สาวคงต้องรบกวนเจ้าแล้ว"มือเล็กลูบศีรษะเด็กน้อยอย่างเอ็นดู ทำให้เด็กน้อยยืดอกสบตานางคล้ายต้องการจะบอกว่า ปล่อยให้เป็นหน้าที่เหลียงเอ๋อร์เอง อย่างไรอย่างนั้น เห็นแล้วก็อดหมั่นเขี้ยวในความน่ารักไม่ได้

"แล้วคนอื่นๆอยู่ที่ใด?"ถามแบบครอบคลุม

"ทุกคนอยู่ที่บ่อน้ำเจ้าค่ะ"

"อืม...เช่นนั้นก็ไปดูกันหน่อยเถิด"ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ส่งมือให้เด็กน้อยจับ เด็กน้อยพอเห็นมือเรียวขาวที่ยื่นมาตรงหน้าก็รีบยึดจับไว้แน่น ใบหน้าเล็กๆแดงเรื่อระบายไปด้วยรอยยิ้มที่สดใส

เมื่อมาถึงบ่อน้ำที่ยายหลานและเหล่าสัตว์เลี้ยงร่วมแรงร่วมใจกันขุดมันขึ้นมา ชิงหลินเห็นร่างสูงสง่าในชุดสีน้ำเงินเข้ม ยืนกอดอกทอดสายตามองบ่อน้ำนิ่งคล้ายกำลังคิดแผนการอะไรอยู่

ด้านหลังคือ สองยายหลานและเหล่าสัตว์เลี้ยง มองขึ้นไปบนหลังคากระท่อมหวังจะพบบรรดานก แต่กลับต้องพบกับความผิดหวัง

"ฝูงนกไปหาอาหารอยู่เจ้าค่ะ"เสียงของเด็กน้อยเลี่ยงเหลียง เป็นเหตุให้แม่ทัพหนุ่มขยับกายหันมาทางเสียง ก่อนจะคลี่ยิ้มอ่อนโยนให้ภรรยาดวงตาคมทรงเสน่ห์พราวระยับ

ชิงหลินพลันหน้าชาร้อนวูบวาบ เมื่อถูกสายตาเร่าร้อนเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ของสามีจับจ้องราวกับจะกลืนกินทั้งตัว ไพล่นึกถึงบทรักในถังน้ำอาบ ก็ยิ่งรู้สึกร้อนจนต้องใช้มือพัดโบกเพื่อไล่ความร้อน ใบหน้าจิ้มลิ้มบัดนี้แดงก่ำยิ่งกว่าลุกตำลึงสุกเสียอีก สร้างความขบขันแก่อีกฝ่ายไม่น้อย

"หลินเอ๋อร์ มานี่"แม่ทัพหนุ่มเรียกนางด้วยเสียงทุ้มหวานรื่นหูคนฟังยิ่งนัก

"...."ชิงหลินกระพริบตามองเขาครู่หนึ่ง สูดลมเข้าแรงปรับจิตใจให้เป็นปกติ มือขวาจับจูงเด็กน้อย แล้วก้าวตรงไปหาสามี "คิดจะทำอะไรหรือเจ้าคะ?"

"คำถามนั้น ควรเป็นพี่ถามเจ้ามากกว่า"ย้อนถามร่างเล็กข้างกาย จากรายงานที่ได้รับมาชาวบ้านได้ลองหาแหล่งน้ำใต้ดินแทบจะทุกตารางนิ้วแล้วแต่ล้มเหลว

ถ้อยคำที่คล้ายจะรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าของภรรยาทำแม่ทัพหนุ่มประหลาดใจ เท่าที่รู้นางไม่เคยมาที่นี่มาก่อน แล้วเหตุใดจึงรู้ว่าที่แห่งนี้มีแหล่งน้ำ อีกทั้งยังมีเหล่าสัตว์เลี้ยงพวกนี้ท่าทางราวกับรอการมาของนาง หากนางบอกว่าไม่รู้เรื่องราวเห็นทีจะฟังไม่ขึ้น

อีกทั้งยังจำถ้อยคำที่เจ้าพยัคฆ์น้อยบอกในรถม้า เมื่อครั้งเดินทางเข้าเฝ้าฝ่าบาทได้ดี ที่ว่านางกำลังใช้พลังดูเหตุการณ์บางอย่างอยู่ เมื่อนำเหตุการณ์ทั้งหลายทั้งมวลมาประติด ประต่อเข้าด้วยกัน ก็เป็นที่แน่แล้วว่านางต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อย่างแน่นอน

"เรื่องนั้น ไว้จะเล่าให้ฟังนะเจ้าคะ ว่าแต่ขบวนเสบียงหลวงจะมาถึงยามใดเจ้าคะ?"

"ตามที่คาดการณ์ไว้ ไม่เกินยามอุ้ย"แม่ทัพหนุ่มตอบ

"ได้ยินไหมเหลียงเอ๋อร์ เสบียงหลวงจะมาถึงแล้วนะ ดีใจหรือไม่?"นั่งยองถามเด็กน้อย

"เสบียงหลวง? เสบียงหลวงคืออันใดเจ้าคะ? กินได้หรือไม่?"เด็กน้อยเอียงคอถามเสียงใส ผิดกับเลี่ยงรุ่ย วัยสิบขวบปีที่โตพอจะรู้ความหมายของคำว่า เสบียงหลวง กับ เลี่ยงซิ่ว ผู้เป็นยาย ที่ยินดีปรีดาจนถึงกับคุกเข่าขอบคุณสวรรค์เป็นการใหญ่

"แน่นอนจ้ะว่ากินได้ เสบียงเหล่านี้ฝ่าบาททรงประทานมาให้ชาวบ้าน ที่เดือดร้อน รวมถึงเหลียงเอ๋อร์ รุ่ยเอ๋อร์และยายด้วย"อธิบายอย่างใจเย็น

"จริงๆหรือเจ้าคะ? อาหารมาแล้ว? ต่อไปเหลียงเอ๋อร์ พี่ชายและยายจะมีอาหารกิน มิต้องทนอดอยาก กินแต่ผลไม้อีกแล้ว? ใช่หรือไม่เจ้าคะ? ใช่หรือไม่เจ้าคะ?"รัวคำถามใส่สตรีที่ตนเรียกว่า พี่สาว เสียงดังและเต็มไปด้วยความตื่นเต้น สองมือเล็กผอมๆของเด็กน้อย เขย่าแขนเรียวไปด้วย

ทำคนฟังพูดไม่ออกขอบตาร้อนผ่าว ใช้มืออีกข้างโอบเด็กน้อยเข้ามากอดแล้วลูบหลังเบาๆ ดวงตากลมโตฉายแววเจ็บปวดใจ

-------------

จิ๋นอี้ นำพาขบวนเสบียงหลวงมาถึงหน้าจวนอำเภอเฟิ่งกู่ตามเวลาที่มู่หลิ่งเหวินคาดการณ์ไว้

แม่ทัพหนุ่มและภรรยา นั่งอยู่บนหลังเจ้าทาเสว่ย่างเหยาะผ่านกลุ่มชาวบ้านและรถม้าบรรทุกเสบียงมายังด้านหน้าของขบวนมีองครักษ์ทั้งสี่ กองกำลังหลิ่งหลินทั้งสิบ สองสาวใช้ และ ที่ขาดไม่ได้ สี่สหายน้อยจอมป่วนยืนรออยู่

ชาวบ้านนับพันที่ร่วมเดินทางกลับถิ่นเกิดในครั้งนี้รีบเปิดทางให้ท่านแม่ทัพและสตรีที่ตนขนานนามให้ว่า ธิดาสวรรค์ ด้วยใบหน้าแย้มยิ้มและเทิดทูน

"ท่านแม่ทัพ ฮูหยินน้อย"จิ๋นอี้ โค้งคำนับผู้เป็นนายทันทีที่ท่านแม่ทัพและฮูหยินน้อย ลงมายืนบนพื้นแล้ว

"การเดินทางเรียบร้อยดี?"แม่ทัพหนุ่มพยักหน้าตอบรับพร้อมกับเอ่ยถาม ใบหน้าหล่อเหลาเรียบเฉย สองมือไพล่กันอยู่ข้างหลัง ดวงตาคมทรงเสน่ห์กวาดมองโดยรอบอย่างสำรวจตรวจตรา

"เรียบร้อยดีขอรับ"จิ๋นอี้ ตอบกลับเสียงหนักแน่น

"ดีมาก ใต้เท้าจิน"กล่าวกับองครักษ์คนสนิทเสร็จ จึงหันมาพยักหน้าทักทายนายอำเภอจินเฉวียน

"ท่านแม่ทัพ ในฐานะนายอำเภอเฟิ่งกู่ ข้าจินเฉวียน ขอเป็นตัวแทนชาวบ้านขอบคุณท่านและฮูหยิน ที่นำเสบียงมาช่วยในครั้งนี้...โปรดรับการคำนับจากข้าด้วย"จินเฉวียนก้าวมายืนเบื้องหน้าแม่ทัพหนุ่มผู้เกรียงไกร กล่าวขอบคุณแล้วคำนับให้แม่ทัพหนุ่มด้วยความซาบซึ้งใจ

"ใต้เท้าจินกล่าวผิดไปแล้ว ข้าเพียงทำตามราชโองการฝ่าบาทเท่านั้น"กล่าวแย้งด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง "อีกอย่างยามนี้ สิ่งที่จำเป็นและสำคัญที่สุด หาใช่เสบียงไม่ แต่เป็นแหล่งน้ำดื่มน้ำใช้ต่างหาก"เตือนปิดท้าย

"อา...ท่านแม่ทัพคิดอ่านรอบคอบและช่างมองการณ์ไกล จินเฉวียนนับถือ"จินเฉวียนคำนับให้แม่ทัพหนุ่มอีกครั้ง

"แต่ปัญหาก็คือ มีการขุดหาหาแหล่งน้ำใต้ดินมาตลอดเกือบสามปี หาพบแหล่งน้ำใต้ดินเหล่านั้นไม่"จินเฉวียนกล่าวพลางถอนใจแววตาเป็นกังวล แม้จะเข้ามารับตำแหน่งได้ไม่นาน แต่จินเฉวียนก็ไม่เคยนิ่งนอนใจ พยายามทุกวิถีทางที่จะแก้ปัญหาภัยแล้งนี้ ขณะเดียวกันก็ต้องเจ็บปวดใจกับภาพความเดือดร้อนของชาวบ้านและการอพยพละทิ้งถิ่นเกิด จนแทบจะกลายเป็นอำเภอร้างไปแล้ว

"เรื่องนั้น ท่านอย่ากังวลไป ข้าคิดว่าเรายังมีหนทาง ใช่หรือไม่? หลินเอ๋อร์"ประโยคหลังหันมาถามภรรยาที่ยืนเยื้องอยู่ข้างหลัง ในอ้อมกอดมีเจ้ามารน้อยจอมขัดขวางอยู่ ย่ามันเถอะ! มาถึงก็ออดอ้อนหลินเอ๋อร์ของข้าเชียว แม่ทัพหนุ่มกัดฟันกรอด ใบหน้าหล่อเหลาตึงขี้นทันที

"เอ่อ...คิดว่าอย่างนั้นเจ้าค่ะ"ตอบแบบไม่มั่นใจนักเพราะครั้งนั้นสำรวจไปเพียงเล็กน้อย จึงไม่รู้ว่าที่นี่จะมีตาน้ำขนาดใหญ่เช่นที่เมืองชานตงหรือไม่

"อา...ได้ยินธิดาสวรรค์กล่าวเช่นนี้ ข้าค่อยเบาใจหน่อย แล้วชาวบ้านเหล่านี้....."จินเฉวียนปรายตามองชาวบ้านในความปกครองของตน ที่นั่งคุกเข่าอยู่สองฝั่งถนนแววตาเป็นกังวล

"จิ๋นอี้"

"ขอรับท่านแม่ทัพ"

"น้ำที่บรรทุกมาจากชานตง ยังเหลืออยู่เท่าใด?"

"เรียนท่านแม่ทัพ จนถึงตอนนี้ยังเหลืออีกสิบถังขอรับ"เนื่องจากแม่ทัพหนุ่มได้ส่งหน่วยสอดแนมออกไปสำรวจเส้นทางจากชานตงมาที่นี่ ทำให้ทราบว่าแหล่งน้ำที่สำคัญหลายแห่ง กลายสภาพเป็นดินโคลน บางแห่งที่ตื้นหน่อยจากดินโคลนเหลวกลายเป็นดินแข็งไม่ต่างอะไรกับก้อนหิน

หากไม่ใช่เพราะความรอบคอบคิดการณ์ไกลของท่านแม่ทัพ ที่ให้บรรทุกน้ำจากชานตงไว้ใช้ดื่มกินระหว่างทาง เห็นทีการเดินทางครั้งนี้คงไม่ราบรื่นเป็นแน่

"อืม..."แม่ทัพหนุ่มส่งเสียงอืมออกมาเบาๆ ดวงตาคมทรงเสน่ห์มองไปยังถังน้ำอาบที่ถูกดัดแปลงมาเป็นถังน้ำดื่มขนาดห้าสิบลิตร จำนวนสิบถังอย่างครุ่นคิด

"พี่เหวิน แจกจ่ายน้ำให้ชาวบ้านก่อนเถิดเจ้าค่ะ ที่เหลือก็ให้ไปเอาที่บ่อของท่านยายเลี่ยง พอน้ำในบ่อแห้ง ก็ให้ทหารและชาวบ้านที่แข็งแรง ช่วยกันขุดเป็นสระเสีย จะได้มีพื้นที่จัดเก็บน้ำเพิ่มมากขึ้น จากนั้นค่อยหาตาน้ำแห่งใหม่?"กล่าวบอกสามี

"อืม"แม่ทัพหนุ่มยิ้มพอใจเห็นด้วยกับความคิดของนาง การขุดลอกคูคลองที่มีน้ำท่วมขังจะทำให้การขุดยุ่งยากและล่าช้า และแผนการที่นางเสนอนับว่าเหมาะสมดี

"เจ้าได้ยินหรือไม่?ที่ธิดาสวรรค์กล่าวเมื่อครู่นี้"

"ได้ยินเต็มสองรูหูเลย ธิดาสวรรค์กล่าวว่า ที่กระท่อมยายเฒ่าเลี่ยง มีบ่อน้ำ"

"ยายเฒ่าเลี่ยง หญิงชราที่มักจะมาขอเศษอาหารคนนั้นนะรึ?"

"ในละแวกนี้ นอกจากนางแล้วจะเป็นผู้ใดไปได้"

"ข้าเคยชวนนางกับหลานๆให้เดินทางไปด้วยกัน แต่นางปฏิเสธบอกว่าแก่แล้ว หากเดินทางไกลคงได้ตายระหว่างทางเป็นแน่ แล้วหลานๆจะอยู่กับใคร เฮ้อ.."

"เงียบ!!"จิ๋นเอ้อใช้ปราณสั่งชาวบ้าน ที่ส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันอื้ออึงให้อยู่ในความสงบ

"จิ๋นอี้ จัดการแจกจ่ายน้ำในถังทั้งหมดให้ชาวบ้าน ที่เหลือตามข้ามา อ้อ..เกณฑ์คนไปช่วยขุดสระด้วย"สั่งจบ แม่ทัพหนุ่มก็อุ้มภรรยาขึ้นนั่งบนหลังม้าแล้วกระโดดขึ้นซ้อนหลังร่างเล็กที่ยังคงอุ้มเจ้ามารน้อยจอมป่วนไว้แน่น เห็นแล้วก็อดหงุดหงิดไม่ได้

ส่วนสามสหายน้อยมีเสี่ยวอี้ เสี่ยวสุ่ยคอยดูแล แต่ยามนี้พวกมันถูกจิ๋นซาน จิ๋น ซื่อที่ยืนอยู่ใกล้ๆอุ้มอยู่

"ขอรับท่านแม่ทัพ"แม่ทัพหนุ่มพยักหน้า ก่อนจะมุ่งหน้ากลับไปยังทิศทางที่จากมา โดยมีกองกำลังหลิ่งหลินทั้งสิบติดตามไม่ยอมพลาดเหมือนคราวที่แล้ว

----------

การแจกจ่ายเสบียงหลวงเป็นไปด้วยดี รวมถึงการแก้ปัญหาให้ชาวบ้าน โดยมีฮูหยินน้อย หรือ ธิดาสวรรค์ของชาวบ้านเป็นหัวเรือใหญ่ในการชี้จุดของตาน้ำใต้ดิน จนสามารถขุดสระขนาดใหญ่ได้หลายแห่ง ซึ่งน่าจะเพียงพอต่อความต้องการของชาวบ้าน

แม้จะต้องอยู่ท่ามกลางอากาศที่ร้อนระอุและแห้งแล้งกว่าสามสิบวันแล้ว แต่แม่ทัพหนุ่มกลับไม่เคยได้ยินนางปริปากบ่นให้ได้ยินแม้เพียงครึ่งคำ ผู้คนรอบข้างต่างชื่นชมในความมีน้ำอดน้ำทน ผิดจากพวกคุณหนูทั่วๆไปที่มากเรื่องและมักสร้างปัญหาให้คนรอบกายอยู่เสมอ ทำให้แม่ทัพหนุ่มภูมิใจยิ่งนัก

------------

ยามไฮ่เรือนพักรับรองจวนนายอำเภอ

"หลินเอ๋อร์ เข้านอนเถิด พี่เพลียนัก"มู่หลิ่งเหวินอ้อนนางเสียงหวาน สองแขนสวมกอดเอวคอดกิ่วจากทางด้านหลัง

"เอ่อ...พี่เหวินง่วง ก็นอนก่อนสิเจ้าคะ"ตอบกลับไม่เต็มเสียงนัก ช่วงนี้นางรู้สึกแปลกๆ หิวอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะของเปรี้ยวๆที่ไม่ชอบ แต่กลับกินได้กินดีไม่รู้สึกเปรี้ยวสักนิดเดียว

ร่างหนาทรุดกายลงนั่งข้างๆ มองดูนางกินผลไม้ที่แสนจะเปรี้ยวด้วยความประหลาดใจ เพราะรู้ถึงความชอบไม่ชอบของนางดี ผลไม้เปรี้ยวทั้งหลายเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับนาง

"....ทำไมจ้องหลินเอ๋อร์อย่างนั้นเจ้าคะ?"ชะงักแล้วเอ่ยถาม เมื่อเห็นสามีเอาแต่จ้องนางแทบไม่กระพริบตา

"พี่ไม่ยักรู้ว่าเจ้าชื่นชอบผลไม้รสเปรี้ยว?"กล่าวพลางหรี่ตาลงอีก ดวงตาคมทรงเสน่ห์ฉายแววสงสัยแกมประหลาดใจ

"อืม..ก็จริงนะเจ้าคะ ไม่รู้ทำไมเหมือนกันรู้สึกเปรี้ยวปาก อยากกินแต่ของเปรี้ยวๆ"ทำท่าครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วจึงตอบตามความรู้สึก

"ใครอยู่ข้างนอกบ้าง?"มู่หลิ่งเหวินเอ่ยขึ้นหลังจากนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ ดวงตาจับอยู่ที่ร่างเล็กที่ยังคงกินผลไม้รสเปรี้ยวอย่างต่อเนื่องไม่หยุดปาก เห็นแล้วนึกเป็นห่วงท้องไส้ของนางขึ้นมา

ความจริงเขาควรห้ามปราม แต่เพราะใบหน้าเปี่ยมสุขนั่นจึงไม่กล้าเอ่ยปาก ทำได้เพียงมองด้วยความเป็นห่วงเท่านั้น

ฝ่ายคนถูกมองยังคงตั้งหน้าตั้งตากินผลไม้รสเปรี้ยวเข็ดฟันต่อไปหน้าตาเฉยราวกับกินขนมหวาน

"ขอรับท่านแม่ทัพ"หมายเลขหกกับหมายเลขเจ็ด เปิดประตูแล้วเดินมาหยุดเบื้องหน้าผู้เป็นนายทั้งสอง

"ไปตามหมอมา"

หมอ?หมายเลขหกกับหมายเลขเจ็ด เงยหน้าขึ้นมองท่านแม่ทัพ ดวงตาคมฉายแววกังวลเล็กน้อย เหตุใดต้องตามหมอ?หรือว่า...สองผู้คุ้มกันหนุ่มเหลือบมองฮูหยินน้อยแวบหนึ่ง

"ไปได้แล้ว"

"ขอรับ/ขอรับ"หมายเลขหก หมายเลขเจ็ด ตอบรับคำสั่งแล้วรีบปฏิบัติตามทีนที

"ตามหมอมาทำไมเจ้าคะ? หรือว่าท่านป่วย?"ถามพลางใช้หลังมือแตะหน้าผากของสามี

"..พี่สบายดี..พี่ให้หมอมาดูอาการเจ้าต่างหากเล่า"ยิ้มตอบสองมือหยาบรวบมือเรียวขาวผ่องนุ่มนิ่มราวเต้าหู้ชั้นดีขึ้นจุมพิตเบาๆ

"....เอ่อ..หลินเอ๋อร์ไม่ได้เป็นอะไรเสียหน่อย ก็แค่อยากกินของเปรี้ยวเท่านั้น"ตอบโดยไม่มองหน้าเพราะไม่อยากให้เขาเห็นใบหน้าที่แดงก่ำของตนเอง

"...ไหนๆก็เรียกมาแล้ว ก็ให้หมอตรวจดูเสียหน่อย พี่จะได้สบายใจ"

"...ก็ได้เจ้าค่ะ"ชิงหลินที่คิดจะปฏิเสธจำต้องกลืนคำปฏิเสธนั้นลงท้อง เมื่อเห็นความกังวลใจผ่านดวงตาคมทรงเสน่ห์คู่นั้นของสามี

หนึ่งเค่อต่อมา

หมายเลขหกก็กลับมาพร้อม หมอจวนแม่ทัพไร้พ่ายที่ติดตามขบวนมาในครั้งนี้ด้วย

"ท่านแม่ทัพ หมอมาถึงแล้วขอรับ"หมายเลขหกยืนรายงานด้านหน้าประตูทางเข้า

"ให้เข้ามา"หมายเลขหกเดินนำหมอจวนแม่ทัพไร้พ่ายเข้าไปในห้อง ก่อนจะถอยฉากออกมายืนด้านข้างประตู

"ท่านแม่ทัพ ฮูหยินน้อย"หมอประจำจวนแม่ทัพไร้พ่ายคำนับผู้เป็นนายทั้งสอง

"อืม..มาก็ดีแล้ว ตรวจชีพจรให้นางหน่อย"มู่หลิ่งเหวินกล่าวสั่ง

"ขอรับ"หมอผู้นี้ เป็นคนละคนกับหมอที่รักษาเฟิ่งอิง นามว่า หานตง อายุราวสี่สิบปลายๆรูปร่างค่อนมาทางผอม บุคลิกสุขุมและดูใจดี

"รบกวนท่านหมอแล้ว"ชิงหลินยื่นแขนออกมาวางบนโต๊ะ เพื่อให้หมอที่นั่งอยู่เบื้องหน้าจับชีพจร

"....."หานตงกดนิ้วตรงบริเวณข้อมือของฮูหยินน้อย ผ่านผ้าสีขาวที่คลุมปิดผิวเนื้อขาวผ่องหลับตาเพ่งสมาธิไปที่ปลายนิ้ว คิ้วเล็กเฉียงขมวดเข้าหากันแล้วค่อยคลายออก โดยมีสายตาสงสัยระคนครุ่นคิดของชิงหลินมองอยู่ สมองน้อยคิดถึงความเป็นไปได้ อา..จริงสิ ประจำเดือนนางยังไม่มาเลยนี่ แล้วอาการหงุดหงิด อยากกินแต่ของเปรี้ยวของดองนี่อีก อย่าบอกนะว่านางกำลังตั้งครรภ์?

นอกจากสายตาของชิงหลินแล้วยังมีแม่ทัพหนุ่มอีกคนที่นั่งกระสับกระส่าย จ้องมองหานตงเขม็ง

"เอ่อ..ขอบังอาจถาม ฮูหยินน้อย"

"จะถามอะไรก็ถามมาเถิดท่านหมอ"

"ไม่ทราบว่าระดูของท่าน...."

"ยังไม่มาเลย"

"แล้วท่านรู้สึกเช่นไรบ้าง?"

"อืม..ก็หงุดหงิดง่ายขึ้น อยากกินแต่ของเปรี้ยวและกินได้ตลอดไม่รู้จักอิ่ม"

"แล้วอาการเวียนศีรษะ คลื่นเหียน จนอยากจะอาเจียนมีหรือไม่ขอรับ?"

"อืม...มีเวียนศีรษะบ้างเจ้าค่ะ"

"ท่านแม่ทัพ ยินดีด้วยขอรับ"พอตรวจจนแน่ใจแล้วหานตงพลันรีบลุกขึ้นกล่าวแสดงความยินดีกับท่านแม่ทัพด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม

"หือ?"มู่หลิ่งเหวินขมวดคิ้วมุ่น มองหานตงสลับกับใบหน้าแดงระเรื่อของภรรยาด้วยความประหลาดใจแล้วแปรเปลี่ยนไปตื่นเต้น เมื่อเข้าใจถ้อยคำที่อีกฝ่ายตั้งใจบอกกล่าวแก่ตน

"เจ้า..เจ้าตรวจดีแล้วใช่รึไม่?"ถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ใบหน้าหล่อเหลายามนี้คล้ายกับคนที่พบเจอสิ่งล้ำค่าที่เฝ้าตามหามานานแสนนาน

"ขอรับ ฮูหยินตั้งครรภ์ได้เดือนกว่าแล้วไม่ผิดแน่นอน ซ้ำยังมีโอกาสเป็นฝาแฝดด้วยขอรับ"หานตงตอบอย่างมั่นใจ

"แล้ว..แล้วข้าต้องทำอย่างไรบ้าง?"

"..เอ่อ..เรื่องนั้น"หานตงออกจะประหลาดใจที่ท่านแม่ทัพให้ความสนใจเรื่องการดูแลฮูหยินน้อยมากเป็นพิเศษ เพราะจากประสบการณ์ในการเป็นหมอมากว่ายี่สิบปี หานตงไม่เคยได้ยินคำถามเช่นนี้จากบุรุษที่กำลังจะเป็นบิดามาก่อน

ยิ่งขุนรั้วขุนนาง ไม่ต้องกล่าวถึง อย่างมากก็เรียกให้ไปคุยรายละเอียดการดูแลหญิงตั้งครรภ์กับสาวใช้ก็นับว่าดีมากพอแล้ว

แต่แม่ทัพหนุ่มกลับถามว่า ตนต้องทำอย่างไร ฟังดูคล้ายท่านแม่ทัพอยากจะดูแลฮูหยินน้อยด้วยตนเองใช่หรือไม่? เช่นนั้นแล้วตนควรตอบอย่างไรดี?

"พี่เหวิน เรื่องการดูแลข้า ปล่อยให้เป็นหน้าที่เสี่ยวอี้ เสี่ยวสุ่ยก็ได้..."

"เจ้าไม่อยากให้พี่ดูแลเจ้าหรือ?"ย้อนถามเสียงขุ่น

"หลินเอ๋อร์ไม่ได้หมายความอย่างนั้นเสียหน่อย"รีบปฏิเสธด้วยความงุนงง เมื่อเห็นอาการแง่งอนของสามี อะไรเนี่ย? พูดนิดเดียวก็งอนซะแล้ว เมื่อก่อนไม่เป็นอย่างนี้นี่

"เอ่อ...."หานตงเห็นบรรยากาศอึมครึมคล้ายกำลังจะมีพายะลูกใหญ่ จึงตั้งใจจะเอ่ยลา แต่กลับถูกสายตาคมกริบราวใบมีดห้ามไว้ ทำให้หานตงตกอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ได้แต่ยืนก้มหน้านิ่งรอคำสั่งผู้เป็นนาย

"ท่านหมอ เชิญกลับไปพักผ่อนเถิด"ชิงหลินเอ่ยอนุญาต ไม่สนสายตาขุ่นเคืองที่จ้องมา

"เอ่อ...."หานตงเงยหน้ามองท่านแม่ทัพอย่างหวาดๆ

"ไปเถิด"ย้ำอีกครั้งพร้อมทั้งพยักหน้าประกอบ

"เช่นนั้นข้าน้อยขอลา พรุ่งนี้เช้าจะมาใหม่ขอรับ"หานตงคำนับแล้วรีบสะพายล่วมยาเผ่นออกมาทันที รวมถึงหมายเลขหกที่ยืนนิ่งราวกับไร้ตัวตนด้วย

ดังนั้นยามนี้ ในห้องจึงมีเพียงบุรุษหน้าหงิกงอนั่งกอดอกหันหลังให้ กับ สตรีที่นั่งเท้าคาง อมยิ้มจ้องมองเงียบๆอยู่ด้านหลัง ถอนใจแรงครั้งหนึ่งแล้วสวมกอดสามีทางด้านหลัง แนบแก้มนิ่มกับแผ่นหลังกว้างพลางกล่าว

"อย่างอนไปเลย พี่เหวินมีงานต้องทำมากมาย หากต้องมาคอยดูแลหลินเอ๋อร์อีก หลินเอ๋อร์เกรงว่าพี่เหวินจะเหน็ดเหนื่อยเกินไปเจ้าค่ะ"

"เพื่อเจ้า พี่ยินดี"อีกฝ่ายคลายความขุ่นเคืองในใจหมุนตัวกลับมาเผชิญหน้ากับนาง สองมือกอบประคองใบหน้าจิ้มลิ้ม

"พี่เหวินพูดเองนะ หากเกิดอะไรขึ้นอย่ามาโทษหลินเอ๋อร์ก็แล้วกัน"ขู่เขายักคิ้วแถมหนึ่งที

"อย่าทำเช่นนี้ กับใครอีกนอกจากพี่ เข้าใจรึไม่?"ออกแรงกดที่มือทั้งสองข้าง เป็นเหตุให้ใบหน้าจิ้มลิ้มยับย่นปากห่อราวกับปลาทอง ดูน่าขบขันจนแม่ทัพหนุ่มหลุดหัวเราะออกมา

"อ่อยอ้าอ๊ะเอ้าอ๊ะ(ปล่อยข้านะเจ้าคะ)"ถลึงตาใส่ทำให้ดวงตากลมโตที่โตอยู่แล้วก็ยิ่งโตเข้าไปใหญ่ สองมือเรียวพยายามแกะมือใหญ่ที่กำลังยีแก้มนางอย่างสนุกมือออก

"หึๆๆ"เสียงหัวเราะขบขันของสามีที่นานๆจะได้เห็น ทำนางเผลอมองอย่างหลงใหล

"อา...."แม่ทัพหนุ่มหยุดหัวเราะ เมื่อเห็นดวงตากลมโตของภรรยาจ้องมองอยู่ ใจพยัคฆ์เต้นรัว ยื่นใบหน้าเข้าไปประกบปากหนาได้รูปของตนกับริมฝีปากอวบอิ่มนุ่มนิ่มอย่างดูดดื่ม...

ตื่นเช้าถือเป็นกำไรชีวิต หวังว่ารีดจะสนุกกับงานและนิยายของไรท์จ้า^_^

SARABIYA_1501creators' thoughts
Next chapter