ใจกลางเมืองแม่กลองหรือจังหวัดสมุทรสงคราม ราชอาณาจักรไทย
ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ยุคกลาง : ในรัชกาลที่ 5 (พ.ศ.2441)
ณ จวนครอบครัวของท่านปลัดอาวุโส คำสอน เพชรถ่องแท้
เวลาบ่ายห้าโมงเย็น ดูชุลมุนวุ่นวายด้วยเสียงและการเคลื่อนไหว
ของผู้คนในจวนนั้น ประหนึ่งกำลังมีเหตุสำคัญอันใดอันหนึ่งเกิดขึ้น!!!
"ลุงเป็งครับ ลุงเป็งครับ ตอนนี้คุณท่านหญิงพิมพ์สวาท อยู่ที่ไหนหรือครับลุง?"
ปฐพีจับแขนของลุงเป็งชายอาวุโสผู้มีผมหงอกรำไรเอาไว้
แล้วรีบร้อนถามอย่างใจจดใจจ่อ
"ไอ้พี เอ็งกลับจากมหาวิทยาลัยแล้วหรือวะวันนี้?
รึว่าใครไปตามเอ็งๆจึงรีบกลับมาได้ทันเวลาเยี่ยงนี้ นี่?"
ชายวัยกลางคนรุ่นลุง หันหน้ามาดูเด็กหนุ่มรุ่นลูกที่มีรูปร่างสูงสมส่วน
หน้าตาคมคายดูเฉลียวฉลาด ซึ่งอยู่ในชุดนักศึกษาของมหาวิทยาลัย
และสะพายเป้ตำราเรียนไว้บนหลัง
"ครับลุง ผมรีบกลับมาครับ
เพราะผมขอให้ป้าผ่องช่วยกรุณาโทรศัพท์แจ้งผมด้วย
ถ้าหากว่าได้มีการไปรับตัวของคุณท่านหญิงพิมพ์สวาท
ออกจากโรงพยาบาลกลับมาที่จวนครับ"
ปฐพีรีบตอบด้วยน้ำเสียงวิตกกังวลร้อนรุ่มใจ แววตาของเขาเศร้าหมอง
จนชายสูงวัยสัมผัสได้ เขาจึงจับแขนของเด็กหนุ่มอายุ 21 ปี
ผู้ซึ่งเขาเห็นมาตั้งแต่เป็นเด็กชายตัวเล็กๆ จวบจนวันนี้เติบโต
กลายเป็นชายหนุ่มรูปงามผู้มีบุคคลิกท่าทางนอบน้อมถ่อมตน
มีเสน่ห์ชวนให้ผู้ใหญ่กว่าเมตตา
"ไอ้พี ก่อนเอ็งจะไปพบคุณท่านหญิงพิมพ์สวาท
ข้า ในฐานะที่เปรียบเสมือนลุงของแก
ขอบอกแกเอาไว้ก่อนด้วยความห่วงใยนะ
เอ็งต้องเข้มแข็งและสงบนิ่งไว้ให้ได้นะ เข้าใจไม๊พี?"
ลุงเป็งชายวัย 55 ปีผู้ผ่านร้อนผ่านหนาวมายาวนาน จนรู้ซึ้งถึง
สัจธรรมชีวิตดีแล้ว จ้องตาของปฐพีด้วยแววตาเศร้าหมองแต่สงบนิ่ง....
ปฐพีนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ! เมื่อสบสายตาที่บอกความหมาย
มากมายของลุงเป็ง ผู้เป็นเสมือนทั้งลุงทั้งพ่อและญาติสนิทของเขา
อีกคนหนึ่งภายในจวนอันอบอุ่นแห่งนี้
ก้อนตัน ๆ วิ่งขึ้นมาจุกติดคอหอยของเขา ๆ รู้สึกขอบตาเริ่มร้อน
ผะผ่าว ตัวสั่นน้อย ๆ อย่างควบคุมเอาไว้ได้ยากยิ่งนัก
"ครับ ลุง ผมสัญญาครับ!!"
ปฐพีกัดริมฝีปากพูด
"คุณท่านหญิงพิมพ์สวาท อยู่ที่ห้องนอนใหญ่ของท่าน
ตอนนี้คุณท่านปลัดฯ คุณหนูมรกต และญาติๆของท่าน
ต่างก็มาอยู่ในห้องนั้นพร้อมหน้ากันแล้ว
เอ็งรีบไปเถอะพี ไปกราบลา..
คุณท่านหญิงพิมพ์สวาท.. เป็นครั้งสุดท้าย...
ข้าถอยรถเก็บเข้าโรงรถแล้ว จะรีบตามขึ้นไปเหมือนกัน"
น้ำเสียงในช่วงหลัง ๆ ของลุงเป็งเริ่มสั่นเครือ
ตามคลื่นอารมณ์ที่กำลังพยายามข่มระงับเอาไว้
ปฐพีรีบยกมือพนมไหว้ขอบคุณผู้อาวุโส แล้วปล่อยมือจากลุงเป็ง
ก่อนจะหันตัววิ่งอย่างว่องไว ตรงไปที่เรือนหลังใหญ่ในจวน
ซึ่งอยู่ถัดจากซุ้มต้นดอกแก้วขนาดใหญ่เข้าไป ไม่ห่างจากที่นี่มากเท่าใดนัก
ซุ้มดอกแก้วนี้ ที่คุณหญิงพิมพ์สวาทเป็นผู้นำมาปลูก
และชื่นชอบเป็นพิเศษตลอดชีวิต บัดนี้มันกำลังออกดอกบานสะพรั่ง
เต็มต้นดูสดชื่นงดงามตาเบิกบานหัวใจ ส่งกลิ่นหอมกำจายอบอวล
ในยามค่ำไปทั่วทั้งบริเวณจวน.... กลิ่นดอกแก้วลอยกระจายความหอม
อันมีเสน่ห์ของดอกไม้ไทย ไกลไปจนถึงห้องพักเล็ก ๆ ของเขา
ที่ท้ายตึกคนงานรับใช้ ทางด้านหลังสุดของจวนของท่านผู้ใหญ่ในจังหวัดนี้
"จวน หรือ บ้าน" สถานที่ ซึ่งเขามีบุญได้อยู่อาศัยมา
ตั้งแต่เขามีอายุได้เพียง 8 เดือน จนมีชีวิตเติบโตขึ้นมาได้ถึงวันนี้
ปฐพี รีบถอดรองเท้าผ้าใบเก่า ๆ วางไว้ที่ทางขึ้นบันได
ก่อนจะค่อย ๆ เดินอย่างสำรวม ขึ้นบันไดทีละขั้นไปบนตัวบ้าน
ทรงไทยขนาดกลาง ที่สร้างจากวัสดุครึ่งไม้สักทองครึ่งอิฐแดง
ตามแบบสมัยนิยมของครอบครัวผู้มีฐานะ
และตำแหน่งหน้าที่ใหญ่โตในสังคมยุคนี้
คุณหญิงพิมพ์สวาท เพชรถ่องแท้ หรือ "คุณท่านหญิงฯ"
ที่บ่าวรับใช้ พลพรรคผู้น้อยทั้งหลาย ในจวนแห่งนี้เรียกกัน
กำลังนอนหงายอยู่บนเตียงไม้สักทองขนาดกลาง ใบหน้าของหญิงสูงวัย
อายุ 59 ปี ซูบเซียวลงไปมาก แต่ยังคงเห็นความงดงามจากเค้าโครงเดิม
ของรูปใบหน้า ผมยาวสีน้ำตาลปนเทาถูกรวบไว้ที่ด้านขวาของใบหน้า
มีผ้าห่มแพรผืนไม่ใหญ่นัก ห่มคลุมกายตั้งแต่บนทรวงอกลงมาจนคลุมปลายเท้า
สตรีวัยกลางคนอายุ 54 ปี ซึ่งนั่งพับเพียบอยู่ทางปลายเตียง
หันมาเห็นปฐพี ขณะที่เขากำลังคุกเข่าคลานเข้ามาในห้องนอนใหญ่
ซึ่งตอนนี้ดูเล็กลงไปถนัดตา เพราะมีผู้คนนับสิบคนทั้งยืนและนั่งอยู่ในห้องนี้
" พี พี มาตรงนี้ มาตรงนี้ "
ป้าผ่อง หัวหน้าแม่บ้านคนเก่าแก่ที่สุดอีกคนในจวนของท่านปลัดอาวุโสฯ
เมืองแม่กลอง รีบยกมือขึ้นกวักเรียกให้ชายหนุ่มรุ่นลูก ในทันทีที่มองเห็น
เพื่อให้เขารีบตรงเข้ามาหาเธอ
เมื่อปฐพีเข้าไปถึงปลายเตียงนอนของคุณหญิงพิมพ์สวาท
เขารีบก้มกราบเท้าของคุณหญิงด้วยความเคารพรักและนอบน้อมจากจิตใจ
3 ครั้งอย่างนอบน้อม พร้อม ๆ กับน้ำตาลูกผู้ชายวัยหนุ่มฉกรรจ์
ที่ซึ่งค่อย ๆ ไหลริน ออกมา อย่างเงียบ ๆ
แม้ว่าเขาจะพยายามกัดฟันข่มความรู้สึก หักห้ามอารมณ์ที่ทะลักล้น
มากมายนี้เอาไว้แล้วตามที่ได้รับปากกับลุงเป็ง แต่เขาก็ไม่อาจกลั้น
ข่มน้ำตาแห่งความรักความเศร้าโศกอาลัยอันหนักหน่วงที่สุดในชีวิต
ณ เวลาที่รู้แน่แท้ในอกเงียบๆ.. ว่ากำลังจะต้องบอกลา.....
"ท่านผู้หญิงผู้มีพระคุณสูงสุด บุคคลเพียงคนเดียวในโลก
ของปฐพีซึ่งเขารักและเคารพ ประหนึ่งเป็นมารดาผู้ให้กำเนิด
ชีวิตเขาจริงๆ สุภาพสตรีสูงศักดิ์ผู้งดงามทั้งกายและใจ
ซึ่งเป็นผู้ให้ความรักความเมตตาเลี้ยงดูอุ้มชูเขามา ตลอด 21 ปี"
ไอเย็นฉ่ำละอองเล็ก ๆ ของแอร์คอนดิชั่นในยุค พุทธศักราช 2564
ที่เป็นเทคโนโลยี่อันแสนทันสมัยสำหรับการดำเนินชีวิตแบบชาวพระมหานคร
ลอยมากระทบขอบตาของณนนท์!!! ซึ่งกำลังมีหยาดน้ำตาค่อย ๆ ไหลริน
ออกมาทั้งสองตา....... จนหยดลงเปียกหมอนรองศีรษะและเส้นผมยุ่ง ๆ
ดูเซ๊กซี่ของเขา เขารู้สึกเย็น ๆ เปียก ๆ !! จึงสะดุ้งตื่น!!!!!
จากการนอนหลับสนิท และกำลังตกอยู่ในภวังค์แห่งความฝัน
อันเป็นเรื่องเป็นราวดุจอ่านบทละครที่เขาเองจะต้องแสดงเป็นพระเอก กระนั้น
ณนนท์ ลืมตาในความมืดสลัวของห้องนอน
ที่แสนหรูล้ำเลิศ ตามรสนิยมผู้มีอันจะกินเช่นเขา
เขากระพริบตาถี่ๆ รู้สึกเปียกและเย็น
จึงยกมือขึ้นมาสัมผัสใบหน้า ตรงที่มีน้ำตาเปียกอยู่ของตัวเอง????
" น้ำ!!.... ทำไมเปียก!!....
เปียกอะไร?..... น้ำอะไร... ? "
เขายังปะติดปะต่อสติของตนเอง ระหว่างความเป็นจริงในตอนนี้
กับภวังค์แห่งฝันลึกซึ้งนั้นไม่ได้ เขาค่อย ๆ
สะบัดศีรษะไปมา เบา ๆ เพื่อเรียกสติ
"คุณท่านหญิง?
คุณท่านหญิงพิมพ์สวาท??????
ใครวะ...... ???"
พระเอกละครทีวีสุดฮอต เจ้าเสน่ห์ วัยเลข 4
ที่ยังฟิตเปรี๊ยะ ด้วยความล่ำหล่อ หนุ่มโสดเสน่ห์แรง
ผู้ซึ่งยังคงสามารถขายตนเองในอาชีพพระเอกแถวหน้า
ของวงการบันเทิงไทยได้ต่อไปแบบชิลด์ๆ
เริ่มได้สติ!!!!
เขาจึงลุกขึ้นนั่ง เอามือทั้งสองข้างขยี้หัวตัวเอง ตบหน้าตัวเองไปมาเบา ๆ
แล้วหันไปดูเจ้าโรนัลโด้ ที่นอนถ่างขาอ้าพุงรับแอร์เย็นฉ่ำอยู่พื้นห้อง
ข้างเตียงนอนของเขา อย่างไม่สนใจไยดีต่ออาการของเจ้านายของมัน
ที่ซึ่งกำลังลุกขึ้นนั่งกลางดึกแบบงง ๆ ตามลำพัง (อีกแล้ว...?)
" ฝัน.....? กูฝัน....?
รึว่ากูถอดจิตไปสมัยรัชกาลที่ห้าพึ่งกลับมากันวะเนี๊ย? "
ณนนท์ ดึงผ้าห่มลายปลาโลมาเข้ามากอดแนบอก
อย่างไม่รู้ตัวแทบจะทันทีที่คิด!! เขารู้สึกทุกอย่างผิดปกติ!!
รู้สึกงุนงง ทั้งง่วง ทั้งสงสัยใคร่รู้ และขนลุกชูชัน เหมือนกำลังเจอผีหลอก!!!
ทุกชีวิต เมื่อถึงเวลา ย่อมต้องจากลา
ทว่า มีเพียงหนึ่งสิ่ง ที่อาจจะทำให้ "บางคน"
ยังคงจดจำฉันเอาไว้ได้เสมอ
สิ่งนั้น นั่นก็คือ จินตนาการใต้ปากกา และ ทุกถ้อยคำที่ฉันร้อยเรียง มันเอาไว้ในนิยายของฉัน
ชื่อผู้เขียน : "เพนกวินรักโลมา"