" ..เขาค่อยค่อยก้าวย่างอย่างช้าช้า
มองเบื้องหน้าอย่างคาดคะเนหมาย
ทางที่ท่องใช่จะสะดวกดาย
ต้องปีนป่ายสูงชั้นดั้นลงลึก
..ที่เหนื่อยอ่อนรอนแรมมาหนักหน่วง
ที่ถูกถ่วงบ่าไหล่ได้รู้สึก
มันมิอาจเป็นไปดั่งใจนึก
ทั้งวันคืนดื่นดึกในทางเดิน
..เห็นกลุ่มหมอกขาวหม่นแผ่เป็นม่าน
ดอกไม้บานชูช่อข้างโขดเขิน
นกร่อนเริงฟ้าใส- ไกลเหลือเกิน
ณ เหนือเนินลำเนาเพริศเพราตา
..เห็นสายธารเรื่อยไหลในความเงียบ
ยังเย็นเยียบย่ำไปในดงหญ้า
มองย้อนหลังยังย่านที่ผ่านมา
คือวันวัยเวลาอันแน่นอน
..ทอดความหวังวาบลงตรงพรุ่งนี้
เป็นภาพแต่งแต้มสีแต่เก่าก่อน
จักต้องเห็นเป็นจริงทุกบทตอน
สะกัดเหตุรุ่มร้อนอย่างสุดฤทธิ์
..เพื่อและเพื่อคุณค่าซึ่งเสาะค้น
ได้ส่งผลผ่องผุดสุจริต
เป็นรางวัลมอบไว้ให้ชีวิต
สิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นสร้างด้วยมือคน "
( จาก บทกวี ของ: อาจารย์ประเสริฐ จันดำ )
ขณะที่เท้าทั้งสองของณนนท์ ก้าวตามหลังพระธุดงค์รูปนี้ไปเรื่อยๆ นั้น
พระเอกหนุ่ม ย้อนคิดถึงบทกวีบทหนึ่งในหนังสือที่เขาพึ่งอ่านเมื่อไม่นานมานี้
" ดูเอาเถิด..... นี่ชีวิตของเราจำเป็นต้องมาขออาศัยญาญบารมี
จากพระธุดงค์ผู้ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แน่แท้แล้ว จริงๆ รึนี่? "
เขาถามตัวเองในใจผู้เดียว และมีความรู้สึกเชื่อมั่นอย่างบอกไม่ถูกว่า
: ปริศนาแห่งเหตุการณ์แปลกประหลาดในยามเขานอนหลับสนิทนั้น!!
น่าจะเริ่มมีแสงสว่างให้เขาได้เริ่มเดินคลำทางเพื่อไปพบคำตอบที่แท้จริงของมันจนได้
พระภิกษุผู้เลือกการจาริกเพียงลำพัง ซึ่งเป็นผู้มีความสงบสำรวมอยู่ในทุกอิริยาบท
อย่างน่าเลื่อมใสศรัทธายิ่งนักรูปนั้น เดินไม่ช้าไม่ไวไปเรื่อย ๆ ตามหาดทราย
ลัดเลาะไปจนถึงมุมโค้งของพื้นที่บนเกาะเต่า ที่ซึ่งเป็นเนินเขาลูกเล็ก ๆ
สูงขึ้นไปจากชายหาดที่ทอดยาวสุดลูกตา
ท่านเดินขึ้นไปบนเนินเตี้ยๆ พื้นที่ซึ่งมีต้นไม้ขนาดพอดี ๆ สำหรับห้อยกลด
ที่รวบมัดเอาไว้บนกิ่งอันใหญ่แข็งแรงของต้นไม้อย่างเรียบร้อย โดยบริเวณข้างใต้
กลดของท่านนั้น มีที่นั่งซึ่งปูไว้ด้วยผ้าเก่า ๆ สีกลักทรงสี่เหลี่ยม
เมื่อท่านเดินไปถึงกลดของท่าน ๆ ก็เอ่ยวาจาขึ้น
โดยไม่ได้หันหลังกลับมามองดูผู้ที่เดินติดตามท่านมาตลอดทาง ว่า
" นั่งพักก่อนนะโยม อาตมาขอฉันภัตตาหารก่อน แล้วค่อยสนทนากัน "
ณนนท์ รีบนั่งลงคุกเข่าแล้วพนมมือไหว้ท่าน
อย่างรู้มารยาทที่ดีงามของการเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดี
" เอ่อ.. คงไม่เป็นการรบกวนพระคุณเจ้าใช่ไม๊ขอรับกระผม ? "
พระเอกคนดัง รีบเอ่ยถามอย่างเกรงอกเกรงใจ
" ถ้าเรื่องนั้น มันคือสิ่งที่จะต้องมาหาเรา หลีกหนีไม่พ้น
คำว่ารบกวน ย่อมไม่ใช่เหตุผล มิใช่ดอกรึ! คุณโยม? "
พระสงฆ์ผู้มีจริยาวัตรอันน่าเลื่อมใส ซึ่งคาดเดาอายุของท่าน
จากสายตาไม่ได้รูปนี้ ได้นั่งลงแล้ววางบาตรของท่านไว้ด้านหน้า
ณนนท์ นั่งพับเพียบเรียบร้อยรอ จนกระทั่งพระภิกษุท่านฉันภัตตาหาร
เรียบร้อย หลังการก้มกราบสามครั้ง เมื่อท่านได้ให้พรจบลง
" เอาหละ! คุณโยมมีปัญหาสิ่งใดจะถามก็ถามมาได้ "
พระสงฆ์ เป็นผู้เอ่ยวาจาขึ้นมาก่อน พร้อม ๆ กับจ้องมองมายังชายหนุ่มรูปงาม
ดุจดั่งเทพบุตรกรีกจำแลงกายเพื่อมากราบอยู่ตรงหน้าของท่าน ในบัดนี้
ในดวงตาของท่านผู้เจริญซึ่งมีความสงบ สมถะ สันโดษเป็นเข็มทิศชีวิตอันแน่แท้
มีแววแห่งความรอบรู้หยั่งลึกเข้าไปถึงความคิดในใจของณนนท์
" ขอรับท่าน กระผมฝันแปลกประหลาดมากๆ ขอรับ
ฝันหลายครั้ง ต่างสถานที่ในตอนนอนหลับ เป็นความฝันที่เหมือนความจริงมาก!!
มากจนผมรู้สึกเหมือนไม่ใช่ความฝัน แต่มันคือความจริงของผมจริง ๆ ขอรับ
แล้ว.. เอ่อ! กระผมยังได้มาพบกับ เอ่อ...ผู้หญิงคนนึง!! เมื่อวานนี้เอง
พบเป็นครั้งแรกที่เกาะเต่านี้อีกด้วยขอรับ คือ... พระคุณเจ้า พอจะมีคำแนะนำใด
แก่กระผมหรือไม่ขอรับ? เช่น กระผมควรต้องทำอย่างไรต่อเหตุการณ์ประหลาดนี้ ขอรับ ?"
" จิตของคนเราเป็นพลังงาน พลังงานคือสิ่งที่ไร้ตัวตน
คือไม่มีรูป แต่จิตมีอยู่จริง! และสามารถเดินทางไปไหนมาไหน
ก็ได้.... คุณโยม เชื่อ.. ในสิ่งนี้หรือไม่? "
พระสงฆ์สมณะรูป ผู้ซึ่งเดาอายุขัยที่แท้จริงของท่านได้ยากยิ่งนัก
หากประเมินจากการมองเห็นด้วยสายตาเพราะท่านดูเหมือนผู้อยู่ในวัยกลางคน
ตอนปลายคือประมาณ 45 ถึง 50 ปี แต่เมื่อสบตาของท่าน พร้อมทั้งสังเกตุ
อากัปกิริยาต่างๆ แล้ว ณนนท์แอบคิดเงียบๆ ว่า ท่านอาจจะมีอายุถึง 60 ปี
ขึ้นไปแล้วก็เป็นได้ เนื่องจากท่านดูมีภูมิความรู้เกี่ยวกับเรื่องต่างๆ อย่างลึกซึ้ง
" กระผมเชื่อขอรับ เพราะกระผมชอบอ่านหนังสือและชมภาพยนตร์วิทยาศาสตร์
คำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเอง ล้วนเป็นข้อธรรมะ
ที่สามารถทดลองและพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ได้จริง เช่นกัน
แต่... เรื่องประหลาดที่เกิดขึ้นกับกระผมนี่สิ! ขอรับ
มันหมายความว่า จิตของผมออกเดินทางไปพบเจอสิ่งเหล่านี้จริงๆ
อย่างนั้นดอกหรือขอรับ ท่าน? "
พระเอกหนุ่ม รีบตั้งคำถามที่ค้างคาในใจของตนทันทีที่มีโอกาสพูด
" อาตมาภาพขอตอบว่า เป็นไปได้เช่นนั้น รวมทั้งเป็นการจดบันทึกของจิต
เป็นพันธะสัญญาแห่งจิตจากอดีตชาติ ที่ยังคงหมุนวนอยู่ในวงจร
แห่งสังสารวัฎฏะนี้ จนกระทั่งได้โคจรมาบรรจบกัน ณ ห้วงเวลาที่พอดีกัน "
พระธุดงค์ ผู้มีท่าทางสำรวมสงบนิ่งจนเป็นปกติวิสัยของท่าน มองสบตา
กับสายตาที่กำลังกระหายใคร่รู้ในคำตอบแห่งปริศนาความฝัน หรือที่ท่าน
เรียกมันว่า : เป็นการเดินทางไปมาของพลังงานคือ จิต!!!!
ก่อนที่ ณนนท์จะได้มีจังหวะเอ่ยปากถามท่าน อีกครั้ง สมณะรูป
ผู้น่าเคารพเลื่อมใสอย่างแท้จริงท่านนี้ ก็เอ่ยต่อไปว่า.....
" คุณโยม ไม่ต้องวิตกกังวลใจใดๆ ให้มากนัก
กับสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นและได้พบเห็น อาตมาภาพมีคำแนะนำ
อันไม่เป็นการไปก้าวล่วงต่อเส้นทางแห่งชะตากรรมของผู้ใดในโลกนี้
แก่คุณโยม คือ : ทุกสิ่ง ทุกคน และทุกอย่าง คือสิ่งที่เกิดขึ้นจากพันธะสัญญา
แห่งความรัก ความผูกพัน สายใยแห่งกุศลความดี ที่เคยเกื้อกูลกันมา
ตั้งแต่ชาติก่อนๆ หรือที่เรียกว่า "กรรม ที่เป็นกุศลกรรม " ก็ได้
คุณโยมจะรู้เอง เห็นเอง และตัดสินใจได้เอง เมื่อถึงเวลาที่ทุกสิ่งทุกอย่าง
เกิดขึ้น.. ดำเนินไป.... ตามครรลองที่กรรมกำหนดมาแล้ว นั่นเอง "
ณนนท์ รู้สึกถึงพลังงานซาบซ่าน.... บางพลังงาน!! ไหลซู่ ๆ ๆ ๆ....
ลงสู่ต้นคอ เรื่อยลงไปตามบ่าและลำตัวตลอดร่างกายของเขา
เป็นกระแสของความเย็นระรื่นเหมือนมีสายลมพัด แต่ในบริเวณเนินเตี้ยๆ
ที่เขานั่งพับเพียบพนมมือสนทนากับพระสงฆ์ผู้เจริญ อยู่ขณะนั้น
ไม่มีลมพัดใดๆ เพราะยอดหญ้าเล็กๆ ก็ยังสงบนิ่ง ไม่ไหวติง!!
พระเอกละครทีวีชื่อดัง เจ้าของฉายา: ลมหายใจแห่งเอเชีย
มีคำถามมากมายเหลือเกิน อัดแน่นอยู่ในใจและความคิดของเขา
ที่ซึ่งอยากจะเอ่ยถามขึ้นมา แต่แล้ว!! เมื่อเขาสบตาทั้งคู่ เข้ากับดวงตา
อันสงบนิ่ง สำรวม ดูลึกล้ำ แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยจิตเมตตาธรรมของพระภิกษู
ที่ไม่เคยรู้จักกัน? ไม่รู้แม้กระทั่งชื่อของกันและกัน??
เขากลับพูดไม่ออก.... บอกไม่ได้ อีกต่อไป...???????
ณนนท์ จึงทำได้เพียงการเปลี่ยนท่านั่งเป็นคุกเข่าขึ้น แล้วก้มลงกราบ
พระสงฆ์ผู้เจริญ 3 ครั้ง อย่างเคารพนอบน้อมต่อพระคุณแห่งพระรัตนตรัย
พระคุณเจ้า ผู้นั่งขัดสมาธิอย่างสง่าผ่าเผยรูปนั้น หัวเราะ หึหึ!! ในลำคอ
ดวงตาของท่านมีประกายความเอ็นดูต่อพระเอกคนดัง เสมือนท่านรู้ถึงความคิด
จิตใจข้างในของเขาจนหมดสิ้น แม้ว่าเขาจะไม่สามารถเอ่ยปากออกมาได้อีก
" จงมีสติอยู่เสมอ จงเลือกทำ ในสิ่งที่ถูกต้อง
ไม่เบียดเบียนผู้ใดรวมทั้งตัวเอง เมื่อศีลห้าของตัวเรา
ได้เพียรระมัดระวังและรักษาให้สะอาดบริสุทธิ์ อยู่เสมอ แล้วนั้น
การตัดสินใจใดๆ ในวันข้างหน้า ทุกสิ่ง ขอให้ซื่อสัตย์ต่อจิตใจของตนเอง
ถึงเวลาได้พบ ก็ต้องพบ ถึงเวลาได้เลือกกระทำ ก็ต้องเลือกกระทำ
กาละย่อมไม่เที่ยง หมุนมาแล้ว ย่อมหมุนจากไป
ผู้รู้จักคุณค่าแห่งกาละ ย่อมกล้าคิดตัดสินใจ
ต่อสิ่งที่เราเองสามารถกำหนดให้ดีที่สุดได้ ในภพชาตินี้ เจริญพร "