1 ข้ามมิติรักแท้ทะลุออนไลน์(ภาค 2)- ตอนที่1: สามเดือนก่อน

My love was as cruel as the cities I lived in

Everyone looked worse in the light

There are so many lines that I've crossed unforgiven

I'll tell you the truth, but never goodbye

ความรักที่ผ่านมามันช่างโหดร้ายเหมือนดั่งเมืองที่ฉันอาศัยอยู่

ผู้คนต่างดูแย่ท่ามกลางแสงไฟที่สาดส่อง

หลาย ๆ ครั้งที่ฉันเคยทำผิดพลาดไปอย่างไม่น่าให้อภัย

ฉันจะบอกความจริงกับคุณนะ แต่จะไม่มีวันบอกคำอำลา

I don't wanna look at anything else now that I saw you

I don't wanna think of anything else now that I thought of you

I've been sleepin' so long in a 20-year dark night

And now I see daylight, I only see daylight

ฉันไม่ต้องการมองสิ่งอื่นใดแล้ว เมื่อฉันมองเห็นคุณ

ฉันไม่ต้องการคิดถึงเรื่องใดแล้ว เมื่อฉันคิดถึงคุณ

ฉันตกอยู่ในห้วงราตรีอันแสนมืดมิดมานาน 20 ปี

แต่ตอนนี้ฉันมองเห็นแสงตะวันแล้วนะ ฉันเห็นเพียงแค่แสงตะวัน

Luck of the draw only draws the unlucky

And so I became the butt of the joke

I wounded the good and I trusted the wicked

Clearin' the air, I breathed in the smoke

เวลาเสี่ยงโชคฉันมักจะพบเจอแต่กับความโชคร้าย

เพราะอย่างนั้นฉันจึงกลายเป็นตัวตลกที่ทุกคนหัวเราะเยาะใส่

ฉันทำร้ายคนที่ดีกับฉันแต่กลับไปเชื่อใจคนที่ไม่หวังดี

เพื่อที่จะทำให้อากาศกลับมาบริสุทธ์อีกครั้ง ฉันจำต้องสูดดมควันเข้าไป

Maybe you ran with the wolves and refused to settle down

Maybe I've stormed out of every single room in this town

Threw out our cloaks and our daggers because it's morning now

It's brighter now, now

บางทีคุณอาจจะเคยวิ่งรวมอยู่กับฝูงหมาป่า

และปฏิเสธที่จะปักหลักลงที่ใดสักแห่ง? ตรงนี้เราตีความว่า ผู้ชายคนนี้อาจจะเคยเป็น

คนที่เจ้าชู้มาก่อนและไม่เคยคิดที่จะหยุดชีวิตอยู่ที่ใครค่ะ

บางทีฉันอาจจะเคยเดินออกจากทุก ๆ ห้องในเมืองนี้ด้วยความเกรี้ยวกราด

โยนอาวุธและผ้าคลุมของพวกเราทิ้งเถิดนะ เพราะเวลารุ่งอรุณได้มาถึงแล้ว

ตอนนี้สว่างไสวขึ้นแล้วนะ

I don't wanna look at anything else now that I saw you

(I can never look away)

I don't wanna think of anything else now that I thought of you

(Things will never be the same)

I've been sleeping so long in a 20-year dark night

(Now I'm wide awake)

And now I see daylight (Daylight), I only see daylight (Daylight)

I only see daylight, daylight, daylight, daylight

I only see daylight, daylight, daylight, daylight

ฉันไม่ต้องการมองสิ่งอื่นใดแล้ว เมื่อฉันมองเห็นคุณ

(ไม่สามารถละสายตาจากคุณได้เลย)

ฉันไม่ต้องการคิดถึงเรื่องใดแล้ว เมื่อฉันคิดถึงคุณ

(ทุกสิ่งแปรเปลี่ยนไปตลอดกาล)

ฉันตกอยู่ในห้วงราตรีอันแสนมืดมิิดมานาน 20 ปี

(ตอนนี้ฉันตื่นขึ้นมาแล้วล่ะ)

ตอนนี้ฉันมองเห็นแสงตะวันแล้วนะ เห็นเพียงแค่แสงตะวัน

ฉันมองเห็นเพียงแสงตะวัน

เห็นเพียงแค่แสงตะวัน

And I can still see it all (In my mind)

All of you, all of me (Intertwined)

I once believed love would be (Black and white)

But It's golden (Golden)

และฉันยังคงเห็นภาพทุกอย่างอยู่ในใจของฉัน (ในใจของฉัน )

ทั้งคุณและฉันเราผูกพันกันเป็นหนึ่ง (ผูกพันกันเป็นหนึ่ง)

ครั้งหนึ่งฉันเคยคิดว่าความรักจะเป็นเพียงสีขาวและสีดำ (สีขาวและสีดำ)

แต่มันกลับเปล่งประกายเป็นสีทอง (เป็นสีทอง)

And I can still see it all (In my head)

Back and forth from New York (Sneaking in your bed)

I once believed love would be (Burning red)

But it's golden

Like daylight, like daylight

Like daylight, daylight

และภาพทุกอย่างยังคงชัดเจนอยู่ในความคิดของฉัน (ในความคิดของฉัน )

เดินทางไปและกลับจากนครนิวยอร์ค ( แอบย่องขึ้นไปบนเตียงของคุณ )

ครั้งหนึ่งฉันเคยเชื่อว่าความรักจะแผดเผาและร้อนแรงดั่งสีแดง (ร้อนแรงดั่งสีแดง )

แต่มันกลับเปล่งประกายเป็นสีทอง

เหมือนดั่งแสงตะวัน

I don't wanna look at anything else now that I saw you

(I can never look away)

And I don't wanna think of anything else now that I thought of you

(Things will never be the same)

I've been sleeping so long in a 20-year dark night

(Now I'm wide awake)

And now I see daylight ( I see daylight), I only see daylight (Daylight)

I only see daylight, daylight, daylight, daylight

I only see daylight, daylight, daylight, daylight

ฉันไม่ต้องการมองสิ่งอื่นใดแล้ว เมื่อฉันมองเห็นคุณ

(ไม่สามารถละสายตาจากคุณได้เลย)

ฉันไม่ต้องการคิดถึงเรื่องใดแล้ว เมื่อฉันคิดถึงคุณ

(ทุกสิ่งแปรเปลี่ยนไปตลอดกาล)

ฉันตกอยู่ในห้วงราตรีอันแสนมืดมิิดมานาน 20 ปี

(ตอนนี้ฉันตื่นแล้วล่ะ)

ตอนนี้ฉันมองเห็นแสงตะวันแล้วนะ เห็นเพียงแค่แสงตะวัน

ฉันมองเห็นเพียงแสงตะวัน

เห็นเพียงแค่แสงตะวัน

I only see daylight, daylight, daylight, daylight (Ah)

(And I can still see it all)

I only see daylight, daylight, daylight, daylight

(And I can still see it all, back and forth from New York)

I only see daylight, daylight, daylight, daylight

(I once believed love would be burning red)

ฉันมองเห็นแค่เพียงแสงตะวัน

(และฉันยังคงมองเห็นทุก ๆ อย่าง)

ฉันมองเห็นเพียงแค่แสงตะวัน

(ยังคงจดจำได้ทุก ๆ อย่าง เดินทางไปและกลับจากนครนิวยอร์ค)

เห็นเพียงแค่แสงตะวัน

(ครั้งหนึ่งฉันเคยเชื่อว่าความรักจะแผดเผาและร้อนแรงดั่งสีแดง)

Like daylight

It's golden like golden

You gotta step into the daylight and let it go

Just let it go, let it go

เหมือนดั่งแสงตะวัน

เปล่งประกายเป็นสีทอง

คุณต้องก้าวออกไปสู่แสงตะวันและปล่อยอดีตไป

แค่ปล่อยอดีตไป.. ปล่อยมันไป

I wanna be defined by the things that I love

Not the things I hate

Not the things I'm afraid of, I'm afraid of

Or the things that haunt me in the middle of the night

I, I just think that

You are what you love

ฉันอยากจะถูกนิยามด้วยสิ่งที่ฉันรัก

ไม่ใช่สิ่งที่ฉันเกลียด

ไม่ใช่สิ่งที่ฉันหวาดกลัว

หรือสิ่งที่หลอกหลอนฉันในยามค่ำคืน

ฉันแค่คิดว่า...

คุณคือสิ่งที่คุณรัก

.

.

.

?

( ขอขอบคุณ"ข้อมูลอ้างอิง" จาก แปลเพลง Daylight -ศิลปิน Taylor Swift โดย

cruelsummer // 6th October 2020, 5:30 pm

<font style="vertical-align: inherit;"><font style="vertical-align: inherit;"></font></font>

นิมนิม เปิดเพลงโปรดที่ชื่นชอบจากโทรศัพท์มือถือผ่านสู่หูฟังทั้งสอง ในขณะที่เธอกำลังออกกำลังกายด้วยอุปกรณ์ ณ บึงสวาง ซึ่งเป็นชื่อของอ่างเก็บน้ำขนาดเล็กสถานที่ซึ่งมีทิวทัศน์อันงดงามของอำเภอแห่งนี้ เพลงที่กำลังฟังเพลงนี้.... ทำให้หญิงสาวในวัยย่างสู่อายุ 53 ปีผู้ซึ่งมีผมที่ยาวสลวยสีน้ำตาลโค้กปรกแผ่นหลัง อดประหวัดใจคิดไปถึงดวงตาที่แสนอบอุ่นและอ่อนโยนเสมอของณนนท์ พระเอกหนุ่มโสดเจ้าเสน่ห์แห่งละครทีวีไทย ผู้ซึ่งยังคงสามารถรักษามาตรฐานของรูปร่าง หน้าตา รวมทั้งอุปนิสัยที่ดีเอาไว้ได้อย่างมั่นคง สำหรับการทำงานในแวดวงบันเทิงไทย

ถึงแม้ว่าในปีพุทธศักราช 2566 นี้จะทำให้เขามีอายุย่างเข้าสู่วัย 45 ปีเต็มแล้วก็ตาม

นั่นไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับพระเอกแถวหน้าฟ้าบันเทิงเมืองไทยเช่นเขา

หลังจากที่นิมนิมได้เขียนข้อความส่วนตัวเมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว ส่งไปถึงณนนท์ผ่านอินสตาแกรมส่วนตัวของพระเอกเจ้าเสน่ห์ เธอก็ต้องเผชิญกับสภาพของสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศไทยในยุคที่เชื้อโควิท-19 ได้แพร่กระจายไปทั่วทุกมุมโลกรวมทั้งในเมืองไทยจนทำให้มีผู้คนเจ็บป่วย ติดเชื้อ และล้มตายไปเป็นจำนวนมากในช่วงสามปีติดๆกันมานี้

เพราะครอบครัวของนิมนิมซึ่งได้สูญเสียคุณพ่อและคุณแม่แบบปีชนปีต่อๆกันไปแล้วนั้น มีเสาหลักสำคัญของครอบครัวเหลือเพียง "น้องชายคนเดียวของเธอ"เท่านั้น ผู้ซึ่งทำงานประจำในมหาวิทยาลัยขอนแก่น แล้วยังต้องทำธุรกิจเล็กๆ ที่ลงทุนไม่เกินล้านบาทเพื่อสร้างรายได้เพิ่มให้กับค่าใช้จ่ายจิปาถะของทุกคนในครอบครัว ทั้งนี้ ก็เพราะสามปีที่เกิดการระบาดของเชื้อโควิท-19นั้น "ธุรกิจร้านอาหาร" ซึ่งขายดีที่สุดในอำเภอย่านนี้รวมทั้งมีรายได้ที่ดีมาตลอด 10 ปีของครอบครัวต้องปิดตัวลงเป็นพักๆ จนทุนสะสมเพื่อหมุนเวียนค่อยๆหมดเกลี้ยงไปพร้อมๆกับการทะยอยขายรถยนต์ในบ้านต่อๆกันไป ทีละคันๆ จนรถยนต์ส่วนตัวทั้งรถแวนและรถเก๋งหมดไป 4 คัน!!!!!!

" You gotta step into the daylight and let it go

Just let it go, let it go

คุณต้องก้าวออกไปสู่แสงตะวันและปล่อยอดีตไป

แค่ปล่อยอดีตไป.. ปล่อยมันไป "

นิมนิม ฮัมเพลงท่อนนี้ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทย ในขณะที่ใบหน้าคมคายอ่อนโยนอยู่

เสมอของณนนท์ลอยเด่นชัดอยู่ในใจของเธอ แววตาของหญิงสาววัยกลางคนที่ยังดูอ่อนเยาว์เหมือนหญิงสาวอายุประมาณ 30ปีเศษๆ เริ่มเศร้าหมอง..... เมื่อเผลอปล่อยใจล่องลอยไปกับความคิดในความเป็นจริงที่ย้ำเตือนเธอเสมอมาว่า...

" เขาคงไม่มีวันได้พบเจอกับเราอีกสักครั้ง

ไม่ว่าเราจะรักและคิดถึงเขาคนเดียวมากแค่ไหนก็ตาม เฮ๊อ!!!!!.....

นี่ไงหล่ะ! เหตุผลที่ชั้นกลัวความรัก กลัวที่จะรักใครสักคนแล้วถลำลึกเข้าไป ทุกวันๆ จนจิตใจยอมเป็นทาสแห่งความรัก แล้วก็ต้องพบกับจุดจบอันมิอาจคาดเดา แต่ทำร้ายชีวิตและจิตใจของมนุษย์ได้อย่างแสนสาหัสสากรรจ์ "

นิมนิม พูดในใจตนเองคล้ายๆกับกำลังส่งกระแสของความคิดไปถึงชายหนุ่มวัย44ย่าง45ปี

ผู้ที่เป็นบุรุษหนุ่มโสดเพียงคนเดียวที่อยู่ในความรู้สึกแสนพิเศษของเธอมาตลอดระยะเวลา

2 ปีกว่า

" 我的快乐就是想你 😳❤️

ความสุขของฉันก็คือการคิดถึงคุณ

最好别在见 😢

ดีที่สุด คือการไม่ต้องพบเจอกันอีก

现在 我也不知道我在等谁.

[xiànzài wǒ yě bù zhīdào wǒ zài děng shuí]

ตอนนี้..ฉันก็ไม่รู้ว่าฉันรอใครอยู่.....

如果最后是你

晚一点也没关系

ถ้าตอนสุดท้ายเป็นเธอ

ช้านิดหน่อยก็ไม่เป็นไร "

หญิงสาวค่อยๆ หยุดอุปกรณ์ออกกำลังกายแล้วก้าวออกจากเครื่องเล่นนั้น เพื่อเดินตรงไป

ยังริมฝั่งน้ำของบึง พร้อมๆกับกดหา "คำคมภาษาจีน" 中国语录 ในกูเกิ้ล

เพื่อกดเลือกอ่านบทที่เธอชื่นชอบ เธอเดินช้าๆ ก่อนที่จะหยุดยืนอยู่ใต้ต้นปาริชาติต้นหนึ่ง

ซึ่งเธอสังเกตุเห็นว่ามันมีเพียงต้นเดียวเท่านั้นบนสันบึงแห่งนี้ ตอนนี้ต้นปาริชาติกำลังออกดอกสีส้มอมแดงเข้มบานสะพรั่ง งดงามเหลือเกิน..... งดงามดุจดั่งต้นปาริชาติบนแดนสวรรค์!

ตอนนั้นเธอได้รับอุบัติเหตุครั้งรุนแรงที่สุดในชีวิต!!!! จากการตกรถเมล์ตรงป้ายรถเมล์ กลางถนนที่ด้านหน้าห้างสรรพสินค้าเมเจอร์รัชโยธิน ต่อจากนั้นเธอต้องเข้าแอดมิดในโรงพยาบาลพระนั่งเกล้าจากสาเหตุเลือดคั่งในสมองซีกซ้ายด้านหลังถึงครึ่งซีก!!!! นิมนิมต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลอย่างโดดเดี่ยวเพื่อดูดเลือดที่คั่งในสมองออกจนหมด ในขณะที่ลูกชายวัยยังเด็กมากนักสำหรับการใช้ชีวิตเพียงสามคนในคอนโดย่านท่าน้ำนนท์เพราะแม่นอนป่วยหนักอยู่ในโรงพยาบาล

หลังจากออกจากโรงพยาบาล นิมนิมต้องมานอนพักฟื้นร่างกายตามคำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางสมองแห่งประเทศไทย ในช่วงปลายปีพุทธศักราช 2554 ซึ่งกำลังเกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ที่สุดทั่วบริเวณกรุงเทพมหานครและเมืองปริมณฑลโดยรอบ นิมนิมรู้ตัวเองดีว่า.....ในเวลานั้นเธอเพียงลำพังย่อมไม่สามารถที่จะปกป้องดูแลบุตรชายตัวน้อยวัยประถมทั้งสามคนของเธอได้เอง แต่เป็นลูกๆต่างหากเล่า ที่พยายามทำอาหารง่ายๆ เช่น ทอดไข่ ต้มข้าวต้ม แล้วช่วยกันยกมาป้อนให้แม่ได้กินอาหารบนเตียงนอนในห้องเช่าคอนโดที่อยู่รวมกันสี่คนแม่และลูกๆ

หลังจากนั้น นิมนิมจึงตัดสินใจ "ขอเขียนใบลาออก" จากการเป็นพนักงานระดับผู้บริหารของบริษัท(มหาชน)ซึ่งทำงานด้านการบริหารอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย ในขณะที่เธอกำลังจะได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้ไปดูแลอสังหาริมทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงขึ้นในเมืองที่นักท่องเที่ยวต่างชาติมาพักอาศัย

แล้วเธอก็ตัดสินใจโทรศัพท์ไปขอร้อง "คุณพ่อผู้ให้กำเนิดลูกชายสามคน" เพื่อขอให้เขาขับรถยนต์จากขอนแก่นมานนทบุรี เพื่อรับตัวบุตรทั้งสามคนพร้อมสิ่งของจำเป็นให้ย้ายกลับไปเรียนหนังสือต่อในจังหวัดขอนแก่น เพื่อรอคอยเธอให้สะสางหน้าที่การงานรวมทั้งคดีความที่ประสบอุบัติเหตุในครั้งนี้ให้เรียบร้อย ก่อนที่เธอจะขนย้ายสิ่งของเดินทางกลับไปอยู่ที่ขอนแก่นในบ้านของคุณพ่อคุณแม่ของเธอ หลังจากนั้นเธอจึงได้ไปขอรับตัวบุตรชายทั้งสามจากอดีตสามีเพื่อกลับมาอยู่ด้วยกันสี่คนแม่และลูกๆที่บ้านของคุณตาคุณยายผู้ซึ่งรักและเป็นห่วงหลานชายที่ยังเด็กไม่แพ้ "ผู้เป็นแม่" คือนิมนิม

avataravatar
Next chapter